เมื่อลงจากเครื่องที่สนามบินของเวียนนา สนามบินเล็ก ๆ เงียบ ๆ ตอนนั้นคงมีแค่เครื่องเราเครื่องเดียวที่มาลง อิฉันผ่าน ต.ม.ไปอย่างรวดเร็ว โดย ต.ม.ไม่ถามอะไรซักกะคำ คงจะเห็นว่าปูนนี้แล้วคงไม่สามารถมาขายอะไรใด ๆ ได้อีกละมัง
แถว ๆ สายพานรับกระเป๋าจะมีเครื่องขายตั๋วรถไฟเข้าเมือง แต่อาเฮียแก conservative จัด แกต้องการจะคุยกับมนุษย์ จึงบอกว่า โฮ้ยย ที่ขายเยอะแยะ เดี๋ยวเราไปซื้อใกล้ ๆ สถานีเลยก็ได้
การเข้าเมืองนี่ จริง ๆ อาเฮียแกหาข้อมูลไว้แล้วล่ะ ว่าเราจะเข้าโดย CAT (City Airport Trian) ซึ่งสะดวกสบายดีมาก ราคา 21 ยูโรหรือ 800 กว่าบาทหน่อย ๆ สำหรับตั๋วไปกลับ ดังนั้น เมื่อซื้อแล้วตั๋วใบนี้ก็เก็บไว้ดี ๆ นะฮะ
เมื่อเฮียหมางเมิน ไม่ซื้อตั๋วที่ตู้ เราก็เดินออกมาจนเกือบถึงสถานี เจอบู้ท CAT เป็นสีเขียวแหร่มโดดเด่นมาก มีสาวหน้าบูดใส่เสื้อสีเดียวกับบู้ทนั่งอยู่ในบู้ท อาเฮียก็รีบพุ่งเข้าไปหาและอยากจะซื้อตั๋วจากนาง แต่นางก็โบ้ยให้อาเฮียไปซื้อตั๋วจากตู้อัตโนมัติที่ด้านหน้าบู้ทนั่นเอง 
พวกเราเหวอกันเล็กน้อย First Impression คือ Customer service คนออสเตรียนี่ใกล้เคียงกับคนเชคเลยทีเดียว
ซื้อเองก็ได้ (วะ) 
ตั๋วใบนี้จะพาเราเข้าเมืองโดยใช้เวลาแค่ 15 นาที รถมาบ๊อยบ่อย จำไม่ได้ว่าบ่อยขนาดไหน แต่น่าจะถี่ประมาณทุกครึ่งชั่วโมง เดินลากกระเป๋ามา มีป้ายโชว์แผนที่สวยงามของเวียนนา บอกว่า CAT จะพาเราจากสนามบินไปยังสถานี Landstrasse หรือเรียกอีกอย่างว่าสถานี Wien Mitte (ไม่รู้ว่าพี่จะมีหลายชื่อไปทำม๊ายยย)
Wien Mitte นี่เป็นสถานีใหญ่ยอดฮิตอันดับสองของเวียนนา ซึ่งมันสามารถต่อไปยังเมืองโน้นนี้นั้นได้มากมาย และยังอยู่ใกล้กับที่เที่ยวหลัก ๆ ในตัวเมืองด้วย
และอีกประการหนึ่ง คือชื่อ Wien หรือ Vienna เนี่ย มันมีแต่คนไทยเรียกเวียนนารึเปล่าหว่า อาเฮียแกเรียกเวียน พวกคนญี่ปุ่นที่ทำงานอิฉันมันก็ไม่รู้จักเวียนนา มันเรียกเวียน และชื่อเรียกในเวียนนาเองก็มักจะเขียนว่า Wien น่าจะเป็นภาษาเยอรมันล่ะมั้ง
มาขึ้นรถละ
ที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบายสะอาดกริ๊บตามประสารถไฟยุโรป มีปลั๊กให้ชาร์จโทรศัพท์ มี WIFI ให้ด้วย
นั่งแอ๊คถ่ายรูปเล่นไปตลอดทาง 
