ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
*~เพียงแค่ลองรัก~*


Mibu sa’KYO talk…….......

จะบอกว่าว่างก็คงไม่ใช่.....แต่อยากป่วน แหะ ๆ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่รอ Ficเรื่องอื่น ๆของข้าน้อย รอให้ข้าน้อยสอบเสร็จก่อนนะขอรับ จะเอามาลงให้ ทุกเรื่อง รับรองได้อ่านกันจนเปรมแน่.........แต่ตอนจบจะเปรมอย่างที่รอหรือเปล่าไม่รู้น้า

เอาละ ไปดีกว่า ไปอ่านหนังสือสอบแล้ว..........

ขอให้ข้าน้อยโชคดีในการสอบ (คงสอบผ่านหรอก มัวแต่มาเล่น แหะ ๆ)

มีความสุขกันทุกท่านนะขอรับ.......................









..............เพียงแค่ลองรัก.................




“จิน พี่มีเรื่องจะพูดด้วยนะ”

“อะไรคะ พี่แนน”

ผมตอบกลับเสียงหวาน ๆ นั้น แล้วหันหน้ามามองสาวสวยคนหนึ่ง เธอเป็น คนรัก ของผม ตอนนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังหวีผมให้เข้าทรง

“แล้วจะรีบไปไหนหละคะ จินยังอยากกอดพี่อยู่เลย”

ผมเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง สูดความหอมจากเรือนผมของเธอมาจนเต็มปอด เธอหันมามองผมใบหน้าเธอดูจริงจังมาก ทำให้ผมรู้ว่าคงเป็นที่สำคัญทีเดียว

“ทำไมทำหน้าซีเรียสอย่างนั้นหละคะ เป็นเรื่องสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ค่ะ” เธอตอบผมเพียงสั้น ๆ ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“วันนี้พี่จะกลับบ้านค่ะ” เธอลดระดับสายตาลงมาบริเวณอกเสื้อของผม แล้วติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้

“เอาของฝากให้ผมด้วยนะคะ” ผมเอ่ยขอเธอเช่นนี้เสมอเวลาที่คนรักของผมกลับบ้านต่างจังหวัด

“คงไม่มีของฝากค่ะ” เธอหมุนตัวเดินไปหยิบเนคไท มาผูกให้กับผมด้วยความเคยชิน

“ว้า!!! ทำไมหละคะ คราวนี้งกเหรอ” ผมยังไม่หยุดล้อเธอ แล้วยกมือขึ้นโอบเอวเธอ

“พี่จะกลับไปแต่งงานค่ะ” เธอตอบพร้อมมองสบตาผมตรง ๆ ผมถึงกับอึ้งกับคำตอบของเธอ ก่อนที่ผมจะขำออกมา

“ล้อเล่นหรือคะ ไม่เอาน่า ขี้เกียจถือมาก็บอกเถอะ”

เธอยังคงมองสบตาผม บางอย่างในสายตาเธอบอกผมว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ผมเงียบเธอเงียบ เกือบ 5 นาที ก่อนที่ผมจะพูดขึ้น แต่เสียงที่เปล่งออกมามันเหมือนเสียงกระซิบซะมากกว่า

“ตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่คิดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ 2 เดือนแล้วค่ะ พี่ตอบตกลงเขาแล้ว แล้ววันนี้พี่จะพาเขาไปพบกับครอบครัวของพี่และพูดเรื่องแต่งงานกัน” เธอจัดเนคไทของผมให้เข้าที่

“แล้วเรื่องของเราหละ” ผมถามทั้ง ๆ ที่ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว

“เรื่องของเรา? ” เธอทวนคำถามที่ผมถามเธอ

“ใช่ เรื่องของเรา ” ผมย้ำ

“มันก็ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอ” เธอตอบผม

“มันไม่มีอะไรงั้นเหรอ ทุกอย่างที่ผ่านมาระหว่างเราพี่พูดว่ามันไม่มีอะไรงั้นเหรอ”

ผมพูดใส่เธอ อาจจะเป็นตะคอกเลยก็ได้ ผมมองผู้หญิงที่ผมรักหมดหัวใจเก็บของใส่กระเป๋า เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้หัวใจของผมมันปวดร้าวจนแทบจะหยุดเต้นอยู่แล้ว

“หมอนั้นมันเป็นใคร ใครที่ไหน มันมาทีหลังจินไม่ใช่หรือไงเพิ่งไม่กี่เดือนเอง พี่จะแต่งงานกับมัน แล้วจินหละเวลาปี ๆ พี่บอกว่ามันไม่มีอะไรเลย”

เธอหันมามองผมทันทีก่อนจะพูด ซึ่งสิ่งที่ผมได้ยินนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดเลยวาจะได้ยิน

“คนที่มาทีหลังคือเธอนะจิน เขาคือคนที่พี่คบตั้งแต่เรียนมหา’ลัยแล้ว เขาย้ายไปทำงานที่อเมริกา เพิ่งกลับมา 2 เดือนก่อน เราจึงตัดสินใจแต่งงานกัน พี่เป็นคนรักของเขา ไม่ใช่ของเธอ”

ผมนิ่งอึ่งราวถูกสะกดไว้ .................เธอบอกว่าผมมาทีหลัง.............

............... เธอไม่ใช่คนรักของผม...............

“แล้วที่ผ่านมามันไม่เรียกว่าความรักเหรอไง เรารักกันไม่ใช่เหรอ” ผมพูดทันทีที่รู้สึกตัวหลังจากเสียงของเธอเงียบลง เธอหลับตาก่อนจะลืมตามามองผมตรง ๆ

“จิน มันไม่ใช่ความรัก เราจะรักกันได้ยังไง?? เธอกับพี่เป็นผู้หญิง เรารักกันไม่ได้ ที่ผ่านมามันก็แค่...แค่ลองเฉย ๆ”

ผมอึ้งกับสิ่งที่เธอพูดมา ในหัวของผมมันปวดร้าวไปหมด หัวใจแทบจะหยุดเต้น ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดเธอบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเขามันเป็นแค่การลอง

“พี่จะออกไปแล้วนะ ถ้าจินจะยังอยู่ต่อ ก่อนออกไปก็ล็อคห้องให้พี่ด้วยละกัน” เธอเดินไปที่ประตู

“ลาก่อน จิน” เธอพูดเพียงเท่านั้นแล้วเสียงปิดประตูก็ดังตามหลังไป

ส่วนตัวผมนะเหรอ? ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน ทุกอย่างมันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ ไม่มีน้ำตา ไม่มีเสียงสะอื้น แต่ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ผมกำลังร้องไห้ มันร่ำร้องอยู่ในอก

ผมอยากตะโกนออกมา อยากร้องไห้ดัง ๆ แต่ความเสียใจมันไหลย้อนกลับเข้าไปจนมันจุกไปหมด ผมอยากอ้อนวอนให้หญิงอันเป็นที่รักของผมอย่าจากไป แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย....................



********************************************************************



“ลาก่อน จิน”

คำบอกลาของเธอยังก้องอยู่ในหัวของผม ไม่ว่าจะกี่วันกี่คืนผมก็ยังได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน บทสนทนาทุกประโยคดังวนเวียนตอกย้ำผมทุกครั้งที่ผมหลับตา มันคอยติดตามผมราวฝันร้าย

“จิน มันไม่ใช่ความรัก เราจะรักกันได้ยังไง เธอกับพี่เป็นผู้หญิง เรารักกันไม่ได้ ที่ผ่านมามันก็แค่...แค่ลองเฉย ๆ”

ทุกครั้งที่คิดถึงมันเหมือนมีดคอยทิ่มแทงจิตใจ ผมจะทำอย่างไรต่อไป จากวันผ่านไปเป็นเดือน ผมก็ยังไม่ลืมเธอสักที

ออดดดดดดดด......

