Somebody's me... Nobody's know.. You are what you thinks.. and.. I am who i am.. Whatever will be, will be..
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
18 ตุลาคม 2561
 
All Blogs
 
หักเหลี่ยมร้ายซ่อนลายรัก บทที่ 1 / 3





ไฟทางเดินทอดยาวในโรงเตี๊ยมเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ตามระยะทางที่แคบลงจากเรือนพักหนึ่งไปยังอีกเรือนหนึ่งมีม่านสีแดงสดคั่นเพื่อปิดกั้นการมองเห็นจากภายนอก

หลิวเสียะย่างเท้าแผ่วเบาระแวงระวัง มือกระชับกระบี่คู่ใจแน่นเตรียมพร้อมที่จะชักออกจากฝักตลอดเวลา

ทว่ากลิ่นเหม็นอับโชยมาแตะจมูกจนต้องยกหลังมือปิดนางเดินผ่านแต่ละห้องประตูมีหยากไย่จับราวกับปิดตายไม่ผ่านการใช้งานมานานปี ยิ่งผ่านหน้าต่างกระดาษที่ขาดวิ่นเป็นรูใหญ่น้อยยิ่งได้กลิ่นอับเหม็นสาบเกินกว่าจะเป็นเป็นที่พักสำหรับนักเดินทาง

เพราะเหตุใดกัน!

พลันเสียงร้องที่ได้ยินเมื่อครู่ใหญ่ก็ดังลอดออกมาจากลานดินโล่งสุดปลายทางมองเห็นแสงจากกองไฟวับๆ แวม ๆ คล้ายกับลานประลองอย่างไรอย่างนั้น แต่ที่เห็นกลับไม่ใช่!

เกือบเผลอออกไปแต่ไหวตัวหลบวูบเข้าในห้องทันคุณชายร่างอรชรหาได้ใส่ใจห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับไร้แสงนี้ไม่กลับตรงไปยังผนังห้องลอบฟังเสียงและมองจากรอยแยกของไม้ผุกร่อนตรงขอบหน้าต่างแทน

“อย่าขายข้าเลย! ปล่อยข้าไปเถอะข้าขอร้อง

สตรีนางนั้นถูกมัดมือไพล่หลังติดกับเก้าอี้กลางลานดวงหน้างดงามเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางสะบัดหน้าไปมาเมื่อถูกมือหยาบกร้านของบุรุษผลัดกันเชยคางสำรวจราวกับนางเป็นสินค้าที่ต้องตรวจตราบ้างยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำจมูกฟุดฟิดราวกับจะสูดดมกลิ่นนางอย่างหื่นกระหาย

“อย่า! ข้ากลัวแล้ว

นางผู้นั้นหลับตาเบือนหน้าหนีทั้งวอนขอแต่คนเหล่านั้นกลับปรบมือหัวเราะชอบใจราวกับกำลังชมการแสดงชิ้นเอก

“ขอร้อง! ปล่อยข้าไป”

“ปล่อยไปก็โง่สิ ไอ้คนเก็บฟืนเอาเจ้ามาแลกกับม้าเราไปถ้าไม่ได้ราคาเท่าม้าก็อย่าหวังว่าจะปล่อย” เจ้าของโรงเตี๊ยมตะคอกใส่หน้านาง

ท่ามกลางมวลหมู่ลูกสมุนรายล้อม

เสียงหัวเราะดังไม่หยุด แต่ละคนล้วนกระเหี้ยนกระหือรือใคร่ได้นางจนร้องแข่งกันประมูลเซ็งแซ่

“ข้าให้สองร้อย” หนึ่งในชายฉกรรจ์ก้าวอาดๆ มากลางลาน

“น้อยไป” เจ้าของโรงเตี๊ยมตอบแทบไม่คิด“มีผู้ใดจะให้ราคามากกว่านี้อีก”

“ข้าให้ม้าหนึ่งตัวกับเงินสองร้อยอีแปะ” ชายร่างใหญ่หน้าตาขึงขังลุกตอบพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนเอ่ยเสียงขึงขัง “ใครคิดหาญกล้าแข่งกับข้าก็ออกมา”

เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกรอบเจ้าของโรงเตี๊ยมลูบเคราครุ่นคิดก่อนเอ่ยต่อสีหน้าเคร่งเครียด “น้อยไปหรือไม่ท่าน ข้าว่าหญิงงามขนาดนี้อย่างต่ำไม่น่าจะมากน้อยกว่าม้าหนึ่งตัวกับหนึ่งตำลึงเงินแต่หากผู้ใดมีม้ามากกว่าสามก็เอามาแลกเป็นเงินรางวัลประมูลนางได้”

“มันไม่แพงไปหน่อยหรือ” หนึ่งในสองที่วางเดิมพันไปก่อนโอดครวญ “นางก็แค่สตรีที่พวกนอกด่านลักพาตัวมา”

“หากเจ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็อย่ามาประมูลนางกับข้า” ชายร่างใหญ่คนเดิมเอ่ยเสียงทรงอำนาจ “สตรีนางนี้งดงามยิ่งนักสมควรเป็นของข้าผู้ยอมจ่ายเพื่อนางมากกว่าใคร หรือใครมีข้อโต้เถียง”

“ไม่มี! ไม่มีแน่นอน ต้องอย่างเถ้าแก่เหยาเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับคำว่าสุดยอดผู้พิชิตหญิงงามใช่หรือไม่ขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมโน้มตัวเข้ามาพินอบพิเทา

“จะเป็นผู้ใดไปได้” เถ้าแก่เหยาที่เจ้าของโรงเตี๊ยมพาดพิงหัวเราะลั่นด้วยความพึงใจ

คุณชายน้อยแห่งหลิวซือซือฟังแล้วนึกเคืองในใจเหตุใดคนร่ำรวยเงินทองกลับแล้งน้ำใจคิดเอาแต่ได้ถึงเพียงนี้

“หน็อย... ไอ้เจ้าพวกนี้เห็นสตรีเป็นของเล่น สารเลวจริงๆ”

คุณชายน้อยครุ่นคิด มือกระชับดาบแน่นด้วยความขุ่นเคืองยิ่งเห็นสายตาโลมเลียและหื่นกระหายของเหล่าบุรุษในลานประมูลแล้วยิ่งนึกเคืองขุ่นโดยเฉพาะเจ้าของโรงเตี๊ยมที่เปิดให้ใช้สถานที่ไม่พอยังเป็นคนดำเนินการประมูลเสียเองยิ่งกิริยาพินอบพิเทาที่มีต่อชายร่างอ้วนนั่นเห็นแล้วยิ่งน่าสมเพช

“พวกเจ้ากระซิบเรื่องใดกัน อย่าเล่นเล่ห์กับข้า”ชายคนที่โดนเยาะเย้ยตวาดลุกขึ้นเท้าเอวยืนจังก้า “พวกเจ้าทำชอบกลเหมือนรู้กันเช่นนี้มิได้”

“แล้วเจ้าจะทำสิ่งใดได้เล่านายข้ามิใช่คนที่เจ้าจะมาต่อกร”

ชายกลุ่มเดียวกับคนให้รางวัลสูงสุดเอ่ยเยาะน้ำเสียงหยอกเย้าราวขบขันแล้วต่างพากันส่ายหน้า

“ข้ารู้ว่าเจ้าหามีปัญญาแข่งกับข้าไม่” เถ้าแก่เหยาออกหน้าพลางลุกยืนอวดพุงอุ้ยอ้ายเดินกร่างมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายกลางลาน“เช่นนั้นข้าเพิ่มม้าอีกหนึ่งตัวเป็นอันว่าข้าชนะขาด”

เสียงโห่ลั่นรับคำผู้ท้าประมูลทันทีร่างอรชรนางนั้นกัดริมฝีปากแน่นพลันร่ำไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ท่าทางหวาดกลัวสุดขีดเมื่อถูกเถ้าแก่เหยาเชยคางโน้มตัวลงหมายประทับจูบนางสะบัดหน้าหนีทำให้ชายร่างอ้วนเสียหน้าเงื้อมือหมายจะฟาดดวงหน้างาม

คุณชายน้อยทนไม่ไหวโผล่พรวดออกไปกลางลานกล่าวเสียกร้าว“เจ้ากล้าข่มเหงอิสตรีได้อย่างไร”

“เจ้าเป็นใครกัน เจ้าของโรงเตี๊ยมกับเถ้าแก่เหยาเอ่ยพร้อมกัน

ร่างอรชรในคราบคุณชายก้าวอาด ๆ มากลางลานเอาตัวยืนบังนางผู้นั้นเอาไว้แล้วมองกราดไปรอบบริเวณด้วยท่าทางห้าวหาญริมฝีปากกระตุกยิ้มเยาะเหล่าคนที่ลุกฮือเข้าหาอย่างไม่กลัวเกรง

“ข้าคือผู้ใดหาใช่เรื่องสำคัญไม่ แต่ดูเจ้าสิ”

“ข้าเถ้าแก่เหยาชี้มือที่ตัวเอง

“ก็เจ้าสิ” หลิวเสียะมองอีกฝ่ายศีรษะจรดปลายเท้าพลันยิ้มหยันก่อนเอ่ย“แก่เฒ่าปานนี้ไยมิเอาเวลาไปเลี้ยงลูกหลาน”

“เจ้าอย่ามาสู่รู้

“ข้ารู้ยิ่งกว่านั้น”คุณชายน้อยกล่าวยั่วโทสะ “เจ้าคือเหยาเหอไป่ผู้มีชื่อเสียงกระฉ่อนใคร ๆ ก็รู้ว่าร้านเหอไป่ของเจ้านอกจากค้าข้าวบังหน้าแล้วเบื้องหลังยังเป็นโรงกษาปณ์รายใหญ่ข้ายังได้ยินมาอีกว่าตอนนี้ทางการกำลังกวาดล้างพวกลักลอบอยู่มิใช่หรือ”

“เจ้า! เจ้าใส่ความข้า” เศรษฐีเฒ่าผงะหน้าซีดไปหลายส่วน ”พวกเรารุมมัน

“ช้าก่อนหลิวเสียะโบกมือห้าม “ในฐานะพ่อค้าเหมือนกัน ข้าให้สิบตำลึงเงิน แล้วยกนางให้ข้า เจ้าว่าดีกว่าหรือไม่”

สีหน้าขึงขังของคุณชายร่างอรชรที่ล้วงหยิบตั๋วเงินออกมาชูเหนือศีรษะทำให้คนทั้งลานฮือฮาพลันชายร่างใหญ่เจ้าของโรงสีก็เดินส่ายอาด ๆ ด้วยความโมโหเข้ามาหมายเอาเรื่อง

“เจ้าหนุ่มหน้าหวานริบังอาจต่อกรกับข้า มิรู้ที่ตายเสียแล้ว”

“ข้าไม่สนสิ่งใดแต่เงินถูกกฏหมายของข้าต้องใหญ่กว่าเจ้าแน่”คุณชายน้อยเหยียดยิ้มตอบ “เอานางมาให้ข้า...เดี๋ยวนี้

“ขอรับ ๆ” เจ้าของโรงเตี๊ยมรับคำพลางถูมือไปมาถูกใจ

มือหยาบสั่นระริกยื่นไปรับห่อเงินหนักอึ้งจากมือคุณชายพลันห่อเงินกลับถูกฉวยไปต่อหน้า ทั้งหมดหันมองตามมือปริศนาเป็นตาเดียวแล้วคุณชายน้อยก็ชักสีหน้าทันทีที่รู้ว่าใครบังอาจมาทำให้เสียเรื่อง