CAT พาเรามาที่สถานี Wien Mitte ตามที่บอกไปข้างบน ว่า Wien Mitte เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่อันดับสอง และใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากมาย แต่พวกเราเลือกที่จะไปอยู่ใกล้สถานีรถไฟอีกที่นึงที่ใหญ่เป็นอันดับสาม คือสถานี West Bahnhof ซึ่งที่นี่ก็สามารถขึ้นรถไฟไปซาลสบวกได้ด้วย เราเลือกที่พักที่ห่างจากสถานี Zieglerg (ในวงแดงๆ ตามรูปล่าง) ไปแค่ 5 นาที
ทำไมน่ะรึ อิฉันว่าที่อาเฮียผู้รอบรู้ของอิฉันเลือกที่พักแถวนี้เพราะ West Bahnhof อยู่ใกล้ถนน mariahilferstrasse ซึ่งเป็นถนนช็อปปิ้งสายย๊าววววววที่คน local เค้ามาช็อปกัน ของจะไม่แพงหูตูบเหมือนแถว ๆ ที่นักท่องเที่ยวเยอะ ๆ และร้านอาหารร้านกาแฟมากมาย รวมทั้งยังมีร้านอาหารจีนอาหารอินเดียให้เลือกสรร และ West Bahnhof ยังเป็นสถานีที่ขึ้นรถไฟไปสถานที่ ๆ เราอยากไปได้เยอะแยะมากมาย อาเฮียมักจะรอบคอบเสมอ 
พอกลับมาถามอาเฮีย ว่าเหตุผลเป็นงี้ป่าว เฮียบอกป่าว เฮียแค่ชอบที่พักแล้วมันดันอยู่แถวนี้เอง 
จาก Wien Mitte ต้องขึ้นรถไฟสายสีส้มมาอีก 4 สถานีก็จะถึง Zieglerg ที่พวกเราต้องลง
อันนี้เป็นแผนที่สายรถไฟในเวียนนา
เมื่อพวกเรามาถึงสถานีรถไฟ Wien Mitte มันเป็นเวลาเช้าตรู่ยังไม่เคารพธงชาติกันเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าพวกเรายังเข้า Check in ที่พักไม่ได้ ประกอบกับกระเป๋าที่หอบกันมาเป็นผีบ้า เราจึงต้องหาล็อคเกอร์ที่สถานีนี้นี่แหละ แล้วหาโน่นนี่ทำ เช่น ซื้อซิม ซื้อตั๋วรถไฟรายสัปดาห์ และเมียงมองหาลู่ทางเดินเที่ยว จนกว่าจะถึงเวลาเช็คอินตอนบ่ายสาม
เดินวนจงกรมหาล็อคเกอร์อยู่นาน แม่มไปหลบอยู่หลังเสาแถมป้ายก็ไม่มี สุดท้ายก็หาได้ เช้า ๆ อย่างงี้มีช่องว่างให้เลือกได้ตามสบาย
ได้ตั๋วล็อคเกอร์มา 3.5 ยูโร เก็บไว้ดี ๆ นะคระ บาร์โค้ดอันนี้เป็นกุญแจต้องใช้เวลาเปิดตู้ด้วย
ถัดไปก็ไปถอยตั๋วรถไฟมาพกไว้ให้อุ่นใจ อันนี้ซื้อจากตู้เช่นกัน มาเวียนนา หากเลือกซื้ออะไรจากตู้ได้ให้เลือกซื้อจากตู้เถิดจิบอกให้ คนที่นั่งตามตู้บริการต่าง ๆ เช่นตู้ขายตั๋ว หรือแม้แต่ information ต่าง ๆ หลาย ๆคน จะหน้าตรูดและปากคอเราะรายพูดจาโหดเหี้ยมเหมือนคนคุมเรือนจำ อิฉันก็ได้แต่สงสัยว่าแปล๊กแปลกนะคะ คนที่อยู่ประเทศที่สวยงามมาก ๆ ดนตรีเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก อย่างเชค หรือออสเตรีย ทำไมถึงเป็นอย่างงี้
อันนี้เป็นตู้ซื้อตั๋ว ดูง่าย ๆ เลือกได้ว่าเอาแบบกี่วัน 24 ชม. 48 ชม. หรือ 72 ชม.
