คนละฟากฟัา - บทที่ 47

เย็นวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ พราวพรายกลับถึงบ้านแล้วก็กระสับกระส่ายนั่งรอให้สุนิสากลับมาอาบน้ำแต่งตัว จัดกระเป๋ารออรรณพมารับไปค้างที่ค่ายเหมือนทุกครั้ง ที่ต้องรอเพื่อนก็เพราะจะต้องจัดเสื้อผ้าเตรียมไปค้างกับนิคที่อพาร์ตเมนท์ตามคำสั่งของเขาเมื่อวาน ความจริงเธอจะจัดเสียเลยตอนนี้ก็ได้ แต่ความหวาดวิตกเกินกว่าเหตุกลัวว่าสุนิสาจะเห็นกระเป๋าค้างคืน ทำให้หญิงสาวไม่กล้าทำอะไรผิดแผกไปจากทุกวัน แม้แต่หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเธอยังไม่กล้าแต่งตัวในชุดที่จะออกนอกบ้าน ต้องไปคว้าเสื้ออยู่กับบ้านตัวหลวมยาวมาใส่เหมือนทุกวัน กะว่าพอสุนิสาออกไปกับอรรณพแล้วค่อยเปลี่ยนใหม่อีกที

ต่อจากนั้นพราวพรายก็เฝ้าแต่ดูนาฬิกา นิคนัดจะมารับเธอประมาณทุ่มตรง ปกติสุนิสาจะกลับถึงบ้านไม่เกินห้าโมงครึ่ง แต่ขณะนี้หกโมงกว่าแล้วก็ยังไม่มาสักที ใจของพราวพรายตุ๋มๆต้อมๆ กลัวว่านิคจะมาเรียกที่หน้าบ้านตอนที่สุนิสากลับมาถึงพอดี และที่ร้ายกว่านั้นถ้าบังเอิญเป็นตอนที่อรรณพมาจอดรถรอรับเพื่อนของเธอ พอนึกกลัวว่าเพื่อนจะรู้หญิงสาวก็โมโหนิคขึ้นมาอีก ที่บีบบังคับให้เธอต้องยอมไปค้างด้วย เขามีสิทธิอะไรมาบังคับเธอ ไม่ยอมรับรู้แม้แต่น้อยว่าตอนนี้เขามีสิทธิในตัวเธอในฐานะสามีแล้ว ความจริงการที่เธอจะไปอยู่กับนิคไม่ได้มีอะไรที่เหมือนกับเพื่อนของเธอเลย เธอกับเขาเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฏหมาย ในขณะที่คู่ของอรรณพกับสุนิสาไม่ใช่ แต่พราวพรายก็ไม่ยอมนึกถึงความจริงข้อนี้หรอก มัวแต่กลัวเพื่อนจะรู้ความลับและโกรธว่านิคแข็งข้อเท่านั้น

สุนิสากลับมาพร้อมอรรณพเมื่ออีกสิบห้านาทีจะหนึ่งทุ่ม ระหว่างที่นั่งรอสุนิสาจัดกระเป๋าค้างคืน อรรณพก็เอ่ยปากชวนพราวพรายให้ออกไปรับประทานอาหารเย็นกับเขาและสุนิสา และบ่นถึงเขตต์ว่าหายหน้าไปพักหนึ่งแล้ว สงสัยว่าจะเข้ากรุงเทพฯ หญิงสาวที่กำลังร้อนใจอยากให้คนทั้งสองออกไปจากบ้านเสียทีได้แต่อ้อมแอ้มปฏิเสธ แล้วในที่สุดอรรณพก็ขับรถพาสุนิสาออกจากหน้าบ้านไปเมื่อทุ่มตรงพอดี ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของพราวพราย ที่กลัวว่านิคจะโผล่หน้ามาในนาทีใดนาทีหนึ่ง เพราะเธอรู้ว่าเขาเป็นคนตรงต่อเวลา

ทันทีที่รถอรรณพแล่นหายลับตาไป พราวพรายก็รีบเข้าห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว มือคว้าได้เสื้อผ้าสองสามชิ้นก็ยัดใส่ลงไปในกระเป๋าค้างคืนใบเล็กๆ หูก็คอยฟังเสียงนิคที่น่าจะได้ยินแล้วในตอนนี้ หลังจากนั้นก็ล็อคห้องนอน ฉวยกระเป๋าออกมาวางแอบไว้ตรงซอกเก้าอี้ในห้องเอนกประสงค์ นิคมาเรียกเธออีกห้านาทีต่อมา

นิคจอดรถเรียบร้อยในลานจอดของอพาร์ตเมนท์ ลงจากรถแล้วหันไปคว้าถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดใหญ่สองถุง ที่วางไว้ด้านหลังติดตัวลงมาด้วย เมื่อพราวพรายลงจากรถตามมา เขาก็คว้ากระเป๋าค้างคืนของเธอมาถือให้แล้วเดินลิ่วพาเธอไปขึ้นลิฟต์ หญิงสาวมองถุงในมือเขา อยากจะถามเหมือนกันว่าเขาหอบอะไรมาด้วย แต่ก็ไม่ได้ถามเพราะยังอารมณ์เสียไม่หายที่เขาทำให้เธอขวัญผวากับความเฉียดฉิว ที่อาจจะเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างอรรณพกับสุนิสาและตัวเขาเอง

นิคเปิดประตูห้องชุด นำถุงสองใบนั้นไปวางลงบนเคาเตอร์เล็กๆในห้องแพนทรี หลังจากนั้นก็หันมาถามพราวพรายว่า “ยังไม่ได้ทานอาหารเย็นใช่ไหม? ผมแวะซื้อมาแล้วนะ ยังร้อนอยู่ ทานได้เลย”

