คนละฟากฟ้า - บทที่ 32
ระหว่างที่สองหนุ่มนั่งกินเหล้ากันอยู่ข้างนอก สมพรกับพราวพรายก็ช่วยกันปรุงอาหาร พราวพรายสังเกตว่าอาหารไทยและลาว มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันก็แต่รสชาติและเครื่องปรุงบางตัวเท่านั้น

“นิคกับดิ๊กรู้จักกันมานานแล้วหรือคะ” พราวพรายถาม ไม่ได้อยากรู้หรอก แค่ชวนคุยเท่านั้น
“เขารู้จักกันตั้งแต่เด็ก แล้วก็เรียนมาด้วยกันค่ะ” สมพรตอบกว้างๆ

พราวพรายนึกในใจว่าเป็นทหารอเมริกันทำไมมาอยู่ที่ลาว ฐานทัพสหรัฐฯก็ไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย แต่ก็ไม่กล้าถาม ไม่รู้ว่าราชการทหารมีอะไรต้องปิดบังหรือเปล่า สมพรไม่รู้จริงๆ หรือสามีของเธอสั่งไม่ให้บอกใคร

“นิคบอกฉันว่าเขามาพักที่นี่บ่อยๆ”
“ค่ะ ทุกครั้งที่มาหลวงพระบาง นิคไม่เคยพักที่เกสต์เฮาส์หรือโรงแรม พักที่นี่ทุกครั้ง” แล้วเธอก็เสริมยิ้มๆว่า “มาบ่อย มากินเหล้ากับดิ๊ก”
“มาคนเดียวหรือคะ” พราวพรายชวนคุยไปเรื่อยๆ ไม่ได้เฉลียวใจหรอกว่าคำถามของเธอทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด คิดว่าเธอสอบถามเพราะอยากรู้ว่านิคเคยพาผู้หญิงอื่นมาบ้างหรือเปล่า
“ค่ะ มาคนเดียว ไม่เคยพาใครมาด้วยหรอกค่ะ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เพิ่งจะมีคุณพราวนี่แหละคนแรก”

พอเข้าใจนัยในคำตอบนั้นหญิงสาวก็หน้าเจื่อน ภรรยาท่าทางเฉลียวฉลาดของดิ๊กจะเข้าใจว่าอย่างไร หรือจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงของนิค

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ผู้ชายสองคนก็ออกไปนั่งดื่มเหล้าต่อ สมพรพาพราวพรายเข้าไปดูห้องที่จัดให้เป็นที่พักของเธอ ห้องนั้นอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน เป็นห้องเล็กๆแต่โปร่งสบาย มีหน้าต่างที่มองออกไปเห็นแม่น้ำคานไหลเอื่อยๆอยู่ต่ำลงไป ลมเย็นๆจากแม่น้ำพัดเข้ามาจนม่านหน้าต่างสีเขียวอ่อนปลิวไสว ห้องนั้นไม่มีเตียงมีแต่ที่นอนขนาดห้าฟุตปูอยู่บนพื้นห้องใต้มุ้งผ้าโปร่งซึ่งกางเ รียบร้อยแล้ว

“ที่นี่ลมพัดตลอดเวลา ไม่ต้องใช้พัดลมหรอกค่ะ แต่เวลานอนคงต้องปิดหน้าต่างสักบานนะคะ ดึกๆลมแรง อากาศก็ค่อนข้างเย็น”
พราวพรายเหลือบมองหมอนสองใบ ที่วางอยู่ชิดกันบนที่นอนอย่างกระอักกระอ่วน ตัดสินใจบอกสมพรให้รู้เป็นนัยๆ ว่านิคกับเธอจะไม่นอนห้องเดียวกัน
“หมอนใบเดียวก็พอค่ะ นิคคงนอนที่อื่น”

เพราะมัวแต่มองหมอนอยู่ พราวพรายจึงไม่เห็นสีหน้าอมยิ้มของภรรยาดี๊ก
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้านิคนอนข้างนอก เดี๋ยวฉันจะจัดหมอนกับผ้าห่มให้ เห็นเขาบอกอยู่เหมือนกันว่าจะนอนที่เก้าอี้ยาวทางด้านโน้น ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆตรงนี้นะคะ เชิญคุณพราวอาบน้ำพักผ่อนตามสบาย”

