|
ที่ "ภาวนา" สำหรับ "ไฮโซติดสุข" OSHO International Meditation Resort
สัปดาห์ที่แล้ว ได้ไปจัดคอร์ส ซึ่งเกี่ยวกับการพักกายพักใจ โดยเป็นวิทยากร ++ ธรรมชาติบำบัดพึ่งตนเอง ร่างกายอันมหัศจรรย์ ++ กินอาหารสุขภาพ ++ ศิลปะการใช้ชีวิต การภาวนา แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ++ ฝึกโยคะ ชี่กง ++ ฝึกโปรแกรมจิต เพื่อการผ่อนคลายระดับลึก ++ ฝึก Active Meditation เพื่อการระเบิดอารมณ์ ระบายสิ่งเก็บกด
ตอนหัวข้อ การภาวนา ให้สมาชิกคอร์ส แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้วยความที่ผู้เข้าร่วมคอร์สเป็นคนทำงานระดับบริหาร มีรายได้สูง ส่วนใหญ่เรียนจบจากต่างประเทศ การใช้ชึวิตก็เป็นแบบสะดวกสบาย
หลายท่านเคยไปฝึกวิปัสสนากรรมฐาน แต่ก็ยอมรับว่า "ติดสุข" ในเรื่องสถานที่ ซึ่งต้องสะอาด สบายเป็นส่วนตัว เช่นไม่เอาห้องนอนรวม ไม่เอาห้องน้ำรวม ฟูกที่นอนหนา ผ้าห่มอุ่นสบาย
หลายท่านจึงยังไม่อยากไปร่วมเรียนร่วมฝึกวิปัสสนา ซึ่งก็มีแนวโน้มให้รักษาศีล 5 หรือศีล 8 ถ้าไม่ถึงขนาดงดอาหารมื้อเย็น อย่างน้อยที่นอนก็จะบางๆ หน่อย
พอเราฝึก Active Meditation ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ฝึก "มองดูร่างกาย และจิต อย่างที่มันเป็น" และการปล่อยให้ "เข้าสู่ภาวะสมาธิ อย่างไม่ต้องใช้ความพยายาม"
หลายคนได้มีโอกาส ระเบิดอารมณ์ ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ภายในใจ ปลดปล่อยความทุกข์ที่สะสมไว้เนิ่นนาน ออกไป จากการฝึก Dynamic Meditation และ Kundalini Meditation รวมทั้งได้ทดลองสัมผัสกับ Nadhabrahma Meditation ช่วยให้ดูปัจจุบันขณะได้ชัดเจน
จึงนึกถึง OSHO International Meditation Resort สถานที่ซึ่งเคยไปเมื่อประมาณ 2 ปี ก่อน และนำเทคนิคการภาวนา มาใช้เป็นประจำวันนี้ จนเป็น Facilitator ได้แล้ว
สำหรับ ไฮโซติดสุข น่าจะเหมาะ เพราะในรีสอร์ทนี้ มีความเป็นอินเตอร์มากๆ ทั้งระบบการจัดการ และความสะดวกสบายของสถานที่
เพียงแต่ขอให้ มีงบประมาณเยอะๆ เท่านั้นแหละ คุณก็จะได้เข้าพักในห้องพักที่สะดวกสบาย ภายในรีสอร์ท เห็นว่า ค่าห้องพักเริ่มต้นที่คืนละประมาณ 4,500 รูปี (สัก 4,000 บาท)
ส่วนค่าสมัครสมาชิก และตรวจเลือดก่อนเข้ารีสอร์ท ก็ไม่น่าเกิน 2000 บาท สำหรับค่าเข้าเพื่อการไปฝึกภาวนา และใช้สถานที่ ก็ 450 รูปี (สัก 400 บาท)
ที่รีสอร์ท มีร้านค้า ที่ขายเสื้อผ้า และของใช้ที่จำเป็น ในการเข้าร่วมฝึกภาวนา...ในราคาที่สมเหตสมผล
ร้านอาหาร ทำอาหารสุขภาพ จากฟาร์มออแกนนิค สะอาดมากถึงมากที่สุด ชนิดที่ว่า ก่อนเข้าห้องอาหารให้ล้างมือก่อน แล้วใช้คีมคีบอาหารที่เป็นผลไม้ ใส่ถาดใส่จาน แล้วนำออกมารับประทานภายนอกห้องอาหาร ไม่ให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆ
และก็มีร้านอาหาร ที่เป็น Dinner Table ในสวนที่สวยงาม
++ หากเกรงว่า จะไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมอินเดีย และไม่ชอบผู้คนจำนวนมาก แออัด สกปรก อาหารแขก ก็ให้บินไปที่ Mumbai แล้วต่อเครื่องบินไป Pune จากนั้น ก็นั่งรถเข้าเมือง มองออกจากตัวรถเห็นบ้านเมืองของอินเดียนิดหน่อย แล้วก็ใช้เวลาในรีสอร์ท ที่มีพื้นที่กว้างขวางมากอยู่ใจกลางเมือง คือว่า ดูเป็นสัดเป็นส่วน คนภายนอกไม่เข้ามายุ่ง ไม่มีเสียงรถรามาก
++ แนะนำให้ใช้วันพักร้อนสัก 5 - 7 วัน ที่รีสอร์ทนี้ สำหรับการเรียนรู้ การฝึกสมาธิภาวนา และการใช้เทคนิคระบายออกต่างๆ ผสมกับการนั่งนิ่ง Silence Sitting สลับกับการเล่นเทนนิส หรือว่ายน้ำเล่น รวมทั้ง "อยู่เฉยๆ ริมสระน้ำ" หรือ เดินเล่นที่สวน Teeth Park ที่ร่มรื่น
++ ช่วงฤดูร้อน เดือนมีนาคม - มิถุนายน จะเป็น Low Season อากาศภายนอกจะร้อนมาก แต่ในห้องภาวนา จะปรับอากาศ ช่วงฤดูฝน มิถุนายน - กันยายน ก็คนน้อย Low Season หมายถึงในห้องภาวนา จะมีคนประมาณ 400 - 600 คนในแต่ละ Session ส่วนตอนเย็นมีการรวมตัวกันกับเจ้าหน้าที่ ก็ประมาณ 800 - 1,000 คน
แต่ถ้าฤดูที่อากาศดี คืออากาศเย็น คือ ตุลาคม - กุมภาพันธ์ เป็น High Season ในห้องภาวนาตึกใหญ่หลังคาปิรามิด คนเยอะ หลายพันคน ทีเดียว
ถ้าสนใจ ลองคลิ๊ก ดูข้อมูล
ส่วนที่ฉันเคยไปนั้น เล่าไว้ที่ตรงบล็อกนี้ ดูข้อมูล ตอนนั้นไปแบบโลโซ ไม่ได้พักในรีสอร์ทหรูจ๊ะ
แล้วคุณจะเห็น "ชีวิต" ได้ชัดเจนขึ้น หรือแม้แต่ "ชีวิตจะเปลี่ยน" จนแสดงออกได้ผ่าน "ประกายตาอันสดใส" แบบที่ฉันโชคดีที่คุณสามีนำพาไปที่นั่น
ตอนนี้ กำลังหางบประมาณ เพื่อจะไปเข้า Work as Meditation Residential Training 90 days ไปอยู่ในที่ที่งดงาม เรียนรู้พัฒนาตนเอง และพัฒนาจิต ร่วมกับผู้คนจากทั่วโลก
Create Date : 13 มีนาคม 2552 |
Last Update : 13 มีนาคม 2552 8:57:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2372 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|