อันว่าด้วยเรื่องบวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แบบแนว แนว (6)
สวัสดีค่ะริบบิ้นมาแล้ว วันนี้เรากลับมาเข้ามาบวชชีพราหมณ์ถือศีล 8 ในวัดกันอีกครั้งหลังนะคะ คราวนี้เป็นสายวัดป่าอยู่ในกรุงเทพฯ เรานี่เอง เน้นวิธีการเจริญสติแบบเคลื่อนไหว14 จังหวะ ที่กำลังฮอตฮิตติดลมกันมากในบรรดาผู้ปฏิบัติธรรม ที่ไม่สามารถหลับตากำหนดลมหายใจได้วัดนี้ คือ วัดสนามใน วัดสนามในเดิมเป็นวัดร้างปรากฏหลักฐานมีเพียงส่วนประกอบที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นโบสถ์เก่า เจดีย์เก่าซากอิฐกระจัดกระจายอยู่พอให้เห็นสภาพเป็นวัดมาก่อน อยู่ในสวนย่านฝั่งธน ต่อมาหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ได้เข้ามาบูรณะให้เป็นวัด เพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุและบุคคลทั่วไป ปัจจุบันได้มีการขยายตัวของเขตเมือง และมีการตัดถนนเลียบทางรถไฟ ทำให้วัดที่เคยมีสภาพเป็นวัดในสวน มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมรกครึ้ม อยู่ใกล้ทางรถไฟการเดินทางเข้าออกวัดค่อนข้างลำบาก ปัจจุบันได้กลับกลายสภาพเป็นวัดในเมือง เดินทางแสนสะดวก ใกล้ห้างสรรพสินค้า อย่างไรก็ดี วัดก็ยังคงอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ ๆ ในเขตวัดไว้ เมื่อก้าวเข้ามาในเขตวัด ท่านจะพบกับความสงบ ร่มรื่น นาน ๆ ทีจะมีเสียงรถไฟซักครั้ง บรรยากาศช่างเหมาะแก่การปฏิบัติดีแท้ เรามาดูบรรยากาศในวัดกันบ้างวัดนี้ไม่เน้นสิ่งปลูกสร้าง อาคารต่าง ๆ จึงเป็นแบบเรียบง่าย ท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ แม้แต่อุโบสถก็ยังเป็นเพียงศาลเปิดโล่ง มีเพียงหลังคาและพื้น ในวัดก็ไม่มีพระพุทธรูปมากมาย เนื่องจากเน้นเรื่องการปฏิบัติ อย่างจริงจัง จึงมีการทำแนวให้เดินจงกรม โดยการนำต้นไม้มาปลูกเป็นแนวกั้นไว้ทางใครทางมัน ไม่ต้องกลัวจะเจอปัญหามองหน้าแล้วไม่สบอารมณ์ ต่างคนต่างเดินนอกจากนี้ยังมีลานกว้าง ๆ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นโดยรอบ พื้นเป็นทรายหยาบ ถูกกวาดไว้อย่างเรียบเตียนเดินแล้วไม่ระคายเท้า สำหรับอาคารที่พักแยกเขตหญิงชาย และพระภิกษุ มีลักษณะ เป็นกุฏิส่วนตัว มีห้องน้ำในตัวสะดวกสบาย แต่กุฏิไม่ถึงกับใหม่เอี่ยมกริ๊กเก่าบ้าง ใหม่บ้าง มีร่องรอยของการถูกน้ำท่วม เมื่อปี 2554 ไว้อย่างชัดเจน การลงทะเบียนก็แสนจะง่ายมีแค่บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ก็สามารถมาปฏิบัติธรรมได้ จะถือศีล 5 ศีล 8 ก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าจะอาราธนาศีล 8 ก็ไปหาพระอาจารย์ที่นั่งอยู่บริเวณ ศาลาอเนกประสงค์ ท่านจะกล่าวนำอาราธนาศีล 8 ให้ พร้อมกับสอนวิธีการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวให้สำหรับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายก็ไม่ได้บังคับว่าผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุง ห่มสไบ แต่ขอให้เป็นชุดขาว สุภาพเรียบร้อย