สมพรออกจากห้องไปแล้ว พราวพรายดูนาฬิกาเห็นว่าเกือบสามทุ่มแล้ว ก็เลยเปลื้องเสื้อผ้าที่ใส่มาทั้งวันออกจากตัว สวมเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าไปแทน ฉวยผ้าเช็ดตัว สบู่ แปรงและยาสีฟันได้ก็เดินออกไปที่ห้องน้ำที่สมพรชี้บอก กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหญิงสาวก็ค้นหาชุดที่จะใส่นอนคืนนี้ เธอเอาชุดนอนติดมาจากบ้านสามชุดใช้ไปแล้วสองชุด ที่เป็นเสื้อกับกางเกงนอนเข้าชุดกันตัวหนาที่ใส่มาแล้วหลายคืน ซึ่งตอนนี้กลิ่นไม่ค่อยสะอาดนัก เหลือที่ยังไม่ได้ใช้เพียงชุดเดียวคือชุดแบบเบบี้ดอลล์ที่เธอชอบมาก แต่ไม่มีโอกาสได้ใส่เพราะนอนอยู่ห้องเดียวกับนิคมาตลอด คืนนี้คงจะได้ใช้เสียทีเพราะชายหนุ่มคนนั้นมีที่นอนต่างหากแล้ว

พราวพรายเข้านอนแล้วหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเพลียที่นั่งรถมาเกือบทั้งวัน ประกอบกับเพิ่งจะหายไข้ได้ไม่นานด้วย อากาศที่เย็นสบายก็ชวนให้ง่วง แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิด แม้จะเบาเพียงใดก็ได้ยิน หญิงสาวเขม้นมองก็รู้ว่าเป็นนิค เธอนิ่งดูว่าเขาจะทำอะไรต่อไป หรือว่าเขาเมาจนเข้าห้องผิด ที่นอนของเขาอยู่ข้างนอกโน่นไม่ใช่หรือ บอกตัวเองว่าน่าจะรอบคอบล้อคประตูห้องเสียหน่อย

นิคนั้นนั่งดื่มเหล้าอยู่กับดิ๊ก คุยกันหลายเรื่องตั้งแต่เรื่องงานไปถึงเรื่องเก่าๆตั้งแต่สมัยเ ป็นวัยรุ่นอยู่ด้วยกัน จนถึงสองยามจนเมาไปด้วยกันทั้งคู่ ในที่สุดก็แยกย้ายกันไปนอน

“ตกลงมึงจะนอนที่ไหน เป็นกูจะเข้าไปนอนในห้องนั้น ห้องเก่าที่มึงมาพักทุกครั้งนั่นแหละ ดึกๆอากาศที่นี่หนาวจัดนะ มึงน่าจะเข้าไปทำให้เขาอุ่นซะหน่อย ไม่ต้องเกรงใจกูกับเมียหรอก มึงก็รู้นี่หว่าว่าห้องนอนกูอยู่ชั้นบน                      ข้างล่างนี่ก็  มีมึงกับเขาสองคนเท่านั้น ตามสบายเลยนะ” พูดจบนายดิ๊กก็หัวเราะชอบใจเพราะเมามากแล้ว “กู๊ดไนท์ ขอให้สุขีสุขีนะเพื่อน”

ดิ๊กขึ้นบันไดหายตัวไปแล้ว นิคมองหากระเป๋าเสื้อผ้า เมื่อพบแล้วก็ตั้งใจจะไปอาบน้ำ เพราะแม้จะเมาขนาดไหนก็ต้องอาบน้ำก่อนเข้านอนทุกครั้ง เป็นความเคยชินตั้งแต่มาทำงานในประเทศแถบเอเซียที่อากาศมักจะร้อนอบอ้าว แต่พอนึกถึงพราวพรายขึ้นมาได้ก็ห่วงว่าเธอจะห่มผ้าหรือเปล่า เขารู้ว่าห้องนั้นรับลมแรงจากแม่น้ำเพราะเป็นห้องที่เขาพักประจำ ผ้าห่มผืนเดียวจะพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพิ่งหายไข้ไม่นานนี้เอง ไม่รู้ตัวหรอกว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เพราะใจจริงอยากจะเข้าไปหาเธอ มีโอกาสได้กอดสักนิดก็ยังดี

พราวพรายหรี่ตามองในความสลัวของห้อง เห็นนิคเปิดมุ้งเข้ามาแล้วและกำลังมองเธออยู่ ส่วนนิคเมื่อเห็นหญิงสาวนอนตะแคงตัวงอโดยไม่ได้ห่มผ้า ก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มผืนหนาที่พับวางอยู่ปลายที่นอนออกมาคลี่เพื่อห่มให้เธอ แต่พอมองเห็นชุดนอนแบบเบบี้ดอลล์ที่ค่อนข้างโป๊ เห็นขาขาวๆและทรวดทรงองค์เอววอบๆแวมๆก็เกือบหายเมา มือที่ถือผ้าห่มอยู่ก็ชะงักค้าง แล้วอยู่ๆเขาก็ทิ้งตัวลงนอนติดเธอ เอื้อมมือมากอดเอาไว้รอบเอว แล้วจูบแก้มเธอเบาๆหนึ่งที พราวพรายผลักเขาให้ถอยห่างออกไปแล้วพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง

“จะบ้าเหรอ นิค เข้ามาทำไม สงสัยจะเมาละสิท่า ที่นอนคุณอยู่ข้างนอกโน่น ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

แต่คนเมาไม่ฟังเสียง รัดตัวเธอแน่นเข้ามาอีกแล้วรั้งเธอให้นอนลงตามเดิม ปากที่มีทั้งกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ก็พยายามจะจูบปากเธอ

“บ้าหรือเปล่า ! ออกไปนะ! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าหรอก”
พราวพรายผลักไสเขาเต็มแรง แต่ไม่สำเร็จ นิคยังพยายามจะจูบเธอให้ได้
“นี่ อย่ามาฉวยโอกาสนะ เชอะ! นึกว่าจะรักษาสัญญาแบบสุภาพบุรุษเสียอีก สุดท้ายก็ดีแตก”
“ผมทำอะไรคุณหรือยังล่ะ โวยวายไปได้ กะอีแค่ขอจูบทีเดียวก็ทำเล่นตัว” เขาบ่นพึมพำอยู่ใกล้หูเธอ
หญิงสาวทุบอั้กๆเข้าไปที่หน้าอกของนิคอย่างโมโห “เมาจนพูดไม่รู้เรื่องหรือไง จะออกไปมั้ย?”
อีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนกับกำปั้นของเธอ แล้วยังส่ายหน้าปฏิเสธอีก
“ไม่ออกหรอก จะนอนในนี้แหละ”
“นอนไม่ได้ เข้าใจมั้ย” พราวพรายแหวออกมา
“ไม่เข้าใจ ทำไมตอนอยู่ที่วังเวียงถึงนอนด้วยกันได้ล่ะ” อีกฝ่ายเถียงอย่างไม่ลดราวาศอก
“นี่มันบ้านเพื่อนคุณนะ ถ้าคุณนอนที่นี่เมียเขาจะนึกว่าฉันเป็นผู้หญิงประเภทไหนล่ะ” พราวพรายโต้อย่างเดือดดาล นายนิคนี่เวลาเมาขึ้นมาก็ดื้อน่าดูหมือนกัน เอ๊ะ..หรือจะแกล้งเมา
“มันไม่สนใจหรอกน่า เอ้า..ไม่จูบก็ได้” เขาต่อรอง “แต่ผมจะนอนในนี้ นอนเฉยๆไม่ทำอะไรหรอก ถ้าจะทำก็ทำไปเสียนานแล้วละ ที่วังวียงน่ะ” เขากอดเธอต่อไป แล้วยังซุกหน้าเข้ามาตรงซอกคอของเธออีกด้วย

“นี่..อย่ามากอดฉันนะ ออกไปห่างๆ”

พราวพรายสั่งเสียงเขียว ชักไม่ไว้ใจเขาขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ใจของเธอเองก็เริ่มหวิวๆ ใจหนึ่งก็อยากให้เขากอดเพราะอบอุ่นดี แต่อีกใจก็กลัวว่าเขาจะเลยเถิด คนเมาน่ะไว้ใจได้ที่ไหน แค่จูบๆกอดๆน่ะก็พอไหวหรอก แต่ถ้าเลยไปไกลกว่านั้นก็ไม่เล่นด้วยหรอก น่าเบื่อจะตาย ไม่เห็นได้ความตรงไหน

