'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
"ผมจะเป็นคนดี ภาค ไฟฝัน...วันเยาว์" ฉบับสมบูรณ์ : วิกรม กรมดิษฐ์





"ผมจะเป็นคนดี"
ภาค ไฟฝัน...วันเยาว์ ฉบับสมบูรณ์:วิกรม กรมดิษฐ์
ผู้เรียบเรียง : ประภัสสร เสวิกุล
สำนักพิมพ์ : มูลนิธิอมตะ พฤศจิกายน 2550






รายละเอียด :

เรื่องราวชีวิตในวัยเด็ก ทั้งชีวิต ความคิด
และความฝัน ซึ่งหล่อหลอมให้คนๆ หนึ่ง
ก้าวผ่านอดีตมาถึงปัจจุบันได้อย่างไร แต่
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือคนๆ นั้นมุ่งมั่นที่จะเป็น
คนดี และทำความดี ผลพวงจากการกระทำ
ความดีส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จมา
ได้จนทุกวันนี้ แต่ระหว่างทางเขาก็ต้องพบ
กับอุปสรรค ความผิดพลาด บทเรียนต่างๆ
นานา และสิ่งเหล่านั้นคุณจะพบในเล่ม...



เพื่อนรักคนหนึ่งส่งหนังสือเล่มนี้มาให้...เป็นหนังสือรูปเล่มกะทัดรัด
สามารถถือติดมือไปนั่งอ่านตรงนั้นตรงนี้ได้...
พออ่านบทเกริ่นนำ อันเป็นประหนึ่งบทเปิดตัวเจ้าของชีวประวัติเล่มนี้...
ก็ทำให้ติดหนึบ เหมือนอ่านนิยายชีวิตที่โลดโผนเล่มหนึ่งทีเดียว


"...ภายในใจผมเร่าร้อนเหมือนไฟลน ดวงตาที่เพ่งฝ่ากระจกหน้ารถพร่าพรายด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสะเทือนใจและอารมณ์เคียดแค้นที่พรั่งพรูออกมา...ผมปรายตาผ่านกระจกมองหลังไปที่เบาะหลัง กระเป๋าเครื่องกีฬาใบยาวที่ผมเพิ่งโยนใส่ไว้อย่างเร่งรีบยังคงวางอยู่ที่เดิม แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่าสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้นหาใช่อุปกรณ์กีฬาที่จะสร้างคนให้เป็นคนไม่ แต่กลับเป็นปืนลูกซองหนึ่งกระบอกและปืนพกอีกสองกระบอก พร้อมด้วยลูกกระสุนเต็มอัตราศึก ซึ่งพร้อมจะทำลายชีวิตคนคนหนึ่งให้ด่าวดิ้นลงไปต่อหน้า...คนคนนั้นเป็นคนคนเดียวกับคนที่เพิ่งลั่นกระสุนใส่ศีรษะน้องชายผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง...

และคนคนนั้นคือ คนที่ได้ชื่อว่าพ่อ...พ่อแท้ ๆ ของผมและน้อง ๆ ..."






ประวัติ วิกรม กรมดิษฐ์ (จากหน้าปกใน)

เกิดเมื่อวันอังคารที่ 17 มี.ค. 2496 เวลา 24.00 น. จ.กาญจนบุรี
บรรพบุรุษสืบเชื้อสายจากชาวจีนแคะ ซึ่งอพยพมาจากเมืองจีน เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในชุมชนท่าเรือเมื่อ 150 ปีกว่ามาแล้ว
เป็นบุตรชายคนโตของตระกูล มีน้องมารดาเดียวกันและต่างมารดารวม 23 คน จบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์เครื่องกล จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน
มีความสนใจการค้าตั้งแต่ยังเล็กโดยรับช่วงต่อกิจการร้านถั่วคั่วจากป้าขณะเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จนเมื่อเรียนจบปริญญาตรี กลับมาเปิดบริษัท วี แอนด์ เค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจนำเข้า – ส่งออก เมื่อ พ.ศ. 2518
ต่อมาหันมาบุกเบิกธุรกิจทางด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม 3 แห่งในประเทศไทย และอีก 2 แห่งในประเทศเวียดนาม ก่อให้เกิดมูลค่าการผลิตเกือบ 700,000 ล้านบาท และมีประชากรเกือบ 200,000 คน
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ
ตลอดจนสนใจการเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป






เมื่อประมาณหนึ่งถึงสองเดือนก่อน ได้ดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง สัมภาษณ์ครอบครัวใหญ่มากครอบครัวหนึ่ง
โดยมีพี่ชายใหญ่ของครอบครัวนี้เป็นศูนย์กลางของความสนใจ อันนำมาซึ่งการสัมภาษณ์นั้น นั่นคือครอบครัวของคุณวิกรม กรมดิษฐ์...พี่ชายที่แสนดีที่มีน้องทั้งจากมารดาเดียวกันและต่างมารดาถึง ๒๓ คน !

