ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
9 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
>Love Or Passion< ตอนที่ 3


ทำไมช่วงวันหยุดของฉันมันสั้นจังเลยนะ แวบเดียวเท่านั้น วันเสาร์ - อาทิตย์ หมดไปแล้ว ตอนนี้ฉันเลยต้องมานั่งเคลียร์แบบอีก ทำไมชีวิตมันเศร้าอย่างนี้นะ TT____TT

“จี้.......บ่ายนี้พีขอแบบงานของคุณรุ้งลาโลกนะ จี้จะเคลียร์เสร็จหรือเปล่า?”

นี่ก็คือหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้วันหยุดของฉันหมดไปอย่างรวดเร็ว - -++ ตาบ้าพี ตัวแสบ

“ได้สิ เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ.....ทำไมเหรอ ต้องรีบเอาไปให้ลูกค้าเหรอ?”

ฉันถามไป ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบเป็นอย่างไร คงไม่พ้น การพยักหน้า และสีหน้าเบื่อโลก นั่นเห็นไหม........

“จี้....”

“ว่าไง??”

ฉันขานรับพี โดยที่ไม่หันไปมองหน้าคนเรียกเลย จนได้ยินประโยคต่อมานั่นแหละ ถึงได้หันกลับไปมอง

“พีรักจี้นะครับ...” >O< what ?????~!!!! อะไรนะ????

“พี่พีคะ.....หมวยสงสัยตรงนี้ค่ะ พี่พีอธิบายให้หมวยฟังหน่อยสิคะ”

อ่าว.....คุณน้องหมวยคะ ทำไมไม่สงสัยเวลาอื่นละคะ มาสงสัยอะไรตอนนี้ เห็นมั้ย??เลยไม่รู้ว่าตาพีพูดเล่นพูดจริงซะเลยเห็นมั้ย????

“ได้สิครับ ไหนครับ”

แล้วก็เข้าฟอร์มเดิม หันไปสนใจน้องฝึกงานมากกว่าฉันอีกแล้วนะเจ้าบ้า ตกลงนายพูดจริงมั้ยเนี๊ยะ????

เฮ๊อะ สนใจน้องหมวยก็สนไปเลยเจ้าบ้า ฉันไม่สนนายเหมือนกัน....ทำงาน ๆ ๆ ๆ

-*- แล้วนี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย....ทำไมต้องมาโมโหอะไรกับเรื่องน้องหมวยกับตาพีด้วยล่ะ ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย

ว่าแล้วฉันก็เลิกสนใจคนคู่นั้น

แต่..........................เลิกทำเสียงออเซาะกันสักทีได้มั้ย???

มันก็แค่ถามเรื่องงานเองไม่ใช่เหรอ??? ทำไมต้องจ๊ะจ๋ากันอย่างนั้นด้วย......ตาพีก็อีกคน พูดเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างนั้น เดี๋ยวใคร ๆ ก็ได้เข้าใจผิดกันเหรอก

ชิส์......แล้วนี้ฉันเป็นอะไรละเนี่ย ตาพีจะทำอะไรกับใครที่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ จะไปสนใจทำไม??? ไม่เอา ๆ ................ทำงาน ๆ ๆ ๆ

“พี่จีระ เมื่อกี้พี่วัฒโทรมาล่ะ”

เสียงของวุฒิเอ่ยขึ้นใกล้ ๆ ฉันหันไปมองวุฒิที่ยืนหอบเอกสารเกี่ยวกับงานแบบต่าง ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย.......

“พอดีพี่วัฒบอกว่าโทรหาพี่ไม่มีคนรับนะครับ เลยโทรมาที่เครื่องของผม”

“อ่อ......พี่ลืมเอามือถือมาด้วยน่ะ พี่วัฒว่าไงบ้างล่ะ?”

“ก็ไม่ว่าไงครับ เห็นบอกว่างานเสร็จเร็วนะครับ เลยกลับวันนี้ คงมาถึงตอนเย็น ๆ แล้วพี่วัฒจะไปหาพี่ที่ห้องเย็นนี้นะครับ”

“..........................”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหลังจากที่วุฒิพูดจบ ฉันถึงกับพูดไม่ออก ทำยังไงดีล่ะ? เสื้อผ้า กองงาน อะไรต่อมิอะไรของตาพีที่อยู่ในห้องของฉัน......จะเก็บตอนไหนละเนี่ย

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่?”

วุฒิมองหน้าฉันอย่างสงสัย เมื่อเห็นฉันเงียบไปชั่วครู่ ฉันรีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้กับน้องชายของคนรัก

“เปล่าจ๊ะ แค่คิดว่าแปลก ๆ ทุกที เห็นไปธุระอย่างนี้ มีแต่กลับช้ากว่ากำหนด มีคราวนี้กลับเร็วกว่าปรกติ พี่เลยแปลกใจน่ะ”

วุฒิพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา สายตาแพรวพราวของวุฒิทำให้ฉันสงสัยอะไรบางอย่าง

“ยิ้มแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า?”

“ที่พี่วัฒกลับมาเร็วเพราะ......................................มีเรื่องพิเศษไงครับ”

ฉันขมวดคิ้วเข้าหากัน เรื่องพิเศษ ????

“ไม่ต้องสงสัยหรอกครับพี่ เดี๋ยวพี่ก็รู้ครับ”

ว่าแล้ววุฒิก็เดินจากโต๊ะทำงานของฉันไป ปล่อยให้ฉันนั่งงงอยู่เพียงคนเดียว เรื่องพิเศษ?? เรื่องอะไรล่ะ? โอ้ย!!! แต่ก่อนที่ฉันสงสัยเรื่องนี้.....ฉันมาคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงกับไอ้พวกของใช้ของตาบ้าพีที่อยู่เต็มเกลื่อนห้องอยู่อย่างนั้น

แล้วดู๊ดูเจ้าตัวสนใจจังเลย มัวแต่โม้อยู่กับคุณน้องหมวยสุดสวยอยู่นั่นแหละ.....โอ้ย!!! ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย

เอาอย่างนี้ดีกว่า รีบเคลียร์งานที่ตาพีต้องใช้บ่ายนี้ให้เสร็จดีกว่า แล้วขอกลับก่อน ไปเก็บของพวกนั้นก่อน แล้วเดี๋ยวเอาไปฝากเพื่อน เอาแบบนี้ล่ะ......

