คนละฟากฟ้า - บทที่ 61
 



หลังจากนั้นพราวพรายก็เริ่มสบายใจขึ้น มีเวลาทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างนิคกับเธอ คิดถึงความน่ารักและความห่วงใยของเขาที่แสดงต่อเธอตลอดมา แม้บางครั้งเขาจะแข็งข้อใส่เธอบ้าง ก็เป็นเพราะเธอทำตัวเหมือนเด็กๆที่เอาแต่ใจตัว ไม่ยอมรับฟังเหตุผลของเขา ดึงดันจะเอาชนะให้ได้เพราะรู้ว่าเขารัก

ยิ่งนึกถึงตอนที่บันดาลโทสะ จนฉีกเสื้อเชิร์ตผ้าไหมไทยตัวงามของเขาขาด ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจและสงสารเขามากยิ่งขึ้น หญิงสาวไม่รีรอที่จะรีบกลับไปที่ร้านผ้าไหมร้านเดิม ไปซื้อเสื้อเชิร์ตแขนสั้นสองตัว ตัวแรกสีขาวส่วนอีกตัวสีเดียวกัน กับตัวที่ขาดวิ่นหมดสภาพไปแล้วด้วยฝีมือเธอ เตรียมไว้ให้เขาเป็นการไถ่โทษตัวเองและงอนง้อเขา เมื่อนิคมาหาเธอที่อุบลฯ

เมื่อคิดตกพราวพรายซึ่งตอนนี้หายโกรธนิคแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไรเขาจะมาหาเธอ แต่รอแล้วรอเล่าเขาก็ยังไม่มา มีแต่จอห์นที่คอยส่งข่าวให้เธอรู้ว่านิคติดภารกิจยังมาหาเธอไม่ได้ สิ่งที่หญิงสาวไม่เข้าใจคือทำไมเขาไม่โทร.มาหาเธอโดยตรงที่ออฟฟิศ ทำไมต้องฝากจอห์นให้มาบอกเธอ เวลาที่เขาสองคนติดต่อกันทางวิทยุรับส่ง แม้จะอยากโทรศัพท์ไปหาเขาเอง แต่พราวพรายก็ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ของเขา นิคไม่เคยให้หมายเลขเธอและเธอก็ไม่เคยสนใจจะขอ

อีกสองสัปดาห์ต่อมาซึ่งเป็นวันหยุดช่วงสงกรานต์ ที่หน่วยงานส่วนใหญ่จะปิดยาว ออฟฟิศของทั้งพราวพรายและสุนิสาจะปิดทำงานสามวัน เมื่อต่อกับเสาร์อาทิตย์ก็กลายเป็นห้าวัน หญิงสาวซึ่งรู้ว่าจะต้องอยู่โยงเฝ้าบ้านคนเดียวนานถึงห้าวัน ก็คิดจะเดินทางไปหานิคที่ค่ายของเขาในเวียตนาม เธอติดต่อจอห์นขอให้ช่วยจัดการให้เธอได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เหมือนครั้งที่แล้ว ซึ่งเขาก็ช่วยจัดการให้ เพราะแน่ใจแล้วว่าความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ น่าจะมั่นคงและพัฒนาไปจนถึงขั้นแต่งงานกันในที่สุด

“คุณช่วยแจ้งนิคตอนที่ฉันขึ้นเครื่องไปแล้วเหมือนครั้งก่อนได้ไหมคะ ฉันอยากเซอร์ไพรส์เขาน่ะค่ะ”

เจ้านายของเธอทำท่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “ก็ได้ แต่ต้องเป็นครั้งสุดท้ายนะ ครั้งที่แล้วฉันถูกนิคต่อว่า เพราะตามกฏจะต้องแจ้งเขาก่อนเครื่องออก”

พราวพรายทำหน้าเจื่อนๆ ขอโทษขอโพยที่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนไปด้วย แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นหญิงสาวก็ขึ้นเครื่องไปหานิคด้วยความรู้สึกหนาวๆร้อนๆ ไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาจะต้อนรับเธออย่างไร จะดีใจหรือจะยังไม่หายโกรธ แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าเขาน่าจะดีใจมากกว่า ที่เธออุตส่าห์เดินทางมาง้อเขาถึงค่าย และอีกอย่างหนึ่งเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าอารมณ์ ที่จะเอาเรื่องมีปากมีเสียงกันเล็กๆน้อยๆ ระหว่างสามีภรรยามาเป็นเรื่องใหญ่

แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องผิดหวัง ที่ไม่มีแม้แต่เงาของนิคที่ลานจอดเครื่องบิน มีแต่พลทหารแมกซ์ที่เข้ามารับเธอถึงเครื่อง แล้วพาไปขึ้นรถจิ๊ป

เขาบอกเธอเพียงสั้นๆว่า “ผู้พันไม่ว่าง มารับคุณไม่ได้ ให้ผมมารับคุณแทน"”

