Group Blog
ธันวาคม 2561

 
 
 
 
 
 
2
5
6
7
12
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
26
27
29
30
31
 
 
25 ธันวาคม 2561
Godzilla (2014) ก็อตซิลล่า


     ไหนๆ King of Monsters ก็จะเข้าโรงแล้ว(ในอีกไม่กี่เดือน) ผมก็อยากจะเขียนถึงหนังร่วมจักรวาลมันหน่อยครับ แน่นอนครับว่าผมจะพูดถึงทั้ง Godzilla และก็ Kong: Skull Island แน่นอน แต่ตอนนี้มาพูดถึงพี่ก็อตจิก่อนละกันเนอะ
เรื่องย่อ
     ภายหลังจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ เมื่อปี ค.ศ. 1945 การทดลองและใช้ระเบิดนิวเคลียร์ของชาติมหาอำนาจก็ยังคงมีอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ในปี ค.ศ. 1954 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้รับรายงานถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร จึงตัดสินใจทำลายมันด้วยระเบิดนิวเคลียร์แต่ปกปิดข่าวของมัน ให้กลายเป็นเพียงแค่ว่าเป็นการทดลองระเบิด
     ในปี ค.ศ. 1999 ที่ญี่ปุ่น ดร.โจ โบรดี้ ได้ใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ที่นั่น โจ และแซนดร้า ภรรยา เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์ วันหนึ่งเมื่อเกิดเหตุสารกัมมันตภาพรังสีในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่วไหลจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โจต้องสูญเสียภรรยาไปในเหตุคราวนั้น ซึ่งเขาเชื่อว่า มันไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา แต่มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดินโดยใช้การส่งเสียงแบบเอคโค่โลเคชั่น และในปีเดียวกัน ดร.เซริซาว่า นักวิทยาศาสตร์หัวหน้าโครงการนิวเคลียร์ลับของญี่ปุ่น ได้รับรายงานเรื่องการขุดพบฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตโบราณขนาดใหญ่ในฟิลิปปินส์ เมื่อเขาได้ไปสำรวจก็พบสารกัมมันตภาพรังสีจำนวนมากเช่นเดียวกับที่พบในญี่ปุ่น
     15 ปีผ่านไป ฟอร์ด นาวิกโยธินสหรัฐ ลูกชายเพียงคนเดียวของ โจ ที่รอดชีวิตมาจากเหตุคราวนั้น ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า โจ ถูกจับที่ญี่ปุ่นเนื่องจากพยายามบุกเข้าไปในพื้นที่ ๆ เกิดเหตุ ซึ่งปัจจุบันทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ปิดเป็นเมืองร้างไว้ 15 ปีที่ผ่านมา โจยังคงหมกมุ่นและค้นคว้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นราวกับเป็นคนสติเสีย ในที่สุดทั้งโจและฟอร์ดก็ได้พบกับความจริง เมื่อได้เข้าไปในโครงการลับของรัฐบาล ที่พยายามปลุกไข่ของ มูโต สัตว์ประหลาดยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่กินพลังงานนิวเคลียร์เป็นอาหาร เมื่อมูโตฟักเป็นตัว โจได้เสียชีวิตลง แต่มูโตไม่ได้มีเพียงตัวเดียว แต่ยังมีอีกตัวหนึ่งที่เป็นตัวเมีย และทั้งคู่ก็ส่งเสียงร้องหากัน โดยมี โกจิร่า หรือ ก็อตซิลลา สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวเดียวกันกับที่รัฐบาลสหรัฐได้ยิงระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมื่อปี ค.ศ. 1954 ดร.เซริซาว่า เชื่อว่ามันออกตามหาและล่ามูโตทั้งคู่ เพื่อควบคุมสมดุลของธรรมชาติ
รีวิว
     จำได้ว่าตอนผมดูรอบแรกผมไม่มีความชอบอะไรในหนังเลยครับ ผมตั้งความหวังไว้ว่าอยากจะดูหนังก็อตจิมันส์ๆ สักเรื่อง แต่สิ่งที่ได้กลับมาหลังจากดูจบคือ"หนังดราม่าที่เกี่ยวกับมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน แต่ดำเนินเรื่องโดยมนุษย์เป็นหลัก" แล้วรสชาติมันผิดเพี้ยนจากที่ผมคาดหมายไว้เยอะเลย จริงๆ แล้วชื่อหนังมันก็บอกอยู่แล้วครับว่า"ก็อตซิลล่า" แต่เหมือนกับว่าหนังจะให้ความสำคัญแก่มูโตเยอะเกินไปหน่อย ครึ่งชั่วโมงแรกจะพูดถึงมูโตล้วนๆ ครับ พี่ก็อตจิจะมามีบทบาทก็ปาไปชั่วโมงนึงแล้ว และระหว่างดูผมก็อดคิดไม่ได้ครับว่าเปลี่ยนชื่อจากก็อตซิลล่าเป็น"มูโต" จะดีกว่านะ เพราะบทแ_่งเด่นกว่าพี่ก็อตจิอีก

     แน่นอนครับ ตอนดูรอบแรกนี้ออกไปทางเกลียดเลยด้วยซ้ำ โมโหเลยครับตอนดูจบว่าเสียเวลามาก แต่ผมก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหนังทันทีครับ เมื่อผมได้มีโอกาศซื้อมาดูอีกรอบ
     ผมไปเห็นแผ่นมันวางขายในห้างครับ(สมัยที่ยังมีแผ่น ปัจจุบันหายากมากร้านแผ่นเนี่ย เพราะบู้ตขายแผ่นในห้างได้ปิดตัวลงแล้ว) ผมมีทางเลือกสองทางระหว่าง"เมซ รันเนอร์" กับเรื่องนี้ แล้วก็เลือกเรื่องนี้เพราะผมจะเอามาเปิดให้เด็กแถวบ้านดู(ปกติเด็กๆ แถวใกล้บ้านผมจะมาดูหนังที่บ้านผมบ่อยครับ ฉะนั้นก็เลือกหนังที่เอาใจเด็กเนาะ) พอผมมาถึงบ้าน ผมก็รีบชวนเด็กมาดูเลยครับ(ต้องบอกเลยว่ามีประมาณ 5 คน) พอดูไปประมาณ 5 นาทีแรก ไอ้เด็กคนนึงมันหันมาถามเลยครับว่า "ทำไมหนังมันมืดจัง?" ผมก็นึกคิดอยู่ซักพักครับ และก็ตอบเด็กไปว่า "ตามสไตล์มันแหละหนังแนวนี้" พอดูไปประมาณครึ่งชั่วโมงมันก็หันมาถามอีกครับว่า "ไหนอ่ะก็อตซิลล่า? มีแต่คนคุยกันอะไรไม่รู้" ผมก็ตอบไปครับว่า "มันก็คุยไปแบบนั้นแหละ" หลังจากนั้นไม่ถึงค่อนเรื่องครับ มันหันมาถามดอกใหญ่เลยว่า "หนัง_่าอะไรเนี่ยพี่!" แล้วในที่สุดผมก็เปลี่ยนเรื่องให้เด็กมันดู "เดอะ คอนจูริ่ง" แทน หลังจากที่ดูเรื่องหลังจบ ผมก็กลับมาดูก็อตจิให้จบเหมือนเดิมครับ โดยที่ลบล้างความคาดหวังหรือว่ารอยเท้าที่ยังไม่จางหายออกไปแล้วเซ็ตความหวังใหม่ และพอดูจบ ถึงบ้างอ้อเลยครับ "อ้อออออออออออออออออออออออออออออออออออ" 555

     ถ้าตัดเรื่องก็อตจิบทน้อยออกไป ผมว่าองค์ประกอบหนังโดยรวมจัดอยู่ในเกญฑ์ยอดเยี่ยมเลยล่ะครับ อย่างแรกเลยคือ Effect มันตระการตามากๆ ฉากต่อสู้อะไรดีไซน์ออกมาค่อนข้างสมทุน ฉากวินาศสันตะโรอะไรทำได้สุดยอดมากๆ มีคนหลายคนบ่นว่าฉากอะไรพวกนี้มีน้อย สำหรับผมแค่ได้เห็นรอยเท้ายักษ์บนเขา, รอยสะพานขาด, นิวเคลียร์ติดเมือก แค่นี้ผมก็รู้สึกถึงความพังพินาศของมันแล้วล่ะครับ แต่ผมว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฉบับนี้เด่นกว่าฉบับอื่นๆ ก็คือ "บท" ครับ
     จริงๆ ผมก็ไม่ได้หวังอะไรตัวบทหรอกครับ หวังว่าจะดูหนังสัตว์ประหลาดตีกันเฉยๆ แต่ว่าบทมันเตะตาผมจริงๆ ฉะนั้นผมก็ขอพูดถึงมันหน่อยละกัน ในหนังมีการเล่าไว้แล้วตั้งแต่เริ่มเรื่องครับว่ามีการยิงนิวเคลียร์ใสตัวก็อตจิลูกเบ้อเริ่มเลย จนทำให้มันลงไปจำศีลอยู่ใต้โลก และหนังก็เล่าอีกว่าได้มีการค้นพบสิ่งแปลกประหลาดที่ญี่ปุ่น และกลายเป็นปมในใจของพ่อพระเอก และหนังก็มาเล่าตอนพระเอกโตเป็นทหารแล้วก็มีเหตุที่ต้องกลับไปญี่ปุ่นอีกครั้ง และก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง และไอ้เหตุที่ว่านี่มันอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลายเป็นปมในใจของพ่อพระเอกก็เป็นได้
     พอผมดูตอนต้นเรื่อง ก็อตจิภาคนี้ดูมีทรงมากครับ พล็อตวางโคลงเรื่องมาได้ลงล็อคและเป๊ะมาก เหมือนกับว่า Gareth Edwards ตั้งใจจะให้ก็อตจิภาคนี้เป็นหนังที่ดี(เหมือนที่แกเคยทำกับ Monsters ไว้) และพอหนังได้มีการแนะนำพี่ก็อตจิ มนต์ขลังภาคเก่าๆ ลอยคลุ้งมาแต่ไกลครับ แล้วก็มาผสมกับจิตวิญญาณของชาวอเมริกัน จนทำให้ก็อตจิภาคนี้เป็นภาคที่มีเอกลักษณ์เด่นชัดและน่าสนใจมากที่สุด และในการเล่าเรื่องที่หลายคนบ่นว่าเนือย ผมว่าจุดนี้แหละที่ทำให้ผมดูแล้วชอบมากขึ้นกว่ารอบแรก เพราะ Edwards แกตั้งใจเก็บรายละเอียดให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ สังเกตเลยว่าเวลาตัวละครคุยกันเรื่องไหน เรื่องนั้นจะมีผลกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นครับ อย่างที่ด็อกเตอร์พูดไว้ว่า"มันจะไปที่ทิ้งนิวเคลียร์" หลังจากนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ ครับ ฉะนั้นมันจะไม่มีการพูดไปเรื่อยเปื่อยของแต่ละตัวละครเลย

     บทหนังดีครับ ดีกว่าที่คาดไว้มาก แต่จุดนี้ก็อาจจะเป็นดาบสองคมครับ ใครที่ชอบลายเส้นของ Edwards ที่ทำ Monsters เป็นหนังดี ท่านก็อาจจะชอบหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าไม่คุ้นเคยกับหนังของ Edwards ล่ะก็ เตรียมหมอนกับผ้าห่มนอนรอเลยครับ เพราะการดำเนินเรื่องมันไม่ไคร่จะฉับไวอะไรขนาดนั้น(เอาจริงๆ เข้าขั้นเนือยเลยแหละ) แต่ผมเข้าใจจุดประสงค์ของ Edwards ดีครับ แกไม่ได้ตั้งใจให้หนังมันออกมาเป็นหนังสัตว์ประหลาดถล่มเมืองธรรมดาๆ แต่แกจะใส่อะไรมากกว่านั้นเข้ามาเรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง นี่แหละครับคือสาเหตุที่ทำไมผมถึงบอกว่าบทมันดี อย่างฉากที่ช่วยเด็กบนรถไฟ หลายคนบอกว่าเป็นส่วนเกินของหนัง แต่ผมมองว่ามันทำให้เรามองเห็นตัวละครได้ลึกขึ้นนะ เพราะหนังปูมาว่าฟอร์ดจะกลับไปหาครอบครัว และการช่วยเด็กไปหาพ่อแม่ในครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากการพยายามกลับบ้านไปหาลูกเมียหรอกครับ ตรงนี้ผมก็ขอชื่นชม Johnson ครับที่แสดงอารมณ์พ่อผู้อยากกลับไปหาลูกเมียออกมาทางสีหน้าท่าทางได้ดี