“คุณพีคะ” ฉันเรียกพีที่ยังคงคุยกับน้องหมวยอยู่อย่างออกรสออกชาติ หมอนี่รู้มั้ยเนี่ยว่าวันนี้แฟนฉันจะกลับมา มันน่ามั้ย -*-

พีหันมาสบตากับฉัน สายตาประมาณว่า ~เรียกฉันทำไม?~ ชิส์........ขัดคอเวลาคุยกับน้องหมวยของเธอใช่มั้ยยะถึงได้มองฉันด้วยสายตาแบบนี้

“คือ.....เดี๋ยวถ้าฉันเคลียร์ตรงนี้ให้เรียบร้อยแล้ว ขอลากลับก่อนนะ มีธุระด่วน”

ตาพีขมวดคิ้วเข้าหากันทันที อย่าบอกนะว่านายจะไม่ให้ฉันกลับก่อน ไม่อย่างนั้นละก็ โลกได้แตกแน่ ๆ รอจนเลิกงานฉันต้องกลับไปเก็บของไม่ทันแน่ ๆ






^

^

^

^

ฉันจับเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว ของตาบ้าพียัดใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กของฉัน มันมีไม่กี่ชุดหรอก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ใครต่อใครรู้ว่าตลอดเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่พี่วัฒไม่อยู่ฉันไม่ได้อยู่ห้องนี้คนเดียว

แถมกองเอกสารกองเท่าบ้านของพีอีก ฉันก็จักการแยกเก็บใส่แฟ้มไว้ แล้วเอาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อไม่ให้พี่วัฒสงสัย เหนื่อย..........มันอะไรกับฉันนักหนานะ

ฉันเก็บของด้วยอารมณ์ที่แสนจะหงุดหงิด ยิ่งคิดถึงเรื่องก่อนที่ฉันจะออกจากบริษัทมายิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น......


“อ้าว.....จีระ จะกลับแล้วเหรอ”

จะมาทักอะไรตอนนี้ละคะพี่รุจ ตอนอื่น ๆ ก็ไม่รู้จักทัก

“อ่อค่ะ....พอดีว่ามีธุระด่วนน่ะค่ะ เลยจะรีบกลับ”

“อืม.....งั้นก็โชคดี เจ้าพีก็ไม่อยู่นี่ โดดงานบ้างจะดีมั้ยนะ”

พี่รุจพูดขำ ๆ จะพูดชื่อเจ้าบ้านั่นมาทำไมนะ ฉันยิ่งหงุดหงิด คนบ้าอะไรสั่งงานยากเป็นบ้า งานหินขนาดนี้ ไม่อธิบายรายละเอียดอะไรสักอย่าง พอบ่ายก็เอาแบบ ชิ่งไปหาลูกค้าซะอย่างนั้น แถมยังพกน้องหมวยไปด้วย ทีตาวุฒิส่งให้ออกไปกับพี่อีกคน ส่อแววลำเอียง......

“อะ........จริงสิพี่รุจ ถ้าพีกลับมาบอกเขาด้วยนะคะว่าแบบของ แกรนด์เทลที่เพิ่งให้มานะยังไม่เสร็จนะคะ แต่เดี๋ยวฉันจะเอากลับไปเคลียร์ที่บ้านพรุ่งนี้มีส่งแน่ค่ะ”

“หือ......แบบของแกรนด์เทล?????”

“ค่ะ....แกรนด์เทล” ฉันทวนชื่องานให้พี่รุจที่ดูทำหน้าสงสัยกับชื่องานชื่อนี้นักหนา

“เจ้าพีให้จีระเขียนแบบของแกรนด์เทลตอนที่งานยุ่ง ๆ อย่างนี้เนี๊ยะนะ”

“ค่ะ.....ทำไมคะ??”

“จีระโดนเจ้านั้นอำเล่นหรือเปล่า??.....งานของแกรนด์เทลน่ะมีแบบอยู่แล้ว เรารอแค่ทางลูกค้าคอนเฟิร์มมาให้เข้าไปสานต่อเรื่องจัดงานต่อเท่านั้นนะ จีระโดนเจ้าพีอำเล่นแล้วละ”

พี่รุจพูดขำ ๆ แต่ฉันขำไม่ออก อ้าปากค้างเลยล่ะ เจ้าบ้านั่นให้ฉันเคลียร์แบบที่เสร็จมาเรียบร้อยแล้วเนี๊ยะนะ มันน่า......มั้ย

“โอเคค่ะ เอาเป็นว่า ฉันกลับก่อนนะคะ”









ตาบ้าพีเอาแบบที่ไม่จำเป็นต้องเขียนมาให้ฉันทำ แล้วฉันก็บ้าจี้ทำไปได้งก ๆ คอยดูเถอะนะ ฉันจะลาพักร้อนยาวไปถึงปีหน้าเลย ปล่อยให้เคลียร์แบบอยู่คนเดียวให้สาสมเลย ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ คนบ้า.....

แล้วพระเจ้าก็เข้าข้างฉัน.......ฉันเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอาละทีนี้ก็คิดก่อนว่าจะเอาไปฝากไว้กับเพื่อนคนไหนที่อยู่ใกล้ ๆ

ว่าแต่เพื่อนฉันแต่ละคนอยู่ใกล้ฉันจังเลย........หึหึ ฝั่งธน ฯ อย่างนี้ ปทุมธานีอย่างนี้ โอ้ย......ฉันจะเอาไปซ่อนที่ไหนได้ทันล่ะ นี่ก็ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วนะ เดี๋ยวพี่วัฒก็จะมาแล้ว.....


ติ๊งต่อง.....................

เอ๋.....ใครมาหาฉันตอนนี้นะเนี๊ยะ อย่าบอกนะว่าพี่วัฒมาแล้ว ตาย ๆ ยัยจีระเธอตายแน่ ๆ เสื้อผ้าตาพี กองเอกสาร แล้วตอนนี้ฉันยังเป็นยายเพิ้งอยู่อีก.........

ติ๊งต่อง.......ติ๊งต่อง........

ฉันรู้แล้ว.......อย่ามาเร่งฉันนะ จะบ้าตาย .......ฉันหันหน้าไปมองโต๊ะเครื่องแป้ง รีบจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าทรง และจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปที่ประตู

“มาแล้ว ๆ”

ฉันพูดพร้อมกับเปิดประตูห้อง และได้พบกับคนที่มากดออดเรียกซะถี่ยิบ

“เข้ามาสิ”

มาก็ดีเจ้าตัวแสบ มาเคลียร์กันหน่อย แต่ก่อนอื่น.........