พราวพรายอยากจะถามนายแมกซ์เหมือนกันว่า ที่ว่านิคไม่ว่างน่ะเขาทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่กล้าถาม เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านหลังเดิม พลทหารอเมริกันผิวดำหน้าตาซื่อๆคนนั้น ก็คว้ากระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอติดมือ เดินขึ้นบันไดไปไขกุญแจบ้านให้ แล้วก็กลับไปขึ้นรถจิ๊บขับจากไป

หญิงสาวเดินเข้าไปสำรวจจนทั่วบ้าน แล้วพบว่าทั่วทั้งบ้านสะอาดเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก แม้แต่เตียงนอนก็เก็บเรียบ ไม่มีเสื้อผ้าใช้แล้วของนิคอยู่ในตะกร้าเหมือนครั้งที่แล้ว ลองเปิดตู้เย็นสำรวจของข้างในก็เห็นมีแต่ขวดน้ำและเบียร์กระป๋องแช่อยู่เต็ม เดินไปเดินมาครู่หนึ่งก็ออกมานั่งที่ห้องข้างนอกรอเขา ขณะนั้นใกล้สิบเอ็ดนาฬิกาแล้ว พอได้เวลาเที่ยงตรงนายแมกซ์คนเดิมก็ขับรถคันเก่า นำกล่องอาหารกลางวันมาให้แล้วกลับออกไป

พราวพรายลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาอยู่จนเที่ยงครึ่งนิคก็เดินขึ้นมาบนบ้าน สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาทำให้หญิงสาวใจแป้วเหลือนิดเดียว และยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร เขาก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียลห้วนๆ 

“พราว เลิกทำตัวเป็นเด็กเสียที คุณโตเป็นผู้ใหญ่จนแต่งงานแล้วนะ”

พราวพรายหน้าเผือด ถามเขาด้วยเสียงสั่นๆว่า “ฉันทำอะไรผิดหรือคะ นิค”

“ก็ไอ้ที่นึกอยากทำอะไรก็ทำไง อยู่ๆนึกจะมาที่นี่ก็มาเฉยเลย ทำไมไม่รอผมอยู่ที่โน่น รู้ไหมว่าผมยุ่งมากแค่ไหน คืนนี้จะได้กลับมานอนบ้านหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”

หน้าที่บึ้งและเสียงห้วนๆราวกับกำลังออกคำสั่งกับลูกน้อง และนัยคำพูดของเขา ที่เหมือนเธอจะเป็นตัวก่อกวนเสียเหลือเกิน ไม่ใช่เมียที่เขาพร่ำบอกว่ารักนักรักหนาเลยสักนิด ทำให้พราวพรายเกือบน้ำตาหยดด้วยความน้อยใจ แต่ต้องพยายามกลั้นเอาไว้

“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ นี่ผมแค่แว่บมาดูคุณเท่านั้น เดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว ผู้ใหญ่หลายคนกำลังรอผมอยู่”

พูดจบเขาก็เดินอย่างเร่งรีบลงบันไดไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดหรือซักถามเขาบ้างเลย พราวพรายนั่งงงอยู่ครู่ใหญ่ นึกตำหนิตัวเองที่ไม่รู้จะดั้นด้นมาหาเขาทำไม ท่าทางเขาเครียดและอารมณ์ไม่ดี แต่เมื่อคิดว่าคืนนี้ก็จะได้พบเขาอยู่ดี หญิงสาวก็บอกตัวเองให้เลิกคิดมาก นิคคงอารมณ์เสียเพราะกำลังทำงานติดพัน หรือประชุมกับใครอยู่ก็ได้ เขาอาจต้องทิ้งคนหรือทิ้งงานแว่บมาดูเธอ อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็คงจะกลับมาแล้ว เอาใจสักหน่อยเขาก็คงจะอารมณ์ดีเหมือนเดิม เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

เมื่ออารมณ์ดีแล้วหญิงสาวก็มองหาอะไรทำ จะทำความสะอาดบ้านหรือก็ไม่รู้จะทำอะไร เพราะมันสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว อยากจะเอาใจทำอาหารไทยไว้ให้เขาก็ไม่มีของสดของแห้งเลย ในที่สุดพราวพรายก็ใช้เวลาที่ต้องรอนิค หยิบนิตยสารสำหรับผู้หญิงที่ซื้อติดมือมาจากอุบลฯสองสามเล่ม ออกมานั่งๆนอนๆอ่านที่ห้องด้านนอก หูก็คอยฟังเสียงรถของเขาไปด้วย ต่อมาอีกพักใหญ่ก็ผล็อยหลับไป

เธอตกใจตื่นเมื่อมีเสียงเปิดไฟ พอลืมตาขึ้นก็เห็นนิคที่กำลังมองเธออยู่ สีหน้าของเขายังเคร่งเครียดเหมือนเมื่อตอนที่พบกัน

“อ้าว นิค มาแล้วหรือคะ?”

