เริ่มจะซึมเศร้าอีกแล้วแล้ว
                เคยเป็นโรคซืมเศร้าเรื้อรังมานาน  เมื่อไหร่ที่เริ่มจับจ่ายซื้อของมากขึ้น  ไม่ค่อยคิดว่าควรไม่ควร   เมื่อนั้นแสดงว่า   เริ่มมีอาการ depress  แล้วละ        แต่เมื่อใดที่ไม่คิดซื้อ ไม่อยากทำ  ไม่อยากกิน   เริ่มปลีกตัว   เริ่มพูดเล่น  ยิ้ม หัวเราะจากใจลดลง  เริ่มคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกับใคร   ไม่ควรจะทำกิจกรรมที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน   พ่อแม่ ญาติพี่น้อง   ไม่ว่าจะใครก็ตาม   เริ่มไม่มีสติสมาธิอยู่กับปัจจุบัน  ทำอะไร  ดูอะไร  พูดอะไร ไปเหมือนไม่ได้คิด    เริ่มรับรู้ได้ว่าตัวเองผิดปกติไปจากเดิม    ไม่มีสติในการขับรถเพียงพอ   ถ้าประสบอุบัติเหตุเราก็คงไม่แปลกใจ      ใจโหวงๆหวิวๆ  ไม่มั่นคงเอาซะเลย   มีปัญหาการกินการขับถ่าย   อาจกินมากหรือเบื่ออาหาร  ไม่อยากกินอะไรเลย

               ส่วนสาเหตุนะเหรอ   ไม่รู้หรอก   อาจเกิดจาก
  1. จากอาการของโรค  เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรได้ไม่ค่อยเต็มที่  กล้าๆกลัวๆ  กับทุกอย่าง   กับเรื่องงานเราแค่พยายามทำงาน routine  ให้ดีที่สุด    งานอื่นๆในความรับผิดชอบไม่ได้พัฒนามากกว่าที่เป็นหรือมากเท่าหัวหน้าต้องการก็เป็นได้   ซึ่งเราเชื่อว่าคนอื่นต้องคิดอย่างนั้น   พอเริ่มเครียดวิตกกังวลมากขึ้นก็ยิ่งมีผลเสียต่องาน  วนลูปอยู่อย่างนั้น จึงกลายเป็นว่า   ไม่อยากเครียดมากก็จะวางงานไว้ก่่อน เพราะกลัวจะมีอาการ เมื่อไรมีอาการทุกสิ่งทุกอย่างจะแย่มาก
  2. เราฝากความสุขไว้กับคนอื่นๆ    ใช่  เรารู้สึกดีรู้สึกมีความสุขเมื่อมีคนรับรู้และพยายามเข้าใจเรา    เรารู้ว่าเราไม่ควรทำแบบนั้น   สิ่งที่เราควรทำคือสร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง   แต่เราทำไม่ได้ทั้งๆที่เราพยายามเก็บเกี่ยวความสุขเล็กๆน้อยๆจากอะไรเล็กๆอย่าง กินอาหารอร่อย   ดูหนังที่ชอบ   ซื้อของที่อยากได้     ปลูกต้นไม้เพื่อเฝ้าดูผลผลิตของมัน    กลับกันเมื่อคนที่เรารักใส่ใจเราให้ความรักดูแลเรา   เรามีความสุขและพยายามยึดมันไว้  ไม่อยากสูญเสียมันไปเลย แน่นอนสุขทุกข์ไม่ทานทน  ไม่นานมันก็จะเปลี่ยนแปลงไป  และใช่เมื่อไรที่มันเกิดขึ้น สุขหายไป ทุกข์ก็เข้ามาแทน
  3. แบ่งเวลาไม่เป็น    ทำให้แต่ละวันเรายังคงทำงานที่ทำอยู่ประจำ  ไม่สามารถแบ่งเวลาสำหรับงานอดิเรก   งานสันทนาการได้ หรืองานรองที่เราฝันไว้ได้   เราทำงานซับซ้อนหรือทำหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้  เพราะเราไม่เก่งขนาดนั้น    ซึ่งพอเราไม่แบ่งเวลามาฝึกฝนงานที่เราอยากทำ  แน่นอนว่าเราก็จะขาดความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น   และไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้