“ขอกอดหน่อยน่า ตัวคุณอุ่นดี ผมชักติดใจแล้วสิที่ได้นอนกอดคุณ สงสัยกลับไปโน่นคงนอนไม่หลับสักคืน”
“พูดบ้าๆ กลับไปโน่นก็ไปหาสาวเวียตนามสวยๆ เอาไว้นอนกอดสักคนสิ” พราวพรายประชด
“หาทำไมให้โง่ อยากกอดคุณต่างหาก ไม่ได้อยากกอดคนอื่น”
“ อย่ามาพูดบ้าๆ น้ำท่าทำไมไม่อาบ สกปรกน่าดู เหม็นเหล้าอีกต่างหาก”

นิคไม่ตอบ ในที่สุดเขาก็หลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงบ่นว่าอย่างอิดหนาระอาใจของเธอเลย พราวพรายนอนนิ่งฟังลมหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอของเขาอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ขยับตัว ดึงแขนขาของเขาที่กอดก่ายเธออยู่ออกจากตัว ลุกออกไปนอกมุ้ง คว้าเสื้อคลุมอาบน้ำที่ผึ่งไว้ข้างนอกมาสวมทับชุดนอน เดินออกจากห้องไปล้มตัวลงนอนบนเก้าอี้ยาว ที่มีทั้งหมอนและผ้าห่มที่ภรรยาของดิ๊กคงจัดเตรียมไว้ให้นิค พลิกไปพลิกมาสักครู่ก็หลับไปอย่างรวดเร็ว มาสะดุ้งตกใจตื่นอีกทีเมื่อมีเสียงเรียกเบาๆ

“คุณพราวคะ คุณพราว ตีห้าแล้วค่ะ ถ้าจะไปใส่บาตรก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว” สองสาวตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าจะไปใส่บาตรข้าวเหนียวพระสงฆ์ด้วยกัน ที่หน้าวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้าน

สีหน้าของสมพรดูแปลกๆ เธอทำหน้ายิ้มๆเมื่อเล่าว่า “เมื่อกี้ไปปลุกคุณพราวที่ห้อง พบแต่คุณนิค ฉันเลยออกมาดูข้างนอก คิดว่าคุณพราวอาจจะตื่นก่อนคุณนิค”

พราวพรายนึกอายสมพรจนหน้าแดงก่ำ รู้สึกเดือดดาลชายหนุ่มผู้นั้นขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าภรรยาของดิ๊กจะเข้าใจว่าอย่างไร ดีไม่ดีคิดว่าเธอเป็นเมียเช่าของเขาเธอมิแย่หรือนี่

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เขาเมามาก คงคิดว่าเป็นห้องพักของเขาเหมือนทุกครั้ง คงเมาจนจำไม่ได้ว่าเขาจะต้องนอนข้างนอก ฉันก็เลยออกมานอนข้างนอกแทน”

หญิงสาวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเชื่อคำอ้างของเธอมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ฮึ่มฮ่ำอยู่ในใจที่จะต้องหาทางจัดการกับนิคให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ไม่งั้นคืนนี้เขาอาจจะแกล้งทำเป็นเมาเข้ามาหาเธอในห้องอีกก็ได้

สมพรกับพราวพรายนั่งรถปิ๊คอัพออกไปที่วัดด้วยกันโดยสมพรเป็นผู้ขับ ระหว่างทางเธอเล่าให้พราวพรายฟังว่า “ฉันกับนิครู้จักกันมานานแล้ว เขาเป็นคนแนะนำฉันกับดิ๊กให้รู้จักกัน”

พราวพรายรับรู้ตามมารยาทด้วยคำว่า “อ้อ..หรือคะ”
“นิคเป็นคนดีมาก ไม่หยาบเหมือนฝรั่งส่วนใหญ่ ดิ๊กยังหยาบกว่านิคเลย ไม่เจ้าชู้ด้วย ฉันเคยแนะนำเพื่อนให้เขาหลายคนแล้ว แต่ละคนก็สวยๆทั้งนั้น แต่ก็ไม่เห็นเขาสนใจใครเป็นพิเศษสักคน”

พราวพรายฟังเงียบๆ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอะไร อยากจะบอกสมพรว่าเธอกับนิคไม่ได้มีอะไรกันก็พูดไม่ออก เมื่อแว่บคิดไปถึง ‘คืนนั้น’ แล้วอีกอย่างก็คิดว่าป่วยการพูด ใครเขาจะเชื่อ ในเมื่อมาค้างอ้างแรมด้วยกันสองต่อสองตั้งหลายคืน คิดแล้วก็นึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจว่า ‘ไม่ควรเลยเรา รู้งี้ไม่เห็นแก่เที่ยว ตามเขามาถึงวังเวียงแล้วเลยมาถึงหลวงพระบางนี่หรอก เที่ยวอยู่ในเวียงจันทน์คนเดียวเสียยังจะดีกว่า’

สมพรเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆก่อนจะถามว่า “คุณพราวรู้จักพ่อนิคไหมคะ ฉันเคยพบท่านครั้งหนึ่งตอนไปเยี่ยมพ่อแม่ดิ๊กที่อเมริกา เอาของที่นิคฝากไปให้”

พราวพรายรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างตกใจ สมพรพูดราวกับว่าเธอกับนิคเป็นแฟนกันหรือกำลังจะแต่งงานกัน พูดไกลไปถึงพ่อเขาโน่น

“พ่อนิคเป็นนายพล อีกสี่ห้าปีคงเกษียณแล้ว ท่านน่ารักมากเลย เห็นนิคเล่าว่าพ่อเขาอาจจะมาเยี่ยมฐานทัพสหรัฐฯแถบเอเซียเร็วๆนี้ คุณคงมีโอกาสได้พบท่านบ้างละมัง”

ผู้ฟังตกใจจนแทบสะดุ้งออกมา แน่แล้ว..สมพรและสามีของเธอคงเข้าใจผิด คิดว่าเธอกับนิคเป็นแฟนหรือคู่หมายกัน ไม่เช่นนั้นหญิงสาวผู้นี้จะมานั่งพูดถึงพ่อของนิคให้เธอฟังทำไม พราวพรายนึกโกรธจนแทบจะยกเลิกการไปใส่บาตรเสียเดี๋ยวนั้น แน่ใจว่านิคคงไปพูดอะไรเกี่ยวกับเธอที่ทำให้สองสามีภรรยาเข้าใจผิด กลับไปนี่จะต้องขอคุยกับนิคให้รู้เรื่อง ทำแบบนี้เธอก็เสียหายแย่น่ะสิ อยู่ดีๆก็ถูกอุปโลกน์ให้เป็นคู่รักของเขา

ส่วนนิคเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาไม่เห็นพราวพรายก็เดินหาไปทั่วบ้าน ตกใจนึกว่าเธอคงโกรธเรื่องเมื่อคืนนี้จนอาจจะขึ้นเครื่องบินหนี กลับไปเวียงจันทน์แล้ว แต่ก็โล่งใจไปได้เมื่อดิ๊กที่เพิ่งตื่นนอนลงมาข้างล่างบอกว่า

“คงไปใส่บาตรกับเมียกูนั่นแหละ เมื่อคืนเห็นชวนกันอยู่นี่” แล้วก็เย้าต่อว่า “เป็นไงเมื่อคืน สุโขสโมสรไปแล้วล่ะสิ”
“สุโขบ้าอะไรล่ะ เพราะมึงทีเดียว ยุดีนัก พอกูเข้าไปในห้อง เขาก็เผ่นออกจากห้องไปเลย” นิคทำหน้าคว่ำ
ดิ๊กหัวเราะลั่นห้องอย่างชอบใจ “ก็มึงไม่แน่จริงนี่หว่า เข้าไปถึงในห้องแล้วยังปล่อยให้เขาหนีออกไปได้”
“ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมาก ผู้หญิงคนนี้มือหนักแล้วก็ดุฉิบหาย คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องทะลึ่งมายุกูอีก”

ดิ๊กมองหน้างอๆของเพื่อนอย่างยังขันไม่หาย “ไม่เป็นไรนี่หว่า คืนนี้ยังมีอีกคืน ถ้ายังไม่มีปัญญาทำให้เขาใจอ่อน ก็กลับไปนอนกอดปืนที่เวียตนาม รอให้พวกไอ้กงมันเข้ามาฆ่าให้ตายรู้แล้วรอดไปเลยก็แล้วกัน เสียชาติเกิดฉิบหาย แล้วที่ว่ากูยุน่ะ อย่ามาทำไก๋หน่อยเลย คนอย่างมึงเคยยุได้ไหมล่ะ โธ่เอ๊ย...ถ้ามึงไม่อยากจะเข้าไปหาเขาอยู่แล้ว ยุให้ตายก็คงเฉยแหละว้า”

