ทุกอย่างนั้นมันไม่เที่ยงตรง มันมีวันหมดอายุของมัน
เขาว่าคนเราจะมีความสุขที่สุดก็คือเวลา
นอนหลับ เพราะจะได้ล่องลอยเข้าสู่โลก
ของตัวเอง มีอิสระเสรีต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
หมดปัญหายุ่งเหยิงและสับสนจิปาถะ
ในชีวิตประจำวัน และก้าวเข้าสู่โลกของ
ความฝัน ที่ทุกคนได้รับสิทธิเสรีทัดเทียมกัน
ทุกประการ ไม่ว่าคนยิ่งใหญ่หรือคนเล็กน้อย
คนมั่งมีศรีสุข หรือคนยากจนข้นแค้นปานใด
ต่างก็ต้องการความฝันอันสวยสดงดงาม
จนบางครั้งในยามลืมตาขึ้นมา
บางคนเคยอาลัยอาวรณ์ความฝันที่ประทับใจ
จนสงสัยว่าถ้าเราตายไปแล้วจะได้ความฝันเหมือนตอนมีชีวิตอยู่หรือเปล่าหนอ
#กาลเวลาได้ผ่านไป
ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ไม่ว่ามนุษย์
หรือสรรพสัตว์ทั้งหลายทุกผู้ทุกนาม
เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องตาย ไม่มีใคร
หลบหลีกหนีได้พ้น
#บ้างถูกเผา
#บ้างก็ถูกฝัง
เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีพื้นที่สำหรับดำรงอยู่
ไม่ว่ามนุษย์ พืชและสัตว์ ก็ไม่ได้แตกต่าง
กันเลย ทุกสรรพสิ่งอุบัติขึ้น แล้วก็ต้องเสื่อม
สลายแตกดับไป แต่ชั่งน่าขันยิ่งนักที่คนเป็นๆ
ส่วนใหญ่ ลืมนึกถึงสิ่งนี้จนหมดสิ้น
มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน
ก็เล็กกว่าโลง กว้างศอก ยาววา หนาคืบ
ทุกคนได้นอนแน่ๆ ต่างกันก็เพียงช้า
หรือเร็วก็เท่านั้น
อย่ามัวลุ่มหลงมัวเมากอบโกยผลประโยชน์
อิจฉาริษยา อวดใหญ่ อวดเก่ง อวดดี อวดพวก
อย่าทะนงตัวกันนักเลย
# อายุไม่ถึงร้อยปีก็ตายแล้ว
ตายเหมือนกันหมด ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า
จงรีบหมั่นสร้างกุศลผลบุญ สร้างความดี
กันไว้เถิด เพื่อเมื่อถึงวันนั้นของบั้นปลายชีวิต
จะได้เป็นบุญหนุนนำทางพาไปในที่ดีๆ
ที่พักพิง อิงแอบ แนบอาศัย
ยามเมื่อใจ ออกจากร่าง อย่างเบาโหวง
ต้องพำนัก พักหรือ ก็คือโลง
มิโอ่โถง หรอกหนอ พอสบาย
เพียงหนึ่งว่า สี่ศอก บอกให้รู้
ทุกทุกผู้ คนเล่า เจ้าทั้งหลาย
จะยากดี มีจน ไม่พ้นตาย
บ้านสุดท้าย หลังนี้ คือที่นอน
จะร่ำรวย ล้นฟ้า มหาศาล
บริวาร มากนั้น ใช่ผันผ่อน
เกิดเป็นคน จนหรือรวย เมื่อม้วยมรณ์
ต้องถูกต้อน ลงโลง ทุกพงษ์พันธุ์
อนิจจัง สังขาร ไม่ทานเที่ยง
เมื่อยามเดี้ยง ละชีวี เป็นผีนั่น
จะใหญ่โต จากไหน ไม่สำคัญ
ปัจจุบัน ศพต้องเน่า ถูกเผาเอย
.........................................................