หญิงสาวที่หน้ายังบึ้งอยู่นิดๆไม่ตอบว่าอะไร ได้แต่มองตามหลังนิคที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนพร้อมกระเป๋าของเธอ รีรออยู่เดี๋ยวหนึ่งก็เดินไปเปิดถุงสองใบที่อยู่บนเคาเตอร์ อยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน นอกจากอาหารมื้อเย็นที่เขาพูดถึงเมื่อกี้นี้

ถุงใบแรกมีอาหารปรุงสำเร็จแล้วบรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกใสสองสามใบ หญิงสาวเปิดกล่องออกดูพบข้าวผัดปูหนึ่งกล่อง ทอดมันกุ้งหน้าตาน่ากินหนึ่งกล่อง แกงจืดฟักตุ๋นใส่เห็ดหอมบรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกทรงกระบอกมีฝาปิด และสุดท้ายคือบร็อคโคลีผัดกุ้ง นอกจากนี้ก็มีของสดคือไข่ไก่หนึ่งโหล ขนมปัง แฮมและเบคอน ผลไม้สองชนิดและอะไรอีกสองสามอย่าง พราวพรายนึกในใจว่าเขาขนซื้อมาทำไมมากมาย เธอเอาของสดทั้งหมดเข้าเก็บในตู้เย็น หลังจากนั้นก็เปิดถุงใบที่สอง

พอหยิบของข้างในออกมาดูหญิงสาวก็ขมวดคิ้ว มีชุดนอนผู้หญิงสีอ่อนหวานอยู่สามชุด เมื่อคลี่ออกดูทีละตัวก็พบว่าเป็นชุดที่ค่อนข้างโป๊ ผ้าเนื้อนุ่มนั่นก็ช่างแสนจะเบาบางจนแทบจะมองทะลุเห็นเนื้อหนังข้างในได้โดยไม่ต้องวาดภาพ พราวพรายขมวดคิ้ว เขาซื้อมาให้เธอเพราะเห็นว่าชุดนอนที่เธอมีอยู่แสนจะไม่ได้ความหรือไง ใจคอเขาจะให้เธอใส่ไอ้ชุดโป๊ๆน่าเกลียดพวกนี้น่ะหรือ

นิคซึ่งท่าทางอารมณ์ดีผิดไปจากเมื่อวานเดินเข้ามาพอดี ตอนที่พราวพรายกำลังคลี่เสื้อนอนตัวสีเขียวโศกออกดูอยู่ เขาทำหน้ายิ้มๆถามว่า “เป็นไง ชอบไหม?”

“คุณซื้อมาให้ฉันหรือคะ?”
“ใช่สิ ถ้าไม่ให้คุณแล้วจะให้ใครล่ะ”
“ฉันมีตั้งหลายชุดแล้วนี่”
ชายหนุ่มทำหน้าเบ้ “แต่ละชุดของคุณยังกับเสื้อนอนเด็ก แขนยาวขายาวอะไรก็ไม่รู้ ใส่เข้าไปได้ยังไง ไม่ร้อนมั่งหรือ” เขาวิจารณ์จากที่เคยเห็นชุดของเธอที่วังเวียงนั่นแหละ

พราวพรายพูดไม่ออก แต่ก็สงบปากสงบคำไม่ออกความเห็น ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงจะโวยวายต่อว่าต่อขานเขาไปแล้ว ที่ไปซื้อหาชุดนอนพวกนี้มาให้โดยไม่ขอความเห็นจากเธอก่อน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่นิคทำท่าแข็งข้อ เธอก็ต้องเปลี่ยนท่าทีของตัวเองเสียใหม่ คิดว่าอะไรที่ยอมได้ก็จะยอมๆไปก่อนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าความอดทนของตัวเองจะมีได้นานแค่ไหน

เมื่อเห็นเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยพร้อมสำหรับอาหารมื้อเย็น หญิงสาวก็เอาอาหารถ่ายใส่จาน จัดโต๊ะเสร็จก็ลงนั่งรับประทานด้วยกัน วันนี้นิคมีท่าทางอารมณ์ดีผิดจากเมื่อวาน เขาชวนเธอพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ หน้าตาก็ดูเป็นปกติ แต่ไม่ได้เอาใจเธอทุกขณะเหมือนก่อนหน้านี้ บางครั้งยังทำท่าเหมือนรอให้เธอเอาใจเขาเสียด้วยซ้ำ

หลังอาหารเขาก็เดินไปนั่งสูบบุหรี่ที่เก้าอี้นวม พราวพรายนำผลไม้ที่เขาซื้อมาไปปอกแล้วนำมาวางตรงหน้าเขา

“ผมไม่เอาหรอก ซื้อมาให้คุณ”
“เอากาแฟไหมคะ”
“ดีเหมือนกัน”

เขาทำหน้ายิ้มๆ ซึ่งพราวพรายสงสัยว่าที่เขาสั่งให้เธอมาค้างกับเขาที่นี่ หลังจากที่เธอรับเงื่อนไขว่าจะทำหน้าที่ภรรยาให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ก็คงเพื่อจะทดลองดูว่าเธอจะทำหน้าที่ได้ดีเป็นที่พอใจของเขาหรือเปล่า ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้หญิงสาวยิ่งโกรธมากขึ้น แต่ก็พยายามทำไม่รู้ไม่ชี้ แค่นี้ก็พอทน แต่ที่เธอกลัวจริงๆไม่ใช่เรื่องนี้ กลัวเรื่องคืนนี้กับชุดนอนวับๆแวมๆที่เขาซื้อมาต่างหาก

“พราว มานั่งคุยกันหน่อยสิ” เขาเรียกเมื่อเห็นเธอทำท่าเหมือนจะไปเปิดโทรทัศน์
หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามเขา ใจก็นึกหวั่นว่าเขาจะมีข้อเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า “มีอะไรคะ?”

