°o.O อ้อมกอดจันทร์ O.o° ตอนที่ ๔



ก่อนเวลานัดเล็กน้อย ชงโคมาหยุดอยู่หน้าอาคารไม้สองชั้น รอบด้านรื่นรมณ์ไปด้วยพรรณไม้หลากสี คล้ายกับจะแข่งกันออกดอกอวดความงามแห่งตน หล่อนเดินผ่านเฉลียงที่เปิดโล่ง นักท่องเที่ยวกำลังนั่งคุยกันบ้างประปราย บ้างก็รับประทานอาหาร เลยเข้าไปด้านใน มีเสียงเซ็งแซ่ วุ่นวาย สลับกับการเดินขวักไขว่ของบริกร เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเย็น

ชงโคหยุดยืนสอดสายตาหาที่นั่ง พอดีกับพนักงานตอนรับเข้ามาเชิญให้ขึ้นไปบนชั้นสองของอาคาร ระหว่างทางเดินมีกระถางดอกไม้ประดิษฐ์ที่เรียนแบบธรรมชาติได้เหมือนจริง เรียงรายตามจุดต่าง ๆจนสุดทางเดิน บนชั้นสองถูกแบ่งเป็นห้อง ๆ หน้าประตูทางเข้าแต่ละห้อง มีชื่อเรียกต่างกัน ล้วนแต่เป็นชื่อของดอกไม้ทั้งสิ้น

ห้องที่พนักงานตอนรับพาชงโคมาหยุดยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเลื่อนเปิดประตูออก สิ่งที่สะดุดตาหล่อนมากที่สุดก็คือ ดอกไม้ที่จัดอยู่ในกระเช้าเถาวัลย์ถัก

ชงโคเชิดดอกช้อย..........งอนชู
เรียวกลีบบางชมพู...........แยกแย้ม
ใบเขียวคอดโค้งดู...........ดุจปีก แมลงนา
นึก-เลือดฝาดซับแก้ม......ก่ำคล้ายชงโค ฯ


ไม่นึกเลยว่าดอกชงโค เมื่อถูกจัดเป็นช่ออยู่ในกระเช้าที่ถักด้วยเถาวัลย์ ก็สวยงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่นเช่นกัน

ภายในห้องสี่เหลี่ยมมีสุภาพบุรุษสองท่านกำลังคุยกันเบาๆ เมื่อชงโคเดินผ่านประตูเข้าไป ทั้งสองจึงลุกขึ้นตอนรับ คนหนึ่งอยู่ในชุดเสื้อโปโลสีเลือดหมู กางเกงขายาวสีดำ ยืนยิ้มแบบไม่สนิทใจนัก เป็นคนที่คนที่คุ้นหน้ากันดีอยู่แล้ว ส่วนอีกคนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน กางเกงสีเนื้อ ใบหน้าค่อนข้างขรึม ชงโคเดาว่าน่าจะเป็นคนที่จ้างหล่อนมาทำงานเป็นแน่ และก็จริงดังคาด เมื่อรวิชญ์เดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยแนะนำ

“คุณต่ายครับ นี่ไพธน” ใบหน้าเรียบเฉย ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ เมื่อชงโคยกมือไหว้ พร้อมกลับกล่าวทักทาย

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบ” คำทักทายแจ่มใส เป็นไปอย่างสุภาพจากหญิงสาวหน้าแฉล้ม พลอยทำให้บรรยากาศภายในห้องเป็นไปอย่างเป็นกันเอง ไพธนจึงคลี่ยิ้มขึ้นอีก

“ยินดีเช่นกันครับคุณชงโค” พร้อมกับปรายหางตาอย่างมีความหมาย ไปที่เพื่อนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนหันไปเชิญชงโคนั่งลง

“เชิญนั่งครับ คุณชงโคจะทานอะไรก็เชิญสั่งได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเจ้าภาพไม่ใช่ผม” เจ้าของรีสอร์ทเอ่ยปากอย่างเป็นกันเอง

ชงโคมองไปตรงหน้าบุคคลทั้งสอง เห็นว่ายังไม่ได้สั่งอะไรกันมาเลย นอกจากแก้วเหล้าที่พร่องไปเกือบค่อนแก้วเท่านั้น แสดงว่าสุภาพบุรุษทั้งสองคน คงมาถึงก่อนหล่อนเล็กน้อย

