มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
Life in USA-16 เรียน-สอบ-ขับขี่ ที่เมืองไทย... ยาก หรือง่ายกว่าอเมริกา

Life in USA-16 เรียน-สอบ-ขับขี่ ที่เมืองไทย... ยากหรือง่ายกว่าอเมริกา

 สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกท่าน

ก่อนอื่นมาดามต้องขอเจาะเวลาหาอดีตกลับไปปี 2538 ซะก่อน เพราะในปีนั้นมาดามสอบขอใบขับขี่ครั้งในชีวิตตอนอายุอานามปาไป 35 ขวบ...เริ่มต้นโดยการเสียทรัพย์ให้โรงเรียนสอนขับรถไปสองแห่งสิริรวม 1,800 บาท ไม่น่าจำไม่ผิดนะ....สำนักแรก ผู้สอนเป็นพวกพูดน้อย ต่อยน้อย มันพามาดามไปตรงที่ว่าง ๆ แถว ๆ ถนนศรีนครินเข้าซอยไปข้างใน ถ้าจะคะเนนาทีนี้ ตรงนั้นน่าจะเป็นหมู่บ้านเอกไพลินนี่แหละ ตอนนั้นพื้นที่เหมือนเตรียมจะสร้างอาคารบ้านเรือนมีการจัดสรรเป็นล็อคๆ เทถนนคอนกรีตรอไว้ก่อน..หลังจากแนะนำว่า เบรก ครัช คันเร่ง อยู่ตรงไหนเสร็จมันก็ปล่อยให้มาดามเป็นศิลปินเดี่ยว ขับวนเวียนอยู่ในนั้น ส่วนตัวมันเองก็ไปนอนเอกเขนกรอระฆังหมดยก...(นึก ๆ แล้วเหมือนเช่ารถมันไปขับไงงั้น)...นักเรียนใหม่อย่างมาดามก็ต้องขับ ๆ ๆ ขับไปตรง ๆ พอหมดทางไปก็ต้องเลี้ยว วนเวียนไปมา เดินหน้า ถอยหลัง ด้วยความเร็ว 20 กม/ชม. ก็พอเริ่มชิน ๆ กับพวงมาลัย ครัช เบรกคันเร่งบ้าง......

พอใกล้หมดเวลามันก็มาเรียกให้หยุดแล้วก็ขึ้นมานั่งบอกให้มาดามขับออกไป...มาดามเป็นพวกว่านอนสอนง่ายก็ทำตามมันบอก คิดว่ามันจะมาสอนอย่างอื่น...ที่ไหนได้ขับมาจนถึงปากซอยจะออกถนนศรีนครินทร์ เห็นรถราวิ่งขวักไขว่ มาดามก็หันมองหน้ามันคิดว่าเดี๋ยวมันคงให้หยุดแล้วเปลี่ยนมาขับเอง...แต่มันกลับพูดว่า“เลี้ยวเลย ซ้ายออกไปเลย” โอ้วพระเจ้าจอร์จ! เอ็งไม่กลัวหายนะเลยรึนี่...เอาก็เอาวะ...คิดจบมาดามก็ออกตัวแบบสั่น ๆ เข้าไปอยู่ในเลนซ้ายสุดไม่พอ มันสั่งอีก “เตรียมกลับรถข้างหน้า”...เอ๊า!หนักเข้าไปอีก...ต้องเปลี่ยนเลนจากซ้ายไปกลาง แล้วก็ออกไปที่ขวาสุดโน่น ถ้าขืนช้ามีหวังเลยที่กลับรถแน่ จำใจทำใจกล้าหน้าด้านพาตัวเองไปขวาสุดได้ทันกาลพอดี แล้วไปตั้งท่ากลับรถ...ตรงนี้ยิ่งน่าวิตกมากกว่าอีกเพราะไอ้รถราที่แล่นฉิ้ว ๆ ผ่านหน้าไปนั่นไม่มีทีท่าว่าจะขาดตอนพอให้เสียบเข้าเลนได้ง่าย ๆ...รอ ๆ ๆ จนกระทั่งได้ทีก็เสยหัวรถเข้าเลนขวาสุดไป...หัวอกหัวใจเต้นตูมตามอย่างช่วยไม่ได้ ยังไม่พอมันสั่งอีกให้ปาดไปทางเลนซ้ายเพราะว่าสำนักงานมันอยู่ฝั่งนั้น...เอ้า ปาดก็ปาดวะ เป็นไรเป็นกัน....โอยถึงแล้ว...โดยสวัสดิภาพ...พร้อมกับ ความเข็ดหลาบ...มาดามไม่กลับไปเรียนกับสำนักนี้อีกเลย....