“เลิกพูดเรื่องนี้ซะที ขี้เกียจฟัง”
“หนอย ขี้เกียจฟัง” ดิ๊กยังไม่ยอมจบ “ทำไมไม่เอาอย่างกูล่ะ เมียกูน่ะแต่ก่อนก็แบบนี้แหละ ทำเล่นตัวดีนัก แล้วเป็นไง ถูกปล้ำเข้าทีเดียวยอมแต่งงานกับกูเลย”
“เออ มึงเก่ง ไม่ต้องทะลึ่งมาสอนกูหรอก เก่งนักแล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ กูเห็นมึงกลัวเมียหงอเลยนี่หว่า” นิคได้ที
นายดิ๊กยกมือขึ้นขอหย่าทัพทันที “เลิกพูดเลยไอ้เวร คุยเรื่องอื่นดีกว่า”

คุยกันอยู่อีกพักใหญ่ผู้หญิงสองคนก็ยังไม่กลับมา นิคเริ่มกระสับกระส่าย “เมียมึงพาเขาไปถึงไหนวะ ไอ้ดิ๊ก แค่ไปใส่บาตรก็น่าจะกลับมานานแล้วนี่หว่า ใกล้แค่นี้เอง”

“ห่วงจังเลยนะ มึง” นายดิ๊กอดไม่ได้ ต้องค่อนแคะ “เมียกูเขาไม่พาไปขายหรอก สงสัยจะไปจ่ายตลาดกันต่อ ที่นี่เขาติดตลาดกันแต่เช้ามืด เผลอๆอาจจะพาไปตลาดผ้าต่ออีกก็ได้ ลองไปถึงโน่นจริงก็คงอีกนานกว่าจะยอมกลับ”

เห็นสีหน้าเพื่อนยังไม่ดีขึ้นอีกฝ่ายก็เลยแหย่ต่อ “นี่ขนาดไม่ใช่แฟนนะ ยังห่วงซะขนาดนี้ เป็นแฟนหรือเป็นเมียเมื่อไหร่ คงไม่ปล่อยให้กระดิกตัวไปไหนเลยสิท่า”
นิคทำหน้าหงิกมองเพื่อน “น้อยๆหน่อย พล่ามออกมาแต่ละคำไม่เข้าท่า”
ดิ๊กหัวเราะ “นั่งซะทีสิวะ เดินพล่านอยู่ได้ กูชักเวียนหัวแล้วนา”

ชายหนุ่มเดินมานั่งใกล้เพื่อน ควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพ่นควันยาวเหยียด

“มึงบอกว่าคุณพราวเขาไม่ได้เป็นแฟนมึง งั้นตอนนี้มึงคบใครอยู่มั่งล่ะ?” ดิ๊กเริ่มสอบสวน
“ไม่ได้คบใครเป็นพิเศษ”
“มึงนี่สงสัยจะหาเมียยาก” ดิ๊กเคาะหาข่าว
นิคทำตาขุ่นมองเพื่อนที่นั่งยิ้มกริ่ม “ทำไม กูมันไม่เอาไหนนักหรือไง? ถึงจะหาผู้หญิงมาทำเมียสักคนไม่ได้?”

“ทำไมจะไม่ได้ แต่มึงเลือกมากนักนี่หว่า คบมาตั้งหลายคนแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ลงเอยสักคนล่ะ? แต่ละคนก็เจ๋งๆทั้งนั้น ยายแคทเธอลีนงี้ ยายเบ๊ตตี้งี้ ยาย...”

อีกฝ่ายยกมือขึ้นห้าม “พอ..พอ ไม่ต้องบรรยายมาก พูดยังกับกูเป็นคาสโนว่าแน่ะ ไอ้เวร!”
ดิ๊กหัวเราะชอบใจ “ไม่พูดก็ได้วะ แต่กูบอกให้ก็ได้ ว่าทำไมมึงถึงแต่งงานยาก อยากรู้มั้ยล่ะ?”
“อยากพูดก็พูดมาเลย กูจะลองฟังดู ถึงกูบอกว่าขี้เกียจฟัง มึงก็จะหน้าด้านพล่ามกรอกหูกูอยู่ดี”

“ก็มึงมัวแต่บ้างานไงล่ะ วันๆก็เอาแต่งาน เอาใจผู้หญิงก็ไม่เป็น เขาชวนแต่งงาน ก็บอกว่ายังไม่พร้อม ผู้หญิงที่ไหนเขาจะทนไหวล่ะวะ ใครจะรู้ว่ามึงจะยอมพร้อมเมื่อไหร่ สู้หนีไปหาคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ”