เขาไม่ตอบคำถามที่เขาเห็นว่าเป็นการทักทายตามปกติเท่านั้น แต่บอกเธอว่า “วันนี้ผมไม่ว่างนะ คงพาคุณไปกินมื้อเย็นไม่ได้ แต่เดี๋ยวแมกซ์จะเอาอาหารมาให้”

พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในห้องนอน พราวพรายเดินตามเข้าไปด้วย เห็นเขาทำท่าเหมือนจะเข้าไปอาบน้ำเธอก็เลยถามว่า “มีธุระหรือคะ?”

“มีผู้ใหญ่จาก ดี.ซี.มาเยี่ยมฐานฯ เพื่อตรวจและประเมินสถานการณ์ ประชุมกันทั้งวัน เดี๋ยวผมต้องไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย หลังจากนั้นก็ต้องประชุมกันต่อ ยังไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ คุณเข้านอนได้เลย ไม่ต้องรอผม”

พราวพรายฟังเสียงที่เป็นงานเป็นการและเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขาแล้ว ก็เริ่มใจฝ่อเหลือนิดเดียว พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองตามหลังเขา ที่หายเข้าไปในห้องน้ำ รู้ว่าเขาคงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อจะออกไปอีกครั้ง นิคอาบน้ำเสร็จก็แต่งเครื่องแบบชุดใหม่แทนชุดเก่าที่ใส่มาทั้งวันแล้ว

ก่อนจะลงจากบ้านเขาหันมาถามเธอว่า “จะกลับวันไหน?”

หญิงสาวหน้าเสีย ตะกุกตะกักบอกเขาว่า “คงอีกสองสามวัน ตอนนี้ที่ทำงานปิดช่วงสงกรานต์ห้าวัน แอ๋วก็ไม่อยู่ ฉันไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวเลยมาหาคุณ”

อีกฝ่ายยังหน้าเครียดอยู่เมื่อบอกเธอว่า “ช่วงนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ค่อยมีเวลาให้คุณ ผมถึงยังไม่อยากให้คุณมา”

“เอ้อ..ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังยุ่ง ถ้ารู้ฉันคงไม่มาหรอก”

เสียงเครือๆเหมือนจะร้องไห้ของเธอ ทำให้นิคหน้าเครียดมากขึ้น

“เอาเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว ผมไปก่อนละ เดี๋ยวอีกสักครู่แมกซ์คงมา ก่อนจะเข้านอนก็ล็อคบ้านเสียด้วย ผมมีกุญแจ”

หลังจากที่นิคขับรถหายลับตาไปแล้ว พราวพรายก็เดินออกไปนั่งที่ห้องด้านนอก งงงันไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป เมื่อนึกถึงเสื้อเชิร์ตผ้าไหมสองตัวที่ซื้อมาให้เขาได้ ก็หยิบออกจากกระเป๋าเอาขึ้นไม้แขวนห้อยไว้ในตู้เสื้อผ้า เสร็จแล้วก็กลับออกมานั่งที่เดิม แม้จะน้อยใจกับท่าทางของนิคที่ไม่ยินดียินร้ายกับการมาของเธอ ซึ่งเป็นไปในลักษณะมาง้องอนเขาถึงที่ แต่หญิงสาวก็พยายามคิดในแง่ดีว่าเขาคงไม่ว่างจริงๆ และอีกอย่างเธอก็รู้มานานแล้วว่าเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังกับหน้าที่การงานของเขา แม้แต่เธอเองก็เข้าไปยืนขวางหรือวุ่นวายด้วยไม่ได้

คืนนั้นพราวพรายรับประทานอาหารที่นายแมกซ์เอามาส่งให้ ได้เพียงสองสามคำเท่านั้น เธอนั่งรอนิคอยู่จนห้าทุ่มก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมา ในที่สุดเมื่อรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหวหญิงสาวก็ปิดบ้านเข้านอน มาตกใจตื่นขึ้นอีกครั้งก็ตอนที่เขากลับมา เมื่อเวลาประมาณตีสอง ด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า เข้ามาในห้องนอนได้เขาก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล้มตัวลงนอนข้างเธอ หลับสนิทไปทันที

วันรุ่งขึ้นพราวพรายตื่นแต่เช้า พอเธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จยังไม่ได้มีโอกาสพูดจาอะไรกัน นิคก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร่งรีบ  

“วันนี้ผมคงยุ่งอีกทั้งวัน ตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงพวกผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยมค่าย คุณก็คงต้องกินข้าวคนเดียว”

หญิงสาวหน้าซีดลงไปอีก อ้อมแอ้มถามเขาว่า “ฉันไปด้วยได้หรือเปล่าคะ?”

นิคหันมามองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะบอกว่า “เขาเชิญเฉพาะพวกนายทหารเท่านั้น พวกที่มีเมียอยู่ที่นี่ก็เอาเมียไปด้วยได้”

ขณะที่พราวพรายเงียบกริบพูดไม่ออก เขาก็กล่าวต่อว่า “ความจริงคุณมีสิทธิที่จะไปร่วมงานด้วยในฐานะเมียผม แต่คุณก็คงรู้ว่าเพราะอะไรถึงไปไม่ได้ ผมเคยเตือนคุณแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ก็อย่างว่า คุณไม่เคยยอมรับฟัง”

เขาเบือนหน้าไปจากเธอเมื่อกล่าวต่อไปว่า “เอาละ ผมต้องไปแล้ว มีประชุมต่อ เดี๋ยวแมกซ์จะเอาอาหารมาให้ ถ้าวันนี้คุณอยากออกไปข้างนอกก็บอกแมกซ์ได้ ผมจะสั่งเขาไว้ให้คอยขับรถให้คุณ”

เขาขยับจะออกเดินแต่พอนึกขึ้นได้ก็ล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบของสิ่งหนึ่งออกส่งให้เธอ

“อ้อ..นี่กุญแจบ้าน ผมมีอยู่ดอกเดียว ถ้าคุณจะออกไปข้างนอกก็ล็อคบ้านเอาไว้ด้วย เสร็จธุระแล้วคุณก็เอากุญแจฝากแมกซ์ไว้ให้ผม เวลาผมกลับมาจะได้ไม่ต้องเรียกคุณ ผมคงกลับดึกมาก ไม่อยากปลุกคุณ”

พราวพรายรับกุญแจดอกนั้นจากมือเขา พูดอะไรไม่ออกได้แต่ทำตาปริบๆมองเขาลงจากบ้านขับรถจากไป เธอนั่งกำกุญแจดอกนั้นไว้ในมืออยู่พักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องแพนทรี เมื่อมองเห็นขวดกาแฟก็ลงมือต้มน้ำชงกาแฟ เห็นกล่องแครกเกอร์ที่เหลือจากครั้งที่แล้ว ก็หยิบออกมากินกับกาแฟสองสามแผ่นเพื่อรองท้อง ทั้งที่ไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย นั่งคิดอะไรวุ่นวายอยู่นานจนพลทหารแมกซ์เดินขึ้นมาเคาะประตู เอาอาหารกลางวันมาส่งให้เมื่อเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา

หญิงสาวถามเขาว่า “ตอนนี้คุณว่างหรือเปล่า ฉันอยากจะออกไปที่หน้าค่ายหน่อย”

“ว่างครับ ผู้พันฯ สั่งผมแล้วว่าให้มาขับรถให้คุณ เผื่อคุณจะอยากออกไปซื้อของข้างนอก” เขาตอบอย่างสุภาพด้วยสีหน้าเต็มอกเต็มใจ

แมกซ์ขับรถพาพราวพรายออกไปหน้าค่าย แล้วแล่นต่อไปเรื่อยๆเป็นทำนองให้เธอได้มีโอกาสชมเมือง ซึ่งความจริงก็ไม่มีอะไรให้ดูมากนักเพราะเป็นเมืองเล็กๆ ที่เพิ่งจะเจริญขึ้นมาบ้างหลังจากที่มีค่ายทหารอเมริกันเข้ามาตั้ง ในที่สุดเธอก็ขอให้แมกซ์จอดรถแล้วลงไปซื้อของสดของแห้ง เนื้อสัตว์และผักสดรวมทั้งผลไม้ เพื่อเอาไปเก็บไว้ทำอาหารรับประทานเอง จะได้ไม่ต้องรบกวนนายแมกซ์ ให้ต้องคอยหาซื้ออาหารมาส่งให้ทุกวัน

หลังจากที่เอาของไปใส่ไว้ในรถแล้ว หญิงสาวก็ออกเดินเล่นไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง แม้จะจำไม่ได้ว่าร้านอาหารดาวทองของแม่สาว
เวียตนาม ตั้งอยู่ตรงไหนและไม่ได้คิดจะเฉียดกรายไป แต่ในที่สุดเธอก็พบตัวเองเดินอยู่บนฝั่งถนน ตรงข้ามกับร้านอาหารแห่งนั้นที่อยู่เยื้องๆออกไป ตอนนั้นพราวพรายเห็นแต่รถจิ๊บทหารสองคันพร้อมพลขับจอดอยู่หน้าร้าน แต่เมื่อมองไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็เห็นนิคกับนายทหารวัยกลางคนรูปร่างอ้วนใหญ่คนหนึ่ง ยืนอยู่กับแม่สาวญวณคนสวย คนทั้งสามกำลังพูดอะไรกันอยู่