Mitsubishi GLXi 1.5 คู่บารมี คันนี้แหละที่นำพามาดามฟรายไปทำงานในหลาย ๆจังหวัด เริ่มจาก สมุทรปราการ ปราจีนบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา กรุงเทพฯ 

ราชบุรี สมุทรสาครปิดท้ายที่ ชลบุรี...สิริรวม 7 ย่านน้ำ ภาพนี้ถ่ายปี 2014 แวะตากอากาศริมทะเลบ่ายช่วงแก่ ๆ ขากลับออกจากโรงงานที่ชลบุรี

.....หลังจากวันนั้นก็เว้นวรรคเรื่องหัดขับรถประมาณหนึ่งอาทิตย์ และเวลาที่จะรับรถป้ายแดงก็ใกล้เข้ามาเต็มแก่ แต่มาดามก็ยังขับไม่เป็นเลยจริงๆ ควานหาความเชื่อมั่นในตัวเองยังไม่เจอ จะขับบนถนนคนเดียวได้อ๊ะป่าว?...มันต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยอีกหน่อย! คิดได้ดังนั้นก็ตัดสินใจมองหาที่เสียทรัพย์อีกครั้ง เจอที่นึงเป็นชมรม ราคาไม่แพงโน่นเลยฝั่งธนฯ ดาวคะนอง......สำนักนี้มีที่ทางสำหรับหัดขับค่อนข้างดีกว่าที่แรกคนสอนก็สอนจริง นั่งอยู่ในรถกับเราตลอด แนะนี่นั่นไปจนหมดคอร์ส...พอหมดเวลาเขาก็ให้มาดามขับออกมาบนถนนธนบุรี-ปากท่อเพื่อกลับสำนักงาน....รอบนี้มาดามรู้สึกมีความมั่นใจขึ้นมามากโขขับแบบไม่กดดันสั่นคลอนไรเลย...แล้วก็คิดว่าน่าจะพอ

....ลำดับถัดไปก็ต้องไปสอบเอาใบขับขี่ใช่ป่ะ มาดามก็ไปคนเดียว เริ่มจากสอบข้อเขียนก่อน โดยที่ไม่รู้หรอกว่าข้อสอบมันจะมาแนวไหน แต่ที่รู้จริง ๆ คือเรื่องสัญลักษณ์จราจร ก็จากแผ่นพับที่คนสอนขับรถแจกให้นั่นแหละ...แล้วก็สอบผ่านง่ายๆ ไม่มีไรน่าระทึก จำไม่ได้ว่าข้อสอบมีกี่ข้อ มาดามใช้เวลาแป๊บเดียวก็ออกมา...มารู้ทีหลังว่ามีคนสอบตกหลายคนเหลือรอดมาที่ด่านสอบขับฯ แค่ไม่กี่คนเอง....แต่ละคนต้องเสียทรัพย์ให้ที่นี่ไป 105 บาทไม่แน่ใจว่าค่าธรรมเนียมสอบข้อเขียนหรือว่าค่าเช่ารถสำหรับสอบ หรืออาจทั้งสองอย่าง สำนักงานสอบสมุทรปรากราไปเช่ารถกระบะแบบมีหลังคาสูงมาให้ขับเลยเห็นแล้วเริ่มวิตกจริต....หยึยย...จะไหวมั๊ยเนี่ย???

.....บรรดาผู้ที่สอบได้ข้อเขียนก็มายืนรอคิวแล้วแต่ว่าผู้กำกับสนามสอบจะชี้ไปที่ใครก่อน...แต่ละคนก็ขึ้นไปขับ มาดามยืนดูคนแรกๆ ขับแล้วก็บอกกับตัวเองว่า อืม! มันง่ายยิ่งกว่าปลอกแอปเปิ้ลอีกวุ๊ยแค่ขับไปตรง ๆ ระยะ 20-30 เมตร แล้วก็ถอยหลัง จากนั้นก็ให้ถอยจอดเข้าซอง แต่จริงๆ มันไม่มีเส้นแบ่งช่องจอดไรหรอกแค่จินตนาการเอาแล้วก็ถอย ๆ แล้วก็เสียบ ๆ  มาดามจอดห่างที่กั้นหน้าประมาณศอกเพราะเกรงว่าจะชนแต่ก็ยังอุตส่าห์สอบผ่านได้ใบขับขี่มาเชยชมสมใจนึกบางลำพู....