ได้แบบ 72 ชม. (3 วัน) มาในราคาคนละ 17.10 ยูโร ใช้ได้ไม่จำกัด เนื่องจาก พวกเรามาที่นี่ 11 วัน จึงแบ่งซื้อเป็นล็อต ๆ ไป รอบนี้ 3 วัน เว้นวรรคเพื่อไปเที่ยวนอกเวียนนาซะหน่อย แล้วค่อยกลับมาซื้ออีกใบเป็นแบบ 7 วัน เมื่อคิดคำนวณแล้ว ค่าเดินทางในเวียนนานี้ไม่แพงเลย สมกับเป็นประเทศที่สวัสดิการดีเลิศ ค่าเดินทางสาธารณะบริการดีตรงเวลาสะอาดและราคาถูก คนที่อาศัยที่นี่เค้าซื้อกันเป็นตั๋วปี 300 กว่ายูโร ตกวันละ 1 ยูโรเท่านั้น ไปไหนมาไหนได้สบาย
เรื่องสวัสดิการของชาวออสเตรียนี่น่าสนใจ ช่วงที่พวกเรามา ได้นั่งคุยกับเพื่อนของอาเฮียคนนึงที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ จึงได้ข้อมูลมาบ้าง ไว้อิฉันจะเม้าท์ให้ฟังบล็อกหน้าๆ แล้วกันนะคะ เดี๋ยวหมดเรื่องโม้ซะก่อน 
ซิมโทรศัพท์ ซื้อของเจ้านี้ ที่สถานี Wien Mitte นี่แหละ ไวปรู๊ดปร๊าดครอบคลุมทุกเมืองเลย
เมื่อได้ทิ้งสมบัติในล็อคเกอร์ และได้ช็อปข้าวของที่จำเป็นกับชีิวิตประจำวันเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกแรดได้เพื่อฆ่าเวลาก่อนเช็คอินเข้าบ้าน
ถามทางคนแถวนั้น ว่าจะเดินเข้าเมืองกันทางไหน เมื่อออกจากสถานี เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมือง โดยผ่านไปทางแม่น้ำ Wienfluss ระหว่างทางเจอสวนสวยขนาดใหญ่ Stadtpark ซึ่งมันถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยแม่น้ำ มันเป็นสวนสวยที่เปิดมานานโข ตั้งแต่ปี 1862 เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของเวียนนา ในสวนจะมีรูปปั้นคนมีชื่อเสียงเยอะเลย ส่วนใหญ่อิฉันจะไม่รู้จัก ที่ได้ยินชื่อมาบ้างเช่น Johann Strauss หรือ Schubert ก็อยู่ที่นี่ ส่วนคนอื่นไม่ได้ยินชื่อซักกะติ๊ด 
ข้ามสะพานเล็ก ๆ มา แถวนี้มี Taxi stand ด้วยนะคะ เรียกแท็กซี่ได้จากแถวนี้
ข้ามสะพานมีพี่โน้สอุดมอยู่ตามหัวสะพานด้วยย
เริ่มหน้าบลอสซั่มแล้ว พวกเชอรี่บลอสซั่มออกดอกกันเต็มต้นสวยมั่ก ๆ
คนนี้ไม่รู้จัก เห็นว่าเป็นนายกเทศมนตรีของเวียนนาสมัยก่อน
แค่มีรูปปั้นเขียว ๆ (ของใครก็ไม่รู้) กับต้นไม้เมืองหนาวก็ได้บรรยากาศแบบเวียนน๊าเวียนนา
เพิ่มเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ยังไม่แตกเยอะเท่าไหร่ ก็จะเจอแบบโกร๋น ๆ ซะเยอะ แต่ที่นี่เค้ามีม้านั่งให้นั่งเยอะแยะเต็มสวนเลย
ดอกไม้สวย
ข้างหลังอาเฮียคือ รูปปั้น Schubert นักประพันธ์เพลงคลาสสิคที่มีชื่อเสียง
ส่วนนี่คือโยฮัน สเตร๊าท์ (Johann Strauss) นักประพันธ์เพลงเช่นกัน
มีคนมาแสดงความชื่นชมด้วย ตาคนนี้ยืนอยู่นานมาก ไม่รู้เป็นลูกหลาน Johann Strauss หรือเปล่า อิฉันเดินเล่นจนรอบสวน จนเดินกลับยังเห็นพี่เค้ายืนอยู่ท่าเดิมเลย
The Kursalon เป็นอาคาร Spa ที่คนมาใช้น้ำแร่สปารักษาโรคในสมัยนู้นนนน ปี คศ. 18xx ตอนนี้เปลี่ยนไปจัดงานอีเว้นท์ต่าง ๆ คอนเสริ์ตมั่ง งานบอลล์มั่ง
ที่อิฉันสนใจเป็นนาฬิกาดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้า สวยงามน่ารักมากๆ
เดินผ่านตู้หนังสือข้างถนน อันนี้เป็นไอเดียที่ดีจัง ใครมีหนังสือที่ไม่อ่านแล้วก็เอามาไว้แบ่งปันให้คนอื่นมาหยิบไปอ่านบ้าง ทำที่เมืองไทย คงจะโดนขนไปชั่งกิโลขายเรียบ
น่าจะถึงเวลากาแฟแล้ว เราเริ่มเดินหาคาเฟ่น่านั่ง เจอร้านนึง เห็นออร่าของความสีชมพูโผล่ออกมา ร้าน Aida ร้านนี้เห็นมีหลายสาขา เก่าแก่มาก อายุของร้าน Original น่าจะ 100-200 ปี ตกแต่งร้านออกแนวเรโทรสีชมพูมาเชียว
เค้กน่ารักมาก
แอปเปิ้ลสตรูเดิ้ลน่าโดน
มาแล้วค่ะ กาแฟคาปูของอาเฮีย และ Melange ของอิฉัน
Melange เป็นกาแฟคล้ายคาปูแต่จะโปะครีมมาด้วย Melange เป็นกาแฟยอดฮิตของเวียนนา คล้าย ๆ กับไปนิวซีแลนด์จะต้องไปกิน Flatted White นั่นแหละ
และการเสริฟกาแฟของที่นี่จะเสริฟพร้อมน้ำเปล่า ที่พวกเราจะซดน้ำเปล่าล้างปากกัน แต่เพิ่งมาทราบก่อนกลับไม่นานว่าตามธรรมเนียมแล้ว แก้วน้ำนี่เค้าเอาไว้แช่ช้อนคนกาแฟ หลังจากที่เอาช้อนมาคนกาแฟ ฟองก็จะฟ่อดติดช้อน หากเอาวางบนถาดหรือบนโต๊ะมันก็จะดูไม่ค่อยงามใช่มั้ยคะ ชาวเมืองที่เค้ามีความละเมียดละมัย เค้าก็เอาแก้วน้ำมาให้แช่ช้อนกัน แต่คนกินก็มักจะกินกันไปซะจนเท่าที่อิฉันสังเกตก็ไม่เห็นมีใครเอาช้อนแช่กันเลยซักกะคน ธรรมเนียมคงจะหายไปหมดละ
วัฒนธรรมการกินกาแฟของเวียนนาอีกอย่างคือ เค้าจะสั่งมาแก้วนึงแล้วจะนั่งนานขนาดไหนก็ได้ ไม่มีใครมาไล่มาสนใจ บางคนแทบจะมาลงหลักปักฐานกันในร้านกาแฟเลยทีเดียว
ร้านแถวนั้นร้านขนมเรียงรายหลายร้าน ช็อคโกแลตเพียบ
เดินมาเรื่อย ๆ แบบไม่มีแบบแผนนัก โดยเดินตามนักท่องเที่ยวอื่น ๆ และใช้เซนส์ของ Tourist เดินดุ่ย ๆ มาจนมาเจอวิหาร St.Stephan
St.Stephan's Cathedral เป็นวิหารโคตะระเก่าแก่ของเวียนนา สร้างเสร็จในปี 1160 มาจนบัดนี้ก็เกือบเก้าร้อยปีเข้าไปแล้ว 
ถ้าเทียบกับเมืองไทยสมัยนั้นก็ยังไม่เก่าไปถึงยุคบ้านเชียงหรอก แต่ก็เก่าแก่ไปสมัยละโว้ทวารวดีกันเลยทีเดียว น่าเสียดายที่ของ ๆ เราไม่มีอะไรเหลือมาให้ศึกษาเหมือนของฝรั่งเขา
หากใครอยากรู้เพิ่มเติมขอให้พุ่งตรงไปหาพี่วิกิเลยฮะ https://en.wikipedia.org/wiki/St._Stephen%27s_Cathedral,_Vienna
สวยอลังการดีอยู่หรอก แต่นักท่องเที่ยวเยอะมากกกกกกก
เราคิดสะระตะกันแล้วว่านี่มันเพิ่งวันแรกนะ ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ เดี๋ยวเรามาเก็บตกที่นี่วันหลัง ๆ ดีกว่า
เดินต่อ
มันสวยทุกมุมจริงๆ นะนี่ แต่อิฉันว่าอาคารพวกนี้ของพวกยุโรป ข้างในจะงามหยดกว่าข้างนอกซะอีก ต่างจากของไทยที่มักจะงามกันด้านนอกมากกว่า
ร้านกาแฟใต้วิหารก็มา
แหล่งช็อปปิ้งแถวนี้เพียบ มีทุกแบรนด์ทุกยี่ห้อ
มีรถม้าด้วย
เดินดูวิหาร อิ่มอกอิ่มใจ แต่ท้องเริ่มหิว สายตาป๊ะเข้ากะไส้กรอกพอดี ใครไม่รู้บอกไว้ว่ามาเวียนนาต้องกินไส้กรอกปิ้งข้างถนน
มาเรียงกันเต็มกระทะ มีหลากหลายรสชาติ
คนขายดุชิหัย หน้าหงิกพอๆ กะคนเชค
ไอ้ขาว ๆ นั่น ทีแรกนึกว่าชีส ดีใจได้มาขยุ้มเบ้อเร่อ ปรากฎว่าเป็นผักดอง ไม่เป็นไรกินกับไส้กรอกอร่อยเหมือนกัน ตัดเลี่ยนได้ดี
เดินต่อย่อยไส้กรอก
วันเวลาเวลาท่องเที่ยวช่างยาวนาน เราเดินกันจนขาลากแล้วก็ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินเข้าห้อง เราจึงตัดสินใจไปเดินเล่นต่อแถว ๆ ที่พัก เพื่อที่จะได้รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน การเดินหลงหาที่พักพร้อมกับลากกระเป๋าไปด้วยคงจะไม่น่าสนุกเท่าไหร่
จนไปเจอละ สรุปได้ว่าไกลม่วกๆๆ จากสถานีรถไฟค่ะ ถ้าต้องลากกระเป๋าหนัก ๆ มาด้วยน่ะนะ และ 3 สถานีรถไฟที่ว่านั่นจาก Wien Mitte รถไฟแน่นสุด ๆ การพยามยัดกระเป๋าขึ้นเบียดมากะคนท้องถิ่นตั้งกะวันแรกที่มานี่ ไม่น่าไหวเนอะ
เราจึงตกลงว่า งั้นเดี๋ยวมาแท็กซี่ละกัน
หลังจากนั้น เลยแวะหาขนมกินเล่นกันก่อนไปเอากระเป๋ากัน
มาที่นี่ Cafe Westend อยู่ไม่ไกลจากที่พักเรา ร้านอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ West Bahnhof ที่เลือกเข้าที่นี่เพราะมันดูสวยแบบเก่าแก่วินเทจเป็นร้านกาแฟแบบเวียนนีส มันต้องมีอะไรดี ๆ แน่ ๆ
เข้าไปเจอพนักงานเสริฟแก่ ๆ หน้าเป็นตรูด อ้ะ ไม่เป็นไร คงเหนื่อยมั้ง เราหาที่นั่งเองก็ได้ นั่งมองร้าน ถ่ายรูปโน่นนี่นั่น สวยแบบเก่าแก่ดี อิฉันสั่งไอติมโยเกิร์ตมา เป็นไอติมโปะมาบนโยเกิร์ตเหลว ๆ และมีเวเฟอร์มาให้จิ้มกิน
ขนมงั้น ๆ แต่บริการเข้าขั้นเลวร้าย ให้คะแนน 2/10
คะแนน 2 มาจากการที่อุตส่าห์เดินมาเสริฟละกัน 
นอกนั้นเข้าขั้นแย่หมดเลย พอเรามาดูรีวิวของชาวบ้านใน Trip Adviser ที่นี่คะแนนต่ำสุด ๆ 2.7/5 ไม่เคยเจอร้านไหนคะแนนย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน ใครไปแถวนี้อย่างหลงเข้าไปแล้วกันนะคะ