“กลิ่นน้ำหอม” ฉันพูดขึ้น พร้อมกับคว้าแขนของตาพีไว้ อะไร ๆ ฉันแค่จะทักว่านายเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมหรือเปล่าเท่านั้นนะยะ อย่ามาทำสีหน้าอย่างนี้นะ

“ทำไมเหรอ?”

ตาพีถามยิ้ม ๆ .....อะไรยะ ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไง? ชิชะ.....อย่ามาคิดว่าฉันจับผิดนายนะ

“เปล่า....แค่......นายเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมใหม่เหรอ?”

ตาพีส่ายหน้า พร้อมกับก้มหน้าลงสูดดมปกเสื้อที่มือข้างที่ไม่ถูกฉันจับยกมาแตะจมูก

“เปล่านี่”

“แต่นี่มันไม่ใช่กลิ่นที่นายใช้ แล้วก็คนละกลิ่นกับเมื่อเช้า”

ฉันพูดออกไปอย่างลืมตัว แถมยังเผลอบีบแขนพีซะเต็มแรงเลย เมื่อก่อนเพื่อนของฉันบอกว่าโดนฉันบีบอย่างนี้แล้วกระดูกแทบจะหัก แต่ดูท่าจะใช้กับตาคนนี้ไม่ได้ผล เพราะตาพียิ้มแฉ่งจนเห็นฟันครบทุกซี่แล้วมั้ง

“ยิ้มอะไร”

ตาพีไม่ตอบพร้อมกับหันมาเผชิญหน้ากับฉันตรง ๆ รอยยิ้มแสดงความดีใจของพียังไม่เลือนหายออกไปจากใบหน้า ตานี่ดีใจอะไรเนี่ย

“จี้หึงพีเหรอ??”

o.O!!!! ตาพีคิดว่าฉันหึงอยู่เหรอเนี่ย

“ไม่ได้หึง!!!~”

“อาฮะ”

ตาพีพยักหน้ารับ และตอบรับสั้น ๆ แต่ไอ้รอยยิ้มของนายนี่มันไม่ได้บอกเลยนะว่าเชื่อ

“แล้วจะยิ้มอะไรนักหนา?”

ตาพีเปลี่ยนจากยิ้มเป็นอมยิ้มแทน พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น ฉันหมั่นไส้ท่าทางของนายจริง ๆ เลยพี

“พอใจที่ได้เห็นใครบางคนปากแข็งแล้วก็...........................เขิน” ^ ^

“ใครปากแข็ง? แล้วใครเขิน?” -////-

ตาพีไม่ตอบกลับมองสบตาของฉันด้วยสายตาที่ทำเอาฉันต้องเมินไปทางอื่น สายตาที่ของเขาไล่ไปตามโหนกแก้ม จมูกและมาอ้อยอิ่งที่ริมฝีปากของฉัน

เวลาที่พีมองฉันอย่างนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เขาจูบฉัน ริมฝีปากของพีจะค่อย ๆ ไล้เบา ๆ ที่เรียวปาก เขาจะค่อย ๆ แทรกปลายลิ้นเข้ามาสร้างความหวานให้กับฉัน

“คน ๆ นี้ไงที่ปากแข็ง แล้วก็เขินอยู่ และตอนนี้กำลังหน้าแดงเพราะคิดอะไรอยู่? บอกพีได้มั้ย?”

ตาพีชี้นิ้วที่อกของฉัน แต่ที่ทำให้ฉันใจเต้นจนแทบทะลุออกมาคงเป็นเพราะ ริมฝีปากอุ่น ๆ ของพีที่งับเบา ๆ ที่ใบหูของฉัน ลมหายใจร้อน ๆ ที่กระทบกับผิวเนื้อที่ซอกคอนั่นอีก แค่นี้ฉันก็เริ่มหายใจติดขัดแล้วนะ

มือที่เคยบีบแขนของพีจนแน่นทำท่าจะปล่อยออกซะดื้อ ๆ ฉันกลัวจะล้มลงจนต้องเอามืออีกข้างไปจับชายเสื้อของพีไว้ จะเพราะอะไรล่ะ ก็เพราะเจ้าริมฝีปากของพีน่ะสิ มันคอยจูบไล้ไปตามซอกคอของฉัน

“ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าคิดอะไรอยู่...........”

พีพึมพำเบา ๆ ฉันหันหน้าไปหาเขา ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พีเงยหน้าจากซอกคอของฉัน ริมฝีปากของเราอยู่เกือบจะชิดกันอยู่แล้ว

“ว่าไงครับ.......คิดอะไรอยู่”

“ฉัน....”

ฉันขยับปากช้า ๆ แต่เพราะริมฝีปากของเรามันอยู่ชิดกันมาก เพียงแค่ฉันขยับริมฝีปากช้า ๆ แค่นั้น ก็เหมือนกับว่าเราแทบจะจูบกันแล้ว.....

“ไม่ได้.......ไม่ได้คิดอะไร”

“ปากแข็ง”

จบคำพูดของพี เขาก็จูบปากของฉัน ไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้เถียงอะไร แต่ความเป็นจริงฉันก็ไม่อยากจะเถียงหรอก ตรงกันข้ามฉันอยากให้พีจูบฉันตั้งนานแล้ว......

พีจับมือของฉันที่จับชายเสื้อกับแขนของเขาให้ยกขึ้นไปโอบกอดรอบคอของเขา ฉันก็ทำตามอย่างว่าง่าย

ปลายลิ้นที่ตวัดอยู่อุ้งปากของฉันมันทำให้ฉันอ่อนระทวย จนต้องเบียดร่างเข้าหาพีมากยิ่งขึ้นอีก พีกระชับอ้อมแขนที่โอบกอดฉันเข้าไปอีก

เราถอนริมฝีปากออกจากกัน ก่อนที่ฉันจะหันสายตาไปทางอื่น อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าไม่อยากสบตาพีตอนนี้เอาซะดื้อ ๆ ใจมันเต้นไปหมด

“หลบตาทำไมครับ”

พีกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของฉัน เขาเอาจมูกคลอเคลียอยู่ที่โหนกแก้มของฉันเบา ๆ ฉันหันมามองพี

“เปล่า.....”

“ปากแข็ง”

“ไม่ได้ปากแข็ง”

“ก็เห็น ๆ อยู่”

“เอ๊ะ!!!”

ฉันเสียงดังใส่พี แต่เจ้าตัวกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ซะอย่างนั้น มันน่ามั้ย?........

“พี...เดี๋ยวนายต้องเอาของกลับบ้านก่อนนะ”

ฉันพูดขึ้น พร้อม ๆ กับที่ร่างของฉันถูกดึงให้มานั่งที่โซฟา โดยมีร่างของพีนั่งเบียดกันอยู่ ที่มันมีออกเยอะแยะนะพี ทำไมต้องมานั่งกันจนตัวแทบติดกันอย่างนี้ล่ะ -*-

“รู้แล้วน่า....ก็ถึงได้รีบมาเอาอยู่นี่ไง”

ตาพีพูด เขาจูบเบา ๆ ที่หางตาของฉัน ก่อนที่จะหอมแก้มของฉันอีก วันนี้ตานี่เป็นอะไรของเขานะ นัวเนียมากเกินไป....

“เป็นอะไรหรือเปล่า? พี...”

พีเลิกคิ้วขึ้นมองฉัน ก่อนจะยิ้ม และจูบที่ริมฝีปากของฉัน จูบหยอกล้อ ไม่ได้ร้อนแรงอะไร

“เปล่า....ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”

“ไม่รู้สิ.....ดูนายแปลก ๆ เลยคิดว่ามีอะไรในใจหรือเปล่า?”

พีส่ายหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือมาลูบผมยาวที่มัดอยู่ด้านหลัง ก่อนที่จะแกะผ้าที่ฉันผูกผมนั้นไว้ จนผมของฉันสยายออก

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก...จี้.......พี...เอ่อ.......”

“เดี๋ยวนะพี ไว้เราค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม? เดี๋ยวแฟนฉันจะมาแล้ว พีเอาของกลับไปก่อนได้ไหม?”

ฉันเหลือบตามองไปที่นาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนังห้อง เลยไม่ทันได้เห็นว่าพีทำหน้าแบบไหน จะมามัวสนใจว่าพีทำอะไรยังไงไม่ได้แล้วตอนนี้ พี่วัฒใกล้จะมาถึงแล้ว......

“คุยก่อนไม่ได้เหรอจี้”

กริ๊งงงงงงงง.....................กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง...............

เสียงโทรศัพท์ในห้องของฉันดังขึ้น ฉันรีบรับอย่างรวดเร็ว

“ฮัลโหล......”

(จีระ นี่พี่เองนะ ตอนนี้อยู่ที่ห้องหรือเปล่า?) พี่วัฒนั่นเอง คงใกล้จะถึงแล้วสินั่น

“ค่ะ อยู่ที่ห้อง พี่ถึงไหนแล้วคะ?”

(ตอนนี้พี่กำลังหาที่จอดรถอยู่นะ หาไม่ได้เลย.....อยู่ที่ห้องก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหานะ)

“ค่ะ....งั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ”

(จ๊ะ....พี่คิดถึงจีระนะ)

“ค่ะ...คิดถึงเหมือนกันคะ......เดี๋ยวเจอกันนะคะ”

ฉันวางโทรศัพท์ลง แล้วหันหน้ามามองพี เขาไม่ได้มองหน้าฉัน เพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ข้าง ๆ

“พี ......นายต้องไปแล้ว แฟนฉัน....”

“รู้แล้ว!!!! เขามาแล้ว!!! พีรู้....พีได้ยิน....หูไม่ได้หนวก!!! ได้ยินเสียงบอกคิดถึงด้วย!!! ได้ยิน!!! ได้ยิน!!!”

“...................” ฉันรู้ว่าพีหูไม่ได้หนวก แต่ทำไมเจ้าบ้านี่ต้องมาโวยใส่ฉันด้วย

“เป็นบ้าอะไรพี!!!? โวยวายทำไม?!?” นายรู้จักฉันน้อยไปแล้วพี ฉันนี่แหละเจ้าแม่ขาวีนล่ะ ลองโวยมาอีกทีสิ จะโวยกลับให้ เห็นฉันเป็นคนไม่ค่อยพูดแล้วเอาใหญ่เลยนะนายน่ะ

“พีรู้นะจี้ ว่าจี้ไม่ได้รัก......ไม่ได้แคร์......ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี แต่.......พอได้ยินว่าจี้บอกว่าคิดถึงเขา บอกว่ารักเขา.............................................พีเจ็บ”

ฉันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองภาพด้านข้างของพีที่นั่งเท้าข้อศอกกับหน้าขาอยู่ พียกมือขึ้นลูบหน้า เสียงของพีดูเจ็บปวดมาก.......

“พี.........”

ฉันพูดอะไรไม่ออก ทำไมพีดูเจ็บปวดแบบนั้น พีกำลังจะบอกอะไรฉันงั้นเหรอ

“ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องระหว่างพีกับจี้จะต้องจบยังไง แต่พีก็ไม่หยุด สุดท้ายพีก็ต้องเจ็บ พีทำใจไว้แล้ว......”

“.............” ฉันได้แต่นิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่นั่งหายใจเข้า - ออก และฟังในสิ่งที่พีจะพูดต่อไป

“ทั้ง ๆ ที่รู้......ต่อให้จี้ไม่มีเขา ต่อให้จี้ไม่รักเขา คนที่จี้จะรัก ก็คงไม่ใช่พี คนที่จี้อยากจะมีอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ใช่พี ไม่ว่ายังไง.....พีก็ไม่ได้อยู่ในความต้องการของจี้ พยายามเท่าไหร่พีก็เป็นคน ๆ นั้นของจี้ ไม่ได้”

พีพูดแล้วก็เงียบ ฉันก็ทำได้เพียงแค่เงียบ ทุกสิ่งที่พีพูดออกมาเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน พีรู้สึกอย่างนี้กับฉัน ตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนไหน? เกิดขึ้นได้ยังไง? พีจริงจังกับเรื่องระหว่างฉันกับเขาขนาดนี้เลยเหรอ?........ฉันสับสนไปหมดแล้ว

พีลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า และเดินไปที่ประตูช้า ๆ

“พี.....เดี๋ยว!!!” ฉันร้องเรียกพีไว้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันเพิ่งไล่เขากลับ ฉันรั้งเขาเพื่ออะไร?

