ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
~~รักป่วน ๆ ของก๊วนเด็กแสบ~~ตอนจบ


Mibu Sa’KYO talk.......

............ซ่า!!!


“เฮ่ย!! นั้นมันพวกไอ้พริกไม่ใช่เหรอวะ” พวกของไอย์ที่นัดกันออกมากินข้าวเห็นภาพของเพื่อนตนเองอยู่ในรายการข่าวภาคค่ำก็แทบสำลักข้าว ทั้งพัฒและต้น รวมทั้งหนิงหันมาจ้องโทรทัศน์จนแทบจะแทรกร่างเข้าไปในนั้น


~~เกิดเหตุทำร้ายร่างกายขึ้นบริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า...........มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหนึ่งคนชื่อ นางสาวจีรนันท์ บุญภักดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับผู้ต้องสงสัย คือนายวิเชียร ตันศิรี ซึ่งได้สารภาพภายหลังถูกจับกุมว่าตนเป็นผู้กระทำการทุกอย่าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนผู้ต้องหาและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทางทีมงานจะรายงานสถานการณ์ในครั้งต่อไปค่ะ..~~

“แฟนไอ้เหมี่ยว!!!”







“เรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง?? แล้วจอยเป็นยังไงบ้างมะเหมี่ยว?” เสียงของคุณสาริณี ผู้เป็นแม่ของจอยละล้ำละลักถามเมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน

“ตอนนี้จอยอยู่กับหมอค่ะ ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง แต่คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะหมอต้องช่วยจอยได้อย่างแน่นอนค่ะ”

มะเหมี่ยวไม่ตอบ ชมพู่เป็นคนพูดเสียเอง และปลอบประโลมคุณสาริณีที่ทรุดกายลงนั่งตรงข้ามกับมะเหมี่ยว เสื้อของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ไม่ต้องสงสัยว่ามันเป็นเลือดของใคร เลือดของจอยนั่นเอง มะเหมี่ยวยืนนิ่งจิตใจของเขาเต้นไม่เป็นปรกติ ภาพของจอยที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาแทบบ้าตาย

ทำไมไม่เป็นเขา...คนที่เจ็บตัว...ทำไมไม่เป็นเขา

“ไอ้เหมี่ยว!! ชมพู่!! เป็นไงบ้าง?” พวกของไอย์และพัฒตามมาสมทบกันที่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่มีใครตอบคำถามพวกเขา ต้นเดินมาใกล้ ๆ กับมะเหมี่ยว

“เป็นไงบ้าง? จอยเป็นอะไรมากหรือเปล่า? แล้วแกโอเคดีมั้ย?”

มะเหมี่ยวไม่ตอบอะไร? สายตาของเขาจ้องนิ่งไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน ร่างของจอยถูกส่งเข้าไปด้านในเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมาบอกอะไรพวกเขาเลย

“แล้วไอ้พริกมันไปไหนแล้วละชมพู่?” พัฒเอ่ยถามชมพู่

“อยู่กับเจ๊เจี๊ยบทางด้านโน้นนะ ตำรวจสอบปากคำอยู่” เขาพยักหน้ารับ มองภาพชมพู่ที่และโอบกอดร่างของคุณสาริณีที่ร้องไห้อยู่อย่างเสียขวัญ







“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างไง”

“พวกเราไปพากันไปดูหนังที่ห้าง มะเหมี่ยวกับจอยขอตัวไปนอนพักที่รถรอหนังฉาย พอใกล้เวลาที่หนังจะเริ่ม เราเดินไปตามเขาที่ลานจอดรถ”

“เรานี่หมายถึงใครครับ”

พริกมองหน้านายตำตรวจที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดตอนที่สอบถามเขาก่อนที่จะตอบด้วยเสียงที่ดูจะสั่นพร่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก

“พริกกับชมพู่ เราสองคนเดินไปตามมะเหมี่ยวกับจอยที่รถ” พริกกลืนน้ำลายลงอย่างยากเย็น ก่อนที่จะเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ตำรวจฟังโดยมีเจ๊เจี๊ยบนั่งอยู่ข้าง ๆ


.............................

...................

...........

........

“เหมี่ยวฉันทำอาหารเป็นหลายอย่างแล้วนะ ไว้จะทำให้นายกินนะ” จอยพูดเมื่อเธอลงจากรถมา มะเหมี่ยวหันมามองหน้าเธอก่อนที่จะเลิกคิ้วทำสีหน้าเหลือเชื่อ

“ฉันต้องเตรียมยาแก้ท้องเสียเป็นเครื่องเคียงด้วยมั้ย”

“คนบ้า!! ระดับฉันกินแค่ยาได้ไงยะ นายต้องโทรเรียกรถพยาบาลมารอรับเลยต่างหากละ” มะเหมี่ยวยิ้มให้กับความดื้อ เถียงไม่ยอมแพ้เขาของจอย เขายิ้มอ่อนโยนให้กับเธอก่อนที่จะยกมือขึ้นขยี้ผมเธอ และเดินจูงมือจอยมาทางที่พริกและชมพู่กำลังเดินมา

มะเหมี่ยวหันมาสบตากับพริกที่กำลังเดินมาทางเขาพร้อมกับน้องสาวของเขา ภาพของพริกที่เดินจับมือมากับชมพู่นั้น ทำให้เขากระชับฝ่ามือที่กุมมือของจอยอยู่แน่นขึ้น และหันมามองจอย ซึ่งเธอก็มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

“เราจะมีกันตลอดไป” จอยยิ้มกับคำบอกรักของมะเหมี่ยวและคำพูดที่เธอถือว่ามันเป็นสัญญาระหว่างเธอกับเขา

“เราจะไม่พรากจากกัน เราจะมีกันตลอดไป”

ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ความรักมันช่างงดงามเสมอ...........................


********ผู้ชายคนนั้นพุ่งมาจากหลังรถใกล้ ๆ มันตรงดิ่งมามะเหมี่ยว ในมือของมันมีมีด......


“ไอ้เหมี่ยว!!! ระวัง!!!”

มะเหมี่ยวหันขวับไปทางพริกที่เป็นคนตะโกนใส่เขา สีหน้าตกใจของพริกทำให้เขาต้องหันกลับไปด้านหลัง ผู้ชายที่มะเหมี่ยวไม่เคยลืมหน้าของมันเลยตลอดชั่วชีวิตนี้โผล่มาจากทางไหนเขาไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ อาวุธคมกริบที่อยู่ในมือของมันกำลังพุ่งตรงดิ่งมาทางเขา

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก มากจนเขาไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน ไม่สามารถจะปกป้องตัวเอง และคนรักของเขา

“เหมี่ยว!!!”

เสียงของจอยดังขึ้น เมื่อเธอหันไปเจอกับร่างที่พุ่งมาทางมะเหมี่ยว ไม่มีเวลาที่จะให้เธอได้คิดอะไร มัจจุราชมันพุ่งตรงมาที่ร่างของคนรักของเธอ

“แกตายซะ!!!”

“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!”

