เมื่อพูดถึงนิราศ เราก็จะนึกถึงเรื่องราวของการเดินทาง โดยส่วนใหญ่แล้ว ชื่อเรื่องของนิราศก็จะบ่งบอกถึงจุดหมายปลายทางของการเดินทางนั้น ๆ "เจ้าจันท์ผมหอม" เล่มนี้ก็เช่นเดียวกัน บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางเพื่อไปสักการะพระธาตุอินทร์แขวน ของเจ้าหญิงล้านนาองค์หนึ่ง "เจ้าจันทะแก้วยื่นฟ้า"...เจ้านางผู้แสนงาม..." งามนักงามหนาเหมือนเทวดาแต่งปั้น"เธอเดินทางไปบูชาพระธาตุอินทร์แขวนซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิด** (อันที่จริง เจ้าจันท์นั้นเกิดปีเส็ด (ปีจอ) พระธาตุประจำปีเกิดของเธอได้แก่พระธาตุมหาจุฬามณี อันสถิตย์อยู่บนสวรรค์ คนธรรดามิอาจเดินทางไปบูชาได้ จึงต้องยึดเอาพระธาตุอินทร์แขวน ในเมืองพม่าเป็นที่สักการะบูชาแทน) ด้วยความศรัทธาและตั้งใจว่าจะตัดผมหอมที่เลี้ยงมาถึงห้าปีบูชาพระธาตุ ตามตำนานที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่าผู้ใดที่ปูผมลอดพระธาตุได้ จะสมหวังดังใจปรารถนาในทุกประการ....สำหรับเจ้าจันท์แล้ว เธอกำลังต้องการให้ความปรารถนาของเธอนั้นเป็นจริงได้อย่างเหลือเกินด้วยความปรารถนาของเธอนั้นก็คือ การได้ครองคู่อยู่กินกับยอดดวงใจของเธอ "เจ้าพี่หล้าอินทะ" เจ้าชายดีชายงาม...ผู้เก่งในเรื่องบทกวีแสนหวาน...ไม่ใช่กับ "พ่อเลี้ยง" ชายชาติสามัญ ชาว "ปะหล่องต่องสู่" ผู้เปรียบเสมือนเป็นยักษ์เป็นมารสำหรับเธอ...หากเป็นผู้ที่เจ้าพ่อเจ้าแม่มุ่งหมายจะยกเจ้านางน้อยให้กับเขาเจ้าจันท์เดินทางไปพร้อมกับบริวารและ "พ่อเลี้ยง" ผู้ให้สัจจะมั่นกับเธอว่า...หากเธอสามารถปูผมหอมลอดพระธาตุได้...เขาจะยินดีหลีกทางให้เธอได้แต่งงานกับเจ้าหล้าอินทะ...มาช่วยกันลุ้นดีกว่าค่ะ...ว่าเจ้าจันท์จะปูผมหอมลอดพระธาตุ สมดังความตั้งใจอันแรงกล้าของเธอได้หรือไม่คำโปรยปกหลัง(ส่วนหนึ่งจากคำนำผู้เขียน) :ผู้เขียนอยากเขียนถึงผู้หญิงในประวัติศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเจ้าหญิงเจ้านางของแคว้นเล็ก ๆ เราอ่านประวัติศาสตร์เรารับรู้แต่เพียงพฤติกรรมไม่กี่ตัวอักษรของผู้หญิงเหล่านี้เราไม่มีทางจะทราบความรู้สึกนึกคิดของเขาเลยเพราะบันทึกประวัติศาสตร์ไม่เขียนถึงผู้เขียนจึงจับจุดนี้มาเสกสรรปั้นแต่งเอาตามแรงจินตนาการเฉพาะตนโดยผนวกความเชื่อเรื่องบุญญาภินิหารของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สังคมยุคโน้นยึดถือเข้าไปด้วยส่วนตัวชอบนวนิยายเรื่องนี้มาก ๆ อ่านแล้วอ่านอีกหลายสิบเที่ยว...หนังสือหายไปหลายครั้งก็ต้องเพียรหาซื้อเล่มใหม่มาแทนที่ชอบการดำเนินเรื่อง...โดยเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงชั่วเวลาระหว่างการเดินทาง แต่ได้บอกเล่าถึงอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเจ้าจันท์ ที่ทั้งรักทั้งชัง ทั้งสับสนและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายและสำนวนภาษา ที่ท่านผู้ประพันธ์ใช้ก็แสนวิจิตรบรรจง สอดแทรกบทกวีล้านนาอันอ่อนหวานอลังการมาก...ถูกใจคนชอบบทกวีอย่างจขบ.เป็นที่สุดตลอดถึงตัวละครในเรื่อง... ทั้งเจ้าจันท์และพ่อเลี้ยง "ปะหล่องต่องสู่" ก็มีบทบาทที่มีพัฒนาการในด้านความคิด ความรู้สึกไปตามเนื้อหา ทำให้ผู้อ่านค่อย ๆ ทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กับเรื่องราวที่ดำเนินไปเจ้าจันท์เอง...ก็ค่อย ๆ เรียนรู้จิตใจตัวเอง และมองเห็นถึงน้ำจิตน้ำใจที่แท้ของพ่อเลี้ยงไปพร้อม ๆ กับผู้อ่าน...ชอบมาก ๆ อยู่ตอนหนึ่ง...เมื่อเจ้าจันท์ได้เข้าใกล้พระธาตุ แล้วเห็นว่า...องค์พระธาตุไม่ได้งดงามอย่างที่เธอวาดหวังจินตนาการไว้......"...องค์พระธาตุก็เล็กน้อยนัก บ่สมฝีมือพระอินทร์เจ้าฟ้า ก่อเสริมอยู่เหนือหินสูงสักสองวาเท่านั้น อิฐปูนกะเทาะแตก ยอดฉัตรปลายแฉกก็เศร้าหมอง บ่เหมือนดั่งทองต้องแดดตามที่ได้เห็น ช่อธงหักเหี้ยน กาฝากและรากไม้ก็เจาะไชจนฐานพระธาตุปริร้าว..."เธอได้เอ่ยปรารภความผิดหวังนี้กับพ่อเลี้ยง...แล้วพ่อเลี้ยงก็ตอบเธอว่า..."ข้าว่า เป็นด้วยฝุ่นฝ้าหมอกแดดต้องกัน อย่างหนึ่งข้าว่าเป็นด้วยการก่อสร้างถูกที่ถูกทางสร้างภาพลวงตา นายช่างชำนาญการชาญฉลาด เขารู้จักเอาที่ทาง เอาฝุ่นฝ้าไอดิน เอาแดดเอาแสงมาผสมปลูกปั้น มองไกลมันจึงงาม งามเหมือนแขวนห้อยลอยฟ้า เข้าใกล้ถนัดตา อันที่ลวงตากลายหายก็เลยบ่งาม ข้าเข้าใจอย่างนี้เจ้าจันท์ ".อ่านแล้ว...ประทับใจในตัว "ปะหล่องต่องสู่" ผู้นี้จริง ๆ เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่...ชวนอ่านอย่างแรงค่ะ
ยุ่งเช้าค่ะ ว่างแล้ว เมื่อวานยุ่งเกือบสลบค่ะ...
แต่คิดถึง คุณแม่ไก่ค่ะ
เมื่อวานมีได้รับหนังสือจากคุณพี่หนอนเมืองกรุง
แต่เป็นหนังสือของคุณโดมวุฒิชัยค่ะ
อ่านแล้วมีหลายอย่างที่ทำให้คิดถึงคุณแม่ไก่...เกี่ยวกันมั้ย
เอาเป็นว่าเกี่ยวเยอะเพราะอยากเล่าให้ฟังค่ะ