เนื่องจากตรงที่เธอยืนอยู่ๆใกล้เสาไฟฟ้า และมีรถสกายแล็ปสองสามคันที่จอดรอผู้โดยสารบังอยู่ ทำให้นิคไม่เห็นเธอ ตอนแรกที่เห็นหญิงสาวก็สะดุ้งวาบ นึกระแวงขึ้นมาทันที ไหนนิคบอกว่าไม่ว่างจะพาเธอไปไหนไง แม้แต่คืนนี้ก็จะมีการจัดเลี้ยงในค่าย เพื่อเป็นเกียรติแก่พวกแขกผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยม ส่วนวันนี้ทั้งวันก่อนงานเลี้ยงก็ต้องวุ่นวายอยู่กับการประชุม แล้วเขาออกมาที่นี่ทำไม

ใจหนึ่งที่กำลังระแวงสั่งพราวพรายให้เดินเข้าไปหานิค จะเป็นไรไปก็เขาเป็นสามีของเธอไม่ใช่หรือ แต่แล้วอีกใจหนึ่งที่น้อยใจเสียใจ กับท่าทางของเขาในช่วงที่ผ่านมา ที่ทำราวกับว่าการมาของเธอทำความวุ่นวายให้แก่เขา เพราะเขามีทั้งงานและนายทหารผู้ใหญ่ระดับนายพลหลายคน ที่อาจจะต้องคอยดูแลหรืออะไรก็ตาม ทำให้หญิงสาวที่กำลังหน้าเสียรีบเดินราวกับจ้ำ ออกจากที่ยืนอยู่ไปตามหารถ ที่พลทหารแมกซ์นำไปจอดรออยู่ไม่ไกล

เมื่อกลับถึงบ้านพัก พราวพรายเอาของที่ซื้อมาเก็บเข้าไว้ในตู้เย็น บางอย่างก็วางไว้บนเคาเตอร์ในครัว ยังไม่นึกอยากทำอาหารมื้อเย็นสำหรับตัวเอง เพราะแม้แต่อาหารมื้อกลางวันที่พลทหารแมกซ์นำมาให้ ก่อนนั่งรถออกไปหน้าค่าย ก็ไม่นึกอยากแตะแม้ขณะนั้นจะเกือบบ่ายสองโมงแล้ว ได้แต่ชงกาแฟมานั่งดื่มอยู่เงียบๆ

ความจริงตอนนี้หญิงสาวนึกอยากกลับอุบลฯเต็มทีแล้ว เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนเป็นส่วนเกิน แต่ก็ไม่กล้าจะบอกนิคตอนที่เขากลับมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เธอกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธองอนหรือเรื่องมากหมือนทุกครั้ง แล้วอาจจะโมโหเธอขึ้นมาอีกก็ได้ที่นึกจะมาก็มา พอไม่สบอารมณ์ก็จะไปดื้อๆ

เมื่อทำอะไรก้ไม่ได้สักอย่าง พราวพรายก็เลยตั้งใจว่าจะอยู่เฉยๆ ไม่วุ่นวายเรียกร้องโน่นนี่จากเขาอีก แม้แต่เรื่องวันนี้ที่เห็นเขาอยู่กับเหงียน ฟาย เธอก็ตั้งใจว่าจะไม่พูดถึงหรือซักไซ้เอาเรื่องเขา ถ้าเขาเห็นผู้หญิงคนนั้นดีกว่าเธอก็แล้วแต่เขา เธอไม่คิดจะไปต่อสู้แย่งชิงเขากลับมาหรอก เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใจและจิตสำนึกของเขาเอง

อีกสองชั่วโมงต่อมา หลังจากนั่งบ้างเดินบ้างไปมาอยู่หลายตลบโดยไม่มีอะไรทำ พราวพรายก็นึกขึ้นมาได้ถึงเสื้อไหมพรมสีดำ ที่เธอตั้งใจจะถักให้นิคและเพิ่งเริ่มถักได้ไม่กี่วัน ที่เอาติดกระเป๋ามาด้วย ก็เลยหยิบมานั่งถักต่อแก้เหงา บอกตัวเองว่าไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เพราะคิดไปก็เปล่าประโยชน์ เธอเพิ่งตระหนักในตอนนี้เองว่าผู้ชายคนที่เป็นสามีของเธอนั้น เป็นคนแข็งกว่าที่เธอคิด เขามีจุดยืนของเขาเองและมีขีดจำกัดในบางเรื่อง