เสียงกรี๊ดของชมพู่ดังขึ้น เมื่อเธอเห็นวัตถุแหลมคมนั้นพุ่งเข้าหาร่างกายของพี่สาวฝาแฝดตัวเอง

มีดคมกริบมันเสียบเข้าที่ร่างกายอันบอบบางที่เข้ามายืนขวางมันกับเป้าหมาย มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เพียงแค่เสี้ยววินาทีร่างของจอยทรุดลง มะเหมี่ยวคว้าร่างนั้นไว้ ดวงตาที่เบิกโพร่งของเธอจ้องใบหน้าของมะเหมี่ยว ริมฝีปากเผยออ้า พยายามจะเรียกชื่อของเขา มือที่เปื้อนเลือดที่ไหลออกจากร่างกายของเธอสั่นระริกเมื่อยกขึ้นเพื่อที่จะสัมผัสใบหน้าของคนรักของเธอ แต่เพียงแค่ปลายนิ้วเท่านั้นที่มันสัมผัสกับผิวหน้าของเขา ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงข้างกายของเธอเอง

“ม่ายยยยยย”







“แล้วหนูทำยังไงต่อ”

พริกเงียบเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะพูดออกมา แต่ความกลัวที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนมันแล่นเข้ามาเกาะกุมจิตใจของเขา เขาต่อสู้มาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นใครฆ่ากันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ความตายมันอยู่ต่อหน้าของเขานี่เอง

“เหมือนจะลืมตัว เลยวิ่งไปหาเพื่อน ไอ้บ้านั้นมันทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้ามาหามะเหมี่ยว ตอนนั้นคว้าเอาของที่อยู่ในรถเข็นของใครก็ไม่รู้ขว้างใส่มัน จนเสียหลัก รปภ.ที่อยู่ใกล้ ๆ วิ่งเข้ามาชาร์ตแล้วแย่งมีดจากไอ้บ้านั้นออกไป แต่มันก็หนีไปได้”

พริกกำมือเข้าหากันจนเจ็บไปทั้งฝ่ามือ เขาทั้งโกรธ ทั้งกลัวและทั้งตกใจ เจ๊เจี๊ยบเอามือมาแตะที่มือของเขาเบา ๆ

“ทางตำรวจจับตัวผู้ต้องหาได้แล้วนะครับ และเขาก็สารภาพออกมาแล้วว่าเป็นผู้กระทำการทุกอย่าง ยังไงผมก็ต้องขอความร่วมมือจากพวกคุณชี้ตัวและให้การอีกครั้งนะครับ”

พริกพยักหน้าตอบรับกับนายตำรวจ ก่อนที่พวกเขาจะขอตัวจากไป พริกยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง ก่อนที่จะหันมาทางเจ๊เจี๊ยบ

“จอยเป็นไงบ้างคะ?” เจ๊เจี๊ยบส่ายหน้า

“หมอยังไม่ออกมาเลยพริก จะไปรอที่หน้า I.C.U. มั้ย”

พริกพยักหน้า และทั้งสองก็เดินมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน ที่ยังมีไฟสว่าง แสดงให้รู้ว่า กำลังทำการรักษาคนไข้ฉุกเฉินอยู่

เมื่อหลาย ๆ คน เห็นพริกและเจ๊เจี๊ยบเดินเข้ามาก็กรู่กันเข้าไป

“เป็นไงบ้างพริก ตำรวจว่าไงบ้าง”

“จับตัวคนร้ายได้แล้วนะ แต่ต้องให้ปากคำอีกที” เจ๊เจี๊ยบเป็นคนตอบทุกอย่าง และเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างแทนพริกซ้ำอีกรอบ พริกเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มะเหมี่ยว ชมพู่เดินเข้ามาหาเขา เธอจับมือเขาไว้

“ไม่เป็นไรนะคะ....มะเหมี่ยวด้วย ไม่เป็นไรนะ จอยต้องปลอดภัย” พริกพยักหน้าช้า ๆ คุณสาริณีที่นั่งฟังเหตุการณ์ที่เจ๊เจี๊ยบเล่าก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง

“ไอ้สารเลวนั่น!!” คุณสารริณีแทบจะตะโกน หากคนที่เธอเอ่ยถึงยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าของเธอ เธอคงฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรัก และไว้ใจให้มาเป็นคนในครอบครัว ให้เป็นหัวหน้าครอบครัว ให้มาเป็นคนที่ลูกของเธอต้องเรียกว่า “พ่อ” แต่มันกลับทำลายลูกสาวของเธอ และตอนนี้มันทำให้ลูกสาวของเธอต้องเจ็บปางตายเช่นนี้

“ใจเย็น ๆ นะคุณแม่ หนูจอยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เชื่อเจี๊ยบเถอะ หมอเขาต้องช่วยหนูจอยได้”

คุณสาริณีพยักหน้า เธอพูดอะไรไม่ออกหัวใจของเธอกำลังจะแตกสลายเมื่อเห็นความทรมานของลูกสาวตัวเอง และอีกคนที่ทรมานไม่แพ้กัน.........มะเหมี่ยว







ช่วงเวลาที่รอคอยมันช่างยาวนานสำหรับเขาเสียเหลือเกิน มะเหมี่ยวนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน พริกนั่งโอบกอดชมพู่ที่ซบกายกับอ้อมกอดของเขาอยู่ ร่างของเธอสั่นน้อย ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ไอย์ พัฒ ต้นและหนิงยืนคุยกันเบา ๆ กันอยู่ที่มุมหนึ่ง ส่วนเจ๊เจี๊ยบนั้นเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ คุณสาริณีที่ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่

ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเลย จนกระทั่งไฟที่ประตูห้องฉุกเฉินดับลง หมอใหญ่ที่ทำการผ่าตัดเดินออกจากห้องฉุกเฉินมาด้วยใบหน้าที่ยากจะอธิบาย

มะเหมี่ยวลุกพรวดไปยืนตรงหน้าของหมอที่ทำเหมือนไม่อยากสบสายตากับเขา

“หมอ.....เธอเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยใช่มั้ย?” มะเหมี่ยวแทบจะกัดลิ้มตัวเองตายเพราะความที่รีบถาม และต้องการคำตอบ

“ลูกดิฉัน...ลูกสาวดิฉันเป็นยังไงบ้างคะหมอ?”

นายแพทย์สูงอายุมองใบหน้าของทุกคนที่มายืนล้อมกายของเขา เขาเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ได้เห็นสีหน้าทั้งโล่งใจที่คนอันเป็นที่รักปลอดภัย และสีหน้าที่แสดงความเสียใจ แต่ถึงแม้จะเคยรับมือกับสถานการณ์แบบนี้มามากเพียงไร แต่ทุกครั้งที่เขาต้องบอกว่าเขาไม่สามารถรักษาคนไข้ได้ มันก็เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดสำหรับคนที่เป็นหมอเช่นกัน แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้มากนอกจาก.........

“ทางเราพยายามอย่างเต็มที่ครับ แต่คนไข้เสียเลือดมาก และคงไม่สามารถผ่านคืนนี้ไปได้..............หมอเสียใจด้วยนะครับ”

เกิดความเงียบขึ้นทันที่ที่คำพูดนี้จบประโยค หมอเดินผ่านทุกคนที่ล้อมรอบอยู่ คุณสาริณีปล่อยโฮเธอรับไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยินมา เธอไม่ทางรับได้

“......หมอเสียใจด้วยนะครับ....”