นิคอมยิ้มมองหน้าพราวพรายอย่างพอใจ ที่เห็นเธอว่าง่ายผิดไปจากทุกวัน สีหน้าสีตาก็ปกติ พูดก็เพราะขึ้น นึกในใจว่าน่าจะปราบเธอแบบเมื่อวานนี้เสียนานแล้ว แต่ก็ยังวางใจไม่ได้หรอก เวลาเธอแพ้หรือทำท่าจะแพ้เธอก็จะมีท่าทางคล้ายๆอย่างนี้แหละ ทำสงบเสงี่ยมไม่มีปากมีเสียง แต่คอยดูฤทธิ์ของเธอเวลาที่คิดว่าเป็นต่อเถอะ เก่งกล้าน่าดูเชียวแหละทั้งปากทั้งมือ

ชายหนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อนอน หยิบสิ่งที่เขาเตรียมไว้แล้วออกมาส่งให้พราวพราย เธอรับไปและเมื่อเห็นเป็นเช็คชื่อเขาที่สั่งจ่ายในชื่อเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรคะ ?”
“เงินเดือนผมไง”
“ให้ฉันทำไม?”
“อ้าว คุณเป็นเมียผม ผมก็ต้องให้คุณน่ะสิ”

หญิงสาวก้มลงดูตัวเลขในเช็ค เห็นแล้วก็ตกใจ “จะให้ฉันมากขนาดนี้เลยหรือ”

“ไม่ได้มากมายอะไรหรอก แค่ส่วนหนึ่งของเงินเดือนผมเท่านั้น แต่พอแปลงเป็นเงินไทยแล้วมันก็ถือว่ามาก ปกติทางกองทัพจะจ่ายเข้าบัญชีผมทางโน้น” เขาหมายถึงต้นสังกัดของเขาในวอชิงตัน ดีซี. “ถ้าจะใช้ผมก็โอนมาทางนี้ แต่ส่วนมากผมไม่ได้ใช้หรอก อยู่ที่นี่ผมได้เบี้ยเลี้ยงพิเศษต่างหาก ก็ใช้เงินเบี้ยเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ แต่เช็คนี่สำหรับคุณ”

“นิคคะ ฉันรับไม่ได้หรอก” เธออึกอักปฏิเสธ “ฉันไม่เคยรับเงินใคร แล้วอีกอย่างมันก็มากเกินไปด้วย”
อีกฝ่ายทำตาดุคล้ายๆ เมื่อวานขึ้นมาทันที “ทำไมถึงรับไม่ได้ รับเงินจากผมมันเป็นยังไง เสียศักดิ์ศรีมากนักหรือ”

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันเพียงแต่เห็นว่าฉันเองก็ทำงานมีเงินเดือนเหมือนกัน แม้จะเปรียบกับเงินเดือนคุณไม่ได้ก็ตาม” พราวพรายเริ่มเสียงสั่น เพราะนึกโกรธเสียงแข็งๆ ตาดุๆ ของเขาขึ้นมาบ้างแล้ว “อีกอย่าง คุณก็ไม่จำเป็นต้องให้เงินฉัน เพราะเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบครอบครัว ไม่มีรายจ่ายอะไร”

“อย่าเรื่องมากเลยน่า พราว ผมให้เพราะเป็นหน้าที่ คุณก็รับเอาไว้เถอะ จะเก็บเอาไว้เฉยๆหรือจะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ” พอเห็นหน้าซีดๆของเธอ เสียงของนิคก็อ่อนลงเล็กน้อย “ถ้าไม่อยากรับจากมือผมก็เอาหมายเลขบัญชีธนาคารของคุณมา ผมจะโอนผ่านเข้าบัญชีให้คุณเอง”

หญิงสาวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ พยายามข่มความโกรธไม่ให้ปรากฏออกมาทางสีหน้าให้เขาเห็น ตอนนี้เธอทำคล้ายๆกับที่ทำกับมารดาคือเมื่อไม่พอใจแล้วนึกอยากปลีกตัว ก็ไม่กล้าลุกพรวดพราดออกไปทันที ต้องฝืนใจนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ต่ออีกครู่หนึ่งจึงค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ฉันขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย”
“คุณอาบน้ำมาจากบ้านโน้นแล้วไม่ใช่หรือ”
“ค่ะ จะเปลี่ยนชุดนอน”

พอได้ยินเช่นนั้น นิคก็ลุกจากเก้าอี้ไปหยิบเสื้อนอนตัวสีเนื้อที่ทั้งบางเบา ทั้งคอแหลมลึกลงไปถึงไหนๆมาส่งให้ บอกด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า “ใส่ชุดนี้นะ ผมชอบ”

พราวพรายบังคับมือตัวเองให้ยื่นไปรับเสื้อนอนชุดนั้นจากมือเขา เดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อเข้าห้องน้ำจากประตูด้านที่อยู่ข้างใน เมื่อเข้าไปได้แล้วก็ลงนั่งบนฝาชักโครก สีหน้าที่เมื่อครู่พยายามปรับจนเป็นปกติเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันที ชักรู้สึกว่านิคจงใจวางอำนาจกับเธอ โดยอ้างสิทธิของการเป็นสามีและเงื่อนไขที่เธอจำใจต้องยอมรับ ที่ว่าจะทำหน้าที่ภริยาอย่างถูกต้องครบถ้วน คิดไปคิดมาแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า เขาเองก็ยอมรับเงื่อนไขของเธอเหมือนกันไม่ใช่หรือ ว่าจะไม่บีบบังคับฝืนใจให้เธอทำสิ่งที่ไม่สมัครใจจะทำ ทั้งเรื่องเงินของเขาและเสื้อนอนน่าเกลียดตัวนี้ ก็อยู่ในข่ายความไม่สมัครใจของเธอทั้งนั้น