  4. การเปรียบเทียบกับคนอื่น    เราเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังมานานหลายปีมากๆ ช่วงเวลาที่เริ่มมีอาการกว่าจะรู้ตัว ลองผิดลองถูก กว่าจะรักษา กว่าจะสู้มาจนดีขึ้นเป็นเราในปัจจุบัน  เราสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง   ความจำไม่ดี   สมาธิไม่ดีเหมือนเคย   เรียนรู้และทำความเข้าใจสิ่งต่างๆได้แย่ลง   พร่องเรื่องสัมพันธภาพ   การเข้าสังคม  กลัว  ไม่มั่นใจในตัวเอง    ซึงมันมีผลต่อการทำงานอย่างแน่นอน เมื่อเราทำงานร่วมกับคนอื่นๆ  เรายิ่งจะเห็นความแตกต่างเหล่านี้ชัดเจน   อาจจะมีคนที่ทำได้ดีกว่าเราในตำแหน่งเดียวกันหรือคนที่ทำงานนี้มาก่อนเราแต่ทำได้ดีกว่ามากๆ   เราท้อ  เรายิ่งรู้สึกตัวว่าเราแย่  ซึ่งเมื่อรู้สึกอย่างนั้นเรายิ่งเหนื่อยที่จะพิสูจน์ตัวเอง   อิจฉาริษยาเหรอ ไม่รู้สึกเลย ใจด้านชามาก   รู้สึกแต่ความไม่มีตัวตนของตัวเอง    ความไม่มีคุณค่าของตัวเองต่างหากล่ะ   
  5. สิ่งที่อยู่แวดล้อม  ครอบครัวที่ทะเลาะเบาะแว้งขวานขวยหาแต่สิ่งที่อยู่นอกกาย ความต้องการหรือความคาดหวังที่จะให้เราหายในเร็ววัน   ให้เราหาเงินได้เยอะๆ ให้เราประสบความสำเร็จ ตำแหน่งการงานก้าวหน้า  เป็นที่เชิดชู  นับหน้าถือตาของคนทั่วไป   ในขณะที่เราแค่ขอให้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ  ได้ทำงานที่เหมาะสมกับสภาวะที่เป็นอยู่  มีความสุขในระดับที่ตนเองพึงพอใจ   แต่คนที่เรารักและรักเรากลับบอกเราว่าไม่ต้องทำเรื่องทที่เขามองว่ามันเล็กๆเหล่านั้น   เพราะมันไม่มีประโยชน์อันใดสู้ไปทำงานประจำทำโอทีพาร์ทไทม์ให้้ได้เงินเยอะๆและอยู่ในตำแหน่งที่คนนับถือจะดีกว่า    เมื่อเราคิดวางแผนจะทำสิ่งที่อยากทำจริงจัง แม้ว่าเราเคยล้ม  เราก็ยังอยากจะพยายามทำให้มันสำเร็จ คนในครอบครัวกลับบอกเราว่าไม่ต้องทำมัน  เราท้อมากนะที่สิ่งที่เราคิดทำแต่ละอย่างที่เราเห็นว่าล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์ในทางที่ดีต่อภาวะซึมเศร้าและอาจมีประโยชน์ในเรื่องรายได้ หรือเป็นงานที่ให้ความสุข  สร้างความสัมพันธ์ที่ดีหรือสุขภาพชีวิตที่ดีของครอบครัวแต่พอเสนอหรือบอกเล่าไปแล้วก็ถูกปัดถูกคัดค้านเสมอ     รู้มั้ยการทำกิจกรรมแม้เล็กๆ เหล่านั้นช่วยทั้งส่งเสริมกำลังใจ  สร้างเราที่กระตือลือร้น และคนที่มีความสุขในสิ่งที่ทำ   แม้บางอย่างมันจะเหนื่อยแต่ก็นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ   ความมีคุณค่าในตัวเอง  


 เราต้องทำยังไงต่อไปดีนะ   เพื่อรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัยไม่กลับไปเป็นโรคซึมเศร้าอย่างที่เคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง     
  • ลาออกซะ   ให้คนที่เหมาะสมมาทำงานแทนเราที่ไม่ค่อยstable  ทั้งอารมณ์ ความคิด พฤติกรรม    แต่ลาออกโดยที่ยังคิดไม่ได้ว่าจะดูแลตัวเองกับครอบครัวยังไงต่อไป    เราต้องตายแน่ๆ  ปล.ตายแบบตายจริงๆ   ที่ไม่ใช่แค่คำตัดพ้อ