“ขอบคุณค่ะ ดิฉันยังไม่หิว ขอแค่เครื่องเดิมเย็น ๆสักแก้วก่อนก็พอค่ะ”

ไพธนหันไปสั่งพนักงานสองสามคำ ไม่นานนักเครื่องดื่ม ๆเย็นก็มาเสิร์ฟ พร้อมกับแกล้มเพิ่มอีกเล็กน้อย

“เป็นไงบ้างครับ สำหรับงานผมหวังว่าคงจะไม่ยากเกินความสามารถคุณชงโคนะครับ” ไพธนพูดด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ

“ถ้าจะให้บอกตามความจริงก็นับว่าเป็นงานชิ้นที่ยากสำหรับดิฉันทีเดียวค่ะ”

“งั้นเลยเหรอครับ แต่ผมพอทราบมาจากว่ารวิชญ์ว่า งานไปได้สวยนี่ครับ” ไพธนหันไปมองเพื่อนที่นั่งจิบเหล้าตามสบาย

“ก็ต้องขอบคุณ คุณวิชญ์ล่ะค่ะ ที่ให้ความไว้วางใจ แต่..ถ้าให้ดี นายจ้างควรไปเห็นกับตาไม่ดีกว่าเหรอคะ"รอยยิ้มละไมประดับอยู่บนริมฝีปากคู่สวยขณะพูด "จะได้รู้ว่างานออกมาเป็นที่น่าพอใจหรือไม่”

ไพธนแทบสำลักเหล้าที่ดื่มเข้าไป เมื่อเจอคำตอบโต้อย่างเท่าทัน ไร้ความขัดเขิน ใบหน้าอ่อนเยาว์ผุดผาดไร้เครื่องสำอาง ไม่ได้บ่งบอกถึงวุฒิภาวะอันจะทำให้ดูแคลนได้เลย

“โอ้! เห็นจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ เพื่อความสบายใจของคุณชงโค ผมยินดีที่จะเดินตรวจงาน ตามที่คุณเห็นสมควร”

“ไม่ใช่ดิฉันค่ะ ริมฝีปากคนพูดยังเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม"คุณต่างหากที่เห็นสมควร”

“เอ! สองคนนี่ยังไงกันนะ” รวิชญ์พูดแทรกขึ้นอย่างขัดใจ

“เอาล่ะครับเราหยุดพูดเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า เห็นทีว่าเจ้าภาพจะไม่ค่อยพอใจ”

บุคลิกภายนอกของเจ้าของรีสอร์ทติดจะเคร่งขรึม ใบหน้าคมสันคล้ายกับว่าเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ริมฝีปากมีรอยละมุน แต่ก็ยังดูน่าเกรงขามอยู่นั่นเอง ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง ยังมองเห็นว่านัยน์ตาคมเข้มมีแววระยับต่างจากบุคลิกภายนอกโดยสิ้นเชิง

“ดิฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ”

“เป็นอะไรนายวิชญ์ นั่งเงียบเชียว” ไพธนหันไปถาม "ทั้ง ๆที่ก่อนหน้าที่คุณชงโคจะเข้ามายังคุยจ้ออยู่เลย"

“เปล่านี่” คำตอบเบาพร้อมกับคลึงแก้วเหล้าอย่างเหม่อลอย

“ไม่เป็นไรครับคุณชงโค เขามีหน้าที่เลี้ยงเราก็เลี้ยงไป เรามีหน้าที่กินกับคุยให้เขาฟังก็พอ” เสียงสัพยอกแกมเหน็บ ทำให้คนถูกเหน็บถอนหายใจอย่างอ่อนใจ

“พ่อคู๊ณ จะคุยอะไรกันก็คุยไปเถอะ อย่ามาแขวะชั้นได้ไหม” พูดจบก็ยกเหล้าดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะหันไปรินแก้วใหม่ให้ตัวเอง

“คุณวิชญ์คงไม่พอใจดิฉันมั้งคะ” ชงโคพูดยิ้ม ๆ

“หือ เรื่องอะไรกันครับ” ไพธนทำหน้าตื่นได้แนบเนียน มองคนโน้นที คนนี้ที

“โธ่! คุณต่ายล่ะก็"เสียงคนพูดละห้อย "ผมจะไม่พอใจคุณต่ายเรื่องอะไรกัน” ด้วยความตะขิดตะขวงใจยังไม่จางหาย ทำให้รวิชญ์มองหน้าหญิงสาวไม่สนิทใจนัก ทั้ง ๆที่หล่อนเองก็เหมือนว่าลืมเรื่องที่คุยกันเมื่อเช้าไปแล้ว