“ไม่จริง!” มะเหมี่ยวครางออกมา ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา เขาก็ไม่ได้หวังให้ใครมาได้ยินเช่นกัน ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน ที่ค่อย ๆ เปิดออก ร่างของเขาเดินเข้าไปข้างในห้องฉุกเฉิน

“ขอโทษนะคะ ช่วยสวมชุดป้องกันเชื้อโรคด้วยค่ะ คนไข้เสี่ยงต่อการติดเชื้อค่ะ” เสียงของพยาบาลที่ปฏิบัติงานอยู่ภายในห้องฉุกเฉินบอกกับมะเหมี่ยวพร้อมกับส่งชุดสำหรับป้องกันเชื้อโรค

มะเหมี่ยวรับชุดนั่นมาสวมอย่างลวก ๆ โดยที่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของจอยที่นอนนิ่งอยู่ที่เตียงคนไข้

มะเหมี่ยวเดินไปยืนชิดริมขอบเตียงที่มีร่างของจอยอยู่ เธอไม่ได้นอนหมดสติ จอยบรือตามองมะเหมี่ยวที่ยื่นข้าง ๆ มะเหมี่ยวก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ

“เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ เธอต้องไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียวนะยัยเบ๊” เสียงแผ่วเบาของมะเหมี่ยวพูดกรอกหูของจอย

จอยเพียงแค่ยิ้มรับอย่างไร้เรี่ยวแรงเท่านั้น เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาเหลือเกิน

“นาย.....ไม่เป็น....ไร...นะ” มะเหมี่ยวส่ายหน้าเป็นคำตอบให้แกเธอ เขาจะเป็นอะไรได้อย่างไรเมื่อเธอปกป้องเขาขนาดนี้

“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนะ.....เจ็บมากมั้ย” เสียงของมะเหมี่ยวเริ่มสั่นพร่าในตอนท้าย คนที่ต้องนอนอยู่ในห้องนี้ อยู่ในเตียงนี้ควรต้องเป็นเขา ไม่ใช่เธอ ไม่เธอผู้เป็นที่รักของเขาคนนี้

“ไม่....เจ็บหรอก ตอนเห็นนาย....เจ็บตัว...เจ็บกว่านี้..ตั้ง....เยอะ” คำพูดขาดกระท้อนกระแท่นของเธอทำให้มะเหมี่ยวปวดใจมากยิ่งขึ้น

ใช่!! ไม่มีอะไรเจ็บปวด...เท่ากับการที่เราได้เห็นคนรักของเรากำลังเจ็บปวด....

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเธอก็หาย....เรามีนัดดูหนังกันนะ แล้วเธอยังติดหนี้ข้าวเย็นฉันอยู่นะ...ยัยเบ๊” มะเหมี่ยวพูด ก่อนจะจูบเบา ๆ ที่มือของเธอที่เขายกขึ้นมา

“ฉันชอบ....เวลา....ที่นายเรียก....ฉันว่า....ยัยเบ๊...จัง”

“ฉันจะเรียกทุก ๆ วัน ฉันจะขอย้ายมาฝึกงานในกรุงเทพ เราจะได้คุยด้วยกัน อยู่ด้วยกัน จะได้เรียกยัยเบ๊ ทุกวัน ๆ จะขยี้ผมเธอ จะกินอาหารทุกอย่างที่เธอทำต่อให้ท้องจะเสียก็เถอะ” มะเหมี่ยวยิ้มบาง ๆ ให้จอย ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบ แต่ใบหน้าซีดเผือดของเธอกลับส่ายช้า ๆ

“เหมี่ยว.....ฉัน.....เหลือเว....ลาไม่มาก ดู.....แล....แม่....ให้ด้วยได้.....มั้ย แม่มี.....แค่ฉัน”มะเหมี่ยวพยักหน้า เสียงเครื่องจับชีพจร และการเต้นของหัวใจของจอย เริ่มแสดงผลว่า หัวใจ และชีพจรของสาวน้อยได้เต้นช้าลงเรื่อย ๆ มะเหมี่ยวไม่ได้สนใจเจ้าเครื่องนั้น เพราะอาการที่ทรุดลงของคนตรงหน้าก็ทำให้หัวใจเขาแทบสลายแล้ว

“ฉันก็มีเธอแค่คนเดียวนะ เธอต้องอยู่กับฉัน อย่างที่เราเคยสัญญากันไว้ไง” มะเหมี่ยวทวงถามถึงสัญญาที่เธอเคยให้กับไว้ เขาจูบลงที่มือบอบบางไร้เรี่ยวแรงของเธออีกครั้ง

จอยเพียงแต่ยิ้ม เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าอะไรที่เธอกำลังจะเผชิญหน้าอยู่ ความตายไม่ใช่สิ่งที่เธอกลัว แต่สิ่งที่เธอกลัวสุดหัวใจคือ การที่ต้องอยู่ห่างไกลจากคนที่เธอรัก....มะเหมี่ยว

“นาย....ยังมี..ชม...พู่....มี..ครอบ...ครัว....มี.....เพื่อน....” จอยพูดก่อนร่างกายจะเริ่มกระตุก เพราะเธอกำลังจะถึงขีดจำกัด มะเหมี่ยวส่ายหน้า เขาลนลานเมื่อเห็นว่าร่างบางของเธอเริ่มกระตุกแรงขึ้น

“ไม่นะจอย......ยัยเบ๊ เธอต้องอยู่กับฉันนะ” มะเหมี่ยวแทบคลั่งเมื่อเห็นอาการของเธอไม่ดีขึ้นเลย เขาไม่รู้ว่าเขาเสียใจ หรือเจ็บปวด หรือทรมาน เขาไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ว่าอะไร มันสับสนปนเปกันวุ่นวายและอัดแน่นไปทั้งร่างกายของเขา

“เธอต้องไม่เป็นอะไรนะยัยเบ๊ อย่าจากฉันไปนะ เธอพูด...เธอสัญญาไว้นะว่าจะไม่จากฉันไป เธอต้องทำอาหารให้ฉันกิน เธอต้องเป็นหมออย่างที่เคยบอกฉันไง ความฝันของเธอไง เธอได้โควตาเรียนหมอแล้วนะ เธอจะให้ฉันถือดอกไม้ไปวันรับปริญญาของเธอ เราจะอยู่บ้านที่ฉันออกแบบไง เราจะอยู่ด้วยกันที่นั่น ฉันเริ่มเขียนแปลนบ้านแล้วนะ มันใกล้จะเสร็จแล้ว เธอจะได้เห็นแบบบ้านของเราไง ฉันรักเธอนะ...อย่าจากฉันไปนะ”

จอยส่ายหน้าช้า ๆ เธอไม่สามารถเดินไปบนเส้นทางเดียวกันกับเขาแล้ว เธอต้องทิ้งเขาไว้ตรงนี้ ความฝันของเธอและเขาไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว

“ฉัน............รัก........นาย....เหมี่ยว.................รั......ก”

“รักฉันก็ต้องอยู่กับฉัน เธอต้องอยู่กับฉันนะจอย”