เขาเคยยอมให้เธอทำอะไรตามอำเภอใจมามากแล้ว ตอนนี้เขาอาจจะมาถึงขีดจำกัดแล้วก็ได้ ถ้าเธอยังยืนกรานจะทำตามใจชอบเพราะถือว่าเขารัก เขาก็อาจจะทำตามความต้องการของเขาขึ้นมาบ้าง ท่าทางเขาจะไม่ยอมแพ้ใครหรืออะไรง่ายๆ ถ้าจะเอาชนะเขาให้ได้เธอก็ต้องเปลี่ยนยุทธวิธีเสียใหม่ เมื่อเขาต้องการเป็นผู้นำ เธอก็ควรจะต้องยอมเป็นผู้ตามเขาบ้างตามสมควร ส่วนที่เธอจะพอใจหรือไม่ก็ต้องพยายามเก็บเอาไว้ในใจ

ตอนหกโมงเย็นขณะที่พราวพรายยังนั่งถักเสื้ออยู่ นิคก็เดินเข้ามาในบ้าน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ท่าทางของเขาเหน็ดเหนื่อยก็จริงแต่สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าตอนเช้ามาก

“ผมกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปงานเลี้ยงเท่านั้นแหละ”

เขารีบบอกก่อนที่เธอจะถามทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลย เพราะพราวพรายตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ถาม นอกจากนี้ก็ยังคาดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย ว่านิคจะต้องกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาคงจะไม่ไปร่วมงานในชุดเครื่องแบบที่สวมหมักหมมมาทั้งวันหรอก

“ทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือเธอ
“ถักเสื้อน่ะค่ะ อยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำก็เลยเอามานั่งถัก พอดีเอาติดกระเป๋ามาด้วย” หญิงสาวตอบเรียบๆ
“ถักให้ใคร หรือถักไว้ใส่เอง”

พราวพรายไม่ตอบว่าอะไร เธอไม่คิดจะบอกเขาหรอก ว่าตั้งใจจะถักเสื้อกันหนาวแขนยาวคอแหลมให้เขา

“กินมื้อเย็นหรือยัง แมกซ์เอามาให้แล้วใช่ไหม?”

“ยังไม่หิวหรอกค่ะ ฉันจะทำอะไรนิดหน่อยกินเอง บอกแมกซ์ไปแล้วว่าไม่ต้องซื้อมาให้ ตั้งใจจะทำเองทุกวัน วันนี้ออกไปตลาดก็เลยซื้อของมาเก็บไว้ จะได้ไม่ต้องกวนเขาบ่อยๆ”

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ”

นิคเดินหายเข้าไปในห้องนอนแล้ว พราวพรายหยุดถักเสื้อ ลังเลว่าจะเข้าไปบอกเขาดีหรือไม่เรื่องเสื้อสองตัวที่ซื้อมาฝากเขา ที่คิดจะบอกก็เพราะเผื่อเขาจะใส่เสื้อที่เธอซื้อมาไปงานเลี้ยงคืนนี้ แต่อีกสิบนาทีต่อมาเขาก็เดินออกมาจากห้องนอน ในชุดกางเกงขายาวสีดำกับเสื้อเชิร์ตผ้าไหมไทยสีขาวของเธอ

“ซื้อเสื้อมาให้ผมหรือ? ขอบใจมากนะ พราว กำลังอยากได้เชิร์ตสีขาวแขนสั้นอยู่พอดี”

เขาไม่ยักพูดถึงเสื้ออีกตัวที่แขวนอยู่ด้วยกัน ที่เธอซื้อมาให้เขาแทนตัวที่กระชากจนขาดด้วยแรงอารมณ์

หญิงสาวคิดว่าเขาอาจจะพูดเพื่อเอาใจเธอก็ได้

พราวพรายเหลือบมองเสื้อที่เขาใส่อยู่ แล้วถามพอเป็นพิธีว่า “ชอบไหมคะ?”

“ชอบสิ คุณอุตส่าห์ซื้อมาให้ทั้งที จะไม่ชอบได้ไง”

ชายหนุ่มมองเวลาที่นาฬิกาบนข้อมือก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆเธอ

“คืนนี้ผมก็คงดีกอีกเหมือนเคย นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอผม พรุ่งนี้ผมคงพอมีเวลาว่างบ้างแล้วละ พวกผู้ใหญ่จะเดินทางกลับตอนสายๆ”

พราวพรายยิ้มอ่อนๆให้เขา เธอไม่ตอบว่าอะไรและไม่ถามด้วย ทำให้เขา มองอย่างแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ

ในที่สุดเขาก็ถามว่า “เบื่อไหมที่ต้องอยู่คนเดียวทั้งวันมาสองวันแล้ว”
เธอจะตอบอะไรได้นอกจาก “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอยู่ได้”

เห็นท่าทางอารมณ์ดีเกือบเหมือนปกติของเขาแล้ว พราวพรายก็ตัดสินใจพูดกับเขาว่า “นิคคะ คุณต้องรีบไปหรือเปล่า ถ้าไม่รีบมากนักฉันอยากจะขอเวลาสักสิบนาที ได้ไหมคะ?”

นิคมองหน้าเธออย่างสงสัย “ได้สิ นานกว่านั้นหน่อยก็ได้ มีอะไรหรือ?”