“..................” ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของฉัน พีที่ชะงักเท้าอยู่จึงเดินสาวเท้าไปที่ประตู

“จี้......ไม่ว่าจะยังไงคนที่จี้ต้องการ..........พีก็คงจะยังไม่ใช่........พีไม่ใช่”

ฉันปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมภายในห้อง พีออกจากห้องไปแล้ว

เขาจะออกไปจากชีวิตของฉันเลยไหม?

เขากับฉันยังจะเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า?

แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมีเขาอยู่ด้วยไหม?..................




.........เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากที่พีออกจากห้องไปได้ไม่นาน

หรือว่าพีย้อนกลับมา..........

ฉันพุ่งไปที่ประตู รีบกระชากบานประตูออกอย่างแรง ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไร? ฉันรู้แค่ว่า.......อยากให้เป็นพีที่อยู่ข้างนอก แต่..................

“พี่..........วัฒ”

“หวัดดีจ้ะจีระ.....คิดถึงมากนะครับ”

พี่วัฒจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของฉัน ฉันไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้ เพียงแค่นิ่งเงียบ ค่อย ๆ ถอยร่างออกจากประตู ให้พี่วัฒเดินก้าวเข้ามาในห้อง

“ห้องดูโล่ง ๆ ไปนะ ทำความสะอาดใหม่เหรอ”

“ค่ะ”

“จีระกินข้าวหรือยัง? พี่เรียบร้อยมาแล้วนะ พอดีเพื่อนที่ทำงานเลี้ยงน่ะ งานที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จดีเยี่ยมเลยทีเดียว....คราวนี้พี่ก็ว่างยาวเลยละ”

“ดีใจด้วยค่ะ” พี่วัฒว่างเหรอ? งั้นนอกจากที่ทำงานฉันก็ไม่ได้อยู่กับพีนะสิ

“อืม......พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับจี้ด้วยนะ มานั่งนี่สิ” พี่วัฒตบฝ่ามือลงกับโซฟา

ที่ตรงนั้น เมื่อกี้ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น และที่ที่พี่วัฒนั่งอยู่ พีก็เพิ่งจะลุกออกไป

“จีระ...เป็นอะไรครับ ? เหม่อเชียว”

“ปะ....เปล่าค่ะ กำลังคิดว่าพี่จะคุยเรื่องอะไร”

“มานั่งนี่สิ”

ฉันเดินไปนั่งเคียงข้างพี่วัฒ แขนแข็งแรงของพี่วิฒิโอบกอดฉันไว้..............เมื่อกี้พีก็กอดฉันไว้แบบนี้ พีจูบหางตาฉัน เหมือนกับที่พี่วัฒกำลังจูบ พีจูบล้อที่ริมฝีปากฉัน พี่วัฒก็ทำแบบเดียวกัน

“จีระเราคบกันมากี่ปีแล้ว”

“ถามทำไมคะ?”

พี่วัฒยิ้ม ก่อนจะล้วงอะไรออกมาสักอย่างจากระเป๋ากางเกง กล่องกำมะหยี่สีแดงสวย พระเจ้า......อย่าบอกนะว่านี่มัน.................

“วันนี้ครบ 3 ปีที่เราคบกัน......นี่เป็นของขวัญ.....แล้วก็......”

ฉันมองมือพี่วัฒที่เปิดกล่องกำมะหยี่นั่น ไม่นะ....พี่อย่าเพิ่งพูดอะไรมากกว่าว่านี่เป็นแค่ของขวัญวันครบรอบเลยนะคะ......

“แต่งงานกับพี่นะจีระ.....”




(center)--------------------------------******************--------------------------------(/center)




ลันลา........ลันลา.............

ด้วยความที่ว่าซาจังเป็นคนที่หน้าตาดีเป็นที่สุด เป็นเด็กน้อยใสซื่อประจำแก๊งส์

Love or Passion ตอนที่ 3 จบแค่นี้แหละคัฟ


^___________^


-*-


-*-‘


- -+++++++
-

ยิงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!

ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ

ย้ากกกกกกก........

ตายแล้น.........ทำไมทำรุนแรงกับซาจังอย่างนั้นละคัฟ....TT_____TT

ล้อเล่นหรอกน่า.......

ใจร้ายกันจริงเชียว ยิงกันมาได้

ถ้าเกิดซาจังตายขึ้นมาใครจะมาทำหน้าตาดี ๆ อย่างเด็กน้อยใสซื่อแถวบล็อคละคัฟ -3-

แหม ๆ ๆ

เดี๋ยวงอน หนีไปอู้ไม่มาอัพแล้วอย่ามาโวยกันนะคัฟ <<<< ทำอย่างกับว่าตอนนี้แกไม่อู้อย่างนั้นแหละ ชิส์

อิอิ

เลิกเล่นดีกว่า.......

ขัดคอจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว อารมณ์สะดุดอะดิ....5555

นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการ กรั๊ก ๆ ๆ ๆ

กร๊าช..............โดนมองอย่างอาฆาตมาดร้าย.....แหง่ว ๆ ๆ




(center)--------------------------------******************--------------------------------(/center)




ฉันเดินเข้าออฟฟิตด้วยร่างที่เหมือนจะไร้วิญญาณซะอย่างนั้น แถมยังเป็นเวลาที่สายสุดกู่ด้วย ทำไมมันมีแต่เรื่องวุ่น ๆ เกิดกับชีวิตของฉัน

ฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกของพีที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน.......

พี่วัฒขอฉันแต่งงาน และฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธ เรียกว่าไม่มีโอกาสที่จะได้พูดซะมากกว่า.......

~พี่จัดการทุกอย่างพร้อมแล้วนะ คุยกับพ่อของจีระแล้ว ท่านก็เห็นด้วย ที่เหลือก็เพียงแค่ให้ผู้ใหญ่หาฤกษ์ แล้วก็จัดการทำพิธีสู่ขอ แล้วก็แต่ง เดี๋ยววันหยุดนี้เราไปดูชุดดีมั้ย? พวกของชำร่วย การ์ดอีก ฯลฯ~

สารพัดที่ฉันฟังพี่วัฒเมื่อคืนนี้ ฉันได้แต่นั่งใบ้กิน ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ในหัวมึนไปหมด ทั้ง ๆ ที่พี่วัฒพูดในสิ่งที่เป็นความฝันของผู้หญิงทุกคนกับฉัน แต่ฉันกลับทำได้แค่นั่งคิดถึงเรื่องของฉันกับพี

ถ้าฉันแต่งงานกับพี่วัฒ แล้วเรื่องระหว่างฉันกับพีล่ะ? จะเป็นยังไงต่อไป?

พีจะหยุดเรื่องระหว่างฉันกับเขาเลยไหม?

หรือว่ายังจะเป็นอย่างทุกวันนี้ต่อไป......

แล้วฉันจะบอกเรื่องแต่งงานกับพียังไง? ในเมื่อเขาเพิ่งบอกความรู้สึกของเขากับฉันเมื่อวาน.......

เขาจะรับได้ไหม?

ฉันคิดเรื่องพวกนี้จนตัวเองมาหยุดยืนที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเรื่องน่าแปลกใจก็เกิดขึ้นกับฉันอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

โต๊ะทำงานของฉันมีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งอยู่ ข้าวของของฉันถูกเก็บไว้ในกล่องกระดาษวางอยู่ข้าง ๆ ..................มันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย???..........

“อ้าว......จีระ มาถึงแล้วเหรอ? วันนี้มาสายมากเลยนะ”

ฉันหันไปมองคนที่มาทัก พี่รุจ มาก็ดี ช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยเถอะ...ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น????.............

“เอ่อ............”

พี่รุจเกิดอาการพูดไม่ออกขึ้นมาทันทีเมื่อสบสายตาของฉัน ขอร้องละนะ...เมื่อวานฉันก็เกิดอาการใบ้กินหลายครั้งจนเอียนแล้วค่ะ กรุณาเลิกทำอาการนี้ทีเถอะ........

ฉันก็ทำได้แค่คิดในใจนั่นแหละนะ แต่เอาเถอะ กรุณาช่วยบอกฉันก่อนละกันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

“เอ่อ....อนันต์” พี่รุจเรียกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของฉัน

“ครับ”

“นี่คุณจีระ คนที่ทำงานช่วงก่อนที่เราจะมาน่ะ จีระนี่อนันต์ช่างเขียนคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน”

ฉันพยักหน้า และยิ้มให้อนันต์ โอเค...ช่างเขียนคนใหม่ที่จะมาแทนในตำแหน่งของฉัน ฉันไม่ตกใจอะไรที่จะมีคนมาทำงานในตำแหน่งนี้ เพราะฉันก็มาทำในงานตรงนี้เพราะตำแหน่งนี้ว่าง แต่ที่ฉันโมโหจนแทบจะระเบิดที่ทำงานอยู่ตอนนี้ก็คือ

ทำไมไม่มีใครบอกอะไรฉันเลยสักคน????

และเหมือนที่พีรุจจะรู้นะว่าฉันคิดอะไรอยู่ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า.............

“เรารับเขาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนนะ แต่เพิ่งจะให้มาเริ่มงานวันนี้ เจ้าพีไม่ได้บอกอะไรจีระเลยเหรอ?”

ถ้าบอกฉันจะมายื่นบื้อทำอะไรตรงนี้ละคะ?

“พีอยู่ไหนคะ?”

“ออกไปกับพบลูกค้านะ พาน้องฝึกงานไปด้วย”

“โอเคค่ะ งั้นฉันคงต้องกลับไปทำงานที่เดิมของฉันแล้วละคะ....ฝากลาพีด้วยนะคะ”

“ได้จ๊ะ”

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะพี่รุจ”

“ไม่เป็นไรจ๊ะ?......แล้วพี่จะแวะไปหาที่ชั้นล่างนะ”

ฉันยิ้มให้พี่รุจ ก่อนที่จะยกเอากล่องกระดาษมา แล้วบอกลาพี่รุจอีกที

ขอบคุณ........ขอบคุณมากเลยพี ที่ช่วยเสือกไสฉันออกจากชีวิตของนาย.......

“นี่มันบ้าชัด ๆ”

ฉันเดินตรงมาที่ลิฟต์ กดเรียกลิฟท์อย่างยากลำบาก........แต่ หึ........แม้แต่ลิฟต์ก็ยังไม่อยากจะให้ฉันไปด้วย.......รอแล้วรออีก มันก็ยังไม่ขึ้นมาหาฉันสักที

ดี.....ดีมาก.....บันไดหนีไฟก็ได้

ฉันเดินลงบันใดหนีไฟมาจนถึงที่แผนกเดิมของฉัน มันยังไม่เปลี่ยนอะไรไปมาก โต๊ะทำงานของฉันยังคงวางเปล่า แต่นับจากวันนี้ มันจะมีฉันนั่งอยู่ตรงนี้

“กลับมาแล้วเหรอจีระ.....โอ้!!! ขอบคุณพระเจ้า....ไอ้ป้องรอดตายแล้ว...”

พี่ป้องยังคงความทะเล้นอยู่เหมือนเดิม เขาเดินเข้ามาช่วยฉันถือของไปวางที่โต๊ะ

“เป็นไงบ้างคะพี่ป้อง ฉันไม่อยู่งานสนุกมั้ย?”

“ถ้าจีระย้ายกลับมาช้ากว่านี้อีกเดือน มันคงเล่นฉันตายแน่ ๆ ช่วงนี้งานเยอะเป็นบ้าเลยว่ะ.......ว่าแต่จีระเถอะ เป็นไงบ้าง? ได้ข่าวว่าข้างบนยุ่งระเบิดเหมือนกันนี่”

“ค่ะ....ยุ่งเอาเรื่องเลยค่ะ”

ยุ่งจนฉันอยากหนีไปให้ไกลสุดขั้วโลกเลยค่ะพี่ป้อง............

“ขอบคุณคะพี่.....เดี๋ยวที่เหลือฉันทำเองค่ะ แล้วยังไงเดี๋ยวฉันจะไปคุยกับหัวหน้าก่อนนะคะ แล้วจะมาแบ่งงานมาทำ”

“นั่นคือสิ่งที่ไอ้ป้องคนนี้ต้องการล่ะจีระ”

ฉันยิ้มให้กับพี่ป้อง.....ก่อนจะลงมือจัดการกับข้าวของของตัวเอง มันไม่ได้ยุ่งยากอะไร ของ ๆ ฉันไม่ได้มีเยอะแยะมากมาย แต่ทุกครั้งที่ยกมันมาวางที่โต๊ะกลับรู้สึกว่ามันเหนื่อยจนยกอะไรไม่ไหว

ก่อนหน้านี้ฉันมีชีวิตที่สงบสุขกับโต๊ะทำงานโต๊ะนี้ แต่แล้วฉันก็ต้องจากมันไปอยู่ที่โต๊ะทำงานอีกชั้นหนึ่งที่อยู่ข้างบน

โต๊ะทำงานตัวนั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไร ออกจะดูเล็กกว่าโต๊ะตัวนี้ด้วยซ้ำ แต่ที่ทำให้ฉันอยากจะนั่งอยู่ที่นั่นคงเป็นเพราะคนที่นั่งอยู่โต๊ะที่ติดกับฉัน...............

พี................นายเป็นคนทำให้ฉันต้องไปอยู่ที่นั้น นายเป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกใบนี้มันดีสุด ๆ นายทำให้รู้สึกว่า งานที่ทำอยู่มันสนุกซะจนฉันสามารถยิ้มได้ทั้งวันเลย

แต่.......พี นายรู้ไหมตอนนี้ ฉันอยากลาออกจากที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ให้ตายสิเจ้าบ้า นายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวลอยอยู่ แต่แล้วฉันก็ร่วงลงมากระแทกพื้นจัง ๆ ไปเลย

ฉันเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง.... ไม่เอาน่าจีระ เธอเป็นคนเข้มแข็งนี่ กับเรื่องแค่นี้ไม่มีทางทำให้เธอรู้สึกอะไรหรอก ก็แค่มดกัดแหละน่า.....เดี๋ยวมันก็หาย

แต่มันจะทำได้ง่าย ๆ งั้นหรือ ไม่ใช่เพราะคิดถึงเหรอ เมื่อคืนถึงได้คิดถึงแต่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นจนนอนไม่หลับ

ไม่ไช่เพราะแคร์หรอกหรือ ถึงได้กังวลว่าเรื่องของฉันกับเขาจะเป็นยังไง?

......................ไม่ใช่เพราะ “รัก” หรอกหรือ?....................

ถึงได้อยากอยู่ใกล้ ๆ ไม่อยากถูกหมางเมิน จนต้องรู้สึกห่างกันอย่างนี้

...........ฉันมีนายอยู่ในความรู้สึกตลอดนะพี.............แต่นายไม่รู้...............




(center)--------------------------------******************--------------------------------(/center)




ถ้าจะจบตรงนี้คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง

กดแป้นพิมพ์จนขาหน้าสั้นแย้วนา...............

ง่ะ......ทำหน้าอย่างนี้อีกแระ

โอเช...................ต่อก็ต่อ

เพราะซาจังหน้าตาดีหรอกนะ มะงั้นมะต่อให้หรอก.....อิอิ




(center)--------------------------------******************--------------------------------(/center)




เวลาที่ค่อย ๆ หมุนเวียนไป สำหรับใครบางคน มันคงจะรวดเร็วเหลือเกิน แต่ละวันของพวกเขาคงจะมีความสุข

แต่สำหรับฉัน..............ไม่ใช่

กี่วันแล้วนะที่ไม่ได้เจอกันอีกเลย กี่คืนแล้วที่ไม่ได้โอบกอดกัน กี่อาทิตย์แล้วที่ไม่ได้สัมผัสกัน..................

สายตาของฉันมองเข้าไปในแผนกงานที่เขาอยู่...............

พี วันนี้ฉันจะได้เจอนายหรือเปล่า?

ฉันเจอนายแล้วฉันจะพูดว่ายังไงนะ?

หวัดดีพี สบายดีมั้ย?

ว่าไงยะตาบ้า ส่งฉันลงไปข้างล่างโดยไม่บอกกันเลย.....มันน่ามั้ย?

พี....ไปงานแต่งงานของฉันด้วยนะ นี่การ์ด...............


โอ้ว.........แต่ละคำถาม บ้าสิ้นดี

เอาละเลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว......

ฉันเดินเข้าไปด้านใน ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ตั้งแต่วันที่ฉันย้ายกลับลงไป พี่รุจยังนั่งกุมขมับอยู่เหมือนเดิม

โต๊ะที่เคยเป็นของฉันมีอนันต์นั่งหัวฟูอยู่ ข้าง ๆ อนันต์ มีเพียงเก้าอี้ว่างเปล่า บนโต๊ะยังคงมีเอกสารสุมอยู่ แต่ไม่ยักกะมีคนที่ยิ้มร่าตลอดอย่างพีนั่งอยู่

คงจะมีประชุม ไม่ก็ไปหาลูกค้า..........

“พี่รุจ...หวัดดีค่ะ”

อ้าว...จีระเป็นไงบ้าง?”

“โอเคดีค่ะ พี่ล่ะเป็นไง? ดูประสาทนิด ๆ นะ”

พี่รุจยิ้มรับแห้งใส่ฉัน มันดูไร้สีสันที่สุดเลยค่ะ เคยมีใครบอกพี่มั้ยคะ

“แย่สุด ๆ เลย งานยุ่งมาก เจ้านายสุดที่รักไอ้คุณพี ก็บ้าบอได้ทุกวัน นี่ก็หายกะบาลไปไหนไม่รู้......ว่าแต่จีระมีอะไรหรือเปล่าถึงขึ้นมาได้?”

ฉันยิ้มไม่ตอบคำถามพี่รุจ หยิบเอาการ์ดซองสีชมพูขึ้นมาส่งให้พี่รุจ พี่รุจรับ แล้วเปิดอ่าน แล้วสิ่งที่ฉันได้เห็นก็คือ ตาที่เบิกโพรง พร้อมกับรอยยิ้มแบบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

“จะแต่งงานแล้วเหรอ?”

“ค่ะ....ถ้าไม่ติดอะไรเชิญเลยนะคะ พอดีการ์ดเพิ่งจะเสร็จน่ะค่ะ เลยเพิ่งเอามาให้”

พี่รุจเงยหน้าขึ้นมาฉัน สายตาของพี่รุจเหมือนมีอะไรจะบอกกับฉัน แต่ก็เพียงแค่วูบเดียวที่ฉันได้เห็น

“เจ้าพีคงยังไม่รู้สินะ”

“ยังค่ะ ว่าจะเอาการ์ดมาให้ด้วย แต่สงสัยต้องฝากพี่ให้แล้วล่ะค่ะ ฝากด้วยนะคะ”

ฉันส่งการ์ดอีกใบให้พี่รุจ ที่ซองมีชื่อของพีเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือของฉัน

ตอนที่ฉันเขียน.............ฉันแทบจะหยุดลมหายใจ แค่ลากปลายปากกาเป็นชื่อ พี มันช่างยากเย็นนัก แต่สุดท้ายฉันก็ต้องเขียนมันออกมา