มีคนบอกว่า อารมณ์พนักงานเสริฟประเทศนี้จะเป็นอย่างนี้แหละ เค้าว่าเป็น "Rough Charm - เสน่ห์แบบแข็ง ๆ" ที่เป็น Character ของพนักงานเสริฟประเทศนี้จะแข็ง ๆ ไม่ง้อไม่คะขาไม่สนใจ แต่เท่าที่อ่านรีวิวอีร้านนี้ รู้สึกจะไม่ใช่ Rough Charm น่ะ เหมือนจะเป็นการบริการแบบเลวร้าย และมีจงใจโกงนักท่องเที่ยวด้วย เพราะมีคนบอกเค้าเอาพวกเพรซเวล ขนมปัง มายองเนสมาวางบนโต๊ะ แล้วถ้าใครเผลอกิน เพราะนึกว่าเอามาบริการ ก็จะถูกคิดเงินแบบแพง ๆ ทั้งค่าขนมปัง มายองเนส ซอสมะเขือเทศด้วย ตอนของอิฉันซึ่งสั่งแค่ไอติม มันก็ดันเอาตะกร้าขนมปังมาเสริฟเหมือนกัน ดีนะที่พวกเราไม่ได้แตะอะไรเพราะโคดอิ่ม
ยิ้มหวานเพราะไม่รู้ว่ามานั่งร้านที่เป็น Tourist trap
นั่งรถไฟกลับมาหอบกระเป๋าที่ Wien Mitte แล้วขึ้นรถแท็กซี่มาที่พัก จ่ายไป 25 ยูโร (รวมทิป) เกือบพันบาท ทั้งที่เมื่อขึ้นรถไฟมาแค่ 3 สถานีเท่านั้น อันนี้เกิดจากแท็กซี่ต้องวิ่งอ้อมกันอุตลุต เพราะรถวิ่งเป็นระบบ One way ทุกถนน ทำให้ต้องอ้อมไปอ้อมมาเยอะเลย
มาถึงที่พักจนได้ 
เข้าตึกมา หาลิฟท์ไม่เจอ
ดูประตูลิฟท์เค้าสิคะ ตรูจะหาเจอม้ายยย
เป็นอาคารเก่าแก่ ชั้นล่างมีก็อกน้ำอยู่กลางอาคารด้วยแปลกดี
เจ้าของบอกให้เรากดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 2
ลิฟท์ขึ้นเลขชั้น 2 แต่จริง ๆ อยู่ชั้น 4 เพราะมีชั้น M ขั้น D อะไรอยู่ข้างล่างอีก จะทำอะไรตรง ๆ ให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ได้ไงฟระ
อันนี้ถึงชั้น 2 (หรือ 4) ละ อันนี้เป็นโถงหน้าห้อง
ราวบันไดเก่าแก่ สวยยย
นี่เข้ามาในห้องละ ที่พักเป็น airbnb เป็นแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น มีครัว ห้องอาบน้ำและห้องน้ำแยก
ที่นี่มีผ้าขนหนูให้หลายผืน แต่อุปกรณ์อาบน้ำและของจุ๊กจิ๊ก เช่น กระดาษเช็ดหน้า สำลี แชมพู คอนดิชันเนอร์ไม่มีให้
ไม่มีแอร์ มีแต่ฮีทเตอร์ ดังนั้น หากร้อนกรุณาใช้พัดลม
Bad คือ bathroom ห้องอาบน้ำนะครัช ประตูถัดไปจะเป็นครัว
ห้องครัวมีอุปกรณ์ครบครัน มีกาแฟไฮโซให้ฟรี 2 อัน ถ้าอยากกินเพิ่มคิดอันละยูโร
ที่พักช่างดีงาม เงียบสงบสะอาดและห้องกว้างขวางดี
จบวันแรกในเวียนนาได้อย่างเหนื่อยอ่อนเต็มที ไม่ค่อยประทับใจกับการบริการของคนเวียนนาซักเท่าไหร่ ลองดูซิว่าต่อไปจะเป็นยังไง
เสียจุยยย เลยงอนเลิกล้มเขียนบล็อกไปคลุมโปงนอน 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [