|
แห่งการงานอันเบิกบาน: Skillful Means ตาร์ถัง ตุลกู (Tarthang Tulku)/ เขียน โสรีช์ โพธิแก้ว / แปล สนพ.ข้าวฟ่าง / พิมพ์
เป็นสื่อที่จะนำเราไปสู่ความสุขในการทำงาน เป็นพลังการสร้างสรรค์งานอย่างมีสาระและสวยงาม
ต่อเนื่องจากเล่มก่อนหน้านี้... ขออนุญาตหยิบหนังสือที่ว่าด้วยญาณทัศนะ จากดินแดนหลังคาโลกมาบอกเล่า อีกหนึ่งเล่ม
มิใช่เป็นการวิพากษ์ วิจารณ์ เพียงอ่านแล้วรู้สึกดี... จึงนำบางบทบางตอนมาบอกต่อ
จากบทนำ:
ธรรมชาติของมนุษย์ คือ การมีชีวิตอย่างเป็นสุขและอิ่มเอิบ งานให้โอกาสแก่เราได้ประจักษ์ในความสุขนี้โดยการพัฒนาคุณภาพของธรรมชาติอันแท้จริงของเรา งานจะเป็นการแสดงออกอันราบรื่นและกลมกลืนของความแท้จริงของตัวเรา ตลอดจนเป็นวิธีการสร้างความกลมกลืนและความสมดุลภายในตัวเราและระหว่างเรากับโลก
ในการทำงานเรานำพลังงานของเราให้เป็นคุณประโยชน์ต่อกระแสชีวิต เรานำร่างกายของเรา การหายใจและจิตใจของเราผลิตการกระทำที่สร้างสรรค์ในความสร้างสรรค์ของเรา เราเติมชีวิตของเราให้เต็มและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่บุคคลอื่นมามีส่วนร่วมด้วยความสุข...
เราควรจะตระหนักถึงความสำคัญของงานที่มีต่อชีวิต เรารู้ว่างานสามารถนำเอาทุกส่วนของชีวิตของเราทั้งทางจิตใจทั้งทางความคิดและทั้งความรู้สึกต่าง ๆ มาใช้อย่างเต็มที่ แต่ความกลมกลืนกับงานอย่างลึกซึ้งเช่นนี้เป็นไปได้อย่างยากเหลือเกินในสังคมที่ซับซ้อนเช่นปัจจุบัน เราปราศจากความรู้ในวิธีการที่จะนำความสามารถต่าง ๆ มาใช้เพื่อนำเราไปสู่ชีวิตที่มีประโยชน์และมีความหมาย
ในอดีต การศึกษามีบทบาทสำคัญมากในการถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นในการผสมผสานการเรียนรู้ส่วนบุคคลและประสบการณ์ที่เขาได้รับ เพื่อหล่อหลอมให้ธรรมชาติภายในได้แสดงออกมาในทางที่เหมาะสม ในปัจจุบันความรู้ชนิดนี้ไม่ได้รับการถ่ายทอดมาอีกแล้ว ดังนั้นความเข้าใจในเรื่องงานและสาระของงานจึงคับแคบและตื้นเขิน ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ค่อยได้สัมผัสกับความสุขอันลึกซึ้งซึ่งเกิดจากการทำงานอันแนบเนียนและชำนาญด้วยชีวิตจิตใจของเราทั้งหมด...
..........................
ชีวิตให้คุณค่าและความหมายเมื่อเราอยู่กับกระแสชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่เรากลับลดคุณค่าและคุณภาพของความเป็นมนุษย์ อันได้แก่ สัจจะแห่งตน ความซื่อสัตย์ ความเชื่อถือตนเอง ความเป็นเจ้าของชีวิตตนเอง และการร่วมมือกับผู้อื่นซึ่งงอกงามอยู่โดยธรรมชาติ โดยการไม่กลมกลืนตนเองอย่างเต็มที่กับงานและชีวิต หากชีวิตเราปราศจากการนำทางโดยคุณค่าต่าง ๆ เหล่านี้ เราจะไม่มั่นคง จะหวั่นไหวและเกิดความไม่เป็นสุขต่าง ๆ เมื่อเราปราศจากความรู้ที่จะนำให้เราเกิดความดื่มด่ำในการงาน เราก็จะไม่พบหนทางใด ๆ อีกเลยในการแสวงหาคุณค่าอันลึกซึ้งของชีวิต
.............................
สิ่งนี้มีความหมายว่าเราต้องเต็มใจที่จะรู้จักกับงานอย่างเปิดใจกว้าง รู้จักพิจารณาอย่างซื่อสัตย์ในความเข้มแข็งและ ความอ่อนแอของเรา และยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้มีค่ามากขึ้น หากเราทุ่มเทกำลังอย่างแท้จริง พัฒนาทัศนะต่อการงาน พัฒนาสิ่งที่มีค่าอย่างแท้จริงในตนเอง
เราจะทำให้ชีวิตเป็นสุขอย่างแท้จริง ความชำนาญต่าง ๆ ที่เราเรียนรู้ในขณะทำงานจะกระตุ้นให้เกิดความงอกงามและนำทางให้เกิดความสุขความพอใจและความหมายในชีวิตทุก ๆ ขณะจิตทั้งของตนเองและผู้อื่น
การทำงานเช่นนี้เป็นการทำงานอย่างคล่องแคล่วและเบิกบาน
ขอให้ทำงานทุกชนิด ด้วยดวงจิตที่เบิกบานทุก ๆ ท่านนะคะ
| |
ด้วยเมตตาและความรักค่ะ