All Blog
j54






Smileyjjy5012
ผมกำลังฟังเรื่องของเพลงAir ของ Johann Sebastian Bach

jjy5012
ผมกำลังฟังเรื่องของเพลงAir ของ Johann Sebastian Bach


เช้าวันนี้ฝนเริ่มมืดจะมา
คงไม่มาเพราะพยากรณ์ไม่ได้บอก
ผมเย็นปกติเพราะแอร์ที่ต้องให้เงินเขาใช้ไปเพราะมีหน้าที่ต่อบ้าอานองเต
ผมเลยกลายเป็นว่าที่จัดการมูลนิธิที่ต่อไป
ที่มีให้แม่
จากนิยามว่า
แม่ผมคงจะไปนิพพานในศาสนาหนึ่งแล้ว

ผมจึงมุ่งมั่นในการอุทิศคุณให้ท่านอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
จนกว่าผมจะพอใจ
ในหัวข้อไว้ทุกข์แม่

อนึ่งเมื่อผมเอ่ยคไว่าอุปการะคุณ
ว่าแม่ หมายถึงว่าพ่อและแม่ด้วย

เพราะจะเปลืองหน้ากระดาษหลาย
เค เอ็มไบต์คอม
ทีเดียว
อย่างไรก็ตามแม่เป็นทาสีภริยาของพ่อโดยพฤติกรรเมื่อแม่มีชีวิอยู่

จึงปรกาศมาให้ผีและเทพทั้งหลยรวมถึงท่านผู้ติดตามหรือตามติด
ที่คิดว่ามันอาจจะทำให้สายตาและสิ่งอันแปลกประหลาด
เกิดขึ้นแล้วในโลกของบล็อก


ที่จะนำไมาเป็นข้อคิดเพื่อ
ชีวิตที่สื่อให้มีคุณภาพที่ดีได้จากการอดิเรกตัวเองในการอ่านคิดถามเขียน
ที่ตนมี
สุดเแต่จะคิดเอา


เพราะมันอาจจะจากเพิ่มสารเอนโดฟินและสารระวังระไว
เพื่อการก้าวไปข้างหน้าได้ดีขึ้นเมื่อพบบทเรียนแปลกๆแต่จริงอันแสนสนุก
ของ
คนอื่นที่ผมประสบมาก่อนและเล่า
สู่ยุทธภมิแห่งบล็อกเกอร์นี้ต่อไปได้


เพราะแม่ท่านมีคุณธรรมที่ผมพบหลายอย่าง
ผมไม่ได้ยกยอปอปั้นท่านมาเพื่อเอารางวัลใดๆถ้าหากมี


กล่าวคือในนอกเหนือจากแม่ที่ทำให้ผมเกิด
มาเป็นคนเพื่อคอยดูทรัพย์สินของท่านได้
ชนิดไม่กำไรและขาดทุน
อย่างนี้
ที่ผมเป็นอยู่

ผมพยายามตามไปกับใจของตนเอง
แต่มิใช่ตามใจตนเอง
เพราะตามใจตนเองถ้าสอบไล่มีหวังตก
ถ้ามีบัตรเอทีเอ็ม
กินก๋วยเตี๋ยว
บัตรเอทีเอ็มคงหายไปในถ้วยก๋วยเตี๋ยวเป็นแน่
เมื่อพยายามตามใจตนเอง


บางครั้งก็ตามใจมันบ้าง
เพราะถ้าเหนื่อยขึ้นมา
วิญญาณของตัวเองบอกว่าให้นอน
คือต้องนอนสักนิด
แล้วว่าต่อไป
เมื่อตื่นขึ้นมา โดยไม่มีการปลุกหรือว่ามีการปลบุก


ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้
มิฉะนั้นต้องไปคุยกับหมอหรือประกัน

บ้านอานองเตและความหลัง
ผมไม่เคยคิดว่าว่า
ตนเองมีความหลัง
เพราะคนอื่นเขาฟังแล้วจะเวียนหัว