จากรายการโทรทัศน์ ผู้ชมจะได้เห็นถึงความรักใคร่กลมเกลียวและผูกพันระหว่างพี่น้อง ซึ่งนับวันจะหายากและห่างหายไปทุกทีจากสังคมปัจจุบัน
ด้วยครอบครัวไทยในสมัยนี้ได้ลดขนาดลงจนภาพของครอบครัวใหญ่ขนาดนั้นกลายเป็นประหนึ่งฉากหลังของนิยายย้อนยุค ที่คนดูอาจจะเพียงมองด้วยความทึ่งและพิศวง...

แต่นั่นก็เป็นเพียวส่วนเสี้ยวเดียวของนิยายชีวิตของผู้ชายคนนี้ ซึ่งจุดประกายความสนใจให้ติดตามความเป็นไปของเขา...ด้วยรู้สึกว่า...ผู้ชายคนนี้...ไม่ธรรมดา
เมื่อปรารภความรู้สึกนี้ให้เพื่อนรักฟัง...จึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ที่ถูกส่งมาถึงมือ หลังถ้อยปรารภนั้นไม่ถึงเดือน...





จากบทเกริ่นนำอันน่าตื่นเต้นเร้าใจข้างบนนั้น เจ้าของประวัติก็ได้เล่าย้อนถึงความเป็นมาของครอบครัวนับแต่บรรพบุรุษคือปู่ทวดย่าทวดที่อพยพเข้ามาเมืองไทยในรุ่นแรก ๆ โน่นทีเดียว...
มีสาระที่น่าสนใจที่แทรกมาในช่วงนี้คือเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยครอบครัวของเขามาตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี อันเป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในยุคนั้น...

จนมาถึงช่วงชีวิตในวัยเด็ก...วัยหนุ่ม...วัยที่ล้มลุกคลุกคลานกับความขัดแย้งในครอบครัว ควมอัปยศอดสู ความยากลำบากในการประคองชีวิตที่ขับคลอด้วยบทเพลงแห่งความปวดร้าวขมขื่น...นั่นคือเสียงทะเลาะเบาะแว้งของพ่อกับแม่...
แต่เขาก็นำพาชีวิตให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตินั้นมาได้...อย่างทุลักทุเลและเจ็บปวด

"...แม้ว่าแต่ละคนต่างมีอนุทินชีวิตของตนเอง แต่คงไม่มีใครอยากจะเปิดมันให้คนอื่นได้อ่าน เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างที่ว่าแล้ว
บางเรื่องยังเป็นเสมือนบาดแผลที่บาดลึกและฝังแน่นอย่างยากที่จะลืม
อยู่ในจิตใจของเจ้าของอนุทิน
แต่หากเราคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
สามารถที่จะเป็นบทเรียนแก่คนอื่น ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังเดินตามมาข้างหลัง ให้ได้เห็นถึงความผิดพลาด ความล้มเหลว ความเจ็บปวด ที่เราพบพาน หรือเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ
ทั้งที่เราได้พบเจอหรือเราได้ทำไป
ก็น่าจะมีส่วนช่วยให้ผู้มาทีหลังไม่ต้องก้าวซ้ำลงไปในปลักตมหรือหลุมบ่อที่เราเคยก้าวพลาดมาก่อน
และยังอาจช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นได้เดินบนเส้นทางสู่อนาคตที่ราบเรียบและในทิศทางที่ถูกต้อง...
และที่สำคัญ จะได้ไม่ต้องกลายเป็นภาระให้กับสังคม..."






อ่านหนังสือเล่มนี้จบลง...ด้วยความรู้สึก...บอกได้ยาก...
ส่วนหนึ่ง...แน่ล่ะ ชื่นชมความกล้าหาญของเจ้าของอนุทินชีวิตที่กล้าเปิดเปลือยตนเอง...อุทิศ "ตัวตน" ของตนเองเป็นบทเรียนให้กับผู้อื่น...ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ประการหนึ่งของเจ้าของประวัติชีวิตเล่มนี้

หาก...อีกส่วนเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกลึก ๆ ...
เมื่ออ่านผ่านถ้อยคำรำพัน เหมือนจะตัดพ้อต่อว่า...ประกอบกับคำบรรยายถึงพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อ
ก็จะบังเกิดความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจความคับแค้นของเจ้าของเรื่อง ในฐานะผู้ถูกกระทำ...แล้วก็เผลอนึกตำหนิติเตียน...จนถึงขั้นพลอยชิงชังรังเกียจผู้กระทำนั้น ๆ ตามไปด้วยโดยไม่รู้สึกตัว...

ความรู้สึกเล็ก ๆ ลึก ๆ ต่อหนังสือเล่มนี้ จึงเป็นเหมือนปลายเข็มเล่มเล็ก ๆ
ที่สะกิดสะเกาให้ระคายอยู่ในใจว่า...

การบอกเล่า "ความไม่ดี" ของบุพการี ต่อสาธารณชนเช่นนี้...
แม้จะยึดความสัตย์จริงเป็นหลักก็ตามที...สมควรหรือไม่ เพียงไร...?

ก็แค่ความรู้สึกลึก ๆ เล็ก ๆ ของคนเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ที่เคยบอกตัวเอง(ไว้เช่นกัน)ตั้งแต่เยาว์วัยว่า... "ฉันจะเป็นคนดี"...
โดยที่ไม่เคยคิดว่าจะนำเรื่องราวส่วนตัวทั้งของตนเองและคนรอบข้างมาบอกเล่ากล่าวขานแก่ผู้อื่น...
อาจจะเป็นเพราะฉันไม่กล้าพอ ... ?













Create Date : 07 มิถุนายน 2551
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 14:08:39 น. 17 comments
Counter : 3390 Pageviews.

 
เล่มนี้โผล่มาแซงคิวหนังสือหลาย ๆ เล่มที่กองอยู่...
เพราะกลัวจะลืมความรู้สึกหลังอ่านน่ะค่ะ ต้องรีวิวทันทีที่อ่านจบ

จขบ. "งานเข้า" อีกแล้ว คงต้องพักรีวิวไปสองสามวันนะคะ

สวัสดีและขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาทักทายไว้ตรงนี้เสียเลย แหะ ๆ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:9:00:28 น.  

 
สวัสดีวันเสาร์เจ้าปี้แม่ไก่

ปรกติไม่ค่อยสนใจอ่านหนังสือชีวประวัติบุคคลซะเท่าไหร่
แต่เล่มนี้น้องตาบอดขอให้ช่วยอ่านให้ฟัง
จึงอ่านเข้าใจไปในตัว

หลังจากนั้นไม่นาน มีโอกาสขึ้นไปที่มูลนิธิอมตะ และพบคุณวิกรม ในงานหนึ่งซึ่งเครือข่ายนักเขียนจัดขึ้น
โดยได้รับความอนุเคราะห์สถานที่จากคุณวิกรมเอง

ผู้ชายคนนี้เก่ง
ผู้ชายคนนี้ฉลาด
แต่อะไรก็ไม่เท่า...ผู้ชายคนนี้ทำให้เราเห็นว่าเขาดีเพียงใด


โดย: นกที่ไม่มีเสียง วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:10:45:20 น.  

 
ชีวิตคุณวิกรม เล่มนี้ มีคนแนะนำให้อ่านเหมือนกันล่ะ
ท่าทางจะสนุกนะคะ
เราเคยอ่านแต่บทสัมภาษณ์ ชอบวิธีคิดของเค้านะ
....ต้องพูดประโยคเดิมอีกแล้ว "จดไว้ก่อน ว่าจะหามาอ่าน"

ช่วงนี้คุณแม่ไก่ รีวิวถี่มากกกกกก
ตามอ่านไม่ทันเลย


โดย: นัทธ์ วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:11:25:25 น.  

 
น่าอ่านมากเลยค่ะ
เห็นสำนวนกับเรื่องย่อแล้ว
ต้องไปหามาอ่านแน่ๆ
ของคุณคุณแม่ไก่นะคะที่แนะนำหนังสือน่าอ่านแบบนี้
ปล.แอบคิดเหมือนคุณแม่ไก่ว่าเราก้อคงไม่กล้าพอเหมือนกัน


โดย: ohioh วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:12:44:06 น.  

 
เล่มนี้อ่านแล้วค่ะพี่แม่ไก่

ได้อ่านโดยไม่ได้ตั้งตัว
เหตุเนื่องจากพี่สาวข้างบ้านได้ยินอ้อนคุยเรื่อง "นิ้วกลม" กับพี่นิด
เธอก็บอกว่า พี่มีเล่มนึงเอามาให้อ่านเห็นว่าชอบ

เป็นหนังสือเล่มนี้ของ "วิกรม"

ก็เลยนั่งอ่านจนจบ(ฮา)


โดย: BeCoffee วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:12:44:40 น.  

