space
space
space
 
ธันวาคม 2563
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
24 ธันวาคม 2563
space
space
space

Epson L6190 2-year follow up
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ปีนี้คงไม่เหมือนทุก ๆ ปีที่ผ่านมา โชคดีที่ประเทศไทยเรามีผู้นำที่ต่างจากผู้นำประเทศโลกเสรีอื่น ๆ หรืออาจจะเป็นดวงก็ไม่ทราบ สถานการณ์ภายในประเทศก็ไม่รุนแรงมาก แม้ขณะนี้เรากำลังต่อสู้กับปรากฎการณ์กุ้งสมุทรสาครก็ตาม

อยากจะมาเขียนเล่าให้ฟังนิดนึงว่าสถานการณ์ปริ๊นเตอร์ทั้งหมดมีดังนี้ เริ่มจากปริ๊นเตอร์ในห้วข้อ Epson L6190

อยู่มาเกิน 2 ปีละ ซื้อมาตั้งแต่ 5 มี.ค. 2561 บัดนี้ 24 ธ.ค. 2563 เคยจ่ายเงินซื้อราคา 11,585.40 บาท ตอนนี้ที่เว็บไซต์ epson.co.th แจ้งราคาไว้เพียง 10,900 บาท บนเว็บหาคนขายถูก ๆ ได้แถว ๆ 10,000 บาท ถือว่าราคาทรงตัวดีทีเดียว ตอนนี้มีคนขายถังทิ้งหมึกเยอะแยะ จากตอนแรกที่หาไม่เจอ แสดงว่าของพวกนี้ต้องรอเวลาพอควร  

เราก็ใช้หมึก 001 (หมึกที่เค้าให้ใช้) สีดำอันเดียว ส่วนสีอื่นใช้หมึก Durabrite inks ที่ซื้อจากอีเบย์มาตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่ผ่านมาก็เคยเติมหมึกไปทั้งหมด 3 ครึ่ง หมึกสีดำมักจะหมดเร็วเป็นพิเศษ มีปัญหา clogged nozzles บ้างไรบ้าง แต่ก็ clean ออกทุกครั้ง ไม่ได้ดื้อด้านอะไรมากมาย

ตอนนี้จำนวนหน้าที่พิมพ์ไปทั้งหมดเป็น A4/Letter 1 sided 3553 หน้า, 2-sided 5057 หน้า มีพิมพ์กระดาษขนาดอื่นอีก 60 หน้า รวมเป็น 8670 หน้า ยังไม่ถึงหมื่นหน้าดี  epson ไม่ได้แจ้งว่าไว้ monthly duty cycle ของเครื่องนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าระดับใช้งานขนาดนี้ก็ถือว่าใช้งานน้อยเมื่ออิงจากตัวเลขการรับประกันของเครื่องนี้คือ 2 ปีหรือ 50,000 หน้า

เครื่องนี้เคยมีปัญหาเรื่องกระดาษติดเวลาพิมพ์ 2 หน้าตามที่เคยเขียนบล็อกไว้หัวข้อเรื่อง follow up หลังใช้งาน 5 เดือน ซึ่งปัญหานี้หายสนิทหลังจากแก้ไขเปลี่ยนเจ้าแผ่นพลาสติกสีดำ ๆ ที่ตัดจากแผ่นเอ๊กซเรย์ปอดตัวเองมาแทน และเลิกใช้กระดาษใช้แล้วสำหรับเครื่องนี้  

ไม่แน่ใจว่าทฤษฏีตัวเองถูกต้องไหม แต่การเอากระดาษใช้แล้วหน้าเดียว (งกน่ะ) มาป้อนกับปริ๊นเตอร์นี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาเพราะลักษณะการป้อนกระดาษเป็นแบบตีลังกากลับหลัง ลักษณะทางเดินกระดาษจะซับซ้อน ต่างจากพวก top feed ซึ่งป้อนกระดาษจากด้านหลัง(บน) และกระดาษเดินทางค่อนข้างเป็นเส้นตรง โชคดีที่เรายังมี Epson L365 อยู่ตั้งอยู่ข้าง ๆ กันที่ทำงาน (เดี๋ยวจะกล่าวถึงต่อไป)  ดังนั้นขอสรุปจากประสบการณ์ตรง ไม่ควรนำกระดาษใช้แล้ว ยู่ๆ ยี่ๆ มาใช้กับ L6190 ควรจะใช้กระดาษใหม่เท่านั้น จบข่าว 

เกือบลืม เหมือนประมาณปีทีแล้ว แป้นกดเค้ามีอาการอ่อนแรง คือ ปกติมันจะต้องจับเอนได้ตามใจต้านแรงโน้มถ่วงโลกได้ แต่ประมาณปีทีแล้ว เค้าตก จับนอนไม่ได้ มันจะพับลง เข้าใจว่าตัวเฟืองข้างในหลวม จำได้ว่าเหมือนกับจะมีการถอดออกมาดู (โดยเราเอง) และซ่อมแซมโดนการติดเทปกาวสองหน้าเหนียว ๆ เข้าไปให้มันทานกับน้ำหนักของแป้นโดยแรง friction ตอนนี้เค้าก็พอจับเอนให้ค้าง ๆ ได้ แต่อาจจะไม่ค้างดีเหมือนตอนแรก แต่ก็ดีกว่าเหี่ยวลงไปตั้งไม่ได้

2) Epson L365
ตัวนี้ก็ยังใช้งานอยู่ เนื่องจากเค้าตั้งอยู่ข้าง ๆ L6190 ที่ทำงานด้วยกันทั้งคู่ เรารู้สึกเอนจอยการมีปริ๊นเตอร์สองตัว เพราะเวลาสั่งงานพิมพ์เยอะ ๆ ก็ยังมีอีกตัวให้สั่งงานอีกอย่าง เรียกว่าเวลาทำงานแล้วรู้สึกเหมือนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแบบ x2 ทีเดียว L365 พิมพ์ไม่เร็วเท่า L6190 และพิมพ์ได้หน้าเดียวไม่มี 2 หน้าอัตโนมัติ ดังนั้นเวลาจะพิมพ์งาน 2 หน้าก็ต้องมากลับเอาแบบโบราณ  ที่สำคัญคือ L365 ไม่พิมพ์แบบไร้ขอบ ดังนั้น หากจะต้องพิมพ์งานไร้ขอบ (มีเรื่อย ๆ มีงานเอกสารอันนึงต้องพิมพ์แถบสีด้านขวาชิดขอบ) ก็ต้องใช้ L6190 แม้จะพิมพ์งานหน้าเดียว  ที่สำคัญคือเรื่องกระดาษที่ใช้ ตอนนี้ถ้าเป็นกระดาษแบบใช้แล้ว (ใช้ไป 1 หน้า)เหลืออีก 1 หน้า ซึ่งกระดาษพวกนี้มักจะถูกแกะออกมาจากลวดเย็บกระดาษ ทำให้มุมหรือขอบบางทีไม่เรียบ  เราจะไม่ป้อนกระดาษพวกนี้กับ L6190 เป็นอันขาด ดังประสบการณ์ที่เจอที่เล่าข้างต้น ดังนั้น กระดาษพวกนี้จึงใช้กับ L365 เท่านั้น ต้องขอบคุณ top feed tray ด้านหลัง

L365 ก็มี clogged nozzles บ้าง เท่าที่รู้สึกก็คิดว่าบ่อยกว่า L6190 และเวลาตัน มักจะ clear ยากกว่า ต้องใช้ 1-3 cycles กว่าจะ clear สีที่ดื้อมาก ๆ ได้แก่สี magenta 

ไม่กล้าสรุปว่าเหตุอันใด อาจจะเป็นเพราะ Nozzle รุ่นเก่า ไม่ใช่ PrecisionCore แบบของ L6190 รึเปล่า หรือเป็นเพราะเราใช้หมึก pigment ink จำได้ว่าของ L365 นี่เคยใช้หมึก ultrachrome ink สุดเก่า ๆ จากเครื่องที่บ้าน ก่อนจะเติม durabite ink ลงไป (ใหม่กว่า) สำหรับ L365 นี่เข้าใจว่าใช้น้อยกว่า ที่ผ่านมาก็เลยเคยเติมหมึกแค่ 2 ครั้ง ครั้งแรก เติมแต่สีดำ ครั้งที่สองเติมทุกสี

เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา L365 มีอาการไฟแดงกระพริบค้าง แล้วก็แจ้งเรื่องซับหมึกเต็ม อันนี้ก็ไม่ยาก ทำการ reset ซับหมึก (เกือบตาย หาเครื่อง PC มาเสียบ - แบบปกติเค้าใช้ mac) แต่ซับหมึกมีอะไหล่ขายเต็มบ้านเต็มเมือง ใส่ถุงมือ ไขสกรูสองสามอัน แล้วก้อเปลี่ยนสำเร็จ จริง ๆ ถ้าจะรีไซเคิลก็ทำไม่ยาก แค่ดึงฟองน้ำเก่าทิ้ง หาฟองน้ำใหม่หรือโกเต๊กซ์มาวางลงไปในถาดเดิมก็เรียบร้อย



สำหรับสถิติงานพิมพ์ L365 ก็หลังจากซับหมึกเต็มไป 1 รอบ และเราได้รีเซ็ทไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าเค้ารีเซ็ทจำนวนหน้ารึเปล่า แต่วันนี้เช็คจำนวนหน้าที่พิมพ์ไปแล้ว เค้าบอกว่า total pages = 9326, color 7133, B/W 2113 ก็ยังไม่ถึงหมื่นนะ

สำหรับที่ทำงาน ช่วงเดือนก.ค. 63 ที่ผ่านมา (ช่วงเดียวกับที่ซับหมึก L365 เต็ม) ก็มีปัญหาเรื่องเครื่อง HP color laserjet CP2025 (อันนี้ของหลวง) ที่ใช้เชื่อมต่อกับคอมพ์ซึ่งใช้พิมพ์รายงานผลตรวจเอ๊คโค่มันเจ๊ง อาการคือดึงกระดาษไม่ขึ้น ทำท่าเหมือนดึงกระดาษแต่ไม่ดึง อันนั้นปวดหัวมากเพราะระบบปฏิบัติการในเครื่องนั้นเป็น Windows for server 2003 อายุกว่า 10 ปี แทบจะหาปริ๊นเตอร์ใหม่ ๆ ที่มี driver รองรับการทำงานไม่ได้เลย ส่วนการส่งซ่อมระบบราชการนั้นก็แทบไม่ต้องพูดถึง ที่นี่ประเทศไทย เราจำได้ว่าโทรไปที่ HP Thailand เค้าบอกว่า printer รุ่นนี้ทางบริษัทไม่รับซ่อมแล้วเนื่องจากไม่มีอะไหล่ แต่ให้เราลองติดต่อ บริเษัทเวิลด์ไวด์ คอม เซอร์วิส จำกัด ดู สรุปว่าเวิ๊คมาก เค้ารับซ่อม บริการรวดเร็ว เราแค่ตามแกร๊บมารับเครื่อง แค่วันสองวันก็ซ่อมเสร็จใช้งานได้เรียบร้อย ขอแนะนำ

ยังเหลือปริ๊นเตอร์อีกสองตัวที่บ้านครับ

1) Canon MFP จำรหัสไม่ได้ อันนี้ซื้อมาหลายปีแล้ว ใช้งานไม่ค่อยคุ้ม ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนใหญ่คลุมผ้า เดิมใช้ scanner ของเค้าบ่อย หลัง ๆ มีปัญหาเรื่อง driver ดูเหมือนทาง Canon จะไม่ได้พัฒนา driver ให้ทันกับ Mac OSX ตอนหลังก็เลยทะเลาะกัน จะสแกนทีไรก็ต้องมีอันเป็นไป แสกนไม่สำเร็จ ส่วนเรื่อง printer มีอาการว่าปริ๊นท์ออกบ้างไม่ออกบ้าง บางทีเหมือนเค้ากำลังจะเร่งเครื่องจะปริ๊นท์ แล้วก็เกิดอาการวูบดับไป ต้องเปิดเครื่องใหม่ บางจังหวะที่ปริ๊นท์ออกมาได้ ก็จะเห็นแถบดำตามแนวตั้งเป็นทางยาว ส่ออาการเสื่อมของ fuser อย่างชัดเจน  ยังมีหมึกดำเหลืออีก 1 ตลับ กะว่าเด้วช่วงหยุดปีใหม่จะใช้ปริ๊นท์เอกสารซะให้หมด ๆ แล้วคงจะเซย์กู๊ดบาย รู้สึกเสียดายเงินเหมือนกัน ไม่ค่อยได้ใช้และชาตินี้คงจะไม่ซื้อ laser printer/MFN (multifunction อีกแล้ว)

2) Epson R3000 หลังจากติดตั้ง CIS มาได้ครบสองปี ได้รีเซ็ทแต่ละตลับไปสมใจ น่าจะรีเซ็ทครบทุกตลับแล้วล่ะ  มีปัญหาว่าหมึกสีฟ้าชอบ check nozzle ไม่ผ่าน เวลาไม่พิมพ์งาน 2-3 วัน (บางทีก็ไม่ได้พิมพ์เป็นสัปดาห์เลย) สีฟ้าจะหายไป และมักจะหายไปหมด  เวลา clean จะใช้ 2-3 cycles แล้วก็จะกลับมาได้ หลังจากนั้นก็จะเข้าวงจรอุบาทว์เดิม ๆ คือถ้าไม่พิมพ์ทุกวันก็จะหายไปอีก  อาการเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ ต้องล้างบ่อยมาก คิดว่าหมึกคงจะหมดไปกับการล้างมากกว่าการพิมพ์แน่นอน  ที่เด็ดกว่าคือตอนหลังมีหมึกสีชมพู เป็นอาการเดียวกันเดียวเลย ตอนนี้ก็เลยมีสองหัวพิมพ์/หมึกที่มีปัญหา คือคิดว่าถ้าใช้ต่ออีกภายใน 1-2 เดือนจะต้องขึ้นเตือนว่าซับหมึกเต็มแน่นอน  สำหรับ R3000 ตัวนี้ ก็แก่มากพอควร คุณมานพ (คนซ่อม) เคยบอกว่าถ้าเจ๊งอีกก็คงพอแค่นี้

ก็คงพอแค่นี้จริง ๆ แล้วล่ะคับ เด้วปีใหม่นี้ว่าจะสะสางปริ๊นเตอร์ที่บ้านสองตัวนี้

หลังจากทบทวนประสบการณ์และเงินที่ใช้ไป คิดว่าคงจะไม่ถอย multicolor photo printer อีกแล้ว เสียเงินค่าเครื่องพิมพ์ไม่เท่าไหร่ แต่เสียเงินค่าหมึกเยอะมาก ตอนนี้ก็เลยกำลังเล็งว่าจะสอย Epson L15160 มาแทนปริ๊นเตอร์ที่บ้านสองตัว  ถึงจะไม่ใช่ high-end photo printer แต่น่าจะใช้งานได้คุ้มค่ากว่า เดี๋ยวถ้าได้สอยมาจริงแล้วจะมาอัพเดตให้ฟังนะครับ

 


Create Date : 24 ธันวาคม 2563
Last Update : 14 มีนาคม 2564 0:26:34 น. 0 comments
Counter : 1100 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space