เสียงกดออดหน้าห้องพักของผมดังขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ขยับเขยื้อนร่างกายไปไหน จนเสียงกดออดย้ำอีกครั้ง ผมจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู

ทันทีที่ประตูเปิดออกคนที่ยืนรอผมอยู่ด้านนอกทำให้ผมถึงกับนิ่งอึ้ง เธอ... เธอคือคนที่ทำให้ผมแทบตาย และเธอคือคนที่ผมถวิลหามากที่สุด

ผมแทบจะโผเข้าไปกอดเอาไว้ไม่ให้หายไปไหนอีก แต่ผมก็หยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อสายตาผมเหลือบไปเห็นร่างของชายคนหนึ่งที่ยื่นอยู่เคียงข้างกับแนน -ว่าที่เจ้าบ่าวของแนนสินะ- ผมใช้เวลาเกือบ 2 นาทีในการตั้งสติ กับการมาเยือนของคนทั้งคู่


“เข้ามาข้างในก่อนสิคะ.... แนน” ผมเชิญทั้งสองเข้ามาในห้อง


“ไม่เป็นไรหรอก จิน เดี๋ยวก็ไปแล้ว แนนแค่แวะเอาการ์ดแต่งงานมาให้จินน่ะ”

ผมพอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องอะไรประมาณนี้ ถ้าไม่เอาการ์ดมาให้แนนก็คงไม่มาหาผม ผมยื่นมือไปรับการ์ดแต่งงานจากแนน

“จริงสิ นี่ วิสุทธิ์ คู่หมั่นแนนค่ะ วิสุทธิ์นี่จิน เพื่อนของแนนค่ะ”

เธอแนะนำคู่หมั่นของเธอให้ผมรู้จัก วิสุทธิ์ค้อมศีรษะให้ผม ผมทำอะไรไม่ถูกทำได้เพียงยืนเฉย เพราะคำที่ว่า “เพื่อน” ที่แนนยัดเยียดให้โดยที่ผมไม่ต้องการแม้แต่น้อย มันกรีดเข้าไปในใจของผมจนมันปวดร้าวไปหมด

“เดี๋ยวแนนต้องไปก่อนนะ ต้องไปแจกการ์ดอีกหลายที่นะ ไปก่อนนะจิน”

แนนบอกกับผม ผมไม่พูดอะไร ไม่ใช่ไม่อยากพูด แต่ผมพูดไม่ออกมากกว่า

“เชิญ คุณจินที่งานด้วยนะคะ”

เสียงของวิสุทธิ์เอ่ยเชื้อเชิญผม ผมทำได้แค่ฝืนยิ้มแกน ๆ ให้กับคนทั้งคู่ ก่อนที่จะยืนมองทั้งสองเดินจากไป

หลังจากประตูปิดลง ร่างกายมันไม่เหลือเรี่ยวแรง ผมทรุดลงนั่งกับพื้น การ์ดแต่งงานของแนนหล่นอยู่ข้าง ๆ ตัวของผม

พิธีมงคลสมรส
สุนิสา และ วิสุทธิ์

ชื่อของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเขียนด้วยตัวอักษรสีทองบนการ์ดสีชมพู เป็นความจริงที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมสูญเสียคนรักไปโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่จะรั้งเธอไว้




**************************************************************************


หลายเดือนต่อมา

วันนี้เป็นวันที่ผมไม่อยากให้เวลาเดินมาถึง วันที่ผมจะต้องเสียแนนไปตลอดชีวิต มันเป็นวันที่ผมทรมานที่สุด แต่มันก็เป็นวันที่แนนมีความสุขที่สุขตลอดไปเหมือนกัน

ผมเดินเข้าสู่บริเวณที่จัดงานในโรงแรมหรูแต่ก็เป็นการมาที่ออกจะสายไปมากอยู่เหมือนกัน เพราะภาพที่ผมเห็นคือเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวกำลังตัดเค้กงานแต่งงาน

รอยยิ้มที่แสนจะมีความสุขของแนนมันช่างทรมานใจของผมนัก แนนกำลังมีความสุขล้นเหลือ แต่ผมกำลังน้ำตาตกใน เสียงเชียร์ให้เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาว ตามด้วยเสียงแซวอยางชอบอกชอบใจเมื่อเจ้าบ่าวอมแก้มเจ้าสาว

ภาพทุกอย่างมันย้อนให้ผมเห็นเวลาที่ผมเคยอยู่กับแนน

ผมเคยหอมแก้มแนนเหมือนกับที่เขาหอม ผมเคยกอดแนนเหมือนกับที่เขากอดอยู่

แต่ทำไมวันนี้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แนนกลับเป็นเขาไม่ใช่ผม

เสียงสาว ๆ ในงานกรี๊ดกร๊าดเมื่อเจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ ใบหน้าของแนนช่างดูมีความสุขเหลือเกินก่อนที่จะหันมาจุมพิตกับเจ้าบ่าวของเธอ ผมทนที่จะมองภาพเหล่านั้นไม่ได้แล้ว ออกไปจากที่นี้เสียดีกว่า......



ผมเดินออกจากงานมาเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหนแล้ว ตอนนี้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของผมก็คือ แม่น้ำเจ้าพระยา สายลมที่พัดมาปะทะกับใบหน้าของผม ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเย็นขึ้นเลย เสียงรถวิ่งผ่านอยู่เบื้องหลัง ท้องฟ้ากว้าง แต่มองไม่เห็นดวงดาวแม้แต่ดวงเดียว สายตาที่มองทอดไปยังแม้น้ำที่มืดมิด แสงไฟบนสะพานไม่ทำให้แม่น้ำสว่างไสวแม้แต่น้อย คงเหมือนกับจิตใจของผมตอนนี้ แสงไฟที่เคยลุกโชนในใจมันดับลงตั้งแต่สูญเสียคนรักไปมันไม่เคยสว่างขึ้นมาอีกเลย - ความรักเหตุใดมันจึงโหดร้ายแบบนี้



อนาคตของผมจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อผมไม่มีแนน สายลมวูบสุดท้ายปะทะเข้ากับร่างของผมราวกับว่ามันพัดเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกจากตัวผมไป

ตอนนี้สิ่งที่อยู่รอบตัวผมเงียบสนิท ไม่มีเสียงรถ ไม่มีสายลม ไม่มีสายน้ำ มองไปทางไหนก็มืดสนิท ร่างกายถูกพันธนาการด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น จนผมเริ่มหายใจไม่ออก ผมพยายามหายใจ แต่ไม่รู้ว่าอากาศมันหายไปไหนหมด สมองมันเริ่มไม่ทำงาน

ภาพสุดท้ายที่ผมพยายามคิดคือ “แนน” คนที่ผมรักที่สุด เธอกำลังหัวเราะ รอยยิ้มที่ระบายอยู่ตรงหน้าช่างสวยงามเหลือเกิน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกทรมานแบบนี้ ภาพทุกภาพ เสียงทุกเสียงพร่าเลื่อนไปทุกที...ทุกที

ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่ผมจะหมดสติคือเหมือนถูกกระชากแรง ๆ เหมือนกับถูกดึงไปอีกโลก

พรวด!!!!!......

“ยังไม่ตายโว้ย!!!! โยนห่วงยางมาแล้วช่วยดึงไปหน่อย!!!!”

เสียงของใครสักคนตะโกนอยู่ข้าง ๆ หูของผม ผมรู้สึกเหมือนร่างกายมันลอยได้ มันรู้สึกดีกว่าก่อนหน้านี้มาก และเหมือนมีบางอย่างกดทับตรงบริเวณหน้าอกสองสามที มีอากาศเข้าสู่ปอดของผมอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะสำรอกเอาของเหลวที่กลืนไปก่อนหน้านี้ออกมา ใบหน้าของผมชาเหมือนถูกใครสักคนตบ

“คุณ ๆ เป็นไงบ้าง!?!?!??” ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าของคนสามสี่คนรายล้อมมองดูผมกันอยู่

“ฟื้นแล้ว ๆ เอาผ้ามาเช็ดตัวเค้าหน่อย!!!!”