แต่ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจจะทำตามความต้องการของเขา อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขามีแผนจะทำอะไรต่อไปอีก ความโกรธที่ทำให้ร้อนรุ่มกลุ้มใจและต้องการจะปลีกตัวจากเขาอีกสักพัก ทำให้พราวพรายตัดสินใจอาบน้ำอีกรอบ อาบน้ำเสร็จเช็ดตัวจนแห้งแล้วก็คว้าเสื้อนอนที่เขาให้มาสวมลงไป มองเงาตัวเองในกระจกบานยาวที่ติดอยู่บนบานประตูห้องน้ำ เห็นแล้วก็รู้สึกอาย เสื้อนอนชุดนั้นค่อนข้างบางจนเห็นสัดส่วนเกือบทั้งหมด คอที่แหลมลึกก็แทบจะไม่ปกปิดทรวงอกที่อิ่มเอิบสมบูรณ์งามสล้างได้เลย

หญิงสาวมองแล้วก็เมินจากภาพที่เห็น ออกจากห้องน้ำมาค้นกระเป๋าค้างคืน หาเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวที่เอามาจากบ้านนำมาสวมทับลงไป ผูกเอวจนแน่นหนา แล้วเดินไปหยิบแปรงมาแปรงผมยาวสลวยเลยบ่าที่รวบเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน เสร็จเรียบร้อยก็มองนาฬิกาเห็นว่าสามทุ่มกว่าแล้ว ก็สองจิตสองใจว่าจะเข้านอนก่อนเขาเสียเลยดีไหม จะได้รีบๆหลับ แต่มันก็อาจจะยังหัวค่ำเกินไปที่จะเข้านอน ดีไม่ดีเขาอาจจะรีบตามเข้ามานอนด้วยก็ได้ ทางที่ดีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ออกไปนั่งดูโทรทัศน์ฆ่าเวลาน่าจะเหมาะกว่า

เมื่อเดินออกมาสมทบกับเขาที่ห้องข้างนอก พราวพรายเห็นนิคนั่งสูบบุหรี่ดูข่าวจากบีบีซีเฉยอยู่ พอเห็นเธอเขาก็ขยับนั่งตัวตรง “เป็นไง เสื้อใส่ได้พอดีไหม?”

เห็นหญิงสาวทำท่าอึกอักนิคก็รั้งตัวเธอให้นั่งลงบนตัก มือก็พยายามจะดึงสายรัดเอวให้หลุดออก แต่พราวพรายใช้มือตะปบเอาไว้ บอกเขาด้วยเสียงอ่อยๆว่า “โป๊จะตาย ไม่รู้จะซื้อมาทำไม”

นิคหัวเราะชอบใจ “รูปร่างคุณเซ็กซี่จะตาย ไม่เห็นต้องอายเลย” จูบเธอสองสามทีก่อนถามว่า “ง่วงหรือยัง”

หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ฉันยังไม่ง่วง ถ้าคุณง่วงก็นอนก่อนได้เลย”

นิคคงรู้ทันเธอ เขาทำหน้ายิ้มๆ เมื่อบอกว่า “ถ้าคุณยังไม่ง่วงผมก็ยังไม่ง่วงเหมือนกัน ไม่เป็นไร นั่งจูบกันตรงนี้ไปเรื่อยๆก่อนก็ได้ เดี๋ยวก็ง่วงเองแหละ”

พอพูดขาดคำเขาก็เริ่มต้นจูบเธอทันที มือไม้ของเขาที่เพ่นพ่านไปตามเนื้อตัวของเธอทำให้หญิงสาวใจสั่น แล้วเพียงครู่ต่อมานิคก็พาพราวพรายเข้าไปในห้องนอน กอดจูบลูบโลมเธอหนักกว่าเก่าด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของเต็มที่ แม้จะไม่เต็มใจในตอนแรก แต่สัมผัสรัดรึงอย่างหนักหน่วงของเขาก็ทำให้เธอหวั่นไหวสะท้านเสทือนได้มากมายอย่างไม่คาดฝัน

แต่แล้วเมื่อคลุกเคล้ากันมาถึงจุดหนึ่งพราวพรายก็ยันอกเขาออกห่าง ละล่ำละลักบอกเขาว่า “ไม่ได้! ไหนคุณสัญญาว่าฉันจะไม่ท้องไง?”

ชายหนุ่มที่ถูกขัดจังหวะกลางคัน ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ในความสลัวของห้อง “ โธ่ พราว เกิดอะไรขึ้นมาอีกล่ะ”
“ก็..ก็.ที่เราตกลงกันไว้ ที่ฉันขอเงื่อนไขคุณสามข้อแล้วคุณตกลงแล้วไง เรื่องนี้ก็อยู่ในเงื่อนไขเหมือนกัน จำไม่ได้หรือ”

พราวพรายรีบอธิบายเสียงสั่น รู้เหมือนกันแหละว่าเขาไม่พอใจที่ต้องหยุดชะงักกลางคัน แต่ถ้าเธอไม่เตือนเขาแล้วเกิดท้องขึ้นมาล่ะ ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอไม่อยากมีอะไรกับเขาจนถึงจุดนั้น แค่กอดๆจูบๆละก็พอรับได้เพราะมันก็มีความสุขดีเหมือนกัน แต่ขั้นตอนสุดท้ายไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

“คงไม่ท้องง่ายๆหรอกน่า อย่ากลัวไปนักเลย” เสียงของเขาแหบพร่าจากแรงอารมณ์ โธ่..ใครจะทนไหวล่ะ มาถึงขนาดนี้แล้ว อยู่ๆก็อ้างเงื่อนไขบ้าๆบอๆนั่นขึ้นมาขัดจังหวะเสียเฉยๆอย่างนั้น

"อ้าว..ใครจะรับรองได้ล่ะ ไม่เล่นด้วยหรอก”

พูดขาดคำพราวพรายก็ผลักนิคที่กำลังงงอยู่ให้พ้นออกไป ผลุดลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปกดสวิชต์ไฟโคมบนโต๊ะข้างหัวเตียงให้สว่างขึ้นกว่าเดิม ตาก็มองหาเสื้อนอนที่เขาโยนไปไหนก็ไม่รู้

ชายหนุ่มซึ่งกำลังอารมณ์เสียมองพราวพรายอย่างเคืองๆ “ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่ ไหนเมื่อวานบอกว่าจะทำหน้าที่เมียให้ถูกต้องครบถ้วนไง หรือไม่รู้ว่าเมียมีหน้าที่ต้องนอนกับผัวด้วย”

เสียงขุ่นๆ ตาดุๆของเขาทำให้หญิงสาวนึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำใจกล้าเถียงเขาว่า “ก็รู้เหมือนกันแหละ แต่ฉันไม่อยากท้องนี่ อย่าลืมสิว่าคุณสัญญาแล้ว”

“สัญญาบ้าๆนั่นน่ะหรือ” แล้วเขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมเธอว่า “คงไม่ท้องมั้ง แค่ครั้งเดียวเอง”
พราวพรายนิ่งคิดว่าจะเลี่ยงเขาได้ด้วยวิธีใด “ก็ได้ แต่คุณต้องป้องกันไม่งั้นก็ไม่เล่นด้วยหรอก”

ตอนนี้หญิงสาวเพียงแต่ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเอาไว้เฉยๆ เพราะยังหาเสื้อนอนไม่เจอ แล้วก็ไม่กล้าลงจากเตียงไปหาด้วย ในขณะที่อีกฝ่ายนอนคิดหาวิธี ตาก็มองผู้หญิงบนเตียงเดียวกันอย่างเคืองๆ ช่างเรื่องมากเสียเหลือเกิน จะขัดจังหวะตอนไหนก็ไม่ขัด เกิดจะมาขัดตอนที่เขากำลังจะแย่อยู่แล้วนี่สิ มันน่าเจ็บใจนัก

เหลือบเห็นหน้าบึ้งๆไม่ได้ดังใจของนิค พราวพรายก็ถามเขาด้วยเสียงอ่อยๆว่า “คุณไม่ได้เตรียมไว้ก่อนหรอกหรือ”

อีกฝ่ายซึ่งรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร ตอบด้วยเสียงฮึดฮัดขัดใจว่า “บ้าน่ะสิ ทำไมจะต้องเตรียมด้วยล่ะ คุณเป็นเมียผมนะ ไม่ใช่คนอื่น ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าข้อแม้ของคุณจะเยอะขนาดนี้ นี่ก็ไม่ได้โน่นก็ไม่ยอม”

ตอนนี้หญิงสาวซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรอีกแล้ว เริ่มขำกับท่าทางฮึดฮัดและเสียงบ่นของนิค

แต่เธอคาดผิด เพราะเขายังพยายามต่อไปอีกหน่อยด้วยการถามเธอว่า“ตกลงคุณจะเอายังไง เยสหรือโน”

พราวพรายตอบเสียงดังฟังชัดว่า “โน ถ้าคุณไม่มีอะไรป้องกัน”

ขาดคำของเธอชายหนุ่มก็กระโดดลุกขึ้นจากเตียง คว้าได้หมอนใบหนึ่งก็เดินโครมครามไปที่ประตู หลังจากหันมาจองเวรกับเธอว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ”

หญิงสาวอมยิ้มชอบใจ แกล้งร้องถามตามหลังเขาไปว่า “นั่นคุณจะไปไหน”
“นอนข้างนอก ขืนนอนในนี้คงได้ถูกข้อหาปล้ำเมียตัวเอง”

ทันทีที่นิดปิดประตูห้องนอนเสียงดังโครม พราวพรายก็รีบลุกออกจากเตียงไปล็อคประตูห้อง แล้วเปิดกระเป๋าหยิบชุดนอนเก่า ที่นิคค่อนขอดว่าเหมือนเสื้อนอนเด็กนั่นแหละ มาสวมแทนชุดนอนบางเบาตัวนั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ขึ้นเตียงและหลับผลอยไปในที่สุด

วันรุ่งขึ้นนิคเตรียมตัวมาพร้อม หมายมั่นปั้นมือว่าคืนนี้แหละจะแก้เผ็ดพราวพรายเสียให้สะใจเลย ทำเล่นตัวดีนัก ลูกเล่นแพรวพราวเหลือเกิน เพิ่งปราบอยู่หยกๆนึกว่าจะหมดพิษสงไปแล้ว ที่ไหนได้ยังลวดลายมากเหมือนเดิม

ขณะที่นิคเข้าไปอาบน้ำหลังจากกลับจากข้างนอก พราวพรายซึ่งแอบเห็นว่าเขาเอาอะไรอย่างหนึ่ง ใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงด้านของเขาก่อนเข้าห้องน้ำ ย่องไปเปิดสำรวจดูแล้วพบว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย ซึ่งเขาคงไปซื้อมาจากพีเอ๊กซ์ตอนที่ออกไปข้างนอก เธอมองกล่องใบนั้นอย่างตะขิดตะขวงใจ อะไรกันนี่? ซื้อมาตั้งกล่อง เขาคิดจะใช้กับเธอหมดนั่นเลยหรือ