“ทำเป็นรู้ดี ที่กูยังเป็นโสดอยู่นี่ก็เพราะยังไม่อยากแต่งงาน เข้าใจไหม กูอยู่ของกูแบบนี้ก็สบายดีแล้ว ไม่ต้องมีเมียมาเป็นแม่เหมือนมึง”

“เออ..ไอ้พูดแบบนี้แหละระวังให้ดีเถอะ พอไปเจอคนที่มึงรัก อยากแต่งงานกับเขา ขี้คร้านมึงจะเปลี่ยนใจรีบแต่งงานแทบไม่ทัน พร้อมไม่พร้อมก็จะแต่งละ แล้วต่อจากนั้นเป็นไงรู้ไหมวะ?”
“เป็นไง?”

“ทีนี้มึงก็ไม่ได้เก๊กหยิ่งแล้วสิ เมียชี้นกเป็นไม้มึงก็ไม้ด้วย ประเภทนี้แหละ คนอย่างมึงน่ะถ้าไม่รักก็คือไม่รัก เขาจะทำอะไรก็ช่างเขา ไม่สนใจ แต่พอรักขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะมึงเอ๊ย ทูนหัวทูนเกล้าเลยละ”

“โธ่..ไอ้บ้า พูดบ้าๆ คนแบบกูเนี่ยนะจะรักผู้หญิงคนไหนแบบทูนหัวทูนเกล้า เลิกพูดได้แล้ว ขี้เกียจฟัง”

“เลิกพูดก็ได้วะ แต่กูจะคอยดูน้ำหน้ามึง ตอนที่รักใครสักคนแล้วเขาไม่เล่นด้วย”

นิคไม่เก็บเอาคำพูดของเพื่อนมาเป็นอารมณ์ นายดิ๊กอยากจะพล่ามอะไรก็พล่ามไปเถอะ เขาคิดว่ารู้จักตัวเองดีว่าไม่ใช่คนที่จะหลงอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิง ก็ดูแต่ผู้หญิงสองสามคนที่เขาเคยคบและทดลองอยู่ด้วยกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแคทเธอลีนเจ้าหน้าที่โบรกเกอร์ในตลาดหุ้น เบ็ตตี้แอร์โฮสเตสสาวสวยของสายการบินระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง และโดโรเรสทันตแพทย์สาว ทุกคนคบกับเขาได้คนละห้าหกเดือนถึงหนึ่งปีก็แยกทางกันไป สาเหตุก็คล้ายๆกัน เพราะเมื่ออยู่ร่วมกันมาได้ถึงเวลาหนึ่ง พวกเธอก็ตั้งคำถามเรื่องการแต่งงาน เมื่อเขาบอกอย่างตรงไปตรงมาว่ายังไม่คิดที่จะแต่งงานกับใคร ยังอยากเป็นโสดต่อไปอีกระยะหนึ่ง ผู้หญิงเหล่านี้ก็ขอแยกทางไปหาเพื่อนชายคนใหม่ ตอนนี้เธอทั้งสามคนแต่งงานไปหมดแล้ว นานๆทีพวกเธอก็จะโทรศัพท์มาถามทุกข์สุขของเขา รวมทั้งเล่าเรื่องชีวิตแต่งงานที่มีความสุขให้เขาร่วมยินดีไปด้ วย

ปีนี้นิคอายุครบ 31 แล้ว แต่ก็ยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน เขามีความสุขกับการทำงาน เหตุผลหนึ่งที่ยังไม่อยากผูกมัดตัวเองกับผู้หญิงคนไหนด้วยการแต่งงาน ก็เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนบ้างาน คงจะไม่มีเวลาให้ใครได้เพียงพอ นอกจากนี้งานของเขาเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงตัวเมื่อไหร่ จึงไม่อยากจะทำให้ใครต้องมาเป็นม่ายโดยไม่จำเป็น ชายหนุ่มบอกตัวเองว่าชีวิตทุกวันนี้ของเขาก็มีความสุขดีอยู่แล้ว แม้บางครั้งจะรู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้างก็ตาม นิคให้เวลากับตัวเองอีกสองปีที่จะทำงานในหน่วยกองกำลังปฏิบัติการรบ หลังจากนั้นอาจจะคิดเรื่องขอย้ายสายงานเหมือนเพื่อนของเขา ถ้าทางกองทัพไม่มีคำสั่งย้ายเขาออกจากภาคสนามเสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจจะเริ่มคิดเรื่องแต่งงานสร้างครอบครัวเหมือนผู้ชายคนอื่นๆก็ได้


 



Create Date : 03 มกราคม 2564
Last Update : 3 มกราคม 2564 17:27:21 น.
Counter : 1001 Pageviews.

16 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณSweet_pills, คุณ**mp5**, คุณTui Laksi, คุณSai Eeuu, คุณภาวิดา คนบ้านป่า

  
รู้สึกว่ามีคนอยากอ่านต่อหลายคน ตอนนี้พอมีเวลาเลยเอามาลงต่อ หวังว่าจะไม่หายไปอีก (ไม่แน่ใจค่ะ) 555
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:1:07:52 น.
  

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ยินดีที่กลับมาเขียนเรื่องต่อนะคะ
โดย: newyorknurse วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:1:48:20 น.
  
อย่าหายเลยค่ะ
จะค่อยๆตามอ่านเรื่อยๆ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:13:44:19 น.
  
กด like ค่ะ
นิยายยาวๆๆๆเชียว
ต้องค่อยๆอ่าน
โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:14:02:03 น.
  
มาอ่านต่อครับ พี่ตุ้ย
พี่ตุ้ยก็อปซ้ำกัน 3 ช่วงเลยครับ
ปีนี้นิคอายุครบ 31 แล้ว ทั้งหมด 3 ครั้ง

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:15:10:07 น.
  
ขอบคุณๆสองแผ่นดินนะคะ มิน่าถึงรู้สึกว่าทำไมบทตอนนี้มันยาวจัง แต่ก็ไม่ได้เช็ค เพราะตอนโพส์มันดึกมากแล้ว โพสต็เสร็จก็ปิดเครื่องไปนอนเลย 55555
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:17:30:37 น.
  
สวัสดีปีใหม่ 2564 ค่ะคุณตุ้ย
มีความสุข สุขภาพแข็งแรง
ปราศจากโควิดทั้งครอบครัวนะคะ
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกันอีกค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:18:50:59 น.
  
สวัสดีปีใหม่ 2021 ค่ะพี่ตุ้ย

พี่ตุ้ยสบายดีนะคะ
ขอให้พี่ตุ้ยมีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรง
และสมปรารถนาในทุกสิ่งที่ตั้งใจค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 3 มกราคม 2564 เวลา:23:12:45 น.
  
สวัสดีครับคุณตุ้ย กลับมา ได้อ่านนิยายต่อแล้ว...
มาสวัสดีปีใหม่ 2564 ครับ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 4 มกราคม 2564 เวลา:5:49:18 น.
  
สวัสดีปีใหม่คร้า
เงียบไปนานนิดนุงนะคร้า
ตอนนี้ พวกเราต้องหยุดอยู่บ้านเพราะโควิดกันอีก
คงได้มีเวลากลับมาอัพบล็อกกันบ่อยขึ้นมั้งคร้า
เราเองพักหลังๆก็เงียบๆไปนานมาอัพสักครั้ง
แล้วมาติดตามนวนิยายคนรักการเขียนต่ออีกนะคะ
โดย: Tui Laksi วันที่: 4 มกราคม 2564 เวลา:20:55:09 น.
  
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๔ ครับ
โดย: **mp5** วันที่: 5 มกราคม 2564 เวลา:13:30:39 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่า

ดีใจได้อ่านนิยายต่อค่ะ
ขอให้คุณตุ้ยมีความสุข สุขภาพแข็ง ปลอดโรคปลอดภัยตลอดไปนะคะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 5 มกราคม 2564 เวลา:14:02:38 น.
  
รอตอนต่อไปด้วยใจจรดจ่อค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 8 มกราคม 2564 เวลา:15:20:29 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมให้กำลังใจนะคะ
สายตาพี่ไม่ค่อยดีแล้ว อายุย่าง 83 แล้ว
คงจะไม่ได้อ่านมากเท่าไร
ไว้พี่แวะมาใหม่นะคะ
โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 8 มกราคม 2564 เวลา:15:45:24 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยสำหรับกำลังใจนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 8 มกราคม 2564 เวลา:21:24:57 น.
  
มาอ่าน เป็นกำลังใจค่ะ
โดย: Sai Eeuu วันที่: 9 มกราคม 2564 เวลา:4:27:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มกราคม 2564

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com