SmileySmiley :: How Do I Enjoy Life while "Living with Cancer" ::
Group Blog
 
All blogs
 
OSHO International Meditation Resort and my days in Pune

กลับมาจากเมืองปูเน่ (ชื่อเดิม ปูนา) ซึ่งอยู่ในรัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย เมือวันจันทร์ที่แล้ว.... หลังจากไปใช้ชีวิตที่นั่น 6 สัปดาห์ กับการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำให้สมองว่าง จิตว่าง และเข้ารับการบำบัดด้วยเรกิ ไปๆมาๆ เริ่มฝึกเรกิเคี่ยวกรำจากเรกิ 1 เรกิ 2 และเรกิ 3 ในที่สุดได้เป็น เรกิมาสเตอร์ (อาจารย์สอนเรกิ) รวมถึงได้หลักคิดในการดำเนินชีวิตมาด้วย
ได้สัมผัส กับความรู้สึกเบิกบาน เริงร่า มันเป็นอย่างนี้นี่เอง :)

ไปอินเดียครั้งแรก อยู่มัน 6 สัปดาห์ในเมืองๆ เดียว
มีสถานที่ๆ ไปเป็นหลักอยู่ 2 แห่ง คือ
1. โรงเรียนเรกิ ใช้แฟลตของ สวามีจี (ท่านอาจารย์โอมานันด์ บราตี ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน : คุรุ ของ มีนากุมารี เพราะท่านเรียกชื่อฉันว่าอย่างนี้) ซึ่งท่านเปิดห้องสอนการฝึกสมาธิ โดยนำเรกิมาประกอบเพื่อเพิ่มพลังชีวิตจากจักรวาลให้แก่ผู้รับการบำบัดและผู้ฝึกเรกิ ช่วยให้การเข้าถึงภาวะสมองว่างจิตว่างระหว่างการฝึกสมาธิได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น สวามีจีได้ให้เวลาสำหรับการถามตอบคำถามใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ซึ่งจัดเจนแจ่มแจ้ง

2. OSHO International Meditation Resort อยู่ที่นั่นเราเรียก Ashram (อาศรม) หรือ Commune (ประชาคม)
เข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติ ความสงบเงียบ มีชีวิตชีวา สะอาด และครบครันไปด้วยการบริการต่างๆ ที่เตรียมไว้ให้ผู้ฝึกสมาธิได้รับความสะดวกสบาย ซึ่งทางอาศรมจัดไว้ ช่วงที่ไปเป็น Low-season รายละเอียดค่อยเล่าในบล็อกอันต่อไป เผื่อใครสนใจเกี่ยวกับท่าน OSHO โดยเฉพาะ ตอนนี้ไปที่ //www.osho.com ก่อนเลย

บางวันก็ไปทั้งสองที่ ตื่นเช้าตอนตีห้า อาบน้ำ ใส่ชุดสีแดงเข้ม (Maroon Rope) แล้วออกจากแฟลตเดินสมาธิก้าวเท้า ซ้าย-ขวา ซ้าย-ขวา อย่างเร็วจ้ำอ้าวประมาณ 1 กิโลเมตรไปยังอาศรม

"ใส่ชุด Maroon Rope"


จ่ายสตางค์ตรงทางเข้า ปัจจุบัน ชาวต่างชาติไปใช้สถานที่และเข้าร่วมกิจกรรมสมาธิที่อาศรม ค่าเข้า 450 รูปี ส่วนชาวอินเดีย 150 รูปี ซึ่งก่อนการไปใช้สถามที่ก็ต้องสมัครสมาชิกกันก่อน ฉันไปสมัตรก่อนหน้า 1 วันนอกจากกรอกใบสมัคร ทำบัตรสมาชิกแล้วก็ต้องมีการเจาะเลือดสมาชิกต้องไม่เป็นโรคติดต่อใดๆ


"วันไปสมัครสมาชิก ถ่ายรูปที่ด้านหน้าอาศรม เพราะเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายด้านในอาศรม"


"สิ่งของที่ต้องใช้ตอนไปอาศรม ได้แก่ บัตรประจำตัว ชุดสีแดงเข้ม ชุดสีขาว กุญแจล็อกเกอร์ ตารางกิจกรรมสมาธิประจำสัปดาห์ และคูปองอาหาร"