“แล้วพี่จะบอกให้.....แต่พี่ไม่รับรองนะว่าพีมันจะไปได้หรือเปล่า แต่พี่ไปได้ชัวร์ ๆ”

“ขอบคุณค่ะ.........ฉันไปก่อนนะคะ วันนี้ฉันลาช่วงบ่ายด้วย ต้องไปแจกการ์ดแล้วก็ลองชุดค่ะ”

“อืม........ขอให้มีความสุขนะ”

“ค่ะ”

ฉันลุกเดินออกมาจากแผนกที่เคยทำงานอยู่

ขอให้มีความสุขเหรอ......ฉันก็อยากจะมี แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน? มันก็หาคำว่าความสุขไม่เจอเลย

ฉันเดินออกมาช้า ๆ ประตูลิฟต์กำลังเปิด และคนที่เดินออกมาก็คือ....................น้องหมวย

หลายเรื่องตอนที่ฉันอยู่ชั้นล่างเข้าหูให้ได้ยินบ่อย ๆ น้องหมวยกับพีดูสนิทกันมากกว่า หัวหน้าแผนกกับน้องฝึกงาน ป้าไหม กับพนักงานอีกหลายคนที่เดินเข้าออกชั้นนี้พูดให้ฉันได้ยินเป็นประจำ

เรื่องมันจริงแค่ไหนกันนะ? ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย.....

หมวยเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ เธอเงยหน้าจากแฟ้มงานที่เธอพยายามหอบไม่ให้มันหล่นลงพื้นมาสบตาฉัน เธอยิ้มบาง ๆ ให้ฉัน ฉันยิ้มตอบ

ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ชอบฉัน แต่ตอนนี้ รู้สึกว่ารังสีเหล่านั้นลดลงไปเยอะ คงเพราะว่าเมื่อก่อนฉันอยู่ใกล้ ๆ กับพี หมวยเลยไม่ชอบใจฉัน

เราเดินผ่านกันโดยไม่มีคำทักทาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันหยุดชะงักเท้าที่ก้าวเดินอยู่ แล้วหันกลับไปรั้งแขนของหมวยไว้ก็คือ...................

“น้ำหอม..............”

หมวยเลิกคิ้ว เอียงคอมองฉันด้วยความสงสัยในการกระทำของฉัน

“คะ???”

“เอ่อ......เปล่าจ๊ะ...แค่................”

ฉันนึกอะไรไม่ออก จะพูดได้ยังไงละ ว่าน้ำหอมกลิ่นนี้ มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ฉันได้กลิ่นจากตัวพีเมื่อคราวก่อน

“อะไรคะพี่จีระ???”

หมวยถามฉันด้วยน้ำเสียงงุนงง ฉันระส่ำระส่าย จนต้องยิ้มออกมาแก้เก้อ

“แค่จะบอกว่า น้ำหอมกลิ่นนี้หอมดีนะคะ”

“อ้อ.......หมวยก็ว่าอย่างนั้นค่ะ ตอนที่ซื้อพี่พีก็ว่าหอม พี่เค้าชอบกลิ่นนี้นะคะ หมวยเลยใช้........หอมมากมั้ยคะ??”

หมวยยิ้มหวานให้ฉัน แม้จะไม่มีการประชดประชันในน้ำเสียงที่แสดงออกมา แต่ฉันก็เสียวแปลบที่ใจอยู่ดี..........

.......ตอนที่ซื้อพี่พีก็ว่าหอม พี่เค้าชอบกลิ่นนี้นะคะ หมวยเลยใช้..........

“หอมมากเลยจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะ หมวยไปก่อนนะคะ”

ฉันยิ้มให้หมวย ก่อนที่แขนที่รั้งหมวยจะร่วงหล่นลงข้างตัว ฉันยืนมองร่างของหมวยเดินเข้าไปในแผนก

พีเลือกน้ำหอมให้หมวย เป็นวันเดียวกับที่พีออกไปหาลูกค้าแล้วก็พาหมวยไปด้วย วันเดียวกับที่เขาไปหาฉัน และบอกความรู้สึกกับฉัน....................

ฉันเดินเข้าไปในลิฟต์ ปลายนิ้วที่สั่นระริกกดเลือกชั้นที่ 1 ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ และน้ำตาที่เอ่อคลอก็ไหลออกมาช้า ๆ

................ไม่ว่าจะยังไงคนที่จี้ต้องการ..........พีก็คงจะยังไม่ใช่........พีไม่ใช่.........

พี........คนที่ไม่ใช่ จริง ๆ คือฉันต่างหาก

ฉันต่างหาก...............ที่ไม่ใช่..........









เง้ออออ.............

มะหวายแย้วก๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

จิ้ม ๆ แป้นจนขาหน้าสั้นไปแล้นจริง ๆ ก๊าบบบบบ TTOTT

อูยยยยยยยยยยยยยยย


ขาหน้าด้วน ๆ ก๊าบบบ

กลายเป็นเดชไอ้ด้วนแล้นคัฟพี่น้อง................... TT_______TT

ยาวนะเนี๊ยะ ถ้าบอกว่ามะยาว มาพิมพ์เองจิ.............<<<<< อ่าว ไอ้นี่ พูดงี้......ปาระเบิดเลย =”=

กรี๊ดดดดดดดดดด แต๋วแตกก๊าบบพี่น้อง จะโดนปาระเบิด วิ่ง ๆ คัฟ

วิ่งไปหลบหลังป้าแอน......

เอิ๊ก ๆ ^O^V

ขว้างมาจิ จะได้โดนป้าแอนด้วย เอิ๊ก ๆ ๆ >>>>>>>>>>ไร้สาระชะมัด

เอาละตอนที่ 3 ของ เรื่องชู้ จบแค่นี้

แง้ว ๆ ไหงเรื่องนี้มันชื่อชู้อะ เง้อ..... - -a

อย่าสนใจคัฟช่างมัน

เจอกันเมื่อ..............ไม่รู้สิ.............งดอัพคัฟ งานมันยุ่งมากมายอะคัฟ

บ๊าย บาย.................




"......อย่าลืมเม้นต์กันนะจ๊ะ....."


< ตอนที่ 2ตอนที่ 4>



Create Date : 09 มกราคม 2550
Last Update : 23 มกราคม 2550 15:31:25 น. 0 comments
Counter : 655 Pageviews.

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.