“เจ้า

“ข้าชื่อหยางซุนหยาง” บุรุษพเนจรลากเสียงยาวแล้วยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบก่อนโน้มหน้าเข้าหาอีกฝ่ายพลางกระซิบ“ส่วนเจ้าคือคุณชายหน้าหวาน... หลิวเสียะ”

“รู้จักข้าได้อย่างไร”

หลิวเสียะถามแต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ท่าทางยียวน

“ข้ารู้ก็แล้วกันน่า”

นางฟังแล้วยิ่งเคืองยื่นมือคว้าถุงเงินคืนแต่ได้ลมเพราะคนพเนจรรู้ทันเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินหนีไปอีกทางเป็นการดึงสายตาคนทั้งลานให้ตกอยู่ที่เขาหลิวเสียะพลันเห็นบ่าวของตนย่องเข้ามาด้านหลังก็พอเข้าใจนางได้แต่ช่วยดึงความสนใจให้อีกทาง

สวี่ลี่แกะมัดเชือกอย่างรีบร้อนทั้งส่งสัญญาณให้เงียบสตรีงามพยักหน้ารับสีหน้าตื่นกลัวพลางกระซิบถาม

“เจ้าคือ

“ข้าเป็นบ่าวของคุณชายคนที่ช่วยเจ้า ไปได้แล้วข้าจะพาเจ้าหนีออกไปก่อนที่พวกมันจะเห็น”

“แต่ว่าคุณชายเล่า

“คุณชายข้าเก่ง เอาตัวรอดได้”

ขณะที่ความสนใจทั้งหมดพุ่งตรงมายังคุณชายน้อยแห่งหลิวซือซือกับชายพเนจรไม่มีสักคนที่เห็นว่าสวี่ลี่พานางผู้นั้นออกไปจากลาน คงเหลือแต่คุณชายกับหนุ่มร่างบึกบึนยืนหันหลังชนกันท่ามกลางเหล่าคนโฉดที่กรูกันเข้ามาหยางซุนหยางพลันร้องลั่น

“พี่ชายทั้งหลาย ช้าก่อน

เหล่าชายโฉดชะงักหันมองหน้ากันเลิ่กลักคุณชายน้อยกราดตามองรอบ ๆ ด้วยความระแวงแล้วกระซิบอีกฝ่าย

“เจ้าจะบ้าหรือ รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำให้เรื่องยุ่ง”

“รู้” หยางซุนหยางตอบโดยไม่ละสายตาจากชายฉกรรจ์

“รู้แล้วยังทำ”

“ข้าจะทำให้เจ้าไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะเลยก็ยังได้แค่ใช้นี่”

ขาดคำบุรุษพเนจรก็ใช้นิ้วเคาะศีรษะอีกฝ่ายแทนคำตอบหลิวเสียะถึงกับเคืองเมื่อสบดวงตาฉลาดแกมโกงนั่น

+++++++++++++++++++


จบบทที่ 1 ค่ะ 

ขอฝากนิยายด้วยค่า

ช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์วันที่ 17 - 28 ต.ค. นี้ค่ะ

ขอฝากอามฮาราฯ ด้วยนะคะ

รูปเล่มมีจำหน่ายที่บูธ สนพ.ที่รัก โซนC1 ชั้นล่าง 

ส่วนอีบุ๊กมีจำหน่ายที่ MEB ตอนนี้มีโปรลดราคาอยู่ค่ะ

ส่วนนิยายจีนเรื่องนี้มีจำหน่ายที่ MEB อย่างเดียวค่ะ 

(2 เล่มจบ + ตอนพิเศษท้ายเล่ม)

ขอบคุณมากๆ ค่า 

^__^





Create Date : 18 ตุลาคม 2561
Last Update : 18 ตุลาคม 2561 22:26:37 น. 0 comments
Counter : 585 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtoor36, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณnewyorknurse, คุณmaistyle, คุณALDI


lovereason
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 76 คน [?]









+ ++
Friends' blogs
[Add lovereason's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.