“เอ้อ..คือฉันอยากจะบอกว่าที่ฉันมาหาคุณ ก็เพราะอยากจะมาขอโทษเรื่องคืนนั้น ที่ฉันโกรธแล้วกระะชากเสื้อคุณจนขาด ฉันรู้ว่าฉันทำไม่ถูก คุณโกรธฉันมากใช่ไหมคะ ตอนนี้หายโกรธหรือยัง?”

ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเธอจะเอ่ยปากขอโทษเขา ที่ผ่านมาเธอทำสารพัดเรื่องและไม่เคยยอมขอโทษ ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น เขารู้ว่าพราวพรายมาหาเขาเพื่อง้อเขา และเขาก็ไม่ได้คิดจะเล่นตัวอะไร เพียงแต่ช่วงนี้เขาไม่ว่างจริงๆเท่านั้น

นอกจากจะต้องเข้าร่วมประชุมชี้แจงสถานการณ์การสู้รบ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่เขารับผิดชอบอยู่แล้ว เขายังได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้เป็นหนึ่งในคณะนายทหาร ที่ต้องคอยติดตามและดูแลอำนวยความสะดวก ให้นายทหารระดับนายพลจากสหรัฐฯ สองสามคนอีกด้วย ทำให้ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย การประชุมแต่ละครั้งก็ใช้เวลาเนิ่นนาน กว่าจะได้กลับบ้านล้มตัวลงนอนก็ดึกดื่นค่อนคืน มีเวลานอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบตื่นเข้าไปทำงานในกองบัญชาการอีกแล้ว

“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ พราว ผมยอมรับว่าคืนนั้นผมโกรธคุณที่ไม่ยอมฟังเหตุผลของผมบ้างเลย ผมไม่ได้อยากจะทิ้งคุณให้อยู่คนเดียวตอนกลางคืนหรอก แต่คุณต้องรู้ว่าบางครั้งมันก็จำเป็น เราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ ยังต้องมีเพื่อนฝูง มีสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมของพวกทหาร ที่ค่อนข้างจะเกาะกลุ่มกันแน่นเหนียว"

เห็นสีหน้าจ๋อยๆของเธอแล้วนิคก็รู้สึกสงสาร ท่าทางของพราวพรายเหมือนเด็กที่รู้ตัวว่าทำผิด และกำลังพยายามขอร้องไม่ให้ผู้ใหญ่ลงโทษ เขาเห็นเธอทำตาปริบๆทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อพูดกับเขาด้วยเสียงอ่อยๆว่า

“ฉันขอโทษค่ะ นิค ฉันอาจจะคิดอะไรแบบเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อย ตอนนี้คุณยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่าคะ?”

“หายโกรธไปตั้งนานแล้ว ที่ไม่ได้ไปหาคุณน่ะ ไม่ใช่เพราะยังไม่หายโกรธ แต่ผมไปไม่ได้จริงๆ”

นิคดึงไหมพรมกับไม้นิตออกจากมือเธอไปวางลงบนโต๊ะใกล้ๆ รั้งตัวเธอมานั่งลงบนตักแล้วกอดเอาไว้ “

คุณต้องพยายามเข้าใจสภาพการทำงาน ที่ไม่ค่อยจะเป็นเวลาของผมบ้าง อยู่ภาคสนามก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ผมสัญญาว่าอีกหน่อยเมื่อผมย้ายออกจากตรงนี้ หรือกลับไปอเมริกา เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมจะมีเวลาให้คุณเต็มที่ ระหว่างนี้ก็อย่าคิดมาก ผมจะพยายามไปหาคุณที่โน่นให้มากขึ้น"

นิคนิ่งไปอึดใจหนึ่งเหมือนจะเรียบเรียงถ้อยคำก่อนจะกล่าวต่อไป 

"เรื่องคืนนั้นน่ะคุณไม่ควรทำแบบนั้น แต่มันก็อาจจะเป็นความผิดของผมด้วยก็ได้ที่ตามใจคุณมากเกินไป ทำให้คุณเคยตัว นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ คุณแต่งงานแล้วก็ต้องเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ ควรฟังเหตุผลของผมบ้าง พราวต้องรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ผมไม่ใช่เด็กในบ้านที่คุณจะทรีตยังไงก็ได้ ที่ผ่านมาเวลาคุณอาละวาดผมก็พอจะรับได้ แต่คืนนั้นมันเกินไปหน่อย อย่าทำอีกนะ”

นิคทำหน้ายิ้มๆทีเล่นจริงเมื่อกล่าวต่อว่า “เพราะผมอาจจะโกรธจนยกโทษให้ไม่ได้ก็ได้”

หญิงสาวน้ำตาคลอ ใจเสียเหมือนกันเมื่อรู้ว่าเขาจะเอาจริง
“ค่ะ นิค ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”

ชายหนุ่มที่กำลังใจอ่อนกับสีหน้าเผือดซีด และท่าทางเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาของพราวพราย ยกมือขึ้นลูบผมยาวสลวยของเธอ

“ไม่ต้องร้องไห้หรอก บอกแล้วไงว่าหายโกรธแล้ว แค่เรื่องงอนน่ะผมรับได้ไม่มีปัญหา ง้อได้อยู่แล้ว แต่เรื่องโกรธกันหรือทะเลาะกันแล้วทำลายข้าวของ ผมไม่ชอบ มีอะไรที่ไม่พอใจก็ค่อยๆพูดจากันด้วยเหตุด้วยผล เข้าใจไหม?"

