|
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 25
ทันทีที่พวกเราเดินออกมาด้านหน้าก็เจอกับ หยิงปา นั่งหน้าเครียดรออยู่ก่อนแล้ว หยิงปา รีบเดินมาบอกพวกเราว่าคนอื่นๆ มากันครบแล้วขาดก็แต่พวกเรา 3 คนนี่เท่านั้น และถ้าออกมาช้ากว่านี้อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง เขาอาจจะไม่รอก็ได้ ทำให้พวกเราต้องทั้งขอโทษ และขอบคุณทุกคนกันยกใหญ่เลยทีเดียว ตอนนั่งรถกลับเต้าเฉิงนั้นทุกคนนั่งเงียบตลอดทางเลย มีบ้างที่หันมาคุยกัน แต่น้อยกว่าตอนขามามาก เพราะว่าทุกคนน่าจะโดนโรคแพ้ความสูงเล่นงานกันถ้วนหน้ามากบ้างน้อยบ้าง

หยิงปามาจอดรถตรงที่เดิมกับตอนขามาเมื่อวานนี้ (ตรงที่หยิงปาทำพิธีนั่นแหละ) ให้พวกเราถ่ายรูปกันอีกครั้งหนึ่ง แต่วันนี้ท้องฟ้าเปิดมองเห็นยอดเขาถึง 2 ยอดด้วยกัน ทั้ง เซียนหน่ายรื่อ (仙乃日, xiannairi) ที่อยู่ด้านหน้าและเซี่ยนั่วตัวจี๋ (夏诺多吉, xienuoduoji) ถัดไปด้านใน ส่วนอีกยอดเขา ยางหม้ายหย่ง ( 央迈勇 , yangmaiyong) นั้นอยู่ด้านหลังภูเขา เซียนหน่ายรื่อ ทำให้มองไม่เห็น รถคันเล็กของหยิงปาหอบหิ้วพวกเราที่สะบักสะบอมมาถึงเมืองเตาเฉิง ตอนประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ ก่อนจะเข้าเมืองเราบอกให้ หยิงปา ช่วยแวะไปสถานีขนส่งหน่อย (อยู่ก่อนถึงที่พัก) เพื่อจะจองตั๋วกลับคังติ้งเที่ยวแรกของเช้าวันพรุ่งนี้พรุ่งนี้จะได้มั่นใจว่ามีตั๋วรถแน่นอน ซึ่งหยิงปาก็ดีเหลือเกินพาพวกเราไปเคาะประตูห้องขายตั๋วให้ทั้งๆ ที่พวกเขาปิดทำการไปแล้วพร้อมทั้งบอกจุดหมายปลายทางให้เสร็จสรรพ แต่ความหวังดีของหยิงปาเกือบนำความซวยมาให้พวกเราซะแล้ว แต่ยังโชคดีเพราะว่าทันทีที่ได้ตั๋วมาเราเอามาอ่าน (ด้วยความเคยชิน) จึงจะได้รู้ว่า หยิงปา บอกปลายทางพวกเราผิดโดยไปบอกกับคนขายตั๋วว่าพวกเราจะไป จงเตี้ยน (中甸 , zhongdian) หรือที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นแชงกรีล่า (香格里拉 , xianggelila) ในมณฑลยูนนาน ซึ่งอยู่คนละทิศคนละทางกับเมืองคังติ้ง (康定, kangding) ที่พวกเราจะไป หลังจากได้ตั๋วที่ถูกต้องแล้วจึงขึ้นรถกลับที่พักกัน
พวกเรา 4 คน (พวกเรา 3 คนกับเฮียเซินเจิ้นอีก 1 คน) ได้นอนที่ห้องเดิม เอากระเป๋าเข้า แล้วเดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้กลับมา เดินออกมาล้างหน้าล้างตากัน นั่งเล่นพูดคุยกับ หยิงปา สักพักก็ออกมาตลาดกันเพื่อหาซื้อบะหมี่ถ้วยเก็บไว้กินตอนเช้าก่อนออกไปขึ้นรถกลับคังติ้ง โดย หยิงปา อาสาขับรถพาพวกเรามา โดยขากลับจากซื้อบะหมี่ถ้วย หยิงปา หยิบแบ็งค์ 20 บาทไทยออกมาให้พวกเราดูแล้วถามว่าถ้าเทียบเป็นเงินหยวนจะเท่ากับกี่บาท แล้วบอกพวกเราว่าเขามีเงินต่างประเทศที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายให้ไว้เป็นที่ระลึกมากมายหลายประเทศ เพื่อนเราเลยหยิบแบ็งค์ 10 กับ 100 บาทรุ่นเก่าส่งให้เพื่อเป็นที่ระลึก แล้วถาม หยิงปา ว่าถ้าจะส่งโปสการ์ดกลับประเทศไทยต้องติดแสตมป์กี่บาทและส่งที่ไหน แต่ หยิงปา ดันบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้รวมทั้งเรื่องติดแสตมป์ด้วย แล้วยังคุยกันเรื่อง สุนัขฑิเบต หรือที่เรียกว่า จ้างเอ๋า (臧敖, zangao) กับไก่ฑิเบต หรือ จ้างหม่าจี (藏马鸡 , zangmaji) ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าสัตว์ทั้ง 2 ชนิดนี้ที่บ้านเขามี แต่ว่าพวกเราไม่มีเวลาไปชมให้เป็นบุญตา เพราะหาดูที่อื่นยากมากๆ


หลังจากกลับถึงที่พักเราเดินเลยไปขอน้ำร้อนจากในครัวมา 1 กระติก แล้วก็นั่งเขียนโปสการ์ดกันแล้วไปฝากไว้ที่พนักงานดูแลที่นี่เพื่อส่งต่อให้กับ หยิงปา อีกที โดยแนบเงินค่าแสตมป์ให้ไปด้วย เสร็จเรื่องแล้วก็เข้านอนทันทีโดยไม่ลืมดึงปลั๊กที่นอนไฟฟ้าออกด้วย คืนนี้หลับง่ายมากๆ เหมือนใครมาปิดสวิทช์เลย
Create Date : 14 มกราคม 2551 |
| |
|
Last Update : 14 มกราคม 2551 8:51:04 น. |
| |
Counter : 2218 Pageviews. |
| |
 |
|
|
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 22
พวกเราเข้าเต็นท์นอนไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ยินเสียงคนจีนกลุ่มที่มาพร้อมกับพวกเรามาถึงแล้ว โวยวายใหญ่เลยเรื่องราคาที่พักแพง พวกเราเลยเงียบๆ ไว้ปล่อยพวกเขาโวยวายไป โดยเฉพาะเฮียเซินจิ้นนั่นดังที่สุดเลย สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมนอนแต่ไม่รู้ว่าเต็นท์ไหนเท่านั้นเอง
คืนนี้เป็นคืนที่สุดแสนจะทรมานที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เนื่องจากว่าอากาศที่หนาวเย็นมากๆ ขนาดที่ว่ายื่นส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายออกนอกผ้าห่มไม่ได้เลย (พวกเราใส่กางเกงคนละ 2 ชั้น ส่วนเสื้ออย่างต่ำคนละ 3 ชั้น) อาจจะเป็นเพราะว่ามีฝนตกลงมากลางดึกทำให้ความหนาวทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีก และคงเพราะอากาศที่หนาว อาการปวดหัวของเราเลยมากขึ้นต้องลุกขึ้นมากลางดึกหายากิน หันมองไปข้างๆ เพื่อนเราก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ส่วนพี่เขานอนครางฮือๆ อยู่ไม่รู้ว่าหลับหรือเปล่า (ได้ยินเสียง แสดงว่ายังมีแรงและลมหายใจอยู่) ส่วนเพื่อนร่วมเต็นท์ที่นอนฝั่งตรงข้ามก็คงมีอาการเดียวกันนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาทุกคนเลย กินยาเสร็จยอมทนหนาวออกจากผ้าห่มไปขยับเป้เรากับเพื่อนให้มาปิดช่องข้างๆ เต็นท์ที่ลมพัดเข้ามาได้ เพราะลมพัดเข้ามาตรงหัวเราพอดีเลย (มิน่าล่ะปวดหัวมากๆเลย) นอนหลับๆ ตื่นๆ จนเช้าเลย

6 โมงเช้า เรากับเพื่อนออกมาทนทรมานล้างหน้าแปรงฟันกัน น้ำเย็นมากๆ ปากชาไปเลย 2 คน ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้ส้วมของที่นี่เลย เพราะขนาดอยู่ไกลๆ ยังรู้เลยว่ามันตั้งอยู่ที่ไหน ทำให้ต้องพยายามกลั้นอาการปวดท้องตอนเช้าๆ ไว้ เพราะถ้ากลั้นไม่ไหวแล้วเดี๋ยวจะออก มาทั้ง 2 ทางเลย คงทรมานดีพิลึกสำหรับเช้าๆ ที่ท้องยังว่างอยู่ กลับเข้าเต็นท์ยังไม่มีใครตื่นเลยทั้งพี่เขาและเพื่อนร่วมเต็นท์คนอื่นๆ เรา 2 คนเก็บของ เก็บที่นอนเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 7 โมงกว่าๆ เรียกพี่เขาตื่นเตรียมตัวไปกินข้าวกัน พี่เขาอาการแย่มากๆ รีบบอกพวกเราเลยว่าคงไปดู 2 ทะเลสาปด้วยไม่ได้แล้วล่ะ ขอนั่งรออยู่ที่นี่ละกัน
พวกเราสั่งกับข้าวง่ายๆ มา 3 อย่างกินกันแบบเรื่อยๆ พอดีพวกเราไปนั่งร่วมโต๊ะ กับคนสิงคโปร์ 3 คน คนหนึ่งอายุน่าจะราวๆ เกือบ 60 ปีได้ แต่ท่าทางแข็งแรงไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงถึงความไม่สบายทางร่างกายเลย เขาถามพวกเราว่ามาจากไหน พอรู้ว่าพวกเรา 3 คนมาจากประเทศไทยนะ ท่าทางเขาดีใจมากๆ เลย เพราะว่าเขาเคยมาทำงานที่กรุงเทพอยู่ 3 4 ปี หลังจากนั้นก็คุยกันต่อได้แบบสนิสนมเหมือนรู้จักกันมานาน เราเลยรีบวกเข้าประเด็นที่เราอยากรู้มากๆ เลยคือถ้าจะไปดู 2 ทะเลสาปจะไปยังไงดี เขาเลยเดินเข้าไปในครัวเรียกผู้หญิงคนที่เก็บเงินค่าที่พักพวกเราเมื่อวานออกมา แล้วบอกว่าเมื่อวานตัวเขากับเพื่อนให้เธอคนนี้พาไป เธอคิดค่านำทาง 100 หยวน เรากับเพื่อนรีบตกลงเลยเพราะว่าอยู่ที่นี่รู้สึกว่าเราจะไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น แล้วทั้ง 3 คนก็ขอตัวไปเก็บของเตรียมเดินออกไปกัน เรากับเพื่อนรีบขอบคุณเขากันใหญ่เลยที่ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ แต่เขากลับตอบว่าไม่เป็นไรทุกคนเวลาออกมาจากบ้านแล้วก็เป็นเพื่อนกันหมด ดังนั้นอะไรที่ช่วยเหลือเพื่อนด้วยกันได้ก็เต็มใจทำ คำตอบของเขาทำให้เราซาบซึ้งมากๆ เลย หลังจากสบายใจเรื่องคนนำทางแล้ว ก็กลับมาจัดการอาหารตรงหน้าต่อ พี่เขากินกับข้าวที่สั่งมาไม่ลงเลย เรียกหาน้ำพริกอีกแล้ว
เรากับเพื่อนออกมาเจอกับกลุ่มคนจีน 4 คน ที่มาด้วยกันเมื่อวาน แล้วก็เลยชวนไปเที่ยว 2 ทะเลสาปด้วยกัน ปรากฏว่าเฮียเซินเจิ้นขอตัวเพราะปวดหัวมาก พี่เขาเลยมีเพื่อนคุยด้วย เราเลยบอกเรื่องไกด์สาวเราไป ซึ่งทุกคนเห็นด้วยไม่มีปัญหา (แต่ตอนหลังดันมีปัญหาซะได้) และระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่นั้นมีคนจีนอีก 1 คนขอไปกับพวกเราด้วย ทุกคนก็ไม่มีปัญหา เป็นอันว่ากลุ่มเรามีทั้งหมด 6 คน คนละไม่ถึง 20 หยวนเลย เลยนัดแนะเวลากันว่า 9 โมงเช้าออกมาเจอกันที่นี่ เรากับเพื่อนเดินย้อนเข้าไปบอกไกด์สาวของเราเรื่องเวลา แล้วก็มาจัดการเรื่องโหลดรูปภาพในกล้องออกมาเก็บไว้ในฮาร์ดดิสค์ เพื่อความสะใจในการถ่ายรูปเพื่อนเราพกฮาร์ดดิสค์ขนาด 120 GB มาด้วยทำให้เวลาถ่ายรูปไม่ต้องเกรงใจเลยกดกันเพลิน
Create Date : 27 ธันวาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 27 ธันวาคม 2550 12:14:12 น. |
| |
Counter : 786 Pageviews. |
| |
|
|
|
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 21

พวกเราพอเดินออกมาพ้นโค้งก็พบกับเต็นท์ผ้าใบขนาดโดยประมาณ 5 X 5 เมตร สีขาวหม่นๆ 8 - 9 เต็นท์ โดยเรียงรายเป็น 2 แถว อยู่ระหว่างเนินดินที่ขนาบข้าง 2 ข้าง อีกด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูง รอบๆ มีตัวจามรี 3 4 ตัว เดินเตร็ดเตร่ ก้มๆ เงยๆ อยู่รอบๆ เต็นท์ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ได้บรรยากาศของนักเดินทางมากๆ หลังจากที่ค่อยๆลากเท้าเข้าไปถึงเต็นท์ ก็ติดต่อเรื่องที่พักทันที เพราะอยากนอนมากๆ หลังจากที่ทรมานสังขารฝืนเอาหลังตั้งฉากกับพื้นโลกมานาน พอพวกเราแจ้งความประสงค์และจำนวนคนที่เข้าพักแล้ว หญิงสาวท้องถิ่นตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง เธอก็พาเข้าไปในเต็นท์หนึ่งซึ่งอยู่ทางขวามือพวกเรา
ด้านในเต็นท์แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งสำหรับตั้งที่นอน ตรงกลางเป็นทางเดินพื้นเป็นดิน อุปกรณ์ที่ใช้ในการนอนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นที่นอน ผ้าห่ม วางอยู่ตรงหัวนอนเรียบร้อยแล้ว สำหรับเต็นท์ของพวกเรานั้นฝั่งหนึ่งเต็มไปด้วยหนุ่มสาวชาวอิสราเอล และญี่ปุ่น 4 คน อีกฝั่งหนึ่งว่างอยู่ซึ่งก็ต้องเป็นของพวกเราแน่นอน หลังจากที่รู้ตำแหน่งที่นอนเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขอเก็บค่าที่พักเลยคนละ 50 หยวนเลย โหดมากทีเดียวสำหรับสภาพที่พักแบบนี้ เทียบไม่ได้เลยกับคนละ 15 หยวนที่เต้าเฉิงแต่ก็ต้องนอน พวกเราคงไม่เพี้ยนขนาดเดินออกไปหาที่นอนที่อื่นที่ถูกกว่านี้แน่ๆ จ่ายเงินเสร็จก็ขอหย่อนตูด เอนหลังกันสักพักก่อนละกัน
พี่เขาพอตูดมีที่วางปุ๊บก็กลัวหลังจะน้อยหน้าเลยเอนหลังซะเลย (ท่าทางจะแย่) ส่วนเรากับเพื่อนนั่งพักกันสักพักแล้วก็ลองทักทายเพื่อนร่วมเต็นท์ทั้ง 4 คน ตามประสาคนไทยอัธยาศัยดี ปรากฎว่าทั้ง 4 คนเป็นนักเดินทางตัวฉกาจเลยทีเดียวไปมาแล้วทั่วเอเซียอาคเนย์ และอีกหลายประเทศในเอเซีย ซึ่งทุกครั้งที่ไปจะเป็นการไปเที่ยวกันเองทั้งสิ้น (น่าอิจฉามากๆ) นั่งคุยกันสักพักเรากับเพื่อนก็สะกิดพี่เขาขอตัวออกมาทานข้าวเย็นกันก่อน โดยที่เราไม่ลืมหยิบบรรดาน้ำพริกทั้งหลายติดมือมาด้วย ออกจากเต็นท์มาเพื่อนเราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ซึ่งก็ตั้งอยู่ด้านหลังร้านอาหารนั่นเอง
ร้านอาหารของที่นี่ตั้งอยู่ตรงปลายของเต็นท์ทั้ง 2 แถวเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว เรากับพี่เขา 2 คนเดินเข้าไปจึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร ที่พักพนักงาน ครัว และที่เก็บของ โดยพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นร้านอาหาร มีโต๊ะ เก้าอี้ วางอยู่หลายตัว และโทรทัศน์อีก 1 เครื่องวางอยู่มุมร้าน