“ก็นั่นน่ะซิคะ ต่ายยังสงสัยอยู่เชียว” ใบหน้าเนียนซ่อนยิ้ม

“เฮ้อ! สองคนนี่ เล่นรุมผมคนเดียวเลย ” รวิชย์แกล้งโวยทำตาปริบ ๆ มองคู่สนทนาทั้งสอง ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

ไพธนมองดูเพื่อนด้วยความกังวลใจที่ซ่อนไว้อย่างมิดชิด หญิงสาวตรงหน้า เป็นคนซ่อนคมและฉลาดกว่าที่เขาเคยเจอ คงยากที่รวิชญ์จะพิชิดใจได้โดยง่าย

“คุณต่าย ไม่พาผู้ช่วยมาทานอาหารด้วยกันล่ะครับ จะได้รู้แนะนำกันทีเดียวเลย”รวิชญ์เอ่ยขึ้นบ้าง

“นายสินเขาไม่สะดวกน่ะค่ะ ฝากขอโทษคุณทั้งสองมาด้วย”

“งั้นเหรอครับ ยังไงก็คงได้เจอกันแน่ ๆ”ไพธนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ คล้ายไม่ได้ใส่ใจ นอกจากแววตาเท่านั้นที่ฉายแววมุ่งมาดอย่างประหลาด โดยที่คู่สนทนาทั้งสองไม่ได้ใส่ใจอะไรมากไปกว่าแค่เพียงคำปรารภธรรมดา

“คุณชงโคได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือยังครับ”นายจ้างหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเรียบ ๆ

“ยังเลยค่ะ ยังไม่มีเวลาพอ ดิฉันเห็นว่า ก่อนจะไปเที่ยวที่อื่นควรเริ่มจากที่นี่ก่อนดีกว่า ดิฉันเห็นว่าที่นี่ยังมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติสมบูรณ์อยู่มาก”

ใบหน้ายิ้มระรื่นของชงโคชื่นชมจริงใจ

“ครับ เราดูแลที่นี่อย่างดี ครั้งแรกที่มีการสร้างรีสอร์ทใหม่ ๆ ต้นไม้บางต้นที่เคยขึ้นตรงไหนก็ยังอยู่ตรงนั้นครับ หรือถ้าหากไม่สามารถเลี่ยงได้ ก็ใช้วิธีการย้ายไปปลูกในส่วนอื่น ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะสูงหน่อย ก็ดีกว่าตัดทิ้ง จึงเห็นว่าต้นไม้บางต้น มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น” ใบหน้าของคนพูด ๆ ละมุนละไมเต็มไปด้วยความภูมิใจ

“คุณคงรักที่นี่มากซินะคะ”

“ใช่ครับ ที่นี่เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของหลายคนเชียว จนมีตำนานประจำรีสอร์ท ที่ใครมาเที่ยวรู้จักกันดี” เสียงหัวเราะขบขันในลำคอ นัยน์ตาคมกริบมองแก้วเหล้าที่อยู่ในมือคล้ายกับเข้าภวังค์

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมองหน้าคนพูดด้วยฉงนปนความใคร่รู้

“คุณชงโค เห็นต้นปาริชาตที่อยู่ตรงนั้นหรือเปล่าครับ” ไพธนชี้มือบอก เห็นแต่เพียงเงาตะคุ่มของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ยืนต้นอยู่ท่ามกลางความมืด จนไม่สามารถจะมองได้ชัดเจน แต่ก็พอจะสันนิฐานได้ว่าเป็นต้นปาริชาต สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่กับต้นไม้มาตั้งแต่เด็กอย่างชงโค “ว่ากันว่าถ้าเอาดอกของปาริชาตไปวางไว้ใต้หมอน จะทำให้ฝันเห็นเนื้อคู่ แต่เฉพาะต้องทำที่รีสอร์ทนี้เท่านั้นนะครับ ถ้านำออกไปทำที่อื่น ผมก็ไม่แน่ใจนัก” นัยน์ตาคนเล่าระยับ โดยที่ไม่มีใครอ่านความคิดออก

