#ถอดรหัสหาหุ้นเติบโต ... “กระแสเงินสดของหุ้นการเงิน”
.
หุ้นกลุ่มการเงินเป็นหุ้นที่หากเราลงทุนเป็นจะสามารถ “ทำเงิน” ได้ไม่ยาก แม้ในระยะยาวหุ้นกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงเมื่อเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ กลุ่มนี้มักจะโดนก่อนเพื่อน แต่ในยามที่เศรษฐกิจกลับเป็น “ขาขึ้น” กลุ่มนี้จะมาแรง และรวดเร็วกว่ากลุ่มอื่น และนั่นทำให้นักลงทุนหลายคนสนใจหุ้นกลุ่มนี้
.
คำถามที่มักพบบ่อยสำหรับคนที่ลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ก็คือ “ทำไมกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารติดลบทุกปี” และนั่นคือที่มาของคำตอบ ดังต่อไปนี้
.
ประการแรก “ทำไมกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารติดลบทุกปี”
.
หุ้นกลุ่มธนาคารนั้นเป็นหุ้นที่ทำรายได้จากการ “ปล่อยสินเชื่อ” หรือปล่อยเงินกู้ หากมีการเติบโตของสินเชื่อมาก ๆ ก็ยิ่งต้องปล่อยกู้ออกไปมาก จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “เงินไหลออก” เมื่อเงินไหลออกไปมากกระแสเงินสดจึงต้องติดลบเป็นธรรมดา
.
โดยปกติแล้วธนาคารเป็นธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร โดยจะกู้ยืมเงินมาทำรายได้ และกำไร หนี้สินของหุ้นกลุ่มนี้ต้องเยอะเป็นพิเศษ เป็นเรื่องธรรมดา และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ยามเกิดวิกฤต กิจการที่มีหนี้สินเยอะจะต้องประสบปัญหาหนักก่อนใครเพื่อน
.
จากตำราหลายเล่มมองว่า หุ้นกลุ่มนี้ถ้า ROA หรือ ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์มากกว่า 1% ก็ถือว่าดีแล้ว โดยสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของธนาคาร คือ เงินฝาก และลูกหนี้ ทำให้ธนาคารต้องถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวด
.
แนวโน้มการเติบโตของหุ้นกลุ่มนี้จะอิงกับภาวะเศรษฐกิจเสียส่วนใหญ่ นั่นคือ เศรษฐกิจดีหนี้เสียน้อย มีการเติบโตของสินเชื่อกิจการก็เติบโต ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีหนี้เสียเยอะขึ้น การปล่อยสินเชื่อยากขึ้น กิจการก็หดตัว ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นวัฏจักรแบบนี้
.
ประการที่สอง “การวิเคราะห์งบการเงินในกลุ่มธนาคาร”
.
สำหรับการวิเคราะห์งบการเงินในกลุ่มนี้ เราควรดู “งบกำไร ขาดทุน” เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารในระบบที่ถูกกำกับโดยธนาคารกลางแห่งประเทศไทย เรื่องงบกำไร ขาดทุน อนุมานได้เลยว่า เชื่อถือได้ ยิ่งธนาคารที่ประกอบกิจการมายาวนาน ก็ยิ่งน่าเชื่อถือในความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
.
โดยหลักการเราต้องดูโครงสร้างรายได้ว่ารายได้มาจากอะไรบ้าง ส่วนใหญ่รายได้ธนาคารจะมาจาก “ดอกเบี้ย” ที่เก็บได้จากลูกค้า และดูว่าส่วนต่างระหว่าง ดอกเบี้ยรับ – ดอกเบี้ยจ่าย เป็นเท่าไหร่ ส่วนต่างนี้เขาเรียกว่า NIM
.
NIM เป็นตัวเลขที่นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารกล่าวถึงบ่อยๆ บางทีก็เรียกว่า Spread คือส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้และรายจ่ายดอกเบี้ยให้ผุ้ฝากเงิน โดยจะคำนวนเป็นเปอร์เซ็นต์ เทียบรายได้ดอกเบี้ยกับสินเชื่อ และรายจ่ายดอกเบี้ยกับยอดเงินฝาก - Net Interest Margin (NIM)
.
อย่างไรก็ตาม ธนาคารที่มี NIM สูง ไม่ได้หมายความว่าเขาเก่งเสมอไป การที่ NIM สูงอาจมาจากการปล่อยกู้ได้ดอกเบี้ยสูง ซึ่งแน่นอนว่ามีความเสี่ยงสูงตามมาด้วย โดยกิจการที่มี NIM สูง ๆ มักได้แก่พวก Non-Bank ที่ปล่อยกู้สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อส่วนบุคคล พวก #SAWAD#MTC #ML #AEONT #KTC เป็นต้น
.
ประการสุดท้าย “สิ่งที่ต้องติดตามก็คือตัวเลข NPL”
.
NPL หรือ Non-Performing Loan เรียกง่ายๆว่า มันคือ เงินให้สินเชื่อที่ค้างชำระเงินต้น หรือที่เรียกกันว่าหนี้เสีย แล้วมันเกิดจากอะไรมันมาได้อย่าง NPL เกิดจาก สภาพรวมของตลาดภายในประเทศทุกภาคส่วนจึงทำให้เกิด ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ที่มีรายได้น้อย หรือเรียกง่ายๆว่า เงินให้สินเชื่อที่ค้างชำระเงินต้นจนลูกหนี้ไม่สามารถชำระได้
.
ตัวเลขนี้สำคัญมาก เพราะธนาคารจะปล่อยสินเชื่อโดยที่ตัวธนาคารเองจะมีทุนแค่ 1 ส่วน แต่ไปกู้เงินคนฝากมา 9 ส่วน เพื่อปล่อยสินเชื่อ 10 ส่วน ถ้าธนาคารปล่อยสินเชื่อแล้วเกิดเป็นหนี้เน่า 5% ก็เท่ากับว่าทุนของธนาคารหายไปแล้ว 50% เพราะตัวธนาคารก็ต้องชดใช้ส่วนที่เสียหายนี้ด้วยทุนของตัวเอง
.
ข้อสรุปก็คือ ... กระแสเงินสดของหุ้นกลุ่มการเงิน การธนาคารมักจะ “ติดลบ” เนื่องจากต้องเติบโตด้วยการปล่อยหนี้ออกไปจากธนาคาร (เงินไหลออก) สิ่งที่ต้องติดตามก็คือ การดูงบกำไร ขาดทุน โดยดูที่โครงสร้างรายได้ ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับ และดอกเบี้ยจ่าย และต้องติดตามหนี้เสียของกิจการเป็นระยะ ๆ นั่นเองครับ

.
.
#แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ ... "พลิกหินหาหุ้น ด้วยกระแสเงินสด"
.
คอร์สนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือนักลงทุนที่ลงทุนมาระยะ 1-2 ปีนะครับ
.
https://www.skilllane.com/courses/Unlock-Stock-Cash-Flow
.
ใครสนใจเข้าร่วมกลุ่ม "ถอดรหัสหาหุ้นเติบโต" add เข้ากลุ่มได้ที่นี่เลยครับhttps://www.facebook.com/groups/781681738849907/
.
หรือติดตามผ่านช่องทางยูทูปที่https://www.youtube.com/chan…/UCcQxvgiObaaA2DI3UOqrXZw/feed…
.
และสามารถอ่านบทความนี่น่าสนใจได้ที่นี่ https://www.topofliving.com/นายแว่นลงทุน
.
#นายแว่นลงทุน