คิดแล้วก็กลุ้มใจขึ้นมาอีก ผู้ชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอคนนี้บ้าเซ็กส์หรือเปล่า หรือเขาจะขาดผู้หญิงไม่ได้ แล้วต่อไปเธอจะทำอย่างไรดีในเมื่อเธอไม่ชอบเซ็กส์ ถ้าเขาชอบมากขนาดต้องมีเซ็กส์ทุกวัน เธอไม่แย่หรือถ้าจะต้องหาข้ออ้างอยู่ตลอดเวลา อนุญาตให้เขาไปมีอะไรกับคนอื่นดีไหม กับเธอแค่กอดๆจูบๆก็น่าจะพอ แต่พอนึกไปนึกมาก็อดหวงเขาไม่ได้ขึ้นมาอีก เอ๊ะ..แล้วตกลงจะเอาอย่างไรดี

ประมาณสองทุ่มครึ่งขณะที่นั่งดูวิดีโออยู่ด้วยกันหลังอาหารเย็น พราวพรายก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พูดไม่จา ต่อมาก็หลับตา พิงหัวไว้กับพนักเก้าอี้

“เป็นอะไรไป หนังไม่สนุกหรือไง?” นิคถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นท่าทางของเธอ
หญิงสาวตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตาว่า “เปล่า สนุกดีเหมือนกัน”
“สนุกแล้วทำไมไม่ดู?”
“ดูไม่ไหว คุณดูไปคนเดียวเถอะ ตาฉันลายแล้วก็เวียนหัวมาก ไม่รู้เป็นอะไร”
อีกฝ่ายชักกังวลด้วยความเป็นห่วง “เอ๊ะ เป็นอะไร ตอนกินข้าวก็เห็นยังดีดีอยู่เลย”
“ไม่รู้เหมือนกัน”

ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เข้ามาหา ใช้ฝ่ามือทาบลงไปบนหน้าผากของเธอ “ตัวก็ไม่ร้อน”
พราวพรายหรี่ตามองเขา ทำเสียงอ่อยๆ ว่า “ตอนนี้แค่เวียนหัวเท่านั้น ยังไม่มีไข้”
“เวียนหัวมากไหม ไปหาหมอดีไหม?ฃ ให้เขาตรวจดูเสียหน่อย ทิ้งไว้เดี๋ยวจะเป็นมาก”
“ดูอีกสักพักดีกว่า ถ้าเป็นมากขึ้นค่อยไปหาหมอ”
“งั้นเข้าไปนอนพักในห้องดีไหม? จะได้นอนสบายๆ หน่อย”

เห็นท่าทางเป็นห่วงของเขาแล้วหญิงสาวก็นึกสงสารที่หลอกเขา แต่ก็สงสารตัวเองมากกว่าที่ต้องลงทุนทำเป็นไม่สบาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขามาวุ่นวายด้วย

"งั้นคุณก็ต้องนั่งดูหนังคนเดียวน่ะสิ” เธอทำเป็นลังเลเหมือนเห็นใจเขา

“ไม่เป็นไร คุณเข้าไปนอนเถอะ”

พูดจบนิคก็ดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแล้วประคองพาไปส่งถึงเตียงนอน ห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อย ยืนมองเธออย่างกังวลยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “จะเอายาดมหรือยาแก้เวียนหัวไหม ผมจะออกไปซื้อให้ ใกล้ๆนี่มีร้านขายยา”

หญิงสาวคิดอย่างรวดเร็วว่าถ้าเธอปฎิเสธไปหมดทั้งหมอและยา นิคอาจจะสงสัยขึ้นมาก็ได้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เธอเลยทำเป็นบอกเขาเสียงอ่อยๆว่า “ได้ยาดมหรือยาหม่องสักหน่อยก็น่าจะดี ฉันเคยเป็นแบบนี้ พอได้ยาดมจากแอ๋วแล้วนอนพักมากๆ ก็ดีขึ้น”

หายไปพักหนึ่งนิคก็กลับมาพร้อมด้วยยาดม ยาหม่องและยาหอมที่เขาอธิบายว่าคนขาย ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้บ้างแนะนำให้ซื้อมาด้วย เพราะแก้อาการเวียนหัวได้ชะงัด นอกจากนี้ยังมียาแก้คลื่นไส้วิงเวียนติดมาด้วย ซึ่งเขาพยายามจะให้พราวพรายกิน เธอไม่กล้าปฎิเสธให้เขาสงสัย ได้แต่รับยาพร้อมน้ำมาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง

“เดี๋ยวค่อยกินก็ได้ ตอนนี้จะลองใช้ยาดมไปก่อน คุณไปดูหนังต่อเถอะ ถ้าใช้ยาดมแล้วยังไม่ดีขึ้น ฉันก็จะกินยาแล้วจะพยายามหลับสักตื่น เผื่อจะดีขึ้น”

นิครีรออยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าเหมือนไม่อยากออกไปจากห้อง พราวพรายรู้ว่าเขาห่วงเธอ แต่เธออยากให้เขาออกไป “คุณไปดูหนังเถอะ ฉันจะได้นอน ขืนคุณยืนอยู่ยังงี้ฉันคงนอนไม่หลับหรอก”

“งั้นผมออกไปข้างนอก ถ้าเป็นอะไรมากก็เรียกผมเลยนะ”

พอนิคออกจากห้องไปแล้ว หญิงสาวก็รีบคว้ายาและแก้วน้ำเข้าไปในห้องน้ำ โยนยาเม็ดนั้นลงไปในชักโครก กดน้ำรอดูจนมันจมหายไปแล้ว ก็เทน้ำในแก้วลงไปในอ่างล้างหน้า เหลือไว้เพียงครึ่งแก้ว เอาแก้ววางลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วล้มตัวลงนอนตรงที่เดิม พร้อมที่จะหลับ

นิคผลุบเข้าผลุบออกมาดูพราวพรายอีกหลายครั้ง ทุกครั้งเธอก็ต้องแกล้งทำเป็นหลับ ทั้งๆที่ความจริงก็รู้สึกซาบซึ้งกับความเป็นห่วงของเขา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอสามารถทำใจให้ชื่นชอบ หรืออย่างน้อยก็ไม่ต่อต้านความสัมพันธ์ในเชิงนั้นระหว่างสามีภรรยา ชีวิตแต่งงานของเธอกับเขาก็คงจะมีความสุขอย่างที่สุด เพราะเขาเป็นผู้ชายน่ารักที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น รู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่เคียงข้าง ให้ทุกอย่างที่ผู้หญิงต้องการจากผู้ชายสักคนหนึ่ง

บ่ายวันอาทิตย์ก่อนจะออกไปส่งพราวพรายกลับบ้านพัก แล้วเลยไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับไปเวียตนาม นิคก็ลงนั่งพูดกับพราวพรายอย่างเป็นงานเป็นการ เรื่องทะเบียนสมรสที่เธอยึดเอาไว้ทั้งสองใบ

เมื่อเขาขอใบที่เป็นของเขาคืน เธอก็บอกหน้าตาเฉยว่า“ไม่ได้หรอก ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะเก็บไว้เอง”
“จะเก็บของผมไว้ทำไม ของคุณก็มีแล้วนี่”
“คุณจะเอาไปทำไมล่ะ อยู่ที่โน่นต้องใช้ด้วยเหรอ?”
“ผมต้องส่งฝ่ายธุรการทหาร พร้อมใบแจ้งสถานภาพว่าแต่งงานแล้ว “
“จำเป็นต้องแจ้งด้วยหรือ ไม่ต้องแจ้งก็ได้มั้ง”

ชายหนุ่มทำหน้าเครียด เสียงแข็งขึ้นมาหน่อย “ตามกฏ ถ้าจดทะเบียนสมรสต้องแจ้ง เข้าใจไหม?”
“ถ้าอยู่กันเฉยๆไม่ได้จดทะเบียนล่ะ ต้องแจ้งไหม?”
นิคขมวดคิ้ว มองหน้าอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ “แกล้งถามหรือไง อยู่กันเฉยๆจะต้องแจ้งทำไม ไม่ใช่เมียนี่”
“อ้าว...ไม่รู้นี่ ถ้ารู้ก่อนจะได้ไม่ต้องจด”
“แล้วเวลาคุณไปอยู่กับผมที่โน่น ใครๆเขาก็ต้องคิดว่าคุณเป็นแค่คู่นอนหรือเมียเช่าจะว่ายังไงล่ะ จะเอาแบบนั้นหรือ” ชายหนุ่มชักหงุดหงิดที่เธอทำเหมือนโยกโย้ไม่เข้าท่า
“เชอะ! ไม่เห็นแคร์เลย ใครไม่รู้แต่คุณกับฉันรู้นี่” เธอเถียงเหมือนเด็กๆ

“เฮ้อ...พูดกับคุณแล้วเหนื่อย เถียงอะไรข้างๆคูๆ” หนุ่มผู้มีกรรมถอนใจยาวอย่างเหนื่อยจริงๆ “ตกลงคุณจะเก็บไว้เองใช่ไหม ไม่ให้แจ้งใช่ไหม”

“เอาตามนี้แหละ” แล้วเธอก็หันไปกอดเขา “น่า ก็ไม่นานหรอก หลังจากฉันบอกพ่อแม่แล้ว คุณจะเอาไปแจ้ง ไปทำอะไรก็เอาไปเถอะ นะ.นะ นิคคนดี”

“อ้อ..แล้วที่ทำงานของคุณล่ะ ไม่ต้องบอกจอห์นหรือๆจะให้ผมบอกเขาเอง? ” คราวนี้เป็นทีของนิคบ้างละ

“อย่านะ! ไม่ต้องบอก ไว้ฉันค่อยบอกเขาเองทีหลัง”
“ตอนนี้คุณนามสกุลแบรดเลย์แล้ว คุณก็ควรบอกจอห์น เขาจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง”
“ใครว่าฉันจะใช้นามสกุลนั่นล่ะ ฉันยังไม่เปลี่ยนไปใช้นามสกุลคุณในช่วงนี้หรอก” พราวพรายพูดหน้าตาเฉย

“หมายความว่าไง” คิ้วของนิคเริ่มขมวดเข้าหากันอีก นึกในใจว่าผู้หญิงคนนี้ช่างปราบยากเสียจริง ทำท่าเหมือนเชื่อฟังเขาได้ไม่กี่วันก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกแล้ว แม้จะเป็นแค่ฤทธิ์อ่อนๆก็ตาม “แต่งงานจดทะเบียนกันแล้วทำไมยังใช้นามสกุลเดิมอีกล่ะ คุณควรใช้นามสกุลผมไม่ใช่หรือ”

อีกฝ่ายยักไหล่ “ก็แล้วแต่ว่าจะใช้หรือเปล่า ถ้าฉันไม่ไปยื่นคำร้องขอเปลี่ยนนามสกุล ฉันก็ยังใช้นามสกุลเดิมไปได้เรื่อยๆ ให้ฉันบอกพ่อแม่เรียบร้อยก่อน ค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไง”