เขามองท่าทางสงบเสงี่ยมของเธออย่างพอใจ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“แมกซ์บอกว่าวันนี้มันพาคุณไปตลาด ซื้ออะไรมาบ้างล่ะนอกจากอาหาร สินค้าพื้นเมืองแถวนี้ก็น่าซื้อนะ ของเก่าแบบที่พราวชอบก็แยะ วันนี้ผมยังต้องพาท่านเสนาธิการฯที่มาตรวจเยี่ยมค่ายออกไปซื้อเลย ขากลับแวะไปที่ร้านเหงียน แคทลีนเขาวานให้ไปกำชับเรื่องอาหารที่จะจัดเลี้ยงคืนนี้ ทางเรามอบหมายให้ร้านเขาทำอาหารให้ เหงียนเขายังถามถึงน้องสาวผมเลย” นิคทำหน้ายิ้มๆตรงประโยคสุดท้าย

ใจที่ฟุบแฟบด้วยความระแวงของพราวพรายพองโตขึ้นมาทันที เมื่อรู้แน่จากปากนิค ว่าเขาไปที่ร้านแม่เหงียนด้วยธุระของทางค่าย ไม่ใช่ธุระส่วนตัวที่หาเรื่องจะไปดูหน้าหรือพูดคุยกับเจ้าหล่อน แต่หญิงสาวไม่คิดจะบอกเขาหรอก ว่าเธอเห็นทั้งเขา ทั้งแม่เหงียนคนสวยและท่านเสนาธิการทหารอ้วนพุงพลุ้ยคนนั้นแล้ว

พูดจบชายหนุ่มก็ดีงตัวพราวพรายให้ลุกขึ้นจากตัก

“ผมต้องไปแล้วละ พอมืดก็ปิดบ้านเสีย แล้วก็นอนได้เลยไม่ต้องรอ ผมคงกลับดึก ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก” แล้วเขาก็สัพยอกเธอว่า “ผีก็ไม่มี ถ้ามีมันคงออกมาหลอกผมเสียนานแล้วละ ไม่ต้องรอจนคุณมาให้มันหลอกหรอก”

คืนนั้นพราวพรายเข้านอนอย่างปลอดโปร่งโล่งใจหลายเรื่อง เธองัวเงียตื่นขึ้นมาหลังสองยามตอนที่นิคล้มตัวลงนอนใกล้ๆ พอรู้ว่าเธอตื่นอยู่เขาก็รั้งตัวเธอเข้าไปกอด ปากของเขามีกลิ่นเหล้าอ่อนๆและกลิ่นบุหรี่ แล้วคืนนั้นชายหนุ่มก็พบว่าพราวพรายว่านอนสอนง่ายจนน่าแปลกใจ




 




Create Date : 30 มีนาคม 2566
Last Update : 5 เมษายน 2566 21:36:35 น.
Counter : 560 Pageviews.

5 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณThe Kop Civil, คุณหอมกร, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณเริงฤดีนะ, คุณกิ่งฟ้า, คุณสองแผ่นดิน

  
ค่อยยังชั่วเริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่แล้วค่ะ
ไม่งั้นจะเบื่อนางเอกของคุณตุ้ยแล้วนะ

โดย: หอมกร วันที่: 5 เมษายน 2566 เวลา:8:04:23 น.
  
ขอบคุณกำลังใจค่ะ
นางเอกเริ่มน่ารักแล้วนะคะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 5 เมษายน 2566 เวลา:8:28:50 น.
  
อุ้ย..
ลุ้นๆอยู่กับ ่่าีห ่่างเหินหมางเมินของนิค
นึกว่าจะมีกิ๊กเสียแย้ว..
โล่งอก..แทนพราวพราย..ค่ะ

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 5 เมษายน 2566 เวลา:11:33:28 น.
  
อยู่กับท่าที*
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 5 เมษายน 2566 เวลา:11:45:44 น.
  
เริ่มสนุกแล้วค่ะนึกว่าจะงอนกันไม่เลิกซะอีกค่ะคุณตุ้ย อิอิ

Literature Blog

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 5 เมษายน 2566 เวลา:13:38:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มีนาคม 2566

 
 
 
1
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com