ชงโคมองหน้าอย่างคลางแคลง เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน รวิชญ์เองก็เช่นเดียวกัน อยู่มาตั้งนานก็เพิ่งจะได้ยินตำนานเรื่องนี้ เป็นครั้งแรก

“เอ! ทำไมชั้นไม่เคยได้ยินเลยล่ะ” รวิชญ์เอ่ยขัดขึ้น

รอยยิ้มบนริมฝีปากของคนถูกถาม กลับมองหน้าคนถามอย่างมีความหมาย

“นายคงมัวแต่ยุ่งล่ะมั้ง ถ้านายไปถามพนักงานของที่นี่ดู รับรองได้เลย นายคงได้ยินตำนานพวกนี้ตั้งแต่วันแรก ๆที่เข้ามาพักแล้วล่ะ”

“คุณต่ายจะลองดูไหมครับ จะได้รู้ว่าหน้าตาเนื้อคู่เป็นยังไง” รวิชญ์หันมาถามอย่างกระตือรือร้น

“ไม่ล่ะค่ะ ต่ายไม่เชื่อเรื่องแบบนี้” พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ

“นายล่ะ” รวิชญ์หันไปถามเพื่อนบ้าง

“ไม่ล่ะ เรื่องพวกนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดชั้นเลย” ไพธนว่าด้วยสีหน้าเรียบ จับตามองลูกจ้างสาวอย่างคล้ายกับประเมินบางอย่าง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

"แต่ว่า..ชั้นอยากรู้แหะ หน้าตาเนื้อคู่ของชั้นเหมือนกับที่คิดหรือเปล่า" ความกระตือรือร้นของคนพูด ทำให้ชงโคอดแซวไม่ได้

"ถ้าไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ คุณวิชญ์จะทำไงคะ" น้ำเสียงที่สะกดกลั้นรอยขำขัน จนใบหน้าเป็นสีระเรื่อขึ้น พลอยทำให้คนพูดพอใจกับมุขของตน

"ก็ไม่เชื่อสิครับ" คำตอบหน้าตายของคนพูด ทำให้วงสนทนาเกิดเสียงหัวเราะขึ้นด้วยความขบขัน

"อ้าว! แล้วกัน" ชงโคปล่อยคิก เพราะคาดคำตอบได้อยู่แล้ว

"ก็มันไม่เป็นอย่างที่เราคิด จะเชื่อทำไมล่ะครับ ว่าไหมนายธน" ประโยคสุดท้ายโยนไปให้ที่พื่อนที่นั่งฟังเงียบ ๆ

ทั้งสองเห็นแค่เพียงรอยยิ้ม ที่เดาความหมายไม่ออก

“เอาล่ะ สั่งอาหารมารับประทานกันเถอะครับ ผมรู้สึกว่าท้องมันเริ่มประทวงเสียแล้ว”

ไพธนยุติการสนทนา โดยการหันไปสั่งอาหารกับบริกรที่เพิ่งเดินเข้ามา โดยที่ทั้งสองทันไม่เห็นว่าไพธนเรียกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

การรับประทานอาหารยุติลงหลังจากเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ชงโคจึงขอตัวกลับ โดยที่รวิชญ์อาสาจะเดินไปส่ง แต่ชงโคปฏิเสธบอกว่าอยากเดินเล่นย่อยอาหารสักครู่ก่อนนอน ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันหน้าร้านอาหาร





ชงโคเดินลัดเลาะผ่านสนามหญ้ามาตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐ ผ่านหน้าบ้านพักคนงาน ภายในบ้านมืดสนิทลงแล้ว จึงทำให้บริเวณบ้านค่อนข้างมืด จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีร่างหนึ่งนั่งนิ่งเป็นดุษฎีอยู่ริมระเบียงที่ตัวเองเดินผ่าน พอเดินพ้นจากพุ่มไม้มาได้ จึงประจันหน้ากับเจ้าของร่างนั้นเข้าอย่างจัง ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่กลัวความมืด จึงทำให้มีสติพอจะพิจารณาว่าเป็นอะไร จึงระงับความตระหนกไว้ได้ แต่กระนั้นก็เดือดดาลเจ้าคนที่นั่งนิ่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้

“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน”