 
หวัดดีเจ้า มาเยี่ยมแม่ไก่ทีไร บ่เกยได้อ่านหนังสือตี้แม่ไก่เอามาหื้อผ่อสักเตื่อ แต่คุ้นจื่อคนเขียนเจ้า สบายก่อเจ้า


โดย: ammataya วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:13:10:18 น.  

 
เล่มนี้เพื่อนยืมไปยังไม่ส่งคืนเลย


โดย: larnkawee วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:13:28:46 น.  

 
เล่มนี้ยังไม่เคยอ่านค่ะ แต่เคยอ่านสัมภาษณ์คุณวิกรมตามนิตยสารต่างๆมาเยอะเหมือนกัน


โดย: BoOKend วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:13:44:08 น.  

 
น่าอ่านนะค่ะ
ต้องไปหามาอ่านแล้วค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:20:18:05 น.  

 


เงียบจ้อยไปเลย
ปิดประตูห้องอ่านอย่างเดียวเลยเหรอ
เรื่องของคุณวิกรมยังไม่เคยอ่าน
แต่สิบทะเลเอาไปอ่านบันทึกเสียงให้ห้องสมุดคนตาบอดแล้ว


ตั้งใจจะชวนไปนั่งพักบ้านป้า
ไปฟังนิทานเรื่อง นกกางเขนกันค่ะ

เรื่องนี้เคยเป็นหนังสือเรียนของคนที่ ณ วันนี้อายุควรจะ 55 อัพ
เป็นนิทานที่เอามาปัดฝุ่นจัดทำใหม่ ใส่ภาพเคลื่อนไหว ใส่เสียง
เด็กฟังได้ ผู้ใหญ่ดูดี

และดูแล้วคิดเห็นอย่างไรอยากให้บอกเล่ากันบ้าง



โดย: ยายกุ๊กไก่ วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:14:59:06 น.  

 
ต้องบอกเหมือนเดิมค่ะ..จดรายชื่อไว้อีกแล้ว
เคยเห็นสัมภาษณ์ทางทีวี..จากรายการของคุณจักรภพค่ะ
ไม่เคยรู้จักคนคนนี้มาก่อนเลย
แต่ดูแล้ว..ชอบแนวความคิด
และการดำเนินชีวิตอะไรหลายๆอย่าง

นั่นสินะคะ..อ่านย่อหน้าสุดท้ายของพี่แม่ไก่
ความดีความเลว..ของคนในครอบครัว
เชื่อว่า...อาจมีบางคน น่าจะมีบ้าง
ที่อึดอัด..คับแค้นใจ..อยู่ที่ว่า
เรากล้าเอามันมาตีแผ่ต่อสังคมหรือไม่

บางที..ความกล้า ก็เป็นดาบสองคมนะ..แจงว่า


โดย: nikanda วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:15:40:16 น.  

 
เป็นหนึ่งในนักธุรกิจไม่กี่คนที่น่านับถือในแง่คิดและวัตรปฏิบัติ


โดย: นายแจม วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:17:51:28 น.  

 
แต่กลับเป็นปืนลูกซองหนึ่งกระบอกและปืนพกอีกสองกระบอก พร้อมด้วยลูกกระสุนเต็มอัตราศึก ซึ่งพร้อมจะทำลายชีวิตคนคนหนึ่งให้ด่าวดิ้นลงไปต่อหน้า...คนคนนั้นเป็นคนคนเดียวกับคนที่เพิ่งลั่นกระสุนใส่ศีรษะน้องชายผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง...

และคนคนนั้นคือ คนที่ได้ชื่อว่าพ่อ...พ่อแท้ ๆ ของผมและน้อง ๆ ..."


(รู้สึก)เคยเห็นหนังสือเล่มนี้ผ่านตา

แต่ไม่เคยอ่าน...

พอเห็นรีวิวแม่ไก่

เลยต้องอ่านแน่นอน

ขอบคุณแม่ไก่

Ps . a lot of work equal + money ...




โดย: treehouse วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:13:04:04 น.  

 
ชอบเล่มนี้ของคุณวิกรมตรงที่ "ตรง" ดีค่ะ ส่วนไหนดีก็ดี เลวก็เลว หุๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:14:58:43 น.  

 
หวัดดีค่า..
คิดถึงจังค่ะ สบายดีนะคะ
ช่วงนี้งานเยอะเหมือนกันค่ะ
ดูแลสุขภาพเน้อ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:16:05:29 น.  

 
ไม่ค่อยชอบอ่านแนวนี้ค่ะ


โดย: หมูย้อมสี วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:14:45:52 น.  

 
อ่านรีวิวแล้วอยากไปซื้อมาอ่านเลยค่ะ
^ ^


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:11:12:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.