ร่างกายของจอยเริ่มเกร็งขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเธอบีบรัดหัวใจของมะเหมี่ยวจนร้าวราน ความเจ็บปวดที่จอยได้รับ มันแทรกซึมอยู่ทุกอณูความรู้สึกของมะเหมี่ยว

“สัญ....ญา...กับฉัน” จอยกำมือของมะเหมี่ยวไว้ เธอกำลังจะทนไม่ไหวแล้ว พิษของบาดแผลทำกำลังรุมทำร้ายเธอ

“ฉันสัญญา สัญญาทุกอย่าง แต่เธอต้องอยู่กับฉันนะ ฉันขาดเธอไม่ได้นะ” เธออยากอยู่กับเขาเหลือเกิน ไม่มีใครอยากอยู่ห่างจากคนที่รัก

“นาย....ต้องมีชีวิต......อยู่...อย่าง..มี...ความ...สุข...........ให้ได้.....สัญญา.....กับ...ฉัน” เสียงของจอยเริ่มขาดหาย เรี่ยวแรงของเธอเหลืออยู่น้อยนิดเต็มที่ ลมหายใจของเธอก็เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ

“ถ้าฉันไม่มีเธอ....ฉันจะมีความสุขได้ยังไง” มะเหมี่ยวพูดด้วยเสียงสั่นพร่า....ความตายกำลังจะพรากเธอไปจากเขา น้ำตาของเขาเริ่มไหลรินออกมา

“สัญ...ญา....กับ...ฉัน...นะ.....” มะเหมี่ยวหัวใจแทบสลายเมื่อเห็นร่างของเธอทรมาน

“ได้โปรด........อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ.....ยัยเบ๊.....อย่าทิ้งฉันไป.....ได้โปรด....อยู่กับฉัน...ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอนะ....ฉันรักเธอ”

“จอย........รั.....ก.....เหมี่ยว......” นี่คือครั้งสุดท้ายที่มะเหมี่ยวได้ยินชื่อของเขาจากริมฝีปากบางนั้น.....

ร่างของจอยหยุดเคลื่อนไหว พร้อม ๆ กับเครื่องจับสัญญาณคลื่นหัวใจที่ดังขึ้น มือบางของเธอคลายจากการกุมที่มือของมะเหมี่ยว

มะเหมี่ยวมองร่างของที่นอนสงบนิ่งนั้นราวกับจะหยุดลมหายใจของตัวเองไปด้วย.......เธอจากเขาไปแล้ว......

ไปยังที่ที่เขาตามไปไม่ถึง

“ไม่นะจอย ไม่นะ!!.......ยัยเบ๊!!.....ไม่!!!”







“ฉันรักเธอนะจอย......เราจะมีกันตลอดไป”

ใบหน้าของจอยยังคงไม่แตกต่างจากเดิม ดวงตาปิดสนิท มะเหมี่ยวค่อย ๆ ลูบใบหน้านั้นเบา ๆ ด้วยมือที่ยังคงไม่หายสั่น ร่างกายของเธอยังคงอุ่นอยู่เลย และร่างของเธอก็ถูกเข็นห่างออกไป

“ฉันก็รักนายมากนะเหมี่ยว และเราจะไม่พรากจากกัน เราจะมีกันตลอดไป”

“......เราจะไม่พรากจากกัน” เสียงของจอยกึกก้องอยู่ในโสตประสาตของเขา คำพูดของเธอยังวนเวียนให้เขาได้ยิน

“เราจะมีกันตลอดไป....”

“เราจะมีกันตลอดไป...”

ทุกคนมองตามร่างนั้นไป ชมพู่ปล่อยโฮออกมา พริกโอบกอดร่างกายที่สั่นเทาของเธอไว้....เขามองไปที่เพื่อนรักของเขาที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงไม่รับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวอีกต่อไป


โลกของมะเหมี่ยวหยุดหมุนแล้ว....................................







“เป็นยังไงบ้างลูก?”

ชมพู่ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้กับผู้เป็นพ่อของเธอ นายจุลจักรรีบบินกลับมาเมืองไทยทันทีเมื่อรู้ข่าวที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของเขาทั้งสองคน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรลูกสาวเขาได้เลย

หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น มะเหมี่ยวก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมออกมาเลย พ่ออย่างเขามีหรือจะยอมทนไหว แต่ก็สุดความสามารถเพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรมะเหมี่ยวก็ไม่มีท่าทีที่จะดีขึ้นเลย.....

นายจุลจักรกดเปิดโทรทัศน์ และสิ่งแรกที่เขาได้เห็น ได้ยิน ก็คือข่าวที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวของเขา ไม่ว่าช่องไหน ๆ ก็มีแต่เรื่องของมะเหมี่ยวและจอย




สุดท้ายนายจุลจักรก็ทนไม่ไหว เขาปิดทีวี และโยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง ก่อนจะเดินก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ตรงไปยังห้องของมะเหมี่ยว

“พ่อเข้าไปได้มั้ยลูก”

ไม่มีเสียงตอบรับเช่นเดิมเหมือนทุกครั้ง ผู้เป็นพ่อจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องของมะเหมี่ยว

ในห้องที่มีเพียงแสงที่พยายามส่องผ่านผ้าม่านที่ปิดกั้นอยู่เท่านั้น แม้จะเป็นกลางวันแต่ความสว่างไม่ได้ช่วยให้ห้องที่มีแต่ความหมองหม่นนั้นดูดีขึ้นมาเลย

มะเหมี่ยวนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ในอ้อมกอดของเขามีตุ๊กตาปีศาจตัวโตสีดำ มันคือตุ๊กตาที่อยู่กับจอย ชมพู่เป็นคนเอามาให้เขาหลังจากเกิดเรื่อง

มะเหมี่ยวกอดมันไว้แน่น กลิ่นอายที่ติดมากับตุ๊กตานั้น ทำให้เขารู้สึกว่าคนรักของเขายังคงอยู่กับเขา เธอไม่ได้อยู่ห่างจากเขา สายตาของเขาจับจ้องไปที่โทรทัศน์ที่บัดนี้กำลังฉายภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ และเงยหน้าขึ้นมาต่อว่าคนที่กำลังถ่ายวิดีโอ

เธอในโทรทัศน์นั้นก็คือ.....จอย..... หลายต่อหลายการเคลื่อนไหวในนั้น เป็นฝีมือถ่ายของมะเหมี่ยว เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ความสุขที่อยู่ในแผ่นซีดีที่มะเหมี่ยวก๊อปปี้เก็บไว้นั้น มันช่างต่างจากความจริงที่มะเหมี่ยวกำลังเจออยู่ตอนนี้

ผู้เป็นพ่ออย่างเขาควรจะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่กำลังเกิดกับลูกสาวที่รักของเขา

มะเหมี่ยวไม่ได้มีปัญญาทางจิตอย่างที่เขากลัว ลูกของเขาเพียงแต่รับไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น จนจิตใต้สำนึกปฏิเสธที่จะเผชิญกับความจริง

นายจุลจักรนั่งลงบนเตียงนุ่มของมะเหมี่ยว ก่อนจะกวาดตาไปบนที่นอนของลูกสาว

รูปถ่ายมากมายวางอยู่ทั่วเตียง ทุกรูปเป็นรูปของจอย และอีกมากมายหลายรูปที่ทั้งสองถ่ายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปที่ยืนถ่ายด้วยกัน นั่งเล่น โอบกอดกัน นอนบนเปลนอน ฯลฯ

