1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31
ปฏิบัติธรรมไปทำไม มีคนพูดว่า ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้อะไร จริงหรือไม่
11..บทความเรื่อง * ปฏิบัติธรรมไปทำไม มีคนพูดว่า ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้อะไร จริงหรือไม่ * เขียนขึ้นจากความเข้าใจส่วนตัว หลังจากที่ได้ลงมือลงแรงปฏิบัติธรรมมานานมากกว่า 20 ปี บทความนี้ เมื่อท่านที่เข้ามาอ่าน ขอให้อ่านด้วยปัญญา อย่าได้เชื่อ แต่ขอให้ใช้ปัญญาพิจารณา แล้ว พิสูจน์ด้วยตนเองต่อไป 22...สภาพของคนทั่วไปทีเป็น ปุถุชน เป็นอย่างนี้กันหมด ในพระไตรปิฏก ได้เขียนถึง พุทธอุทาน เมื่อ เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ขอให้อ่านเรื่องนี้ก่อน เจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้อะไรในคืนวันตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ที่ link https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=12-2019&date=16&group=17&gblog=182 พระพุทธองค์ได้ทรงค้นพบรากเหง้าของความทุกข์ว่า ขันธ์ 5 นั้นเป็นทุกข์ เมื่อ จิตเข้าไปยีดติดกับขันธ์ 5 เข้า จิตก็จะเป็นทุกข์ไปด้วย แล้วทำให้ คนเราเป็นทุกข์ตามจิตที่ไปยีดขันธ์ 5 ไปด้วย ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่อง การยีดติดในขันธ์ 5 แล้วทำให้เกิดทุกข์ เรื่องมีดังนี้ . สมมุติว่า คุณเป็น ผู้หญิง แต่งงานแล้ว คุณกำลังทำงานอยู่อย่างสบายใจทีเดียวในสำนักงาน เรียกว่า กำลังมีความสุข แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา เป็นสายจากเพื่อนของคุณนั่นเอง เพื่อนของคุณบอกว่า ตอนนี้ เธอกำลังอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนี่ง และ เธอได้เห็น สามีของคุณเดินจับมือกับผู้หญิงคนหนี่งอยู่ในห้างนี้เช่นกัน พอคุณได้ยินเรื่องนี้ ความสุขที่กำลังมี ก็กลายเป็นทะเลเพลิงเกิดในอก มันช่างรุ่มร้อนขึ้นมาทันที .... ใจก็คิดว่า เย็นนี้เฮอะ จะได้เห็นดีกัน ท่านทีเข้ามาอ่านเห็นไหมครับ เพียงฟังเสียงจากโทรศัพท์เท่านั้น สุขที่กำลังมีอยู่ ก็หายไปทันที กลายเป็นความทุกข์ระทมเกิดขึ้นทันที และก็ไม่สามารถจะหยุดความทุกข์นี้ได้เสียด้วย ต้องปล่อยให้ทุกข์ค้างคาอยู่อย่างนี้แหละไปอีกหลายชั่วโมง อาการแบบนี้ คือ การยีดติดของจิตที่ไปยีดติดกับขันธ์ จากในตัวอย่างนี้ ขันธ์คือ การปรุงแต่งที่เกิดในจิตใจ เพียงได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ การปรุงแต่งก็เกิดขึ้นแล้ว ปัญหามีอยู่ว่า ทำไมเมื่อคนเราเกิดทุกข์ใจ จึงไม่สามารถสลัดความทุกข์ใจออกไปเสียได้โดยง่าย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ความทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดีเลย แต่ก็ยังแบกทุกข์ให้ติดค้างเป็นอารมณ์ค้างอยู่อย่างนั้นเสียนาน พอนาน ๆ ไป ทุกข์อาจละคลาย แต่ถ้านึกถึงเรื่องนี้เมื่อใด ทุกข์ก็จะกลับมาได้ใหม่ทันทีและก็ค้างอยู่นาน ๆ อีก วนเวียนแบบนี้ไปจนกว่าจะตายไปจากโลกใบนี้ 33..พระพุทธองค์ได้ทรงค้นพบว่า การที่คนเราใจยังยึดติดได้อยู่ ทุกข์ก็จะเกิดแล้วค้างคาในใจอยู่เช่นนี้กันทุกคนไป แล้ว พระพุทธองค์ก็ได้ทรงค้นพบวิธีทางที่จะทำให้คนสามารถตัดอาการทุกข์ที่ค้างคาใจออกไปได้ ซี่ง มีชื่อเรียกว่า สติปัฏฐาน 4 การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 นี้ ถ้าทำอย่างถูกต้องตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ คนที่ปฏฺิบัติ จะเกิดการพํฒนาขึ้นของกำลังจิต ซึ่งในตำราเรียกว่า การมีสติสัมปชัญญะที่มีกำลังเพิ่มมากขึ้น สติสัมปชัญญะที่เพิ่มมากขึ้น มีประโยขน์อย่างไร ขอให้ดูภาพก๊อกน้้าที่ขึ้นสนิมนี้ประกอบ ก๊อกน้ำที่ขึ้นสนิม สนิมเหล็กได้จับแน่น ทำให้การหมุนของก๊อกน้ำทำไม่ได้ ถึงเราจะออกแรงหมุนอย่างไร ก็หมุนไม่ไป การติดค้างเพราะสนิมเหล็กจับตัวในก๊อกน้ำ ก็เปรียบเหมือนกับ การยึดติดของจิตในขันธ์ 5 ขอขอบคุณภาพจาก https://www.mrkitchenfaucets.com/how-to-loosen-a-corroded-water-valve/ . การปฏิบัติสติปัฏฐานที่ถูกต้องตามคำสอน จะทำให้ ตัวจิตมีสติสัมปชัญญะมากขึ้น สติสัมปชัญญะทีมากขึ้นนี้เอง ก็จะเหมือนการเพิ่มแรงต้านทานการยึดติดในขันธ์ของตัวจิต ถ้าสติสัมปชัญญะ มีพลังมากพอ ถ้าเกิดการยึดติดของจิตขึ้น สติสัมปชัญญะนี่แหละ จะต้านทานการยีดติดได้ ถ้าเป็นก๊อกน้ำที่ขึ้นสนิม ตัวเราก็มีแรงมากพอที่จะหมุนก๊อกน้ำนี้ได้ ...ยิ่งปฏิบัติสติปัฏฐานไปมาก ๆ เข้า กำลังสติสัมปัชัญญะก็ยิ่งมีมากขึ้น การต่อสู้กับการยึดติดในขันธ์ 5 ก็ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับของการมีสติสัมชัญญะที่มีพลัง **นี่คือ ผลของการปฏิบัติธรรมที่จะได้พบเป็นอย่างแรก เมื่อได้ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง 44...ท่านเคยเล่นเกมส์มือถือหรือเกมส์เครื่องคอมพิวเตอร์ไหมครับ ถ้าท่านเคยเล่น ท่านจะพบว่า ในเกมส์ใหม่ๆ ที่ท่านเพิ่งเล่น ท่านจะเล่นแพ้ หรือ ตายในเกมส์อยู่เสมอ แต่ถ้าท่านไม่ท้อ ท่านเล่นต่อไปอีก ท่านจะพบหลัก หรือ เทคนิคที่จะทำให้ชนะได้ หรือ ตายในเกมส์ได้ยากขึ้นได้ การปฏิบัติสติปัฏฐาน ก็เช่นกัน ยิ่งท่านได้ลงมือปฏิบัติ พบทุกข์ใจแล้วก็สามารถชนะการยึดติดในทุกข์ได้บ่อย ๆ ท่านจะพบความจริงและเกิดความรู้ขึ้นมาได้ว่า ทุกข์นั้นเกิดมาได้จากเหตุใด อาการก่อนที่ทุกข์จะเกิดนั้นเป็นเช่นใด ถ้าท่านพบความจริงนี้ได้ ก็จะเรียกว่า ปัญญาได้เกิดขึ้นแก่ท่านแล้ว ถ้าท่านยังคงปฏิบัติสติปัฏฐานต่อไปอีก ปัญญาที่ท่านจะได้พบจากทุกข์และการหลุดออกจากทุกข์ ก็จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ท่านจะพบกับเทคนิคของท่านเองว่า จิตของท่าน ถ้ามีสติอยู่อย่างนี้ในสติปัฏฐาน จิตท่านจะไม่เป็นทุกข์อีกเลย ถ้าท่านพบเทคนิคนี้ได้ ก็จะเรียกว่า ท่านได้พบกับนิพพานเข้าแล้ว ท่านพบนิพพานแล้ว ท่านเข้านิพพานเป็น ท่านก็จะไม่ทุกข์ 55...เรื่อง นิพพาน เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เชื่อได้ยากว่าจะเป็นจริงได้ แต่ถ้าท่านไม่ลงมือปฏิบัติสติปัฏฐานอย่างถูกทางตามคำสอน ก็ไม่มีทางที่จะ พบนิพพานได้อย่างแน่นอน **การพบกับ นิพพาน และ เข้านิพพาน เป็น นี่คือ ผลที่ได้ที่เป็นขัันสูงสุดในการปฏิบัติธรรมแล้ว 66...เมื่อท่านได้อ่านมาถึงตรงนี้ ขอให้ทานคิด พิจารณาและตอบคำถามด้วยตนเองว่า ** การปฏิบัติธรรม แล้ว ไม่ได้อะไรจริงหรือไม่ ** การพบธรรมะ ได้ ไม่ต้องปฏิบัติธรรมจริงหรือไม่ ขอให้ท่านพิจารณาเงียบ ๆ ไม่ต้องกระโตกกระตากออกไปให้คนอื่นรับรู้เรื่องราวของท่าน เพราะถ้าทานกระโตกกระตากออกไปนั้นคือ ท่านกำลังหลงไปกับเล่ห์เหลียมของมารแล้ว นิพพาน นั้น จะเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากแต่อย่างใด
Create Date : 02 มีนาคม 2565
Last Update : 7 กรกฎาคม 2565 13:27:50 น.
0 comments
Counter : 455 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****