ไม่บางใสแจ๋วเครื่องนอนจะเตรียมไปเองก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมมาเองก็สามารถไปเอาเสื่อหมอน ผ้าห่ม ที่ศาลาอเนกประสงค์ได้ ใช้เสร็จก็เอากลับมาคืนด้วย กิจวัตรประจำวันเริ่มตั้งแต่ตี 4 จะมีแม่ชีมาเคาะระฆังปลุกให้ตื่น แม่ชีที่นี่เรียบร้อยแทบไม่พูดเลย ไม่มีบรรยากาศแม่ชีขาใหญ่ให้เห็นในวัดเลย ตื่นเสร็จก็ไปรวมกันที่ศาลาอเนกประสงค์ซึ่งเป็นศาลาชั้นเดียวขนาดใหญ่มาก อากาศโปร่งสบาย ใครมาก่อนก็จะนำอาสนะมาวางเรียงไว้ให้ อาสนะที่นี่จะมีเบาะรองก้นสูงขึ้นมานิดหน่อยเวลานั่งจึงไม่ค่อยเมื่อยขามาก กราบพระก็สะดวกสำหรับผู้สูงอายุท่านใดไม่สะดวกจะนั่งเก้าอี้ด้านหลังก็ได้ไม่ว่ากันจากนั้นจึงเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเช้า แล้วเจริญสติแบบเคลื่อนไหวกันประมาณตี 5 กว่า จึงจะยุติ จากนั้นบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมก็จะแยกย้ายกันคว้าไม้กวาดไม้ถู ทำความสะอาดวัด แล้วก็เช่นเดิม ไม้กวาดไม้ถูมักไม่เพียงพอกับผู้ปฏิบัติธรรม แต่ที่นี่กลับไม่ปรากฏสงครามแย่งไม้กวาดกัน ดังเช่นวัดที่เคยเล่ากันมา แต่ไม้กวาดจะถูกนำมาปฏิบัติหน้าที่ตลอดเรียกว่าใครวางเป็นไม่ได้ กวาดแล้วกวาดอีก กวาดซ้ำกันไปมา มิน่าวัดถึงสะอาดเอี่ยมเอี้ยมเฟี้ยมนัก ส่วนพระภิกษุก็จะออกไปบิณฑบาตบางรูปก็เดินรับบาตรแถววัด บางรูปก็นั่งรถสองแถวของวัดออกไปไกลหน่อยแยกออกไปเป็นสาย ๆ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าพระที่วัดนี้จะรับบาตรเฉพาะเท่าที่เพียงพอให้ญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมรับประทานกันได้อย่างทั่วถึงไม่ถึงขนาดหิ้วถุงก๊อบแก้ปยังกะรถพุ่มพวงที่เข้ามาขายกับข้าวตามหมู่บ้าน รับมาแค่พอกินกันบางส่วนก็จะมีญาติโยมนำอาหารมาถวายที่วัด บางคนยกแกง ยกผัดมาเป็นหม้อ ๆ ร้อนกรุ่นหอมฉุย บางคนนำซาลาเปานึ่งมาร้อน ๆจากนั้นทั้งบรรดาอาหารที่พระบิณฑบาตมากับอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายที่วัดจะถูกนำมาจัดใส่ภาชนะวางบนโต๊ะที่โรงครัวด้านหลังศาลาอเนกประสงค์ ประมาณ 7 โมงเช้าบรรดาชีพราหมณ์จะมารวมกันที่ลานข้างศาลาอเนกประสงค์ ใครมาก่อนก็จะปูเสื่อนำกล่องทิชชู่มาวางไว้ให้ จากนั้นก็ไปเอาจาน ชาม ช้อน ส้อม ที่โรงครัวแล้วกลับมานั่งที่เสื่อให้เรียบร้อย ช่วงเวลานี้ บางคนจะเจริญสติแบบเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครมานั่งจับกลุ่มเม๊าท์แตกกันหรอกค่ะ หลังจากที่พระภิกษุ ซึ่งมีจำนวนไม่ถึง 10 รูป มาถึง ก็จะให้ศีลให้พรแล้ว พระจะเดินเรียงแถวตักอาหารใส่ลงในบาตรก่อน (พระจะฉันอาหารในบาตร) ตามด้วยแม่ชี ต่อด้วยบรรดาชีพราหมณ์ที่มาเข้าคอร์สเข้มข้นสอบอารมณ์ แล้วถึงคิวชีพราหมณ์สุดท้ายก็เป็นบรรดาญาติโยมที่นำอาหารมาร่วมทำบุญกันนั่นแหละ เมื่อทุกคนได้ตักอาหารกันอย่างพร้อมเพรียงและนั่งประจำที่แล้วจึงเริ่มลงมือฉันหรือรับประทานอาหารพร้อมกันทั้งหมดไม่มีแยกพระฉันก่อน แม่ชีฉันตาม