ทุก ๆ ที่ล้วนแต่เป็นความทรงจำของมะเหมี่ยวที่มีจอยอยู่ด้วยทั้งสิ้น แล้วเหตุนี้ลูกของเขาจะลืมความเจ็บปวดนี้ได้หรือ
“เหมี่ยว!! อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้สิลูก พ่อเสียใจนะที่เห็นลูกเป็นแบบนี้ ยอมรับความจริงสักทีเถอะลูก”

ไร้การตอบสนองจากร่างของมะเหมี่ยว ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาคิด ไม่ว่าเขาจะพยายามพูดหรือทำอะไร มะเหมี่ยวก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาตอบโต้เลย ไม่มีเลยแม้แต่น้อย

“ลูกเป็นอย่างนี้แล้วลูกจะมีชีวิตที่มีความสุขได้ยังไง” นายจุลจักรหมดสิ้นหนทางแล้ว นี่ลูกสาวของเขามีเพียงร่างที่ไร้วิญญาณหรือไร

สุดท้าย.....ในห้องที่หมองหม่นนั้นก็กลับเข้ามาสู่ความเงียบอีกครั้ง เมื่อผู้เป็นพ่อเดินออกจากห้องนั้นไปช้า ๆ

......ชีวิตที่มีความสุขงั้นเหรอ.......สำหรับมะเหมี่ยวแล้วมันจะมีได้อย่างไร เมื่อตอนนี้ครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาได้จากไปเขาไปแล้ว…..







วันเวลาที่ผ่านไป หลาย ๆ ชีวิตใช้ชีวิตอย่างปรกติ ทุก ๆ คนก้าวไปยังข้างหน้า หลายคนหลงลืมเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นไป อย่างเช่นเรื่องของจอย ที่ตอนนี้หลาย ๆ คนหลงลืมไปเสียแล้ว

แต่...มีอีกหลายชีวิตที่ไม่มีทางที่จะลืมเรื่องในวันนั้นได้เลย

ทุกวินาทีมันกรีดแทงจิตใจของมะเหมี่ยวจนยากที่จะเยียวยาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เขายังคงมีชีวิตอยู่ แต่ก็เพียงแค่หายใจเท่านั้น และทุกลมหายใจของเขามันคอยตอกย้ำเสมอว่า...ที่เขายังหายใจได้อยู่อย่างทุกวันนี้เพราะอะไร.....

.....เพราะ...คนรักของเขาได้เสียสละลมหายใจของตัวเอง เพื่อให้เขาได้ได้ยืนอยู่บนโลกใบนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายจากการสูญเสีย......

คนที่ต้องตายไม่ใช่จอย......แต่ต้องเป็นเขา นี่คือความจริงอีกข้อที่ทำร้ายเขา เขาต่างหากที่ต้องตาย เธอคือคนที่ต้องมารับกรรมแทนเขา

.......มันโหดร้ายเกินไป.....เธอควรจะได้มีชีวิตอยู่ เพื่อทำความฝันของเธอ มันไม่ยุติธรรมเสียเลยที่ให้คนที่ควรจะตายอย่างเขามีชีวิตอยู่

...........แม้เหตุการณ์วันนั้นจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมก็คือ....

มะเหมี่ยวยังคงจอมจมอยู่กับความทุกข์ทรมานกับความสูญเสียนั้น.....เขายังคงขังตัวเองอยู่ภายในห้องที่มืดอับ มีเพียงเสียงจากโทรทัศน์ที่ฉายภาพจากวิโอที่มีจอยอยู่ในนั้น รูปถ่ายนับร้อยรูปที่อยู่บนเตียงและติดอยู่ตามผนัง เพดานทั่วห้อง อ้อมกอดของเขายังคงมีตุ๊กตาตัวเดิม.....

ความโดดเดี่ยว เงียบเหงา เดียวดาย และความว่างเปล่า ห้อมล้อมมะเหมี่ยวไว้ เขาขังตัวเองอยู่ในโลกที่มีเพียงภาพจากวิโอ รูปถ่าย ตุ๊กตา ข้าวของเครื่องใช้ของตัวเอง และของจอย ....จอยมีชีวิตอยู่กับเขา.......ในที่แห่งนี้







ปัง!!!

เสียงเปิดประตูห้องของมะเหมี่ยวดังขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิด แต่มันไม่ได้ทำให้มะเหมี่ยวมีอาการอะไรนอกจากนั่งกอดตุ๊กตาและจ้องมองภาพจากโทรทัศน์

“ไอ้เหมี่ยว!!!” พรีกนั่นเองที่เป็นคนทำเสียงดังนั้น ตามมาด้วยชมพู่ และเพื่อน ๆ ของมะเหมี่ยว ทั้ง ต้น พัฒ ไอย์

พริกเดินตรงดิ่งไปยังร่างของมะเหมี่ยวที่ไม่รับรู้อะไร ก่อนที่เขาจะกระชากร่างที่ไม่มีเรี่ยวแรงของมะเหมี่ยวขึ้น

“แกต้องไปสอบ!!!.....ถ้าแกไม่สอบ แกจะเรียนไม่จบ ปวช. ไปกับฉันเดี๋ยวนี้!!!”

พริกสบตากับดวงตาที่ไม่มีแสงประกายอะไรของมะเหมี่ยว ความว่างเปล่าในดวงตานั้น ทำให้จิตใจของพริกปวดร้าวขึ้นมา เพื่อนรักของเขา......

“....................” ไร้สิ่งตอบสนองจากมะเหมี่ยว ดวงตาคู่นั้นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยนอกจากความว่างเปล่า

“แก..........ชีวิตแกทั้งชีวิตนะไอ้เหมี่ยว!!! ให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง ถ้าจอยรู้ว่าแกเป็นแบบนี้ยัยนั้นคงตายตาไม่หลับแน่”

คำว่า...ตาย....เหมือนระเบิดที่จุดปะทุความรู้สึกของมะเหมี่ยว มันทำให้มะเหมี่ยวมีปฏิกิริยา

“จอย....ตาย” เสียงแผ่วเบาของมะเหมี่ยว เปล่งออกมาหลังจากที่ไม่มีใครเคยได้ยินเลยในหลายเดือนมานี้

“ใช่!!! จอยตาย....ตายไปแล้ว!!!รับรู้ซะบ้าง!!!” พริกตอกย้ำความจริงเข้าไปอีกครั้ง ความหวังที่จะทำให้เพื่อนของเขายอมรับความจริงเริ่มเปล่งประกายขึ้น

“ยัยเบ๊.....”

“จอยตายแล้วนะเหมี่ยว.....แกต้องยอมรับความจริง จอยตายไปแล้ว” ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ที่ทำให้มะเหมี่ยวมีความรู้สึกขึ้นมาบ้าง แต่ตอนนี้พริกไม่มีทางเลือกไหนแล้ว นอกจากพูดตอกย้ำเข้าไป

“ไม่จริง!!”

“มันเป็นความจริงเหมี่ยว จอยจากแกไปแล้ว เธอตายแล้ว” พริกเขย่าร่างของมะเหมี่ยว และสิ่งที่สะท้อนกลับมาหาเขานั้นก็คือ.......