“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ?!?!? ดีขึ้นใหม??”

ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้น ผมอยากนอนพักเต็มที ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตาของผมค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ เสียงของคนรอบ ๆ ข้างยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว สักพักเสียงเหล่านั้นก็ค่อย ๆ ดังห่างออกๆ ไป แล้วก็หายไป....................................


***************************************************************************



1 ปีต่อมา

วันนี้อากาศดีมาก ผมออกมาเดินสูดอากาศเข้าจนเต็มปอด บรรยากาศรอบกายช่างดีอะไรแบบนี้ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานเหลือเกิน ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมาก ผมมีเพื่อนมากมาย มีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด มีชีวิตที่ไม่ต้องทรมานอะไรอีก ผมฝันร้ายไใบ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพื่อนของผมคอยเป็นกำลังใจให้เสมอ ทุก ๆ คนหวังดีกับผม ที่นี่เพื่อนทุกคนใส่เสื้อผ้าหมือนกับผม

“เป็นยังไงบ้างจิน สบายดีมั๊ยค่ะ” คนนี้ชื่อ “เอม” เธออยู่ที่นี้มาก่อนผม เธอทักทายผมแบบนี้ทุกครั้งที่พบกัน

“สบายดีค่ะ แล้วเอมหละ”


“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ เซ็ง.....” แล้วเธอก็เดินจากไป ผมก็เดินล่นของผมไปเรื่อย ๆ ก็วันนี้อากาศมันดีจริง ๆ



“คุณจินคะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ”

นี่ไงคะหญิงสาวที่คอยดูแลผมตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ เธอชื่อ คุณสา เธอน่ารักมาก ตัวเธอเล็ก ๆ เธอมักจะเดินมาหาผมด้วยรอยยิ้มเสมอ เธอคงชอบสีขาวมากแน่ ๆ เพราะผมเห็นเธอใส่แต่ชุดสีขาว ไม่ใช่แค่ชุดเท่านั้นรองเท้ากับหมวกของเธอก็เป็นสีขาวด้วย แต่ผมว่ามันก็ดูเหมาะกับเธอมากเลยทีเดียว

ผมเดินตามเธอไปเรื่อย ๆ เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเมื่อผมเดินผ่านห้อง ๆ หนึ่ง เสียงผู้หญิงตะโกนด่า ปนกับเสียงร้องไห้ เสียงผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนคุณสาทั้งปลอบทั้งปราม และผู้ชายใส่ชุดขาวอีกสองคนช่วยกันจับผู้หญิงคนนั้นไว้


“ฉีดยาระงับประสาทดีกว่าค่ะหมอ สู้แรงไม่ไหวแล้วค่ะ” หญิงคนหนึ่งบอก

“คุณอร เอายาระงับประสาทมาให้ผม ” ชายที่ถูกเรียกว่าหมอสั่งคุณอร

“ไปเถอะค่ะคุณจิน ที่นี้ไม่เกี่ยวกับเราค่ะ” คุณสาดึงแขนผมเดินไปเมื่อเห็นว่าผมหยุดเดินเมื่อผ่านไปสักพักผมจึงเอ่ยขึ้นว่า

“คุณสา เมื่อกี้ใครคะ?” คุณสาหันมายิ้มให้ผม

“เธอจะมาเป็นเพื่อนใหม่ของเราที่นี้ค่ะ คุณจินจะมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วนะคะ ดีใจมั้ยเอ่ย” ผมยิ้มกว้าง

“ค่ะ” ผมจะมีเพื่อนใหม่อีกคนแล้ว

ถ้าเป็นคุณจะดีใจมั้ย?

ที่จะได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง.......



............EnD…….......








Create Date : 03 สิงหาคม 2550
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 0:51:32 น. 0 comments
Counter : 937 Pageviews.

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.