     ชมฝั่งคนไปเยอะ มาชมฝั่งสัตว์ประหลาดกันบ้าง มูโตดีไซน์มาดีครับ ผมจะชอบ Sound Design ของมันมากๆ ยิ่งฉากที่ตัวผู้กับตัวเมียมาเจอกัน เสียงร้องมันประหลาดหูได้ใจเลย หรือว่าพี่ก็อตจิที่ภาคนี้จะรู้สึกว่าอวบไปหน่อย(555) แต่พลังพี่แกจัดหนักจัดเต็มเช่นเคย และแน่นอนว่าฉากการพ่น Atomic Breath นี่เท่ห์ไม่เบา แต่ฉากโปรดของผมคือฉากที่มูโตถล่มสนามบินแล้วก็อตจิโผล่มาพร้อมกับเสียงคำรามครับ เป็นการประกาศศึกที่ยิ่งใหญ่มากๆ เลยทีเดียว
     ดาราเล่นกันหายห่วงครับ เพราะแต่ละรายนี่ดีกรีไม่ธรรมดาเลยนะ Johnson ก็ไปได้ดีกับบทพ่อหนุ่มทหารผ่านศึก แม้บางฉากพี่แกจะนิ่งต่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไปหน่อยก็เหอะ(ให้อภัยเพราะหล่อ555) ส่วนรายอื่นๆ ก็ทำหน้าที่สมทบได้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ Watanabe ก็หายห่วงอยู่แล้วเรื่องฝีมือ Hawkins เจ๊แกไม่เคยพลาดครับ บทไหนเจ๊แกก็เล่นได้ Olsen ก็สวยใช้ได้เลย การแสดงจัดว่าผ่าน แต่รายที่ออกน้อยได้มากคือ Cranston ครับ ฉากระบายอารมณ์ในห้องสืบสวนนี่ผมยกให้เป็นฉากดีของเฮียแกเลย อินเนอร์ได้มากอ่ะครับ และคนสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Binoche ฉากสั่งเสียตอนต้นเรื่องครับ เธอเล่นดีมาก เล่นเอาผมอดสงสารเธอแทบไม่ได้ หายากนะครับฉากอารมณ์ในหนังสัตว์ประหลาด ผมว่ามีแต่ Edwards นี่แหละที่ทำถึง
     Effect เนี๊ยบทุกฉากทุกวิครับ ดนตรีของ Alexandre Desplat นี่ก็ติดหูดีเหมือนกัน หนังยาวประมาณ 2 ชั่วโมงครับ ซึ่งก็ยาวแบบพอดิบพอดี ไม่เยิ่นเย้อจนเกินไป และไม่ไวเหมือนทรานส์ฟอร์เมอร์ส(555)
สรุป
     หากอยากลิ้มลองรสชาติของ Edwards ก็ลิ้มลองดูได้ครับ แต่ผมบอกก่อนเลยว่าหนังที่ผมชอบไม่ใช่หนังที่พวกคุณจะชอบเสมอไป ทางที่ดีที่สุดคือพิสูจน์ด้วยตาตัวเองจะดีกว่าว่าจะชอบหรือไม่ ส่วนตัวผมแล้ว ร่ายมาซะยาวขนาดนี้ ไม่ชอบก็บ้าแล้วครับผม

คะแนนเฉลี่ยรวม : 8/10
เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู



Create Date : 25 ธันวาคม 2561
Last Update : 25 ธันวาคม 2561 19:01:37 น.
Counter : 1330 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฮีโร่ตัวน้อย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีครับ ผมฮีโร่ตัวน้อยจากพันทิป นักรีวิวหนัง ซีรี่ส์ การ์ตูน ฯลฯ ฝากตัวด้วยนะครับ