......ก่อนจะมาหัดขับและสอบใบขับขี่มาดามได้ไปทำพิธีจองรถมิตซูแลนเซอร์โฉมใหม่ในงาน Bangkok Motor Show ช่วงเดือนเมษายนปี 2538 กำหนดนัดไปรับรถในอีกหนึ่งเดือนถัดไป...แม้จะได้ใบขับขี่มาหนุนหัวนอนรอ แต่ท่านผู้ชม ในวันที่ไปรับรถมาดามไม่ได้ขยับร่างขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยหรอกนะขอบอก...ขอแรงเจ้าณีเพื่อนของน้องสาวไปขับมาจอดไว้ที่คอนโดซึ่งพวกเราซื้อห้องอยู่ติดกัน...และโชคดีเหมือนจะเข้าข้างมาดามอีก ที่บริษัทของเธออยู่ที่พระสมุทรเจดีย์ ไปทางเดียวกับที่ทำงานของมาดาม เธอเลยต้องรับบท พขร.ให้มาดามอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เราวิ่งบนถนนสุขสวัสดิ์ไปที่ท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์หยอดมาดามไว้ที่ท่าเรือข้ามฟาก มาดามต้องข้ามไปทำงานฝั่งปากน้ำโน่นแถว ๆ กม.34 ส่วน พขร. จำเป็นก็ขับรถไปจอดที่ทำงานตัวเองไม่ไกลจากท่าข้ามฟากพอเลิกงานก็มารอรับ กลับคอนโดด้วยกัน....เป็นอย่างนั้นอยู่หนึ่งสัปดาห์โดยที่ไม่กล้าขับสักครั้ง...เสร็จก็ได้เวลาที่มาดามจะต้องไปเริ่มทำงานบริษัทใหม่ ซึ่งไปคนละทิศละทางกับเจ้าณีและก็ถึงเวลาที่มาดามจะต้องนั่งหลังพวงมาลัยเอง...รู้มั๊ยท่านผู้ชมเส้นทางที่มาดามจะขับจาก สามแยกพระประแดง ไปทำงานที่ สุขุมวิท 117 นั้น มีสองทางให้เลือก ทางแรก ขับขึ้นทางด่วนสะพานพระรามเก้า วิ่งยาวไปลงแยกบางนาเลี้ยวขวาเข้าสุขุมวิท แล้ววิ่งตรงเด่ไปสุขุมวิทซอย 117เลย...แต่ว่าพระเดชพระคุณท่าน มาดามไม่อาจหาญจะขับบนทางด่วนที่รถติดยาวตลอดทางตอนขึ้นสะพานพระรามเก้าหรอกกลัวมากมาดามจึงเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุดคือข้ามแพขนานยนต์ที่ท่าพระประแดง...แล้วไปตามถนนปู่เจ้าสมิงพรายไปตัดกับสุขุมวิท ประมาณ 13 กิโลเมตร...ถึงที่ทำงาน

......มาดามขับผ่านเข้าไปในตลาดท่าน้ำพระประแดงเลี้ยวซ้ายผ่านโรงเรียนอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ที่จำได้แม่นยำนักหนาคือถนนตรงนั้นแค้บแคบ วิ่งสวนกันแทบไม่เหลือที่ว่างระหว่างกลาง แต่ก็มีสารพัดรถวิ่งให้ควั่กและที่ทำให้มาดามเกร็งมากที่สุดคือ สามล้อถีบ มันถีบมาเบียด+เฉียดรถมาดามตลอดถนนเส้นที่ไปลงแพกว่าจะหลุดพ้นจนลุล่วงมาถึงท่าแพขนานยนต์มันสุดแสนจะทรมานความรู้สึก...กำลังเริ่มรู้สึกโล่งอกหายใจหายคอสะดวกขึ้น แต่เจ้าประคุณลุนช่อง ไอ้ด่านลงแพนี่สาหัสยิ่งกว่าถนนที่ผ่านมาตะกี้อีก เริ่มจากมีรถจอดติดยาวประมาณ 300 เมตรรอลงแพอยู่...เลื่อนไหลไปทีละคัน ๆ แล้วค่อย ๆ คลานลงสะพานแคบ ๆ ความกว้างเท่าตัวรถ และเพราะว่าเป็นช่วงน้ำลงแพจึงอยู่ต่ำกว่าฝั่ง และห่างจากฝั่ง สะพานที่ทอดลงไปจึงชันมว๊าก มาดามจับตามองรถคันหน้าลงแพไปด้วยใจระทึก บอกตัวเองว่าถ้าไม่พลาดพลั้งเสียทีตกจากสะพานไปซะก่อนและถ้ากรูได้จอดตรงเลนกลางบนแพนั้นจะเป็นอภิมหาโชค เพราะว่ามันแค่ขับลงแพไปตรง ๆ แล้วจอดเลยไม่ต้องเลี้ยวเข้าช่องจอดซ้าย-ขวา...แต่ถ้าความซวยมาเยือนแจ๊คพ็อตได้เลนริมซ้ายสุดหรือขวาสุดและทะลึ่งลงเป็นคันสุดท้ายละกรูตายคาที่แน่...มันเหลือที่กะติ๊ดเดียวแค่พอให้หักพวงมาลัยซ้าย/ขวาเสียบหัวเข้าไปท้ายรถบรรทุก 18 ล้อ ส่วนท้ายรถตัวเองจะต้องติ่งอยู่ริมท้ายแพโหยยยย....ภาวนา...ลุ้น ๆ อย่าให้เป็นเรา...โชคช่วย! วันแรกมาดามได้จอดเลนกลางรอดไป แต่ยังไม่หายกลัว ระหว่างที่แพกำลังข้ามแม่น้ำนั้น ใจมาดามมันเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอกเลยละท่าน เพราะมีเรื่องให้สะพรึงกลัวอีก บนแพมีรถบรรทุกคันยาวใหญ่บรรทุกเหล็กม้วน เหล็กแป็บ หนัก ๆ อะไรเทือกนั้น...รถมาดามจอดติดกับมันเลย ชวนให้คิดในใจว่าถ้าเผื่อของบนรถมันไหลหล่นมาทับหัวตูมีหวังซี้ม่องเซ็กแบนแต๊ดแต๋แงะไม่ออกหรือถ้าแพมันเกิดล่มแล้วตูคงจมลงไปในเจ้าพระยาริเว่อร์ ออกจากรถไม่ได้ หายใจก็ไม่ออกมีหวังตายคาที่แบบไม่เปียกน้ำเลยนะนี่...โอย! แล้วเดี๋ยวต้องลุ้นตอนขึ้นฝั่งอีกจะเจอปัญหาไรป่าว??? มันกดดันมากจริง ๆ นะพี่น้อง...พอถึงนาทีที่ต้องคลานขึ้นฝั่ง ความที่สะพานชันมากเราจะไม่สามารถมองเห็นตัวสะพานเหมือนขาลงแพนะ ถ้าขับมือไม่นิ่งหรือตั้งลำไม่ตรงมีหวังได้ลงน้ำจริงๆ สั่นกว่าตอนขาลงอีก...แต่ในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้างคนดีอย่างมาดามยอมให้ขึ้นฝั่งโดยสวัสดิภาพ...ขับไปบนถนนปู่เจ้าที่กำลังทำการบูรณะใหม่จากยางมะตอยเน่าๆ ขรุขระ ๆ จะทำเป็นถนนคอนกรีต...ก่อนอื่นเขาก็ต้องปรับระดับให้มันสูงหนีน้ำท่วมก่อนโดยเททราย หินกรวด หรือว่าลูกรังแล้วก็เกรดปรับระดับแล้วเดือนพฤษภาคมมันก็เป็นหน้าฝนใช่มั๊ยล่ะท่าน...โฮ ดูไม่จืดเละเป็นปลักควายไม่พอ วิ่งกันแบบไม่มีเส้นแบ่งช่องอีก...มาดามขนานนามให้เลยว่า ถนนปราบเซียน 


แพนี้ไม่น่ากลัวหรอกท่านเพราะว่ามีแต่รถเก๋ง

.....มาดามขับเล็ดลอดมาจนถึงแยกปู่เจ้าตัดกับสุขุมก็เลี้ยวขวาเข้าวิ่งมาอีกหน่อยก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอย 117 อยู่ไม่ไกล ถึงที่ทำงานก่อนเวลาไม่มากนัก รปภ.เปิดประตูโรงงานให้เข้าไป แล้วก็ให้สัญญาณมือ ทำนองว่าหยุดก่อนเดี๋ยวจัดที่ให้จอด...มาดามก็หยุดรถกลางลานหน้าอาคารโรงงานซึ่งก็กว้างขวางมากพอดู (จริง ๆ มีที่เยอะแยะไม่ต้องจ่งต้องจัดก็ได้)...ครั้นพอได้ที่เหมาะสำหรับผู้จัดการ HR คนใหม่ รปภ.เฒ่า ก็โบกมือให้เข้าที่...แต่เวรกรรมจริง ๆ พอมาดามถอนเท้าออกจากเบรก รถมันก็ไหลถอยหลังเพราะที่มันลาดชันในเพลานั้นมาดามมึนตึ๊บ ทำไงดีวะเนี่ย??? เบรกก่อนซิไม่งั้นมีหวังบั๊มเข้ากับประตูโรงงานแน่...ขณะเก้ ๆ กัง ๆ ก็มีอัศวินขี่ม้าเหล็กสีอะไรจำไม่ได้เข้ามาจอดแล้วก็เดินตรงมาที่มาดาม แจ้งความจำนงให้มาดามออกจากรถ เขาจะช่วยเอารถป้ายแดงไปจอดให้....มันน่าอายหรือว่าน่าขำกันแน่พี่น้อง?? ทำไมตอนนั้นมาดามไม่เหยียบคันเร่งให้รถเดินหน้า...มาดามตกใจกับสถานการณ์รถไหลถอยหลังจนลืมคิดข้อนี้...คนอาไร๊เห่ยจริงๆ...

.....เหตุการณ์นี้มีผู้คนเห็นกันเยอะพอสมควรเลยหละ...อายนะจะบอกให้...พอ รปภ.เฒ่า ชี้บอกทางว่าห้องทำงานHR อยู่ฝั่งไหน มาดามก็โกยอ้าวข้ามถนนไปอีกฝั่ง หนึ่งในพนักงานของฝ่าย HR ก็ออกมารับพาไปที่ห้องทำงาน พอมาดามวางกระเป๋า ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเหมือนกะมีตาเห็นว่ามาดามมาถึงแล้วงั้นแหละ...รับไว้ก่อนละกันนึกในใจใครวะโทรหาตั้งแต่นาทีแรก...เสียงผู้ชายพูดกรอกลงมาในสายอ้อ..พี่เขยของมาดามเอง เพราะแกรู้ว่าวันนี้มาดามจะขับรถข้ามแพ เขาเป็นห่วงเลยต้องโทรเช็คว่าน้องเมียถึงที่หมายอย่างปลอดภัยรึเปล่า...แกก็แสนดีเนาะอุตส่าห์ไปแสวงหาเบอร์โทรของบริษัทนี้จนเจอ...

......มาดามมีเรื่องขำๆ และตื่นเต้นเกี่ยวกับการขับรถเยอะนะพี่น้อง แต่ว่าเอาไว้แค่นี้ก่อนแค่อยากให้รู้ว่า มาดามขับรถมาสิริรวม 19 ปีก่อนย้ายมาอยู่เมกา ไม่ใช่ 17 ปีขอแก้นิดนะจ๊ะ...การจะได้ใบขับขี่ที่เมืองไทยของเรานั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก...ในสมัยนั้นมันยังไม่มีอินเตอร์ความเร็วสูงเหมือนสมัยเดี๋ยวนี้ข้อมูลอะไรก็ไม่มีให้ค้นคว้าหาอ่าน...คู่มือการขับขี่ที่จัดทำโดยหน่วยงานของรัฐก็ไม่มี ใครอยากรู้กฎจราจรเต็มรูปแบบก็ต้องวิ่งหากฎหมายมาอ่านเอา...กี่คนที่จะอ่านกฎหมาย? มันประกาศอยู่ใน ราชกิจจานุเบกษาโน่น โรงเรียนสอนขับรถสมัยนั้นก็ไม่ได้เอามาให้เราศึกษาทั้งหมด มุ่งเน้นแค่เรื่องเครื่องหมายจราจร กับกฎที่มักใช้บ่อย ๆ และแค่ช่วยให้เรา ขับได้...ไม่ใช่ให้ ขับเป็น...หรือกว่าจะรู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้ว่าไงก็ต้องรอโดนจับซะก่อนแหละพี่น้อง....ไม่แน่ใจว่าสมัยปัจจุบันโรงเรียนสอนขับรถ สอนอะไร มากแค่ไหนให้แก่คนเรียนบ้าง และเพื่อให้เกิดความตระหนักและขับขี่อย่างปลอดภัยเจ้าภาพอย่างกรมการขนส่งทางบกได้จัดคู่มือสำหรับให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพื่อเผยแพร่มากน้อยแค่ไหน?? อันนี้ไม่รู้ชัด....แต่เท่าที่ดูวันนี้ในเว็บก็เห็นมีของโรงเรียนสอนขับรถได้รวบรวมแนวข้อสอบ และกฎหมาย (ทั้งดุ้น) ที่เกี่ยวข้องเอาไว้ให้ค้นและคว้าพอสมควร นับว่าดีกว่ายุคก่อนอักโข....