พลั๊ก!!!

หมัดหนัก ๆ ของมะเหมี่ยวโดนเข้าเต็ม ๆ ที่ใบหน้าของพริก มันทำให้พริกล้มลงไปกองกับพื้น

“จอยไม่ได้ตาย!!! แกเข้าใจมั้ย!!! เธอไม่ได้ตาย!!” มะเหมี่ยวตะโกนออกมา พร้อมกับกระชากร่างของพริกที่ยังมึนเพราะหมัดของมะเหมี่ยวขึ้น ก่อนที่จะทั้งดึงทั้งลากร่างของพริกและโยนเขาออกจากห้องไป

“ออกไปให้หมด!! ออกไป๊!!” ชมพู่ปล่อยโฮออกมา พ่อของทั้งคู่เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เขาจึงรีบมาที่ห้องของลูกสาวภาพที่เขาได้เห็นคือ....

ชมพู่กำลังกอดรัดร่างของพี่สาวฝาแฝดของตัวเองที่กำลังฟิวขาด เธอร้องไห้พร้อม ๆ กับที่พยายามพูดให้มะเหมี่ยวคืนสติ และยอมรับความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!!!”

“พริกมันไปสะกิดเรื่องของจอยนะครับพ่อ เหมี่ยวเลยสติแตก” พัฒบอกกับพ่อของมะเหมี่ยว ก่อนที่จะเข้าไปช่วยไอย์แยกชมพู่ออกมาจากมะเหมี่ยว เพราะกลัวว่าชมพู่จะโดนลูกหลงจากพายุอารมณ์ของมะเหมี่ยว แต่ดูเหมือนจะสายไป...

มะเหมี่ยวผลักร่างของชมพู่ออกดีว่ามีเตียงรองรับอยู่ ก่อนที่จะหันไปชกหน้าไอย์ที่พยายามรั้งร่างของเขาอยู่

พริกที่กำลังยันกายขึ้นโดยมีต้นช่วยประคอง แทบจะกระโดดเข้าไปผสมโรงด้วย แต่เขาก็เปลี่ยนเป็นตรงไปดูร่างของคนรักที่อยู่บนเตียง

“เหมี่ยว!!! ฮือออออ....อย่าทำแบบนี้.....เหมี่ยว....ฟังพู่ก่อน” ชมพู่ผละจะวงแขนของพริก ก่อนที่จะถลาเข้าไปหามะเหมี่ยวอีก แต่สิ่งที่เธอได้กลับมาก็คือแรงเหวี่ยงที่ทำให้ร่างของเธอเซไปจนเกือบจะชนกับผนัง ดีว่าพริกกระโจนเข้ามารับเธอไว้ทัน

นายจุลจักรเห็นความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น อารมณ์ของเขาก็ยากที่จะควบคุมได้

“หยุดได้แล้วเหมี่ยว!!! เลิกบ้าสักที!!!”

สิ้นเสียงของเขา ร่างของมะเหมี่ยวก็เซล้มลงไปกองกับพื้น เมื่อพ่อของเขาฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าที่ดูซูบเซียวของเขา

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีเมื่อร่างของมะเหมี่ยวลงไปพับอยู่ที่พื้น เขาพยายามยันกายขึ้นมาพิงพนังห้อง มีเลือดกลบอยู่ที่มุมปากของเขา

ชมพู่ถลาเข้าไปหาร่างของมะเหมี่ยวที่หลับตานิ่ง มีเพียงลมหายใจที่หอบถี่ นายจุลจักรมองภาพนั้นผ่านม่านน้ำตาที่ไหลรินออกมา

“มันมีอะไรดีขึ้นบ้างเหมี่ยว? หลังจากที่ได้ทำอย่างที่ผ่าน ๆ มา ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนรอบ ๆ ข้าง บอกพ่อสิว่ามันมีความสุขตรงไหนกับชีวิตแบบนี้”

มะเหมี่ยวไม่ได้ตอบอะไรเขาหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดของชมพู่ที่ร้องไห้อยู่

“พ่อ!!! พ่อ...อย่าทำอะไรเหมี่ยวเลยนะคะ.....นะคะพ่อ” ชมพู่พูดไปร้องไห้ไปจนฟังแทบไม่เป็นภาษา เพราะกลัวเหลือเกินว่าพ่อของตัวเองจะทำอะไรพี่สาวของตัวเองอีก

ตั้งแต่ทั้งสองคนเกิดมา เขาไม่เคยใช้กำลังกับลูกทั้งสองเลย เพราะทั้งสองเปรียบเสมือนตัวแทนของภรรยาอันเป็นที่รักของเขา ที่จากไปตั้งแต่ทั้งสองยังเล็ก

วันนี้ที่เขาลงมือกับลงสาว มีหรือเขาจะไม่เสียใจ

“พ่อคงทำอะไรไม่ได้แล้วละชมพู่.....ไม่ว่ายังไงนี่ก็คือชีวิตของมะเหมี่ยว พ่อก็เพียงทำได้แค่เฝ้ามอง และก็เสียใจเมื่อเห็นลูกสาวที่พ่อรักทำตัวแบบนี้”

นายจุลจักรพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เขาเสียใจที่ลงมือกับลูกสาวของเขา แต่ที่เขาเสียใจมากยิ่งกว่า คงเป็น.....การที่เขาไม่สามารถช่วยให้ลูกสาวของตัวเองพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ได้

“เหมี่ยวรู้มั้ยลูกว่าทำไมหนูจอยถึงบอกลูกว่า.....ให้มีชีวิตที่มีความสุข.......” ทุกคนเงียบรอฟังคำพูดต่อมาของพ่อ......

“...........เพราะหนูจอยรู้ตัวว่าไม่สามารถอยู่ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูกได้ เธอจึงฝากความสุขที่เหลือบนโลกนี้ไว้กับลูก เพื่อที่จะให้ลูกมีความสุขเผื่อในส่วนของเธอด้วย และเผื่อคนรอบ ๆ ข้างของลูก แต่ดูที่ลูกทำสิเหมี่ยว....นอกจากจะไม่มีความสุขแล้ว.....ลูกยังทำให้คนรอบตัวทุกข์ทรมานไปด้วย......ทั้งพ่อ ชมพู่ แล้วก็พวกเพื่อน ๆ ...........พ่อเสียใจจริง ๆ.....”

ผู้เป็นพ่อพูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นและเดินออกจากห้องไป นอกจากเสียงสะอื้นของชมพู่แล้วก็ไม่มีอะไรเข้ามาทดแทนความเงียบเลย จนเวลาผ่านไป……………

“ให้เหมี่ยวได้อยู่คนเดียวนะคะ..พู่” เสียงแผ่วเบาของมะเหมี่ยวเอ่ยขึ้น ชมพู่พยักหน้า ก่อนที่จะกอดรัดร่างนั้นแน่น ๆ และคลายออกในที่สุด เธอเดินมาจับมือพริกเพื่อจะเดินออกไปกับเขา แต่พริกขืนตัวเอาไว้

“แกทำตัวเหมือนกับจะตาย.....ทั้งที่ความจริง ถ้าแกจะตายตามเขาไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยไอ้เหมี่ยว มันก็คงจะดีกว่าที่แกมาใช้ชีวิตไร้ค่า ทำให้คนอื่นต้องทรมานไปกับแกด้วย แกทำแบบนี้ แกน่าจะตายไปเลยดีกว่า...ฉันเสียดายชีวิตของจอยจริง ๆ ที่เอามาทิ้งกับคนไร้ค่าอย่างแก....”

พริกหยุดใช้คำพูดร้ายกาจกับมะเหมี่ยว เขาไม่ได้อยากพูดแบบนี้ แต่น้ำเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาที่ไหลหยดมาที่แก้มของเขา มันทำให้เขาอยากให้เพื่อนรักของเขารู้ว่า...... เขาและทุก ๆ คน เสียใจ

และเขาก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปพร้อมกับชมพู่ ..............

ทุกคนทยอยออกจากห้องนั้น เหลือเพียงไอย์ที่ยืนมองมะเหมี่ยวที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่ผนัง

“อย่างที่พ่อของแกพูดเหมี่ยว จอยอยากให้แกมีความสุขกับชีวิตที่เหลือ มันอาจจะยาก แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าแกตายไปซะเลยจริง....”

ไอย์เดินมาที่ประตู และหันไปมองมะเหมี่ยวที่ยังคงนั่งนิ่ง.......

“.....ช่วยกล้าที่จะเผชิญกับความจริง แล้วก็เดินก้าวไปข้างหน้าสักทีเถอะ.....ถือว่าฉันขอร้องนะเหมี่ยว....พวกเราทุกคน.....รักแก”

จบคำพูดนั้นประตูห้องก็ถูกปิดลง ไม่มีใครรู้ว่าคนในห้องนั้นคิดอะไร และตัดสินใจอะไรอยู่หรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกมีชีวิตกับภาพในวิดีโอ หรือก้าวออกมาข้างหน้า...สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือ......รอ....







วันเวลาผ่านไปอีกหลายเดือน

กริ๊งงงงงงงง.............

เสียงโทรศัพท์ภายในบ้านกรีดร้องขึ้น ชมพู่ผละจากหนังสือที่อ่านอยู่รับขึ้นมากรอกเสียงลงไป

“สวัสดีค่ะ”

(พู่เหรอลูก?)

“คุณพ่อ!!! ค่ะพู่เองค่ะ สบายดีมั้ยคะ? ที่เยอรมันหนาวมั้ยคะ?”

(กำลังสบายดีลูก เป็นไงบ้างชีวิตในมหา’ลัย)

ตอนนี้เธอเป็นนิสิตน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยชื่อดึงแห่งหนึ่ง เธอเลือกเรียนด้านที่เธอถนัด นั่นก็คือ...ภาษา ขิงเรียนที่เดียวกับเธอ แต่ขิงเรียนประวัติศาสตร์ น้อยหน่านั้น พวกเธอไม่ได้สนใจ เพราะหลาย ๆ เรื่องที่เธอได้ทำไว้ทำให้ทั้งชมพู่และขิงลำบากใจที่คบหาด้วย

พริกและไอย์ ได้รับโควต้าเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อด้านวิศวกรรม พัฒไปเรียนต่อที่อเมริกา ส่วนต้นนั้นเรียนต่อระดับ ปวส. เพราะอยากทำงานก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องเรียนต่อ หนิงคนรักของต้นนั้น เธอเอ็นต์ติดคณะแพทย์มหาวิทยาลัยเดียวกับที่จอยเคยได้รับโควตาเรียนต่อ

“ดีค่ะ...สนุกดี งานพ่อยุ่งมั้ยคะ?”

(ก็พอตัวนะลูก แล้วเหมี่ยวเป็นยังไงบ้าง?) นายจุลจักรเสียงแผ่วลง เมื่อนึกถึงลูกสาวอีกคนหนึ่งที่เขาไม่ได้ยินเสียงเลยในหลาย ๆ เดือนมานี้

“ยังเหมือนเดิมค่ะ แต่ช่วงนี้ก็ทานข้าวได้มากขึ้นแล้วค่ะ ดูแข็งแรงขึ้นบ้าง แต่..........”

(อืม.....พ่อเข้าใจ สักวันเหมี่ยวต้องดีขึ้น) นายจุลจักรตอบรับด้วยเสียงที่หมองหม่น เมื่อไหร่กันนะ ลูกสาวของเขาจะดีขึ้นเสียที

“ค่ะ.......พู่ก็เชื่ออย่างนั้น มะเหมี่ยวจะต้องเข้มแข็ง และกลับมาเป็นคนเดิมค่ะ”

(เวลาจะช่วยเค้าได้ลูก) ชมพู่พยักหน้า และนายจุลจักรก็เพียงถอนหายใจออกมาเบา ๆ และก็มีบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองตกใจพร้อม ๆ กัน

กึก!!.......

เสียงยกหูโทรศัพท์อีกสายที่พ่วงจากชั้นสองของบ้านถูกยกขึ้น พร้อมกับเสียงที่ทุก ๆ คนคุ้นเคย แม้มันจะดูเศร้าสร้อยมากมายก็เถอะ

“พ่อ..คะ” เสียงแผ่วเบานั้นทำให้ทุกคนเงียบกริบ ก่อนที่นายจุลจักรจะรีบตอบรับลูกสาวอีกคนด้วยความรู้สึกแปลกใจ

(เหมี่ยว......เป็นไงบ้างลูก?) เสียงของเขาสั่น น้ำตามันเอ่อคลอออกมา มันนานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้คุยกับลูกสาวคนนี้ ชมพู่วางหูโทรศัพท์ไว้ แล้ววิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง ภาพที่เธอเห็นคือ ร่างของมะเหมี่ยวที่ดูไร้เรี่ยวแรงยืนถือโทรศัพท์ด้วยมือที่สั่นไหว เธอขยับไปยืนอยู่ข้าง ๆ เขา

“พ่อ............ เหมี่ยว....ไม่ไหวแล้ว.....” เสียงที่ขาดหายไปเป็นนั้น เขารู้ดีว่าคนที่พูดปวดร้าวแค่ไหน.....

(พ่อจะไปหาลูก)

ชมพู่กอดร่างของมะเหมี่ยวที่ยังคงนิ่งงันนั้น เธอสะอื้นไห้ นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เธอเสียใจไปพร้อม ๆ กับมะเหมี่ยว

แต่ที่เธอรู้ก็คือ...........ความเจ็บปวดของเธอไม่ได้ครึ่งของคนที่ยืนอยู่ตรงนี้...........







“ดูแลตัวเองนะ...เหมี่ยว ติดต่อมาบ้าง?”

“อือ...” เสียงตอบรับเบา ๆ และกิริยาพยักหน้ารับช้า ๆ มะเหมี่ยวหันไปสบตากับชมพู่

“ไม่ต้องห่วงนะคะ.....พู่ดูแลตัวเองได้” ชมพู่พูด เธอสบตากับมะเหมี่ยว มือบอบบางของเธอเกาะกุมมือที่ไร้ความอบอุ่นของมะเหมี่ยวไว้

“ดูแลพู่ด้วยนะพริก” มะเหมี่ยวหันไปพูดกับพริก....พริกพยักหน้ารับเขายกมือขึ้นมาชกที่หน้าอกมะเหมี่ยวเบา ๆ

“ไม่ต้องห่วง.....ดูแลตัวเองละกัน แล้วรีบกลับมา พวกไอ้ไอย์มันฆ่าแกแน่ถ้ารู้ว่าแกแอบหนีมันไปแบบนี้”

“.............ท่านผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไป...................................”