มุ่งหน้าไปที่ล็อกเกอร์เก็บของ แล้วตรงไปยังอาคารหลังคาทรงปิรามิด ที่ให้ความรู้สึกถึงความมั่งคงและทรงพลัง ทางเท้าที่นำไปสู่บันไดทางขึ้นปิรามิดมีสระน้ำขนาดใหญ่ปูกระเบื้องสีดำ เงาสะท้อนต้นหางนกยูงและต้นไผ่ต้นสูงใหญ่ที่รายรอบ ดอกหางนกยูงสีส้มสดลอยบนผิวน้ำละรอกคลื่นเคลื่อนตัวเอื่อย พริ้วไหว


"อาคารทรงปิรามิด...ขอบคุณเวป OSHO สำหรับรูปนี้"


ภายใต้หลังคาปิรามิดขนาดใหญ่น่าจะจุคนได้มากกว่า 5,000 คน เช้าวันนั้น เอารองเท้าวางบนชั้นหน้าห้อง สั่งน้ำมูก แล้วเดินเข้าไปในห้องภายในเพดานเป็นหลังคารูปปิรามิด เปิดแอร์เย็นฉ่ำ อากาศสดชื่นกลิ่นสะอาด.....
เห็นมีคนมาก่อน หลายสิบคน บางคนนอนท่าศพอาสนะ บางคนหมุนข้อต่างๆ แบบโยคะ บางคนนั่งหมอบพักกายพักใจแบบโยคะ บางคนนั่งนิ่งๆ มองไปรอบๆ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเพลิดเพลินกับเสียงเพลงจากฟลุทที่เปิดคลอเบาๆ ไว้ ทะยอยกันเข้ามาในห้อง ตอนจะเริ่มมีคนอยู่สัก 400 คนได้

6.15 น. Dynamic Meditation เป็นการใช้พลังงานที่มีอยู่ในตัวเราอย่างตื่นตัว

หายใจออกอย่างต่อเนื่องทำความสะอาดเลือด ด้วยท่าพ่นลมออกทางจมูกพร้อมกระพือปีก 15 นาที

ต่อด้วยการระบายความรู้สึกด้วยการหัวเราะ ร้องไห้ พูดบ่นด่าด้วยภาษาที่เราไม่รู้จักแสดงออกทางอารมณ์เต็มที่ หลับตาไม่สนใจใครต่างคนต่างสนใจตัวเอง 15 นาที

ต่อด้วยการกระโดดสองขาพร้อมกับออกเสียง Hoo Hoo Hoo ต่อเนื่อง เป็นการเอาอากาศเข้ามาเพิ่มพลัง ช่วงนี้แหละที่เริ่มรู้สึกคล้ายว่าจะเป็นลม แต่หยุดไม่ได้..... กระโดดต่อไป กระโดด กระโดด อ่อนล้า สลับกับทรงพลัง 15 นาที

เพลงเปลี่ยนเป็นเสียง Singing Bowl ก้องกังวาน ยืนหยุดนิ่ง สังเกตตัวเองที่ภายนอก เป็นร่างกาย เห็นเหงื่อไหล รู้สึกชีพจรเต้นแรง เกิดความร้อนตามส่วนต่างๆของร่างกาย แขนขาสั่นๆ ผิวหนังยุกยิก 15 นาที

แล้วลงนอนพัก ดูลมหายใจที่ท้อง และพักผ่อนไปเลย เพราะหมดแรงจริงๆ แขนขาไม่รู้อยู่ไหน.... รู้สึกถึงความสงบ นิ่ง สบาย จนเสียงระฆังปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ตะแคงตัวนิ่งสักพัก ลุกขึ้นมา รู้สึกสบาย คล่องตัว สดชื่น.....