......เขียนมาถึงตรงนี้ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อปี 2014 ลูกสาวไปสอบขับขี่ ชียังเรียกมาดามขับรถพาไป เพราะชีไม่กล้าขับไปเอง...พอถึงคิวสอบมาดามต้องขับไปจอดให้ชีตรงต้นทางเข้าสนามสอบขนาดนั้นเลย ชีแค่ขึ้นไปนั่ง คาดเข็มขัด เลื่อนกระจกลงเพื่อฟังกรรมการคุมสอบจะสั่งว่าไรแล้วชีก็ขับออกตัวไปประมาณ 50 เมตร เลี้ยวซ้ายสั้น ๆ สองครั้ง แล้วขับตรงไปหน้าอาคารสอบที่กรรมการและคนรอสอบรวมทั้งญาติกาที่มาลุ้นเฝ้ารอดูอยู่...ขับตรงมาอีก 20 เมตรแล้วจะต้องหยุดโดยต้องไม่เกินเส้นตำแหน่งที่เขากำหนดไว้ที่พื้นถนนจากนั้นให้ถอยหลังเพื่อจอดชิดขอบถนน ให้ได้ระยะห่างขอบถนนต้องอยู่ในเกณฑ์...แค่นี้แหละ ก็สอบผ่านได้ใบขับขี่ร้อน ๆ มาโบกเล่นให้เย็นตัว แล้วก็ Selfies ไปตลอดทาง ตอนขากลับแม่ก็ยังต้องขับรถให้เหมือนเดิม...แล้วจนป่านนี้ชีก็ยังไม่ยอมขับรถที่มาดามทิ้งไว้ให้ไปทำงาน..ตลกมั๊ยล่ะท่าน!!

.......งานนี้สอบผ่านได้เพราะมีกลเม็ดนิดหน่อย...คนที่สอบตกมีเยอะเพราะว่าจอดรถคร่อมเส้น หรือไม่ก็เลยเถิดเส้นที่เขาขีดไว้ที่พื้นก่อนที่จะถอยรถจอดชิดขอบถนน มาดามได้ยินเสียงคนสอบตกด่าสาด มีคนนึงนั่งคอยอยู่ข้างมาดาม มันบ่นเป็นหมีกินผึ้งกับเพื่อนว่า “กูมาสอบรอบนี้เป็นรอบที่สามแล้วนะเนี่ยยังไม่แน่ว่าจะตกอีกป่ะ” ฟังดูเหมือนมีความหวังว่า จะตกอีกครั้ง (เหอ ๆ)....จริงๆ มันก็ลำบากนะที่คนจะมองเห็นเส้นบนถนนเพราะหน้ารถมันจะบังเมื่อเข้ามาใกล้ระยะหนึ่งนะท่านจะเอาให้เป๊ะต้องมีการซ้อมจริง ๆ จัง ๆ จนกะระยะได้แม่นยำนั่นแหละถึงจะผ่าน...ซึ่งข้อนี้มาดามก็ให้เจ้าคริสซ้อมอยู่เป็นชั่วโมงแถวหน้าหมู่บ้าน...แต่พอมาดามมายืนดูคนอื่นสอบมาดามก็เห็นช่องทาง บอกเจ้าคริสว่าถ้าจะจอดรถโดยไม่ให้เลยเส้นนั้น ต้องใช้เสาไฟต้นนั้นเป็นจุดชี้ระยะ มันง่ายกว่ากันเยอะเลย ต้นเสามันสูงเห็นชัด ๆ แค่จอดให้เลยเสาต้นนั้นมาแค่ฟุตเดียวก็รอดแล้ว....นั่นแหละกลเม็ดง่าย ๆ จากสรรพสิ่งรอบกาย

ตอนหน้าตามมาดูกันค่ะว่า ที่เมกาพวกเขา สอน และสอบ เอาใบขับขี่กันยังไง ยาก ง่ายแค่ไหน อะไรที่ต้องรู้ อะไรที่ต้องมี....








Create Date : 02 มกราคม 2559
Last Update : 4 มกราคม 2559 8:50:35 น. 0 comments
Counter : 1462 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com