แต่ผมพบว่าตนเองมีอยู่
คิดว่าเขียนมาก็หลายหน้าแล้ว
แต่ยังคิดว่าต้นเองยังไม่ถึงไหนเลย
ไม่คิดว่าเขียนอย่างที่เป็นนักเขียน
เพราะเขียนอย่างเป็นนักเขียนต้องมีอะไรดีกว่านี้มากเท่าที่
ผมเคยเรียนมาอย่างเป็นหน้าที่


เพราะแม่ซื้อพิมพ์ดีดมือสองสีดำเรมิงตันพันธ์เก่า
เครื่องมือสองหลังกระทรวง
กรุวเทพฯในหนึ่งเครื่อง


ผมจึงตั้งเรียนวิชานี้
ที่อังกฤษโดยทางเลือกและตามอัธยาศัย
ผมจบ
ครูชื่อท่านเทรนเดอร์

มาที่บ้านอานองเต
ผมมีเพื่อนสมัยอนุบาลและเตรียมอนุบาล
ของประชาบาลสมัยยุคหลังกระทรวงธรรมการไทยเล็กน้อย
เพื่อนทุกคนดีและเหมือนเดิม
ที่ไม่มีคำว่าอดหยากหิวโหย
เว้นแต่เทียมเอาเพื่อเหตุผบบางอย่าง
 อันนี้ผมไม่รู้
เดาเอาเอง

หลายคนเขาเปลี่ยนไปแต่เขาแต่งงานแต่ผมไม่แต่งงาน



แตเขาเข้าใจคำว่าวาสนาในปัจจุบันคือการมีโชคมีอะไรที่ดีกว่าคนอื่นถือว่ามีวาสนาดี
เช่นคนเกิดมาลูกคนเดียวดีกว่าคนเกิดมามีลูกหลายคน
คนเดียวรับมรดกคนเดียวสบายไปเลย
หลายคนรับมรดกต้องแบ่งกัน
อย่างเป็นระเบียบเปรียบเทียบว่าลูกคนเดียวมีวาสนาดีกว่า
หมือนอย่างที่เขาคิดว่ามันเป็น


ความจริงมันจะใช่หรือไม่ใช่
นั่นมันอีกเรื่อง
อันนี้
มิใช่นิติกรรมอะรัยที่เขียน แต่นี่เพียงเพียงปรารภ


เหมือนสูตรที่ว่า
คนโดนข้อหานั้นยังบริสุทธื์ก่อนศาลตัดสิน
แม้จะถูกควบคุมตัวนอนตะรางลองเสิร์ฟๆมุ้งลวดดูแล้วดูแล้ว
รู้ตัวตัวแล้ว

ว่านี่นี่นะ
สัญญาประชาคม

นี่น่ะกติกาของสังคมและกฎหมาย
ที่เราเคยทราบมามันเป็นดังนี้
รู้มันสักนิดดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
เอาละเท่านี้พอจุดนี้ผมไม่อยากไปยาวเพราะเรื่องนี้มากนัก
แม้ผมเคยเรียนกฏหมายและนิติปรัชญามาบ้าง
ถ้าไม่แม่นอนอย่าไปพูดเรื่องกฎหมายและศาล
เป็นสิ่งต้องห้ามเว้นแต่เรารู้แน่นๆว่า
มันคืออะไรกันแน่เหมือนดั่งที่ทนายและกฏหมายเป็น

แต่ที่รู้แน่คือ
ทำความผิดแล้วบอกว่าไม่รู้ไม่ได้
คือต้องรับผิดตามที่ทำ


เมื่อมา

ลองดูผมต่างจากเพื่อนนิดเดียว
เพื่อนเกิดมามีพี่น้องหลายยคนส่วนมาก
มีมรดกเหมือนกัน
ผมเกิดมาเป็นลูกคนเดียว
ไม่มีใครข้องเกี่ยว
ญาติแต่เป็นลบเพราะไม่ค่อยได้เจอและ
ทำความเข้าใจเหมือนคนอื่นเป็น
ผมได้มรดกได้บ้านสามหลังมีที่ดิน
ติดรอขายยังชีพบางส่วน

แต่หมายเหตุผมไม่ได้รับเเงินมากพอ
ผมจึงไม่มีเงิน
จึงต้องใช้เงินเท่าที่มรดกมีอยู่ให้หมดไป
ตามสภาพอย่างสุขุม
ตามระเบียบเพื่อหายใจได้คล่องจมูก
ได้ทำอะไรบ้างที่แม่สั่งเอาไว้


ผมตอนนี้แก่แล้ว
ผมพยามเป็นคนให้ดีที่สุด
ไม่ฝืนตัวเอง
แล้วอย่างงัย


ก็ผมไม่เหมือนเพื่อน
คือจะดีกว่าเพื่อนก็ไม่
ใช่จะแย่กว่าเพื่อนก็ไม่เชิง

ผมมีดีนิดนึงพยามยามใช้ชีวิตจน
ได้ปริญญาสองใบ
ช่วงพรัดพรากจากครอบครัว
และอันนี้คือสิ่งที่
ผมคิดว่าดีกว่าเพื่อน
ในสมัยประชาบาล


แม้ในสมัยมัธยมชุดเริ่ม6-3-2
เป็นหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
ผมมีเพื่อนเขามีดีกรีสูงกว่าผม เรียนเก่งได้ทุน
เป็นได้ถึงอธิบดี
บางรายรวยขั้นมากในระดับพื้นที่บ้าง
แต่คนละจัวหวัดเกิดกับผม

และอีกหลายรายการเพื่อนชิดชนิดเรียนช่วง
หลักสูตรพิเศษ
มีเพื่อนเป็นอะไรอีกมากมายเช่นเป็นท่านฑูตในต่างประเทศ
...
และอีกมากผมคิดได้จะบอกในประเทศและต่างประเทศ


แต่ตอนนี้ผมถือว่าทุกคนเป็นเพื่อน
คนเก็บขยะคนขอทานก็เป็นเพื่อนผมได้
เมื่อเขาไม่ได้หยิบอะไรผมไปโดยไม่ขออนุญาตและเป็นมนุษย์

เมื่อคืนผมรดน้ำต้นไม้ให้แม่
ตอนหัวค่ำเพราะเมื่อวานแดดร้อน
ผมใช้เครื่องนิรภัยตลอดเวลา
ถ้าไม่ใช้มันงูยุงกระจกกระเบื้องจะ
มาคุยกับผมในฐานะแขกไม่ได้รับเชิญ
และตัวคนเดียวอันตราย


ถามว่าน่ากลัวมั้ย
ผมตอบว่าไม่น่ากลัว
คิอเรื่องของลัทธิธรรมชาติและความน่าจะเป็น
และกฏธรรมชาติ
ผมมีความทระนงในตนเองอย่างนี้
เป็นกระต่ายขาเดียว
ได้แนวคิดนี้มาสมัยไปอยู่อังกฤษ
เพราะที่นั่นมีคนมีลักษณะเดียวกับผมมากเท่า
ที่ผมประสบมา
และเขาอยู่กันได้
อันนี้เป็นสิทธิของมนุษยชาติมิใช่สิทธิของมนุษยชน
ที่ผมเชื่อ
แต่ว่าสำหรับผม
มันโอเค คือไม่ไปเดือนร้อนคนอื่นและรัฐถะ
เป็นใช้ได้


แก้คำผิด  อุปการะคุณเป็นอุปการคุณ
ทรนงแก้เป็นทระนง

เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้ว
เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายประจำวัน
ผมจึงมาก
ผมไม่ล้มละลายแน่นอน
เพราะผมรู้ว่าใช้อะไรทำอะไรได้อย่างไรเสียอย่างไร
อะไรขาดให้เติมอะไรพร่องให้หยอด
อะไรเกินให้ลด
ตามที่พ่อสั่งมา
ตามสูตรพ่อหลักมีว่า
"ที่ไม่ทำแล้วมีกินช่วยบอกให้พ่อรู้จะตามไปอยู่ด้วย"
อ้าวแล้วทำไมพ่อไม่รวย "ผมถาม"
พ่อตอบว่า"พ่อวาสนาไม่มี"