  • ยังไม่ต้องลาออก   แต่บอกเล่าความคิดความรู้สึกที่เป็นอยู่ให้หัวหน้างานรับทราบ โดยไม่ค้องคาดหวังให้เขาเข้าใจ   แต่ก็ได้ระบาย  คลายสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจตัวเอง    อย่างตอนนี้จากคำพูดพฤติกรรมของเขาที่แสดงออกมาเหมือนกับเข้าใจว่า เราอิจฉาริษยาคนอื่นอาจเพราะสิ่งที่เราทำบางอย่างชวนให้คิดจริงๆ  ที่เรื่องนี้ติดค้างในใจเราเพราะว่าช่วงนี้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง   พูดคิดแก้ไขอธิบายไม่ทัน เลยเลือกที่จะเงียบซึ่งยิ่งทำให้เขาเข้าใจว่าเรายอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ อยากร้องไห้กับหลายๆอย่าง เผื่อความรู้สึกไม่สบายใจจะไหลไปกับน้ำตา  แต่เราร้องไห้ไม่ออกเลย  เครียดจัง แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไปก็ไม่ได้นะเพราะสมองเรียบเรียงอะไรไม่ถูก  สุ่มเสี่ยงต่อความเข้าใจผิดทำให้สถานการณ์แย่ลงมาก  จึงได้แต่เก็บไว้   อีกเรื่องบอกไปก็กลัวว่าเขาจะยิ่งมองว่าเรายังไม่พร้อมที่จะรับงานตรงนี้   ควรไปรักษาตัวให้หายซะ   หางานอื่นทำ หรือนำเรื่องเราขึ้นไปพูดกับคนอื่นซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ   เพราะความเชื่อใจมีให้กับคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนมันคือสิ่งที่มีค่ามากสำหรับเรา   เราไม่อยากเสียมันไป   เราไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักเรามาตัดสินเราจากแค่ที่เค้ามองเรารับรู้ตัวตนเราจากคนอื่น    
  • หากคุยกับหัวหน้าผู้ที่เคยบอกว่าจะช่วยเหลือตั้งแต่แรก  มีเรื่องอะไรหรือมีอาการแย่ลงก็ให้บอก  บอกไปแล้วเค้าเปลี่ยนใจจะเลิกช่วยเหลือล่ะ   ก็ขอเวลา รีบหาวิธีทำมาหากินที่มั่นคงหากจะดำเนินชีวิตต่อไปให้ดี  หรือขอคำแนะนำที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้
  • หาหมอ กินยา   ซื่งในความคิดเราตอนนี้  เรายังไม่ป่วยถึงขั้นที่ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้    เรารับรู้และยังพอควบคุมมันได้    จึงคิดว่าการกินยานอนหลับและปรับสารเคมีในสมองไม่ใช่สิ่งจำเป็นในตอนนี้
  • ปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อทำความคิดพฤติกรรมบำบัดแต่เพียงอย่างเดียว  เพราะเราว่าเราเองมีปัญหาเรื่องความคิดด้านลบ   อาทิเช่น  ตัวเราแย่    เราไม่มีคุณค่า   ไม่มีใตรช่วยเราได้  อนาคตไม่รู้จะเดินต่อไปยังไง    เพื่อปรับความคิดความเชื่อที่เป็นเสมือนตัวผลักดันให้การตีความเหตุการณ์เป็นไปในด้านลบนี้ให้กลับสู่วิธีคิดที่เป็นปกติ  คิดดีทำดี   ใช้สมองกับหัวใจได้อย่างสมดุล
คิดยังไงกันบ้างค่ะ    หากเป็นคุณ
 



Create Date : 17 กรกฎาคม 2562
Last Update : 19 กรกฎาคม 2562 9:37:35 น.
Counter : 120 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loveable thing ทุกสิ่งคือรัก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]