ภายในร้านนอกจากพวกเรากับพนักงานแล้วไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ อีกเลย เหลือบมองนาฬิกาในร้านได้เวลา 6 โมงครึ่งพอดี แสดงว่าพวกเราเดินเข้ามาถึงที่นี่ประมาณ 6 โมงเย็นใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณ 5 - 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรากับพี่เลือกที่นั่งด้านหน้าใกล้กับประตูทางเข้า หลังจากได้ที่นั่งแล้วเพื่อนเราก็เข้ามาพอดี เลยเดินเข้าไปในครัวสั่งอาหารกัน ด้านในครัวมีพ่อครัว และพนักงานอีกหลายคนนั่งคุยกันอยู่ จากการสอบถามที่นี่มีอาหารให้เรากินแบบว่าหลากหลายเหนือความคาดหมายมากๆ เราเลยสั่งทั้งไข่เจียวที่ไม่ได้กินมานาน แกงจืด ผัดผัก แกล้มกับน้ำพริกที่เตรียมมา เรากับเพื่อนไม่มีปัญหาอะไรกินกันสบายอาการปวดหัวไม่สามารถทำอะไรเรา 2 คนได้เลย แต่พี่เขากินกับข้าวที่สั่งมาไม่ได้เลย ต้องเอาน้ำพริกคลุกกับข้าว (พี่เขาบอกว่ามันมีรสชาติที่คุ้นเคยมากกว่า) ระหว่างที่พวกเรากำลังเอร็ดอร่อยอยู่นั้น มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ทยอยเดินเข้ามากันบ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนทั้งนั้นเลย หลังจากท้องแน่นได้ที่แล้ว เดินเข้าไปในครัวจ่ายเงินค่าอาหารที่แพงกว่าปกติ (50 กว่าหยวน) ตามระยะทางและความลำบากในการขนวัสดุเข้ามา
ระหว่างที่เดินออกจากร้านอาหาร เราหันไปถามเพื่อนเราเรื่องห้องน้ำ แต่คำตอบที่ได้ฟังมาต้องเปลี่ยนใจทันที เพราะเพื่อนเราบอกว่าถ้ายังไม่หายปวดหัว หรือยังมีอาการคลื่นไส้อยู่ให้ไปเข้าส้วมรับรองหายทันที แค่เปิดผ้าที่ทำเป็นประตูขึ้นเท่านั้นแหละเพื่อนเราก็คายของเก่าออกมาทันทีเลย (ขนาดมาอยู่ที่จีนนี่ตั้งหลายเดือนแล้วนะยังรับไม่ได้เลย) เรากับเพื่อนเห็นว่าฟ้ายังไม่มืดเลยดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นเนินข้างๆ ไปถ่ายรูปกัน ส่วนพี่เขาเข้าเต็นท์ไปนอนเลย บนเนินลมแรงมาก ทำให้เรานึกถึงเต็นท์ที่พักถ้าไม่มีเนินบังอยู่ 3 ด้านละก็คงล้มคว่ำไปแล้วแน่ๆ อยู่บนเนินสู้แรงลมได้สักพักเดียวก็เผ่นเข้าเต็นท์หลบลมดีกว่า

พวกเราเข้าเต็นท์มาพี่เขาเงียบไปแล้ว ส่วนเพื่อนร่วมเต็นท์คนอื่นๆ ยังนั่งคุยกันเบาๆ อยู่ เรากับเพื่อนเลยค่อยๆ ปูที่นอน กางผ้าห่ม เตรียมตัวนอนเก็บแรงกันบ้าง เพราะพรุ่งนี้ตั้งใจไว้ว่าจะไปดูทะเลสาป 2 แห่ง คือ ทะเลสาปห้าสี (五色海, wusehai) และทะเลสาปน้ำนม (牛奶海, niunaihai) ในละแวกใกล้ๆ ที่พักกัน
Create Date : 25 ธันวาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 25 ธันวาคม 2550 9:23:32 น. |
| |
Counter : 722 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
 |
liminghui |
|
 |
|
|