Bloggang.com : marzo : Black Forest Trip : เดินเล่นเ ชมปราสาทที่ เมืองไฮเดลเบิร์ก / Heidelberg

Black Forest Trip : เดินเล่นเ ชมปราสาทที่ เมืองไฮเดลเบิร์ก / Heidelberg - เยอรมันนี ( Germany )

1 ทริปนี้คือจะไปเที่ยวที่ป่าดำคะ (Black Forest)... ออกเดินทางตั้งแต่ตีสาม ผ่านสวิส เราเลือกพักที่เมือง Karisruhe...ไปถึงฝนก็ตกๆๆๆๆ เราเลยไม่ได้เดินดูเมืองนี้ที่พักสักเท่าไหร่

วันที่สอง ไปเที่ยวที่ Heidelberg พอถึง ก็จอดรถไว้ที่จอดรถใต้ดิน สวยหรูดูดีและเสียตังค์ วันนี้อากาศดี มีแดด และเย็น มีเรือให้นั่งชมแม่น้ำด้วย แต่พวกเราไม่มีโอกาสเลยคะ น่าเสียดายจริงๆ ทำไม๊ทำไมถึงไม่จองห้องพักที่เมืองนี้นะ...เฮ้ย

3 เข้าไปเดินในเมืองกัน ร้านอาหารนี้หน้าตาแปลกดีคะ อยู่ตรงหน้าประตูข้ามสะพานเลย เราเล็งๆไว้ทานอาหารเย็นกันที่นี่ นั่งดูสะพานไปด้วย.....

4 เจอร้านนี้น่ารัก กรี๊ดกราดจะเข้าไปซื้อเชอรี่ซะหน่อย เจออารมณ์คนขาย ไม่ซื้อดีกว่า.... ข้างๆ เชอรี่คือหน่อไม้ฝรั่งสีขาว ซื่งขึ้นชื่อแถวๆนี้คะ ถนนสายหน่อไม้ฝรั่งสีขาวเหมือนถนนสายโรแมนติก

6 ร้านนี้เป็นร้านที่เราชอบที่สุดในเมืองนี้คะ มีบ้านนกเยอะเลย....เหมือนป่่าน้อยกลางเมืองใหญ่

7 คนขายอยู่ไหนไม่รู้ ตั้งไว้แบบไม่กลัวหาย

8 นั่งดื่มชมวิวในร้านเก๋ๆ ดูคนเดินไปเดินมา ภาพนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะเพื่อนเราเค้าแยกทางกันแล้ว เหลือแต่ภาพแห่งความทรงจำครั้งเก่าจริงๆ

9 มีร้านน่านั่ง กิ๊บเก๋ไม่ซ้ำกันเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลย

10 เดินขึ้นปราสาท เดินประมาณ 15 นาที แบบเดินหยุด เดินหยุด เหนื่อยคะ หายใจทางเหงือก จะดูอะไรสวยๆ ต้องลงแรง จริงๆเค้าก็เครื่องทุ่นแรงจ่ายตังค์ขึ้นมาคะ แต่เสียงข้างมากจะเดินฮะนะ -*-

11 เดินต่อถึงห้องไวร์ เห็นถังนี้ เพื่อเรารีบเอาปากไปลองใต้ก๊อก เดินเข้าไปด้านในสุดเจอแท้งไวร์ที่ใหญ่มาก สูงประมาณตึกสองชั้นได้ ถ่ายรูปไม่ติด เพราะห้องมืดมาก ( The famous Great Tun (1751) with a capacity exceeding 220,000 liters )

12 ออกมาจากห้องไวร์ เป็นบริเวณลานกว้าง มีตึกล้อมรอบ มี Apotheken-Museum เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับยา มีหลายอย่างน่าสนใจคะ เสียดายที่เค้าไม่ให้ถ่ายรูป รูปสุดท้ายคือThe early Baroque Frederick Building was completed in 1607 ด้านหลังตึกนี้แหละที่เป็นทางเดินไปห้องบ่มไวน์

13 เดินออกมาจะเจอสวน เห็นคู่บ่าวสาวมาถ่ายรูปแต่งงานกัน

16 วิวที่มองลงมาด้านล่าง

17 เดินลงมาด้านล่าง พวกเราตั้งใจจะหาอะไรหม่ำกันที่เมืองนี้ แต่ยังไม่ถึงเวลาร้านอาหารเปิด เลยไปเดินเล่นตรงสะพาน แล้วข้ามไปอีกฝั่ง เดินชมวิว

18 มองไปที่ตัวปราสาท เวลาเย็นถ่ายรูปแล้วไม่ย้อนแสง

19 เดินลงไปใต้สะพาน เค้าทำเป็นทางเดินกว้างพอสมควร มีคนมาวิ่งออกกำลังการ จูงน้องหมด วาดรูปสีน้ำ

20 พวกเราปีนเขาฝั่งตรงข้ามเมือง ไม่ได้ไปถึงยอด เพราะเวลาไม่มากพอ มาถึงจุดพักที่สอง นั่งเล่นกัน มองลงไปเห็นวิวเมือง รู้สึกว่าตัวเองมีความสุข ^^

21 เรานั่งร้านอาหารที่ตรงประตูนี้แหละคะ

22 ดอกไม้บนโต๊ะ

23 ราคาพอรับได้ คิดซะว่าค่าอาหารบวกกับค่าวิวสวยๆ นานๆทีให้อะไรกับชีวิต

24 ทริปนี้ อีกอย่างที่ตั้งใจไว้ คือหน่อไม้ฝรั่งสีขาว พวกเราเลยอยากลองแบบต้นตำหรับ ราคา แพงจริงๆเล้ย ตอนแรกจะสั่งคนละจาน แต่ด้วยราคา เราเลยลดเหลือ สองคนจานกับเมนูหน่อไม้ฝรั่งสีขาว

หน่อไม้ฝรั่งกับมันฝรั่ง 16.90 ยูโร เพิ่มเนื้อปลาซาลมอนจ่ายเพิ่มอีก 8.90 ยูโร (ซิบๆ)

จานนี้ของคู่เพื่อนเรา หน่อไม้ฝรั่งสีขาวบวกกับมันฝรั่ง 16.90 ยูโร เพิ่มสเต็กเนื้อ 10.90 ยูโร(ซิปๆ)

ส่วนของเรา และเพื่อนอีกคน สั่งเหมือนกัน 5.90 ยูโร ไส้กรอกเค็มๆ กับผักดองเปรี้ยวๆ อร่อยดี เคยทานจานนี้หลายที่ หลายครั้ง แต่ที่นี่อร่อยสุด เพราะผักไม่เปรี้ยวมาก ไส้กรอกกลิ่นไม่แรงเหมือนที่เคยทานผ่านๆมา จานนี้ถ้ามีข้ามหอมมะลิร้อนๆ จะดีมากเลยคะ