กรกฏาคม 2560

 
 
 
 
 
 
3
4
5
6
8
9
11
12
13
15
16
17
19
20
24
25
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
(แปลเพลงที่ใช่ by design) 5+1 เพลงตะลึงพรึงเพริดสุดสดิ้ง จาก Sing ร้องจริงเสียงจริง










     ตลอดชีวิตที่ดูแอนิเมชั่นมาหลายปี ค่าย Illumination สร้างผลงานที่เด่นดังปังเวอร์มาแล้ว 8 เรื่อง แต่ละเรื่องคุณภาพคับแก้ว ดูรอบเดียวไม่เคยพอจริงๆ “ความหรรษา” เป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้แอนิเมชั่นค่ายมินเนี่ยนออกแขกแห่งนี้นั่งอยู่ในใจคอแอนิเมชั่นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น งานตระกูลมิสเตอร์แสบฯ, Hop (แอนิเมชั่นผสมคนแสดง แม้เสียงวิจารณ์จะไม่ดี แต่เปิดตัวบ็อกซ์ออฟฟิศเป็นอันดับ 1), Dr. Suess’ The Lorax (แอนิเมชั่นสอนคนให้รักต้นไม้ ที่นำนิทานชั้นครูมาปรับรสชาติให้ทันสมัย), The Secret Life Of Pets และ เรื่องที่ผมกำลังจะพูดในวันนี้ แอนิเมชั่นเรื่องที่ 7 ของค่ายฯ “Sing” หรือชื่อภาษาไทย “ร้องจริงเสียงจริง”
     เป็นเรื่องราวของโคอาล่าหนุ่ม “บัสเตอร์ มูน” เจ้าของโรงละคร “มูนเทียเตอร์” ที่กำลังถังแตก คิดฟึ้นฟูกิจการให้กลับมาโด่งดังอีกครั้งด้วยการ “ประกวดร้องเพลง” โดยมีเงินรางวัล $100,000 เป็นเดิมพัน (อันเนื่องมาจาก….) จะสนุกขนาดไหนละเนี่ย
     ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนนี่ไม่ธรรมดาเพียงเสียงร้อง แต่มีพื้นเพที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น กอลิล่าหนุ่มผู้มีพ่อเป็นโจร “จอห์นนี่”, แม่หมูลูกดก “โรสิตา”, เม่นสาวขาร็อก “แอช”, หนูสายแจ๊ส “ไมค์”, ช้างสาวขี้อาย “มีน่า”, และเจ้าหมูเท้าไฟ “กุนเทอร์” ไม่ธรรมดาทั้งนั้น
     หมัดเด็ดของแอนิเมชั่นเรื่องนี้คือ “บทเพลง” เป็นจักรสำคัญของการดำเนินเรื่องให้สนุกสนานสไตล์ Illumination แน่นอนว่ามีบทเพลงทุกยุคทุกสมัยเป็นจำนวนมาก
     นอกจากนี้ “อารมณ์” ก็เป็นจุดสนใจของหนังเช่นเดียวกัน เพราะภูมิหลังของตัวละครแตกต่างกัน การแสดงออกจึงแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโรสิตา ที่รู้ตัวว่าผ่านออดิชั่น จึงต้องทำอุปกรณ์กลไกแม่บ้าน เลี้ยงดูสามี (นอร์แมน) และลูกๆทั้ง 25 ชีวิต (นางทำอุปกรณ์นี้เสร็จในคืนเดียว ชอบฉากนี้มาก) หรือจอห์นนี่ ที่มีพ่อเป็นโจร ต้องเลือกว่าจะทำตามฝันตัวเอง หรือทำตามแผนของพ่อ (ทั้งๆที่ผิดกฎหมาย)
     แม้ว่าฉบับพากย์ไทย จะไม่มีการแปลเพลงให้เราได้ฟัง (เหมือนกับหนังของค่าย Disney บางเรื่องที่มีเพลงร้อง โดยมี ธานี พูนสุวรรณ เป็นผู้แปลเนื้อร้องภาษาไทย) แต่ทีมพากย์ไทยทำหน้าที่ได้ดี และนี่คือรายชื่อนักพากย์ไทย เท่าที่ผมทราบเพียงบางส่วน มีดังต่อไปนี้

นิมิตร ลักษมีพงศ์ – บัสเตอร์ มูน
กริน อักษรดี - บ๊อบบี้ (เจ้าแกะที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้ามูน)
นิรมล กิจภิญโญชัย – มิสครอว์ลี่ (ลูกตาของฉันอยู่ไหน)
นภัสวรรณ์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา - โรสิตา
ปิยะ ชำนาญกิจ - นอร์แมน (สามีของโรสิตา)
จักรรัตน์ ศรีรักษ์ – กุนเทอร์
ชิดชนก แย้มมา - แอซ
นนท์ ศรีโพธิ์ – แลนซ์ (อดีตรักของแอซ)
สุชัญญ์ญา นรปฏิพัทธิ์ (ครูบี AF) - มีน่า
ฯลฯ

กำกับเสียงพากย์ – สรรเสริญ โภคสมบัติ
ผู้แปลบท – ธนัชชา ศักดิ์สยามกุล (ผลงานแปลแอนิเมชั่นค่ายมินเนี่ยนออกแขกที่พี่พัชชาแปล ได้แก่ Hop, The Lorax และ The Secret Life Of Pets ซึ่งเรื่องPetsเธอแปลเฉพาะบทบรรยายเท่านั้น)

-------
เข้าสู่บทเพลงกัน
     บล็อกนี้ จะเป็นการแปลเพลงเอกทั้ง 6 เพลงที่คุณจะได้ยินในช่วงท้ายๆของหนัง การันตีว่าได้บรรยากาศเหมือนดูคอนเสิร์ตเลยทีเดียว และนี่คือ
“5+1 เพลงตะลึงพรึงเพริดสุดสดิ้ง จาก Sing ร้องจริงเสียงจริง”
***
5 เพลงแรกแปลเมื่อ 11 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2560
เพลงที่ 6 แปลเมื่อ 3-4 กรกฎาคม 2560
เรียบเรียงเมื่อ 7 กรกฎาคม 2560
***
-

Shake It Off เพลงดังขั้นเทพของ Taylor Swift ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม 1989 (อ่านว่า ไนน์ทีน ไนน์ตี ไนน์ ซึ่งเป็นปีเกิดของเธอ) เมื่อปี 2557 เป็นผลงานการแต่งเพลงร่วมกันระหว่าง Max Martin (ผู้แต่งเพลงแจ้งเกิดของขุ่นแม่หอก …Baby One More Time), Shellback (เจ้าของงานแต่งเพลงฮิต One More Night ของ Maroon 5) และเธอเอง
เนื้อหาว่าด้วยสาววัยรุ่นที่โดนคนรักเก่าสะบัดเชิดใส่ไม่ใยดี แต่นางคนนี้กลับสะบัดออกไปไม่แคร์อดีตจนหมดสิ้น เพลงนี้สนุกครับ MV ก็โดนใจ เป็นสไตล์เชียร์ลีดเดอร์สาวๆ ที่ต่างโชว์ลีลาการเต้นไม่ยั้ง
I stay out too late got nothing in my brain...
ฉันนอนดึกมากไป หัวฉันไม่มีอะไร
That's what people say, mmm-mmm (x2)
คือสิ่งใครเขาพูดกัน อึม อึม (x2)
I go on too many dates but I can't make them stay
ฉันออกเดทมากไป แต่เขาก็ตีจากไกล
At least that's what people say, mmm-mmm
อย่างน้อยคือใครเขาพูดกัน อึม อึม
That's what people say, mmm-mmm
คือสิ่งใครเขาพูดกัน อึม อึม

* But I keep cruising can't stop, won't stop moving
แต่ฉันล่องเรือไปไม่หยุด ไม่หยุดพายไป
It's like I got this music in my mind
เปรียบดั่งฉันมีเพลงบรรเลงในจิตใจ
Saying, "It's gonna be alright."
บอกเอาไว้ว่า "ไม่เป็นอะไร"
** 'Cause the players gonna play, play, play, play, play
เพราะว่าพวกเจ้าชู้น่ะ ชอบเล่นหูเล่นตา
And the haters gonna hate, hate, hate, hate, hate
พวกคนยี้ก็พาลพากัน เกลียดชัง เกลียดชัง
Baby, I'm just gonna shake, shake, shake, shake, shake
ที่รัก ฉันกำลังจะ สะบัด สะบัด ไป
I shake it off, I shake it off
สะบัดออกไป สะบัดออกไป
Heart-breakers gonna break, break, break, break, break
พวกคนหักอกน่ะ ทำใจช้ำจนพัง
And the fakers gonna fake, fake, fake, fake, fake
พวกคนใจไม่จริงน่ะ เสแสร้ง จอมปลอม
Baby, I'm just gonna shake, shake, shake, shake, shake
ที่รัก ฉันกำลังจะ สะบัด สะบัด ไป
I shake it off, I shake it off
สะบัดออกไป สะบัดออกไป

I never miss a beat I'm lightning on my feet
ไม่พลาดจังหวะเท้า ที่สายฟ้ามอบให้มา
And that's what they don't see, mmm-mmm
นั่นแหละสิ่งที่เขาไม่เห็น อึม อึม
That's what they don't see, mmm-mmm
นั่นแหละสิ่งที่เขาไม่เห็น อึม อึม
I'm dancing on my own (dancing on my own)
เต้นแร้งเต้นกาคนเดียว (ฉันเต้นรำคนเดียว)
I make the moves up as I go (moves up as I go)
ก้าวเท้าโยกย้ายตามที่ฉันทำ (โยกย้ายตามฉันทำ)
And that's what they don't know, mmm-mmm
นั่นสิ่งที่เขาไม่รู้ อึม อึม
That's what they don't know, mmm-mmm (*,**)
นั่นสิ่งที่เขาไม่รู้ อึม อึม (*,**)

*** Shake it off, I shake it off,
สะบัดออก สะบัดออกไป
I, I, I shake it off, I shake it off, (x2)
ฉัน ฉัน สะบัดออกไป สะบัดออกไป
Hey, hey, hey...
เฮ้ เฮ้ เฮ้
Just think while you've been getting down and out about the liars and the dirty, dirty cheats of the world,
แค่ครุ่นคิดขณะเธอต่ำต้อยเพราะคำลวงหลอกและกลโกงสกปรกโสโครกในโลก
You could've been getting down to this sick beat.
เธอน่ะควรเต้นรำตามจังหวะโดนใจ

My ex-man brought his new girlfriend
คนรักเก่าควงแฟนสาวคนใหม่
She's like "Oh, my god!" but I'm just gonna shake.
โอ้คุณพระ นางชอบเขา แต่ฉันเชิดใส่
And to the fella over there with the hella good hair
ไม่สนใจพ่อชายหล่อเฟี้ยวฟ้าวกับทรงผมสุดไฉไล
Won't you come on over, baby? We can shake, shake, shake
แล้วเธอไม่มามันกันหน่อยล่ะ เราน่ะสะบัดออกไป

'Cause the players gonna play, play, play, play, play
เพราะว่าพวกเจ้าชู้น่ะ ชอบเล่นหูเล่นตา
And the haters gonna hate, hate, hate, hate, hate
พวกคนยี้ก็พาลพากัน เกลียดชัง เกลียดชัง
Baby, I'm just gonna shake, shake, shake, shake, shake
ที่รัก ฉันกำลังจะ สะบัด สะบัด ไป
I shake it off, I shake it off
สะบัดออกไป สะบัดออกไป
Heart-breakers gonna break, break, break, break, break
พวกคนหักอกน่ะ ทำใจช้ำจนพัง
And the fakers gonna fake, fake, fake, fake, fake
พวกคนใจไม่จริงน่ะ เสแสร้ง จอมปลอม
Baby, I'm just gonna shake, shake, shake, shake, shake
ที่รัก ฉันกำลังจะ สะบัด สะบัด ไป
I shake it off, I shake it off
สะบัดออกไป สะบัดออกไป

*** Shake it off, I shake it off,
สะบัดออก สะบัดออกไป
I, I, I shake it off, I shake it off, (x2)
ฉัน ฉัน สะบัดออกไป สะบัดออกไป (***,***,***)

--

I’m Still Standing เพลงดังอีกเพลงของ Elton John เจ้าของเพลงดังอย่าง Your Song, Crocodile Rock, Candle in the Wind (เพลงรำลึก มาริลิน มอนโร วางแผงเมื่อปี 2516 อีก 24 ปีต่อมา เขาเขียนเนื้อใหม่เพื่อแสดงความอาลัยแด่ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์) วางแผงครั้งแรกเมื่อปี 2525 ด้วย MV ที่ออกฉายในช่วงแรกๆของ MTV ที่เป็นของใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เพลงนี้ติดอันดับ 1, 4 และ 12 ในอันดับเพลงของแคนาดา (RPM) พ่วงกับ สวิตเซอร์แลนด์ (Schweizer Hitparade) , อังกฤษ (UK Singles), และอเมริกา (Billboard Hot 100) ตามลำดับ

- You could never know what it's like

เธอคงไม่รู้ว่าเปรียบปานอะไร

Your blood like winter freezes just like ice

เลือดเนื้อเธอเหมือนน้ำแข็งหนาวเย็น

And there's a cold lonely light that shines from you

ที่นั่นมีแสงเย็นเดียวดายฉายจากกายเธอ

You'll wind up like the wreck you hide behind that mask youuse

เธอคงลงเอยด้วยสวมหน้ากากซ่อนปราชัยที่ซ่อน

And did you think this fool could never win

และเธอคิดไหมว่าโฉดไม่กำชัย

Well, look at me, I'm a-coming back again

จงมองดูฉัน ฉันน่ะกลับมาอีกครั้ง

I got a taste of love in a simple way

ฉันลิ้มรสรักในแบบง่ายๆ

And if you need to know while I'm still standing you just fadeaway

ถ้าเธออยากรู้ขณะฉันยืนขึ้นอยู่เธอคงหายหัวไป

* (Don't) you know I'm still standing betterthan I ever did

เธอรู้(ไหม) ฉันยังยืนอยู่ดีกว่าที่ฉันเคยทำมา

Looking like a true survivor, feeling like a little kid

เปรียบดั่งผู้รอดตายตัวจริงรู้สึกเหมือนเป็นเด็กตัวน้อย

I'm still standing after all this time

ฉันยังยืนอยู่ หลังเวลาเลยไป

Picking up the pieces of my life without you on my mind

เก็บเศษเสี้ยวมากมายของชีวิตฉันเมื่อดวงใจไม่มีเธอ

I'm still standing. Yeah, yeah, yeah

ฉันยังยืนอยู่ เย เย เย

I'm still standing. Yeah, yeah, yeah

ฉันยังยืนอยู่ เย เย เย

- Once I never could hope to win

ครั้งหนึ่งฉันไม่หวังจะกำชัย

You starting down the road leaving me again

เธอเริ่มอนาคตด้วยตีจากฉันอีกครั้ง

The threats you made were meant to cut me down

คำเธอข่มขู่กะจะทำฉันเจ็บใจ

And if our love was just a circus you'd be a clown by now (*,*)

และถ้ารักเราเป็นละครสัตว์เธอคงเป็นตัวตลก (*,*)

- I'm still standing. Yeah, yeah, yeah

ฉันยังยืนอยู่ เย เย เย

I'm still standing. Yeah, yeah, yeah

ฉันยังยืนอยู่เย เย เย

---

Set It All Free เพลงที่แต่งใหม่โดยเฉพาะ ในท้องเรื่องแอซแต่งเพลงนี้เอง (เสียงแอซต้นฉบับคือ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) แต่งเพื่อให้กำลังใจให้คนที่รักไม่สมหวัง ให้ทิ้งความหลังนั้นไป แล้วปล่อยเป็นเสรี จริงๆแล้ว เป็นงานต่างเพลงของ Dave Bassett

- I followed my heart into the fire

ฉันตามหาดวงใจของฉันกลางกองไฟ

Got burned, got broken down by desire

แรงปรารถนาเผาใจไหม้จนพัง

I tried, I tried but the smoke in myeyes

ฉันพยายามแต่ควันเข้าตาบดบัง

Left me blurry, blurry and blind

มองไม่เห็นหน้าหลังและมืดบอด

I picked all the pieces up off theground

ฉันเก็บเศษใจทั้งหมดจากบนดิน

I've burned all my fingers but that'sgone now

เข็ดขยาดแล้วตัวฉัน ตอนนี้หมดสิ้น

Got the glue in my hands and stickin'to the plan

กาวติดหนึบทั้งสองมือ และพุ่งเป้าไปเป้าหมาย

stickin' to the plan that says "I can"

เพ่งเล็งตรงที่แผนว่า "ฉันทำได้"

Do anything at all. I can do anything at all

ลงมือทำทั้งหมดเลย ฉันลงมือทำได้ทั้งหมดเลย

* This is my kiss goodbye. You can stand alone and watch me fly

* นี่คือจูบลาฉันเอง เธอยืนคนเดียวและมองฉันโผบิน

Cause nothing's keeping me down gonnalet it all up

ไม่มีอะไรทำฉันเสียใจแล้ว จบหมดสิ้น

Come on and say right now, right now,right now

มาสิและพูดออกไป ตอนนี้ ทันที

This is my big hello cause I'm here andnever letting go

ต้อนรับใหญ่ของฉันเอง เพราะฉันอยู่ตรงนี้และไม่จากไป

I can finally see, it's not just adream

ในที่สุดฉันเข้าใจ ไม่ใช่เพียงความฝัน

Gonna set it all free, all free, allfree

Just set it all free

ปล่อยมันไปเป็นเสรี เสรี เสรี แค่ปล่อยเป็นเสรี

- I was a girl caught under your thumb

ฉันเคยเป็นหญิงที่อยู่ใต้มือเธอ

But my scars gonna shine brighter thanyour sun

แต่รอยแผลส่องเจิดจ้ากว่าตะวันของเธอ

And I will reach so high, shoot so far

ฉันจะเขย่งให้สูง พุ่งให้ไกล

Gonna hit, gonna hit, hit every target

ยิงจนโดน ยิงเข้าเป้า โดนเต็มๆทุกเป้า

It counts this time. I will make it count this time (*)

ทำให้เต็มที่ ฉันจะทำได้ให้เต็มที่ (*)


----

My Way เพลงประจำตัวของ Frank Sinatra ผลงานการแต่งเพลงของ Paul Anka โดยนำทำนองเพลงฝรั่งเศส “Comme d'habitude” (Paul ไปฝรั่งเศสเพื่อขออนุญาตใช้ทำนองเพลงนี้มาแต่งเพลง) มาใช้
เนื้อหาเป็นการกล่าวชีวิตที่ผ่านมา ล้มเหลวมาเท่าใด ในที่สุดก็ฝ่าฟันจนสำเร็จด้วยดี “ด้วยวิธีของฉัน”

And now, the endis near

ตอนนี้ ใกล้อวสาน

And so I face thefinal curtain

และพบกับผ้าม่านผืนสุดท้าย

My friend, I'llsay it clear

เพื่อนฉันฉันพูดเข้าใจ

I'll state mycase, of which I'm certain

จบเรื่องราวที่ฉันพูดแน่นอน

I've lived a lifethat's full

ฉันใช้ชีวิตเต็มที่

I traveled eachand every highway

ฉันเดินทางมาทุกๆเส้นทางไกล

And more, muchmore than this, I did it my way

มากกว่ามากกว่าเพียงนี้ บรรลุทางฉันเอง

Regrets, I've hada few

เสียใจฉันมีเพียงนิด

But then again,too few to mention

แต่ช้ำอีกครั้งน้อยเกินกว่าจะเอ่ย

I did what I hadto do and saw it through without exemption

ฉันทำสิ่งที่ฉันต้องทำและ เข้าใจแจ่มแจ้ง ไร้ข้อยกเว้น

I planned eachcharted course, each careful step along the byway

วางแผนทุกๆเส้นทาง ทุกๆย่างก้าว ระหว่างทางเดิน

And more, muchmore than this, I did it my way

มากกว่ามากกว่าเพียงนี้ บรรลุทางฉันเอง

Yes, there weretimes, I'm sure you knew

ใช่แล้วมีบ้างครั้งคราวเธอรู้

When I bit offmore than I could chew

เมื่อฉับรับปากแล้วกลับทำไม่ได้

But through itall, when there was doubt

แต่ทว่าเมื่อปัญหามาหา

I ate it up andspit it out

ฉันเผชิญมันและทิ้งมันไป

I faced it alland I stood tall and did it my way

ฉันเจอหมดแล้วฉันยืนขึ้นมา บรรลุทางฉันเอง

I've loved, I'velaughed and cried

ฉันรัก หัวเราะร้องไห้

I've had my fill,my share of losing

ฉันเติมเต็มส่วนแบ่งของความสูญเสีย

And now, as tearssubside, I find it all so amusing

ตอนนี้ น้ำตาเหือดหาย รู้สึกว่าสุดแสนสุขสำราญ

To think I didall that

ครุ่นคิดที่ทำทั้งหมด

And may I say,not in a shy way

อาจเอ่ยปากไซร้ใช่ทางเขินอายไม่

Oh, no, oh, no,not me, I did it my way

ไอ้ไม่นะไม่ใช่ฉัน บรรลุทางฉันเอง

For what is aman, what has he got?

สำหรับผู้ชาย เขาได้อะไร

If not himself,then he has naught

ถ้าใช่เขาเอง แล้วไร้คุณค่า

To say the thingshe truly feels and not the words of one who kneels

ถ้าพูดว่าสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆไม่ใช่คำของคนพ่าย

The record showsI took the blows and did it my way

สถิติบอก ฉันพิชิตมันและบรรลุทางฉันเอง

Yes, it was myway

นี่คือทางฉันเอง


-----

Don’t You Worry 'Bout A Thing เพลงอมตะของ Stevie Wonder วางแผงครั้งแรกเมื่อปี 2516 เนื้อหาเกี่ยวกับทุกคนที่มีเรื่องกังวลใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้จะทำยังไง ก็มีใครสักคนบอกไปว่า “อย่ากังวล ฉันจะอยู่ข้างเธอเมื่อเธอลองลงมือทำอะไรสักอย่างหรือออกเดินทางไปที่ไหนที่ไกลแลนไกล” เพลงนี้ความหมายดีครับ

- Everybody'sgot a thing

ทุกคนมีสิ่งใดในใจ
But some don't know how to handle it

แต่บางคนไม่รู้รับมืออย่างไร
Always reachin' out in vain

คว้าน้ำเหลวทุกคราร่ำไป
Accepting the things not worth having but

ได้แต่สิ่งที่ไร้ค่ามาครองหากแต่เพียง

* Don't you worry 'bout a thing

อย่ากังวลแม้เพียงสิ่งใด
Don't you worry 'bout a thing, mama

อย่ากังวลแม้เพียงสิ่งใด นะเธอ
Cause I'll be standing on the side
when youcheck it out

เพราะฉันจะยืนข้างเคียงเมื่อเธอลองลงมือทำดู

(When you getit off...your trip)

(ออกเดินทางแห่งไหน…ไกลตา)

- They say your style of life's a drag

ใครเขาบอกชีวิตเป็นเส้นตรง
And that you must go other places

และเธอคงต้องไปยังที่อื่นไกล
But just don't you feel too bad

แต่อย่ารู้สึกว่าแย่ไป
When you get fooled by smiling faces but
(*)

เมื่อโดนใบหน้ายิ้มแย้มลวงหากแต่เพียง

** Don't you worry 'bout a thing...Yeah

อย่ากังวลแม้เพียงสิ่งใด…เย
Don't you worry 'bout a thing
...Yeah

อย่ากังวลแม้เพียงสิ่งใด…เย (*)

Everybody needs a change

ทุกคนล้วนต้องการเปลี่ยนแปลง
A chance to check out the new

โอกาสที่ลองทำสิ่งใหม่
But you're the only one to see

แต่เธอคนเดียวที่มองเห็นดี
The changes you take yourself through

คือจุดเปลี่ยนที่ทำเธอกำชัย

- Don't you worry 'bout a thing

อย่ากังวลแม้เพียงสิ่งใด
Don't you worry 'bout a thing, mama

อย่ากังวลแม้เพียงสิ่งใด นะเธอ
Cause I'll be standing in the wings

เพราะฉันจะข้างเคียงตีปีกบิน
When you check it out

เมื่อเธอลองทำดู….