เมื่อที่บ้านอานองเตมีสิ่งที่ผมทำ
รดน้ำบ้าง
หายใจกลางอากาศสดๆบ้าง
เดินไปเดินมาแต่ละวันด้วยบูท
กันไว้เอย่าให้โดนหัวงูบ้าง
เพราะรกหญ้าและรกดิน


อย่างไม่เสียเวลาเปล่าบ้าง
การหมั่นปลูกหมั่นชำ
สิ่งที่ผมทำเหล่านี้
มันต้องงอกงามเหมือนดอกเบี้ย


ถ้าผมคิดซื้อหุ้น
สมองมันไม่ไหวเท่าความงามของพืชภักษาหาร
ที่โดนน้ำด้วยแรงของผมเสียแล้ว
ที่เคยมีอย่างต่อเนื่องทุกวัน

ถ้าอย่างนั้น
เชื่อว่าสูตรนี้
ของผม
เผ่ากิยองตินคงไม่มากวนผมอีก
และผมมีหน้าตาพอที่จะไปสืบค้นญาติ
และแสวหาญาติที่ถูกทอดทิ้งมานานได้แน่นอน

ไม่้ใช่ไปขึ้นบ้านที่คาดว่าญาติกันที่ทอดทิ้งกันมานาน
เขาโทรเรียกตำรวจ
อันนี้เลิกกันครับ
ผมว่า

เหมือนที่บ้านอานองเตนี้


ผมคงรอดจนกว่าวันนั้นจะมาถึง
ได้ไปเยี่ยมแม่และพ่อในสถานที่
ที่ท่านอาจจมีอยู่หลังความตายก็ได้
ถ้าท่านมิได้ไปนิพพานจริง
อย่างที่ผมคิด
หรือ
ไปผมจะไปเกิดที่ไหนอีก
หลังการตายสมบูรณ์ของผม
ที่ผมไม่ทราบ

แต่เชื่อว่า
ความดีที่คิดมีค่าที่จะเรียกว่าผมมี
หรือว่ามีคุณธรรมที่ผมสร้างและ
พยายามที่คิดว่าใช้ได้ตามที่เรียนมา
และทรงมันไว้

มันต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่งสำหรับผม
หลังผมตาย


ผมคิดว่า

เหมือนคนที่ขยันทำงาน
และมีดี
ใครๆก็ตามที่ทำอย่างนี้คือขยัยนมีดี
เขาต้องรวยในไม่ช้า
และเขาไม่ติดคุกแน่นอน
ด้วยปรัชญานี้
ตามสูตรที่ว่าคนดีไม่ติดคุก
คนขยันทำงานต้องได้เงินเป็นสิ่งตอบแทน
แน่นอน


และผมเชื่อว่าการสืบค้นญาติของผมต้องลงตัวแน่นอน
ถ้าผมยังทำอยู่อย่างต่อเนื่องและมีระเบียบอย่างนี้

ดูแล้วจะทำอะไรสักอย่างเหมือนกับการทำระเบียบวิธีวิจัย
ของนักเรียนดุษฎีนิพนธ์
ในมหาลัยอะไรอย่างนั้น

ผมว่าไม่ใช่
แต่มันอาจจะเป็นสิ่งที่เดียวกัน

คือมันเป็นการเขียนหนังสือเหมือนกันละใช่

เดี๋ยวนี้ตพอกดเล่นกดคอมๆ ติด
เนต ๆหยุด
เดี่ยว
ไฟกระตุกไฟกระชาก
ปัญหาร้อยแปด
แล้วอย่างนี้เราจะเป็นคนมนุษย์กับเขาได้อย่างไร
คิดท้ออย่างนี้ไม่ถูกนักผมว่า

มันไม่ใช่สิ่งที่เดียวกัน
ผมคิดว่าจะคิดอย่างนั้นไม่ถูกนัก

อันนี้
ที่จริงมันขึ้นอยู่กับความโง่ และปัญญา
ของมนุษย์มากกว่าหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น
ๆการแก้ตัวโน่นๆนี่ๆ
มันไม่ถืกนักแล
ผมว่า

จึงจือหยาง


Smiley



Create Date : 12 มิถุนายน 2560
Last Update : 18 กันยายน 2560 21:50:01 น.
Counter : 684 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends