Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2563
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2563
 
All Blogs
 
แม่กำปอง เชียงใหม่ --- เฮือนม่วนใจ๋, วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

แม่กำปอง - เชียงใหม่

23 - 27 มกราคม พ.ศ. 2563

ตอนที่ 6 ลงจากพระธาตุดอยสุเทพ ได้เวลามื้อเย็น ร้านไหนดี เสิร์ชอากู๋เลยค่ะ ลงตัวที่ร้านนี้



เรามาถึงเกือบ 6 โมงเย็น ร้านเปิดแล้ว มีเก้าอี้นั่งรอที่หน้าร้าน...คนน่าจะเยอะ 





ดูเมนูกัน



สั่งตอนหิว...อาหารอร่อยทุกจานค่ะ กินกัน 3 คน ไม่รู้จะละเลียดยังไง ไม่หมดหรอกค่ะ



อิ่มหนำสำราญแล้ว แวะกลับมาที่ห้องพัก แล้วมาเดินเล่นถนนคนเดินท่าแพ ของขายเยอะมาก ไม่ได้ซื้ออะไรค่ะ ละลานตาไปหมด



8 โมงเช้า วันที่ 27 มกราคม 2563 วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร 



พระวิหารหลวง ปิดบูรณะค่ะ





หอไตร (หอพระไตรปิฎก) สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้ากาวิละเมื่อ พ.ศ. 2354 





เป็นที่เก็บคัมภีร์ และหีบธรรม มีความงดงาม มีลวดลายปูนปั้นประดับตกแต่งรอบบริเวณหอไตร





เดินวนรอบเลยค่ะ



เป็นสถาปัตยกรรมล้านนา กว้าง 4 วา 3 ศอก 4 นิ้ว ยาว 8 วา 118 นิ้ว





กู่อัฐิของพญาคำฟู เป็นกู่เล็ก ๆ ลักษณะเป็นทรงกลมเส้นรอบวงประมาณเมตรครึ่งด้านบนเป็นแผ่นศิลาทรงกลมปิดไว้ อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถทางทิศเหนือเยื้องขวา ไปประมาณ 10 เมตร คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าพระธาตุหลวง เป็นที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟู ซึ่งสมัยของครูบาศรีวิชัย มาแผ้วถางบูรณะวัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร ได้พบกู่อัฐิค้นพบข้างในมีผอบบรรจุอัฐิซ้อนกัน 3 ใบ ชั้นนอกทำด้วยทองเหลืองหนัก 254 บาท 3 สลึง สูง 23 นิ้ว ชั้นกลางทำด้วยเงินหนัก 185 บาท 2 สลึง สูง 18 นิ้ว ชั้นในสุด ทำด้วยทองคำหนัก 122 บาท 2 สลึง สูง 14 นิ้ว และยังพบแผ่นทองจารึกเรื่องราวต่าง ๆ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอัฐิของพญาคำฟูผู้สร้างวัด ทางราชการได้นำไปเก็บไว้ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ชั่วคราว ซึ่งตั้งอยู่ที่ข่วงสิงห์ และขณะนั้นเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ผอบทั้ง 3 ใบ และจารึกตลอดถึงเครื่องราชูปโภคเหล่านั้นได้สูญหายไปในขณะเกิดสงครามซึ่งประมาณ พ.ศ. 2484



อนุสาวรีย์ พญามังราย พญาผายู


 

วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1888 โดยพญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์มังราย พญาผายูได้นำอัฐิ พญาคำฟู ผู้เป็นราชบิดา ซึ่งครองอยู่เมืองเชียงแสนมาบรรจุในสถูปประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนี้ แล้วสร้างเป็นขึ้น ซึ่งเดิมทีเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดลีเชียงพระ เพราะที่บริเวณหน้าวัดเป็นสถานที่ค้าขายของชาวเมือง จนกลายเป็นตลาดลีเชียงพระ และเรียกชื่อวัดว่า "วัดลีเชียงพระ"

ต่อมาประมาณ พ.ศ. 1943 เจ้ามหาพรหม กษัตริย์เมืองเชียงราย ได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงห์ ซึ่งได้มาจากเมืองกำแพงเพชร นำมาถวายพญาแสนเมืองมากษัตริย์เชียงใหม่ พญาแสนเมืองมาได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงห์ประดิษฐานไว้ที่วัดลีเชียงพระประชาชนจึงเรียกวัดลีเชียงพระว่า "วัดพระสิงห์" นับตั้งแต่นั้นมา

วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด วรมหาวิหาร เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483 ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล รัชกาลที่ 8





พระมหาธาตุเจดีย์ (พระธาตุหลวง) สูง 25 วา ฐานสี่เหลี่ยมยาวด้านละ 16 วา 1 ศอก 6 นิ้ว ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวว่าเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ เป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีมะโรง พญาผายูทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1888 ต่อมาระหว่าง พ.ศ. 2101 - 2317 เชียงใหม่ตกอยู่ในอำนาจของพม่าวัดพระสิงห์ ขณะนั้นมีสภาพเป็น วัดร้าง เสนาสนโบราณสถานอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม มาถึง พ.ศ. 2469 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และครูบาศรีวิชัย ได้นำประชาชนร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะและเสริมสร้างพระธาตุเจดีย์ให้สูงใหญ่











กู่มณฑปปราสาท เป็นกู่มณฑปที่สร้างเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปภายในอาคาร ที่ชาวล้านนาทั่วไปมักเรียกว่า "โขงพระเจ้า" แต่หากยึดถือหลักฐานจากศิลาจารึกแล้วพบว่า "ปราสาทพระเจ้า" ฐานเขียงในฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสรับฐานเขียงแปดเหลี่ยม ตามสภาพในปัจจุบันคงเป็นฐานที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ ส่วนเรือนธาตุในผังสี่เหลี่ยมยกเก็จขนาดเล็ก จนขนาดของมุมยกเก็จใกล้เคียงกับขนาดของมุมประธาน ทำให้มีนักวิชาการบางท่านเลือกที่ที่จะใช้คำอธิบายว่า "หยักมุม" ทั้งนี้เพราะเข้าใจว่าเป็นอิทธิพลจากศิลปะอยุธยาด้วย ขนาดของมุมที่ตื้นมีผลให้กรอบซุ้มจระนำชิดติดกับเรือนธาตุและกรอบซุ้มชั้นบนโค้งไปตามแนวของบังถลา (หลังคาลาด) กึ่งกลางของบัวถลาทุกด้านประดับด้วยบันแถลง ถัดไปเป็นชั้นลดที่จำลองแบบจากเรือนธาตุซ้อนกันรับยอดรูปดอกบัวตูม รูปแบบดังกล่าวตอกย้ำถึงเจตนาที่จะสร้างให้อยู่ในรูปของทรงปราสาทที่ชัดเจน จำนวนของชั้นลดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็นสามชั้น เช่นเดียวกับโขงประดิษฐานพระเจ้าล้านทองในวิหารวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเชื่อกันว่าได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2106 แต่สำหรับการทำมุมเรือนธาตุขนาดเล็กนี้ อาจเทียบได้กับเจดีย์ทรงปราสาทจำลองที่พญาหลวงเจ้ามังสะแพรก พร้อมทั้งพระนางบุษบาสิริวัฒนเทพาราชกัญญาพระมเหสี และพระยอดงำเมือง พระราชโอรส หล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2270











พระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นเก่าแก่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2094 และได้มีการบูรณะหลายครั้ง ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2493  ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2537  ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2554 









พระวิหารลายคำ สร้างขึ้นสมัยของพญาธรรมลังกาหรือพระเจ้าช้างเผือก ระหว่าง พ.ศ. 2358 - 2364 เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ พระวิหารลายคำสร้างเป็นศิลปะล้านนากว้าง 8 เมตร ยาว 30 เมตร มีช่อฟ้า ใบระกา หลังคามุงกระเบื้อง ดินเผาที่มีความสวยงามมาก ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น มีลวดลายทองล่องชาดเทคนิคการฉลุลายปรากฏบนฝาผนังหลังพระประธาน และเสากลางวิหารและเสาระเบียงด้านหน้าพระวิหาร ตลอดถึงบางส่วนของโครงไม้







พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของเมืองเชียงใหม่ ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 700 โดยกษัตริย์ลังกา 3 พระองค์และพระอรหันต์ 20 รูป เป็นผู้สร้าง พ.ศ. 1931 พระเจ้า แสนเมืองมา ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานที่วัดลีเชียงพระ (วัดพระสิงห์)



ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระวิหารลายคำ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

เทศกาลสงกรานต์ทุกปีมี พิธีอาราธนาอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ออกแห่ ให้ประชาชนได้สรงน้ำสักการบูชา เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน







บนฝาผนังภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่อง สังข์ทองและสุวรรณหงส์ เขียนด้วยสีฝุ่นมีความงดงามมาก





















วิจิตรงดงามมากค่ะ

















พระเจ้าทองทิพย์ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่สำคัญอีกองค์หนึ่ง พญาติโลกราช กษัตริย์เชียงใหม่ องค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์มังรายสร้างขึ้นเป็นที่ระลึกการทำสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ 8 ที่เชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2020
ปัจจุบันทางวัดพระสิงห์ ได้สร้างพระเจ้าทองทิพย์จำลองประดิษฐานอยู่มณฑปในพระอุโบสถวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร





พระอุโบสถ หรือพระอุโบสถสองสงฆ์ ตามหลักศิลาจารึกบอกว่า สร้างสมัยของพระเจ้ากาวิละพระเจ้ากาวิละและเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์สมัยนั้น ได้ร่วมกันสร้างและจัดงานฉลองเมื่อ พ.ศ. 2355 พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมล้านนากว้าง 6 วา 10 นิ้ว ยาว 14 วา 1 ศอก มุงกระเบื้องดินเผามีช่อฟ้าใบระกา มีมุขทั้ง 2 ด้าน มีซุ้มประตูทางเข้าทั้ง 2 ด้านที่งดงาม รูปทรงครึ่งปูนครึ่งไม้ ด้านบนเป็นเครื่องไม้ทั้งหมด ตรงกลางพระอุโบสถมีมณฑปที่สวยงาม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระเจ้าทองทิพย์จำลอง

ปัจจุบันได้นำหลักศิลาจารึกบันทึกการสร้างพระอุโบสถ ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเชียงใหม่ได้เก็บไว้ ได้นำมาไว้ในพระอุโบสถแล้ว เหตุที่เรียกว่าพระอุโบสถสองสงฆ์ เพราะเป็นการสร้างเพื่อจำลองการทำ สังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์และพระภิกษุณีสงฆ์









09.00 น. วันที่ 27 มกราคม 2563







  ความเดิม  

ตอนที่ 1 พักที่สำราญชน แม่กำปอง
ตอนที่ 2 เที่ยวในแม่กำปอง
ตอนที่ 3 น้ำพุร้อนสันกำแพง
ตอนที่ 4 ห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม
ตอนที่ 5 อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย, วัดผาลาด, วัดพระธาตุดอยสุเทพ



Create Date : 08 มิถุนายน 2563
Last Update : 8 มิถุนายน 2563 19:20:49 น. 0 comments
Counter : 2290 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณThe Kop Civil, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณSai Eeuu, คุณnewyorknurse, คุณKavanich96, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณเริงฤดีนะ, คุณกะว่าก๋า, คุณเนินน้ำ, คุณโน้ตตัวดำ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณSleepless Sea, คุณหอมกร, คุณnonnoiGiwGiw, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณพูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ, คุณInsignia_Museum, คุณเวียงแว่นฟ้า, คุณทนายอ้วน, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณmcayenne94, คุณกาบริเอล, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณALDI, คุณวลีลักษณา, คุณ**mp5**


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.