ออกจากห้องกิจกรรม ไปหาผลไม้กินที่ห้องอาหาร ซึ่งสะอาดมาก ในห้องบริการอาหาร มีที่ล้างมือก่อนเข้า แต่ห้ามใช้มือหยิบอาหารจากตู้อาหาร ป้องกันการติดเชื้อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง ห้ามชิมอาหาร ซึ้อเสร็จ ยกออกไปกินข้างนอก เป็นโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งไว้ใต้ร่มไม้

กินเสร็จ ไปห้องสมาธิ Silence Sitting ห้องนี้ต้องใส่ถุงเท้าขาวเข้าไป เพราะพื้นห้องเป็นหินอ่อนที่ไม่ได้เคลือบน้ำยา ขอความร่วมมือทุกคนไม่ให้เอาผิวหนังสัมผัส น้ำมันในร่างกายจะทำลายผิวหินอ่อน ห้องนี้เมื่อเข้ามาต้องไม่ส่งเสียงใดๆ ที่นี่เป็นที่เก็บอัฐิของท่าน OSHO ด้วย นั่งสมาธิ ไป 1 ชั่วโมง

ไปสวดมนต์เช้าเรกิ ไหว้พระอาทิตย์อาบพลังชีวตจากจักรวาล ที่ลานกิจกรรมกลางแจ้ง

แล้วออกจากอาศรม แวะถ่ายรูปกับพระพิฆเนศ


เดินกลับไปโรงเรียนเรกิ ตึกใกล้กันกับแฟลตที่พักน่ะแหละ ไปถึงตอน 11 โมง ไปพบสวามีจีและถามคำถามท่าน เกี่ยวกับสมาธิ หรือเรกิ รวมถึงหลักการใช้ชีวิต แล้ว 11.30 น. ท่านและอาจารย์เรกิท่านอื่นทำการบำบัดเรกิให้...

12.30 น.ก็กินข้าวร่วมกัน เป็นอาหารแขกที่ทำรับประทานกันเป็นปกติ ฉันก็เข้าไปแจมด้วย โดยขอให้พ่อครัวช่วยทำสลัดผักให้ด้วย อาหารหลักที่กิน เป็น "จะปาตี" ซึ่งทำจากแป้งสาลีโม่มาใหม่ๆ สลัดผักใส่เกลือเล็กน้อยกับน้ำมะนาว ซุปถั่วที่เรียก "ดัล" และผัดผักนิดหน่อยไม่อยากจะกินอาหารที่ใช้น้ำมันมาก


"มื้อเที่ยง กินใส่จานสแตนเลสแบบนี้"


13.30 น. เป็นชั่วโมงฝึกสมาธิแบบต่างๆ และฝึกเรกิ อาจารย์เรกิสองสามคนจะมาทุกวัน และร่วมกันสอนนักเรียน รวมทั้งให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติไปในแต่ละขั้นของเรกิ และฝึกบำบัดให้แก่ผู้อื่นด้วย


"นั่งนิ่งๆ นะจ๊ะ เข้าสมาธิแบบนั่งนิ่ง"


"หายใจออกต่อเนื่อง" "หัวเราะกันอย่างต่อเนื่อง"


"ตันตระ จ้องตาตัวเอง"


15.30 น. พูดคุยประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกเรกิ สักครึ่งชั่วโมง
16.00 น. กลับแฟลตที่พัก ไปพักผ่อน โดยแวะกินน้ำมะพร้าวอ่อนสดก่อนขึ้นแฟลต อาบน้ำ นอนพักผ่อน
17.30 น. กินผลไม้ แล้วอ่านหนังสือที่สนใจ
18.00 น. เผ่นไปอาศรมอีกรอบ ตรงไปที่ล็อกเกอร์อาบน้ำสระผม เปลี่ยนชุดเป็นสีขาว เพื่อเข้าประชุมตอนเย็น Evening Meeting เป็นช่วงที่ทุกคนที่ทำงานในอาศรมและผู้ฝึกสมาธิจะมาทำกิจกรรมสมาธิร่วมกัน มีการเต้นรำ (Dance Meditation) Giberish Meditation และฟังวิดีโอทอล์คของท่าน OSHO จนถึง 2 ทุ่มเศษ


"ภาพช่วงประชุมเย็น เวลามีคนมากๆ ภาพจากเวป"


วันไหนไม่ได้ไปอาศรมและไม่เหนื่อย ตอนเย็นชอบออกไปเดินเล่นที่ตลาดเยโรล่า ใช้วิธีเดินจากแฟลตข้ามสะพานยาวๆ ไปจนถึงตลาด ที่จริงถ้านั่งรถตุ๊กตุ๊กที่เรียกว่า "ออโต้ริกชอ" เขาคิดแค่ 15 รูปีเอง แต่ชอบเดินมากกว่า... ซื้อผลไม้สดๆ เดินชมตลาด ซื้อเครื่องประดับแขกๆ