ชีพราหมณ์กินทีหลัง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ทุกคนก็จะต้องนำภาชนะใส่อาหารของตนไปล้างทำความสะอาดเองแม้แต่พระภิกษุก็ต้องล้างบาตรเองเช่นกัน ช่วงสายก็แยกย้ายกันตามอัธยาศัยใครจะอาบน้ำ นอนงีบ เดินจงกรม เจริญสติแบบเคลื่อนไหว ก็ไม่ว่ากัน ขออย่างเดียว อย่าส่งเสียงดังเอะอะรบกวนกัน โดยมีข้อแม้ว่า วัดนี้จะปฏิบัติ ตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน นั่นคือการเจริญสติแบบเคลื่อนไหว ให้รู้สึกตัวรู้เท่าทันอารมณ์ ตามที่หลวงพ่อให้คำจำกัดความว่า ฮู้ ซื่อ ซื่อ จะไม่มีการหลับตาให้จิตหลุดฟุ้งกระจาย หรือแอบหลับโหงกเหงกได้ใครเบื่อก็ไปเดินจงกรมตามแนวทางจงกรมที่วัดจัดให้สำหรับการเดินจงกรมตามสไตล์วัดป่าจะแตกต่างจากวัดบ้านที่ผ่านมา ที่เน้นการเคลื่อนที่ช้า ๆขวา.....ย่าง.....หนอ.....ซ้าย.....ย่าง.....หนอออออออออออออออแต่สไตล์วัดป่าจะเดินตามปกติ ไม่ได้ย่องสโลโมชั่น จึงนับได้ว่าถูกจริตกับริบบิ้นมากแถมริบบิ้นเคยเห็นพระภิกษุบางรูปเดินกลับไปกลับมาเร็วมาก จนกระทั่งจีวรปลิวไหว ๆนัยว่า เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในทางอารมณ์และความคิด สำหรับการเจริญสติและการเดินจงกรมที่วัดนี้ไม่ได้บังคับว่าต้องมาเดินเป็นแถวกันเป็นหมู่คณะ หรือต้องมาปฏิบัติ ณศาลาอเนกประสงค์เท่านั้น ดังนั้น ใครใคร่ปฏิบัติในห้องลานต่าง ๆ ศาลาอเนกประสงค์ อุโบสถธรรมชาติโล่ง ๆ หรือแม้แต่โรงครัวก็สามารถทำได้ไม่มีใครว่าสำหรับช่วงเพลก็จะมารวมกันรับประทานอาหารกลางวันกันอีกมื้อ ก็อย่างที่บอกบางทีพระท่านรับบิณฑบาตมาแต่น้อย อาจเหลือไม่เพียงพอถึงเพลบรรดาชีพราหมณ์ที่มาบวชขาประจำก็อาจต้องบริหารจัดการอาหารและวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้เพียงพอญาติโยมหลายคนรู้ปัญหาในจุดนี้ จึงมีการนำของแห้งเก็บไว้ให้ในโรงครัวโดยไม่ได้นำไปถวายพระ เพื่อมิให้เกิดปัญหา ในกรณีที่เป็นอาหารใส่บาตรจะหมดอายุ(อายุแบบพระนะ ไม่ใช่ EXP.) บรรดาชีพราหมณ์เหล่านี้จึงนำวัตถุดิบนั้นมาปรุงอาหารถวายเพลได้อย่างสบายใจไม่ผิดพระวินัย ช่วงบ่ายก็แยกย้ายกันตามอัธยาศัยอีกสำหรับบางคนอาจจะหิว ก็สามารถไปที่ด้านข้างลานอเนกประสงค์ จะมีโต๊ะตั้งกาแฟ ชา โอวัลติน น้ำขิงน้ำเก็กฮวยไว้บริการตนเอง ตรงนี้ต้องระวัง สำหรับนมสด กาแฟใส่นม ชานม และโอวัลตินผู้ถือศีล 8 ดื่มไม่ได้นะจ๊ะ นมข้นก็ไม่ได้นะ นอกจากนี้ ใครเจ็บป่วยพื้น ๆก็จะมีพวกยาสามัญประจำบ้าน ใส่ตู้ไว้ให้หยิบเอาเอง ประมาณ 4 โมงทุกคนก็จะละจากการปฏิบัติธรรม มาจับไม้กวาดร่วมกันทำความสะอาดวัดกันอีกครั้ง ขอสารภาพด้วยความสัตย์จริงริบบิ้นแสนจะเกลียดดดดดบรรยากาศช่วงสงครามไม้กวาดไม้ถูมาก ไม่ว่าวัดไหนแม้แต่วัดนี้ก็ยังมีวันนั้นริบบิ้นนั่งข้างหลังจึงสามารถอาศัยความเร็วช่วงชิงไม้กวาดทางมะพร้าวใหม่เอี่ยมมาได้1 อัน แล้วจึงตัดสินใจไปกวาดบริเวณลานปูนข้างศาลาอเนกประสงค์ที่บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่มักเดินจงกรมเท้าเปล่ากันขณะกวาดเพลิน ๆ จู่ ๆ มีป้าแก่ ๆ คงจะเคืองที่แย่งไม้กวาดไม่ได้ เดินมาต่อว่าริบบิ้น ไม้กวาดใหม่ ๆ เอามาเที่ยวกวาดพื้นทำไม เสียดายของว่าเสร็จก็สะบัดหน้าเดินไปเช็ดเหล็กดัด แต่ขอโทษนะคะ ป้าเสียดายไม้กวาด แต่ป้าเอากระดาษชำระแบบม้วน ๆที่เค้าเอาไว้วางให้เช็ดปากตอนกินข้าวนั่นแหละ บรรจงฉีกเป็นชิ้น ๆแล้วเช็ดเหล็กดัดไปเรื่อย ๆ เช็ดซี่นึงก็ฉีกใหม่ทีหนึ่งไม่ค่อยเปลืองเลยนะคะคุณป้าขา ช่วงเย็นแม่ชีผู้เรียบร้อยก็จะตีระฆังอีกรอบให้ไปรวมตัวที่ศาลาอเนกประสงค์ เพื่อร่วมกันทำวัตรเย็น เดินจงกรมและเจริญสติแบบเคลื่อนไหวกันอีกรอบ ประมาณ 3 ทุ่มจึงแยกย้ายกันกลับกุฏิ การไปปฏิบัติธรรมของริบบิ้นในครั้งนี้มีเหตุผลเพียงเป็นช่วงหยุดยาววันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จึงอยู่ในฤดูฝน ฝนตกแทบทุกวัน คืนแรกก็รับน้องกันเลย ตกชนิดเป็นพายุ ลมพัดหวีดหวิวม่านหน้าต่างปลิวไสว แต่วินาทีนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องผีเลยนะกังวลเรื่องต้นไม้ใหญ่ ๆ ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ โดยเฉพาะลานจอดรถมันจะต้านทานพายุได้ขนาดไหนก็ไม่รู้ กลัวจะล้มทับรถนะสิคะ นี่แหละน้า เค้าเรียกกิเลส หลังจากการหลับ ๆ ตื่น ๆ มาทั้งคืนวันรุ่งขึ้นจึงสโหล่สเหล่มึนหัวตึบ ๆ ช่วงทำวัตรเช้า คุณป้าท่านนึงถึงกับความดันตกวูบไปเลยสิคะ บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมต่างพากันแตกตื่นระหว่างรอรถพยาบาลมา ก็จะมีบรรดาผู้ปรารถนาดีคอยตะโกน อย่ามุง อย่ามุงเสียงตะโกนห้ามไทยมุงดังเซ็งแซ่ แต่ขอโทษนะ ถ้าเอาคนที่มุงทั้งหลายออกไปบ้างซัก 3 4 คน คุณป้าที่เป็นลมคงมีอากาศให้หายใจได้มากขึ้นอีกตั้งกอง การปฏิบัติธรรมวัดสนามในนับว่าสะดวกสบายมากและได้รับความรู้หลายเรื่องจากพระอาจารย์ทีขึ้นมาเทศน์ สำหรับการ เจริญสติแบบเคลื่อนไหวก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถดึงสติคนที่ ไม่ค่อยมีสมาธิอย่างริบบิ้น ให้สามารถรวบรวมสมาธิได้เป็นอย่างดีวิธีการเกิดสมาธิก็เข้าใจได้ไม่ยาก แค่คำว่า ฮู้ ซื่อซื่อ หรือ รู้ ซื่อ ซื่อ มันเป็นคำง่าย ๆ แต่มีความหมายในตัวมันเอง สติมาปัญญาเกิด เจอกันใหม่ครั้งหน้า เราจะออกต่างจังหวัดกันบ้าง ติดตามตอนต่อไปนะคะคุณขา บาย nt-family:"Cordia New"'> การปฏิบัติธรรมวัดสนามในนับว่าสะดวกสบายมากและได้รับความรู้หลายเรื่องจากพระอาจารย์ทีขึ้นมาเทศน์ สำหรับการ เจริญสติแบบเคลื่อนไหวก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถดึงสติคนที่ ไม่ค่อยมีสมาธิอย่างริบบิ้น ให้สามารถรวบรวมสมาธิได้เป็นอย่างดีวิธีการเกิดสมาธิก็เข้าใจได้ไม่ยาก แค่คำว่า ฮู้ ซื่อซื่อ หรือ รู้ ซื่อ ซื่อ มันเป็นคำง่าย ๆ แต่มีความหมายในตัวมันเอง สติมาปัญญาเกิด เจอกันใหม่ครั้งหน้า เราจะออกต่างจังหวัดกันบ้าง ติดตามตอนต่อไปนะคะคุณขา บาย
Create Date : 31 มกราคม 2561 |
Last Update : 31 มกราคม 2561 17:04:18 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1102 Pageviews. |
|
|