Don't you worry 'bout a thing

อย่ากังวลแม้เพียงสิ่งใด…เย


------

และเพลงสุดท้ายที่จะมานำเสนอ เป็นเพลงในตำนานของวง The Beatles โดยเพลงนี้เป็นการต่อเพลงกันถึง 3 เพลง และเป็นเพลงลำดับสุดท้ายในอัลบั้มประวัติศาสตร์ของพวกเขา Abbey Road เมื่อปี 2512 (หากไม่นับเพลง Her Majesty ที่เป็น Hidden Track ในอัลบั้มนี้) เพลงนั้นก็คือ Golden Slumbers/Carry That Weight/The End โดย Paul Mccartney เป็นผู้แต่งเพลงนี้ (แต่ลงชื่อบนปกว่า Lennon–McCartney)

* Once there was a way,
ครั้งหนึ่งเคยมีทาง
to get back homeward,...
เส้นทางที่กลับบ้าน
Once there was a way,
ครั้งหนึ่งเคยมีทาง
to get back home
เส้นทางกลับบ้าน
Sleep pretty darling do not cry,
แก้วตา...นิทราเถิด อย่าร้องไห้
and I will sing a lullaby
แล้วฉันจะขานขับเพลงกล่อมนอ

- Golden slumbers fill your eyes,
เนตรเอ๋ย นิทราเถิดให้นาน
smiles awake you when you rise
รอยยิ้มสราญปลุกเธอไว้
Sleep pretty darling do not cry,
แก้วตา...นิทราเถิด อย่าร้องไห้
and I will sing a lullaby
แล้วฉันจะขานขับเพลงกล่อมนอน (*)

** Boy you're gonna carry that weight,
นายจะต้องแบกภาระนั่นไว้
carry that weight for a long time
แบกภาระนั่นไว้อีกยาวนาน
Boy you're gonna carry that weight,
นายจะต้องแบกภาระนั่นไว้
carry that weight for a long time
แบกภาระนั่นไว้อีกยาวนาน

- I never give you my pillow
หมอนของฉัน ไม่เคยมอบให้เธอ
I only send you my invitations
ฉันก็ส่งเพียงคำเชื้อเชิญให้แก่เธอ
And in the middle of the celebrations,
และพอถึงช่วงกลางงานเลี้ยงฉลองสุขสันต์
I break down (**)
ฉันเสียใจ

- Oh yeah, all right,
โอ้ ไม่เป็นไร
are you gonna be in my dreams tonight?
เธอจะเข้าฝันของฉันในคืนนี้ไหม

- Love you, love you, love you, love you, love you, love you (x5)
รักเธอ รักเธอ รักเธอ รักเธอ รักเธอ

- And in the end,
และในที่สุด
the love you take,
รักที่เธอพา
is equal to the love you make, Ah.
มีค่าเท่ารักที่เธอสร้างมา อา...
*** That's All for "Sing" ***


สรุปได้ว่า Sing เป็นแอนิเมชั่นที่ครบรสทั้งตัวละคร-อารมณ์-และบทเพลงที่ผสมกันอย่างกลมกล่อม ใครที่เป็นคอเพลง ถูกใจแน่นอน
และทุกวันนี้ Sing อยู่ในความทรงจำของผมไปแล้ว เพราะบทเพลงที่ช้างสาวมีน่าร้องไว้ "Don't You Worry 'Bout A Thing" เพลงนี้นี่เอง

Thank You For Reading And Visiting My Blog ^_^
See ya...



Create Date : 07 กรกฎาคม 2560
Last Update : 18 กันยายน 2560 11:13:22 น.
Counter : 7462 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrTreeT-28
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



"The Mr.Tree T-28's blog"
By Design for the Best"
A Fan-art Lover
Since April 29, 2017
Renovated on June 28, 2017
(All blogs are entertainment and education purpose only)
Enjoy The Blog ^_^