กลับถึงแฟลตตอนค่ำ พ่อครัวผู้ดูแลแฟลตจะทำอาหารให้กิน ตามที่บอกไว้ ว่า ไม่เค็ม ไม่มัน ให้ทำสลัด และกับข้าวที่ทำจากผัก ข้าวกล้อง ส่วนเขาจะทำสูตรไหนก็แล้วแต่เขา เป็นสไตล์อาหารอินเดียน่ะแหละ กินเสร็จก็ทำสมาธิ 1 ชั่วโมง โทรหาคุณสามีซึ่งกลับเมืองไทยก่อน แล้วก็นอน...


"อาหารมื้อเย็น...กินค่ำไปหน่อย"


วันไหนไม่ได้ไปอาศรม ก็ตื่นเช้า ไปสวดมนต์เช้าเรกิ ไหว้พระอาทิตย์อาบพลังชีวตจากจักรวาล แล้วเต้นรำเข้าสมาธิบนดาดฟ้า....

หลังจากเรียนเรกิจนได้รับใบประกาศนียบัตรเป็นอาจารย์เรกิแล้ว ก็อยู่ต่ออีก 10 วัน เพื่อจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองเงียบๆ โดยไปฝึกเรกิที่โรงเรียนทุกวัน แต่จะพูดน้อย หรือแทบไม่พูดเลย และไม่คิดอะไรมาก......

อาจารย์เรกิเพื่อนกันชื่อ Usha ชวนไปเยี่ยมบ้าน ให้ได้ไปรู้จักครอบครัว วัฒนธรรม และอาหารที่เธอทำ เธอบอกว่า คนอินเดียแต่ละชั้นวรรณะจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาก ในเรื่องกิริยามารยาท และที่เห็นชัดคืออาหารไม่เหมือนกัน ชวนให้ไปดูทำ "จะปาติ" เลยได้วิชาอาหารแขกติดตัวกลับบ้านมาด้วย.... :)

หัดใส่ชุดส่าหรี ทีแรกนึกว่าจะรุ่มร่ามทนไม่ไหว แต่พอใส่จริงๆ สบายตัวดีแฮะ.....







Create Date : 19 มิถุนายน 2550
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 16:18:09 น. 5 comments
Counter : 2647 Pageviews.

 
ดูท่าทางกวางจะมีความสุขมากที่อินเดียนะ
อ่านดูทุกประโยคเลย (เพราะมันแปลก)
ดูรูปทุกรูปเลย (สวยทุกรูป คนถ่ายสวย ชุดก็สวย
โลเคชั่นก็แปลกตา)
เรื่องมันแปลกดี เอจะเข้ากับของไทย ๆ ที่ว่า
"อย่าไปคิดมาก" แบบที่เรา ๆ ท่าน ๆ ชอบพูด
ปลอบใจเพื่อน หรือถ้าเป็นพระก็จะว่า "เป็นเช่นนั้น
เองโยม (อย่าไปคิดมาก)" เอาสติเพลิดเพลินกับ
ธรรมชาติและสิ่งรอบ ๆ ตัวเราดีกว่า จริงไหม?


โดย: ตุ๊ IP: 58.136.65.101 วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:25:14 น.  

 
ดีใจจัง เห็นกวางหน้าตาอิ่มเอิบ แสดงว่าอินจิงๆ
มองโลกหลายมุม ไม่แปลกหรอก ตื่นเต้นเร้าใจ
แต่ก้อเข้าใจชีวิตมากขึ้น จิงมะ
มีความสุขมากมายจ้า


โดย: สีส้ม IP: 203.150.210.164 วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:58:45 น.  

 
หน้าตาอิ่มเอิบมาก
เหมือนอาบความสุข ความร่าเริง

ยินดีด้วยจ้ะ


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 27 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:56:39 น.  

 
อยากศึกษาครับ


โดย: ดำเกิง IP: 124.121.161.241 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:06:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณดำเกิง,

เข้าไปแวะดู //www.osho.com

แล้วเมล์มาเมาท์กันก็ได้ค่ะ :)

minieii@yahoo.com


โดย: Minie' วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:10:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Minie'
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]




รู้โลกเรียนธรรม

Friends' blogs
[Add Minie''s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.