แม้นิคจะพยายามชี้แจงว่าการแจ้งเรื่องการสมรสต่อกองทัพ จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเธอเองในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ที่จะได้สิทธิอะไรหลายอย่างตามยศตำแหน่งของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ผลประโยชน์ทั้งปวงที่พึงมีพึงได้ก็จะตกเป็นของเธอทั้งหมด แต่พราวพรายก็ไม่สนใจ ยืนกระต่ายขาเดียวว่ายังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ไว้ถึงเวลาที่เหมาะสมเธอจะบอกเขาเอง พูดกันไปพูดกันมาพักใหญ่กว่านิคจะเข้าใจว่านอกจากกองทัพแล้ว ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเขา เช่นบิดามารดา ครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง จะต้องไม่รู้เรื่องการแต่งงานครั้งนี้อย่างเด็ดขาด จนกว่าเธอจะต้องการให้เปิดเผย

“ไม่ได้!! ถ้าแพตตี้กับแอ๋วรู้ พี่ณพกับคุณสุรเดชก็ต้องรู้ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ”
“เพื่อนคุณเหรอ? โนเค ห้ามบอกนะ”
“จอห์นก็รู้ไม่ได้ ฉันอาย เขาเป็นแค่เจ้านายฉัน ไม่จำเป็นต้องมารู้เรื่องส่วนตัวของฉัน”
“ยิ่งพ่อแม่คุณยิ่งรู้ไม่ได้ใหญ่เลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงฝรั่งนี่ พ่อแม่คุณอาจไม่ชอบฉันก็ได้”
“ห้ามเด็ดขาดนะ ห้ามแสดงตัวกับพ่อแม่ฉันเป็นอันขาด”

“ทำไม? หมายความว่าไง? อายหรือที่เป็นเมียผม?” เขาขมวดคิ้ว
“ไม่ได้อาย แต่ยังไม่อยากให้ใครรู้” เธอเถียงน้ำขุ่นๆ
“แล้วเมื่อไรจะให้ใครรู้ได้เสียที?” เขาถามอย่างเซ็งๆ
“ไม่รู้ อย่ามาถามจุกจิก” เธอตอบแบบพาลๆ

ข้ออ้างของเธอก็วนเวียนอยู่แถวๆนี้แหละ แรกๆพราวพรายก็ยอมบอกเหตุผลที่ว่านี้ แต่ต่อๆมานิคก็พบว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาทวงถามเรื่องนี้ เธอก็จะพาลโกรธเสียทุกครั้ง และก็จะประท้วงเขาด้วยมาตรการหลายรูปแบบ เช่นทำหน้าบึ้งหน้างอไม่พูดไม่จาด้วย ขอจูบนิดกอดหน่อยก็ทำสะบัดสะบิ้ง หนีกลับไปบ้านเช่าเสียเฉยๆ ฯลฯ ที่นิคเห็นว่าตลกที่สุดคือแม้แต่แหวนแต่งงาน ที่เขาอุตส่าห์ไปซื้อมาสองวงเพื่อใส่กันคนละวง เธอก็ปฎิเสธเด็ดขาดไม่ยอมใส่ เท่านั้นยังไม่พอ ยังยึดวงของเขาเอาไว้ด้วย เพราะกลัวว่าลับหลังเธอเขาอาจจะแอบใส่ตอนที่อยู่เวียตนามจนคนรู้กันไปทั่ว ชายหนุ่มอดนึกไม่ได้ว่าพราวพรายชอบทำอะไรประหลาดๆที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน

นิคซึ่งเห็นว่าพราวพรายทำเรื่องที่ไร้สาระ ยื่นคำขาดว่า “เอาเถอะ ตอนนี้คุณอยากจะปิดไปก่อนจนกว่าทางบ้านคุณจะอนุญาตก็ปิดไป ผมขี้เกียจพูดแล้ว แต่ผมให้เวลาคุณได้มากที่สุดไม่เกินหกเดือน คุณต้องพูดกับพ่อแม่คุณให้เรียบร้อย หลังจากนั้นถ้าคุณยังไม่ยอมทำอะไรผมก็จะเปิดเผยเอง ผมจะแจ้งหน่วยงานของผมตามกฏ พ่อแม่ผมแล้วก็พรรคพวกเพื่อนฝูงของทั้งผมและของคุณที่ผมรู้จัก อ้อ..หลังจากนั้นก็เตรียมตัวเป็นแม่ด้วย ผมอยากมีลูก เข้าใจตามนี้นะ”

พราวพรายซึ่งแม้จะไม่พอใจกับการยื่นคำขาดของนิคก็ไม่กล้าโต้แย้ง เพราะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังพยายามจะควบคุมเธอ ให้ทำอย่างที่เขาต้องการ แถมยังไม่ค่อยจะตามใจเอาใจเธอเหมือนก่อนด้วย เมื่อยังคิดหาวิธีต่อสู้กับเขาไม่ออกเธอก็เลยทำเฉยๆไว้ก่อน ถ้าคิดออกเมื่อไรก็อย่าหวังเลยว่าจะยอมให้มาวางอำนาจสั่งโน่นสั่งนี่ยังกับสั่งลูกน้อง













 



Create Date : 19 พฤษภาคม 2565
Last Update : 19 พฤษภาคม 2565 13:16:18 น.
Counter : 670 Pageviews.

5 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**

  
เจิม
ต้องมาอ่านย้อนหลังค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 19 พฤษภาคม 2565 เวลา:21:06:43 น.
  
ลงชื่อไว้ก่อนครับ เด๋วมาใหม่
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 19 พฤษภาคม 2565 เวลา:23:38:34 น.
  
เหมือนนางเอกยังไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเงอค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 20 พฤษภาคม 2565 เวลา:9:31:17 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 24 พฤษภาคม 2565 เวลา:10:49:14 น.
  
แวะมาเยี่ยมเยียนครับ
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 24 มิถุนายน 2565 เวลา:17:52:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2565

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com