เสียงประกาศเรียกของประชาสัมพันธ์ทำให้มะเหมี่ยวหันไปมองรอบ ๆ กาย ก่อนจะหันมามองใบหน้าน้องสาวฝาแฝด และโอบกอดเธอไว้

“ต้องเข้มแข็งนะคะ เราจะรอเหมี่ยวที่นี่ค่ะ” มะเหมี่ยวพยักหน้า.......ก่อนจะผละออกจากชมพู่ และหันไปกอดลากับพริก

“ฉันเชื่อ.....ว่าแกมีทางเลือกที่ดีให้กับตัวเองเสมอ......ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก”

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง....”


........โปรดทราบ..............................................................................


เสียงประชาสัมพันธ์ดังเตือนอีกครั้ง มะเหมี่ยวถอยออกมาจากทั้งคู่ ในมือของเขามีกระเป๋าเล็ก ๆ ใบหนึ่งถือไว้ และเขาก็หันหลังเดินจากทั้งคู่ไป โดยไม่มีคำล่ำลาใด ๆ









“ท่านผู้โดยสารทุกท่านคะ กรุณารัดเข็มขัดด้วยค่ะ เครื่องกำลังจะขึ้นแล้วค่ะ.......กรุณารัดเข็มขัดด้วยนะคะ” เสียงแอร์โฮสเตรสที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ดังเตือนสติของมะเหมี่ยว เขาจัดแจงทำตามอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนที่จะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่อง

อีกไม่กี่นาทีเขาจากที่นี่ไป ไปเริ่มต้นใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่ ที่ที่ไม่มีเธอ....ไม่มีความทรงจำอะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอ

แต่......สักวันเขาจะกลับมาที่นี่อีก จะกลับใช้ชีวิตที่นี้ ที่ที่มีแต่ความทรงจำระหว่างเขากับเธอ แต่มันจะอีกนานแค่ไหนนั้น เขาไม่มี เขาไม่มีทางรู้...........

สำหรับเขาแล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับเรื่องราวที่ทุก ๆ คนเรียกกันว่าความฝัน มันมีทั้งความฝันที่ดี มันทำให้เขายิ้ม มีความสุข สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า “ความรัก” และมันก็คือฝันร้ายที่เคลือบคลานเข้ามาในชีวิตเขา มันพรากทุกอย่างไปจากเขา.....มีเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ “ความสูญเสีย” และเศษเสี้ยวความสุขที่เขาควานหาไม่เจอเสียแล้ว

........ความรักคือกำลังใจที่ทำให้เรา “เข้มแข็ง” และ....ความรัก....ก็คืออาวุธที่ทำให้เรา “อ่อนแอ”..........

ไม่ว่าจะยังไง ความรู้สึกทั้งสองอย่างนี้ มักจะมาพร้อม ๆ กัน แต่เรา......เราผู้ที่สัมผัสความรักอยู่จะเลือก.....ทำให้ตัวเอง เข้มแข็ง หรือ อ่อนแอ.......

สำหรับมะเหมี่ยว เขาไม่มีโอกาสที่จะเลือก มันถูกกำหนดมาเช่นนี้....ความรัก...กำหนดให้เขาอ่อนแอ.....

แต่สักวันหนึ่ง เขาจะเข้มแข็ง..... และเขาจะต้องยืนหยัดขึ้น......









“สักวันเหมี่ยวจะกลับมาใช่มั้ยคะ?”

“อืม...พริกเชื่ออย่างนั้น เหมี่ยวจะต้องกลับมา...”

พริกจับมือชมพู่ไว้ เขาหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนรักของตัวเอง......หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับมะเหมี่ยว เขากลัวเหลือเกินว่าสักวันมันจะเกิดขึ้นกับเขาและเธอ

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เธอคนนี้อยู่บนโลกนี้อย่างเดียวดายเด็ดขาด ........ ไม่มีทาง.......

“พู่”

“คะ??” ชมพู่หันมาสบตากับพริก แววตาจริงจังของเขา กำลังสื่ออะไรบางอย่างกับเธอ

“ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พริกไม่มีวันปล่อยให้พู่ต้องอยู่คนเดียว พู่จะมีพริกอยู่ข้าง ๆ ตลอดไป” ชมพ่ะพยักหน้ารับกับคำพูดนั่น

“ค่ะ.......พู่จะอยู่ข้าง ๆ พริกตลอดไปเหมือนกัน เราจะมีกันและกัน”

“ถ้าวันหนึ่ง พริกต้องเสียพู่ไปเหมือนกับเหมี่ยวสูญเสียจอย พริกจะไม่ทนอยู่.....มันเจ็บปวดเกินไปถ้าต้องอยู่โดยไม่มีพู่......พริกทนไม่ได้ที่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกนี้ พู่คือทุกสิ่งทุกอย่างของพริก ถ้าไม่มีพู่......................”

ชมพู่โผเกอดเขา เธอส่ายหน้าช้า ๆ เธอรู้ว่าคน ๆ นี้รักเธอมากเพียงไหน........เธอไม่ต้องการให้อะไร ๆ เขามาแยกเธอและเขาออกจากกันเช่นกัน
“เราจะมีกันและกันอย่างนี้ตลอดไปค่ะพริก.....วันนี้ พรุ่งนี้ วันต่อ ๆ ไป กี่เดือนกี่ปี เราจะมีกันเสมอ เราจะเดินไปด้วยกัน จะไม่มีอะไรเข้ามาแทรกเราทั้งสองคนค่ะ”

พริกพยักหน้า กอดรัดร่างที่โอบกอดเขาอยู่.........

“สัญญานะคะ.......ไม่ว่ากี่วัน กี่เดือน กี่ปี เราจะไม่แยกจากกัน เราจะไม่เปลี่ยน”

“ค่ะ.....สัญญา”

และนี่คือสิ่งที่คนทั้งสองเลือก “ผูกผัน” กันด้วย “ความรัก” ตลอดไป..............



........ความรัก.......มันคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ทุกคนต่างไขว่คว้าเพื่อที่จะได้มา บางคนไล่ตาม จนไม่รู้ว่าที่แท้ “ความรัก” อยู่รายรอบตัวเอง.....

......ความรัก....เมื่อได้มา มันจะอยู่กับเราไปตลอดไหม “ความรัก” จะมั่นคงตลอดไปหรือ จะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความรักนั้นหรือเปล่า........

...... “เวลา” เปลี่ยนแปลง “คน” ได้....

......แล้ว “เวลา” เปลี่ยนแปลง “ความรัก” ได้ไหม.....

.......ไม่มีใครตอบได้ นอกจาก................คนสองคน...............




************************จบบริบูรณ์************************





< ตอนที่ 30



Create Date : 16 ตุลาคม 2550
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 23:08:54 น. 0 comments
Counter : 2128 Pageviews.

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.