หัวหน้าคนงานหันมามอง คล้ายกับว่าเพิ่งจะเห็นนายจ้างสาว ไม่ได้แสดงอาการลุกขึ้นมาตอนรับ เพียงแต่นั่งให้เรียบร้อยขึ้น ซึ่งชงโคเองไม่ใคร่จะใส่นักกับเรื่องแบบนี้

“ยังไม่ง่วงครับ” เป็นคำตอบเรียบเรื่อย ไม่แสดงความกระตือรือร้น หรือแม้แต่จะสนใจกับความหงุดหงิดของนายจ้างสาว ราวกับว่าหล่อนเสียอีกมารบกวนเวลาพักผ่อนของเขา

“ดีนี่ ถึงเวลานอนไม่นอน แล้วมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ” น้ำเสียงประชด จนอีกฝ่ายหันมาเผชิญตาด้วยสายตาตรง

“ดูว่าคุณต่ายออกจะหงุดหงิดนะครับคืนนี้” คำถามสุภาพ ไร้ร่องรอยการยั่วเหย้า แต่คนฟังกลับมองเป็นตรงกันข้าม เห็นว่านั่นแหละคืออาการยั่วโทสะหล่อนแบบนิ่มๆ

“ที่อารมณ์ชั้นไม่ดี คงเพราะเห็นหน้านายนี่แหละ”

“ผมเหรอครับ”สินเลิกคิ้วขึ้นทำหน้าฉงน พร้อมยกมือขึ้นชี้หน้าตัวเอง “ถ้างั้น..ผมต้องขอประทานอภัยที่ทำให้เจ้านายเสียอารมณ์ มีสิ่งใดบ้างที่ลูกจ้างคนนี้จะทำให้เจ้านายอารมณ์ดีขึ้นได้บ้างไหมครับ” สำนวนลิเกของหัวหน้าคนงาน ทำให้ชงโคเกือบปล่อยคิกออกมา

“ไปหัดพูดสำนวนลิเกพวกนั้นมาจากไหนอีกล่ะ” หล่อนอารมณ์ดีขึ้น

“ก็ตามทีวีล่ะครับ ผมเห็นว่ามันเท่ห์ดีก็เลยลองพูดมั้ง” คำตอบอ้อมแอ้ม ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม

“เท่ห์ตายล่ะ มันเชยสิไม่ว่า” คนพูดแสร้งทำหน้าตาย ทั้งที่อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ กลัวแต่ว่านายสินจะได้ใจ ที่ทำให้หล่อนหัวเราะได้

“อ้าว! เหรอครับ ผมนึกว่าคนฟังจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เหมือนที่นางเองในทีวีทำเสียอีก” คนพูดทำหน้าเรี่ย

“เฮอะ !..นายน่ะเป็นพระเอกไม่ได้หรอก นอกจากพวกคอยยั่วโทสะนางเอกเท่านั้นแหละ” เป็นคำพูดที่คนพูดไม่ได้ตั้งใจจะให้มีความหมายอะไร นอกจากจะตอบโต้ให้ทันเท่านั้น จนกระทั่งอีกฝ่ายไม่โต้กลับมานั่นแหละหล่อนจึงรู้ตัว

“นั่นซิครับ อย่างมากผมคงเป็นได้แค่ตัวประกอบเท่านั้นเอง” เป็นคำเปรยอย่างเจียมตน

รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นที่ริมฝีปากของหญิงสาว แต่..น่าเสียดายที่สินไม่ได้เห็น

“ก็ไม่แน่หรอก ถ้านายแสดงความจริงใจให้หล่อนเห็น ตัวประกอบอาจจะข้ามขั้นมาเป็นพระเอกเลยก็ได้ใครจะรู้”

ความเจียมตนเป็นสิ่งน่ารักพอ ๆกับน่ามั่นไส้ ที่ประกอบอยู่ในตัวชายผู้นี้ ทั้ง ๆที่มีหลายสิ่งหลายอย่างบ่งบอกว่าสินไม่ใช่คนสวนธรรมดา แต่..มันคืออะไร ชงโคไม่สามารถตอบตนเองได้เช่นกัน

ดวงตาของคนพูดวาบวับภายใต้ความมืดของราตรี หันข้างให้อีกฝ่าย จึงทำให้คนฟังมองเห็นหน้าไม่ถนัด จนยากที่จะเดาได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของนายจ้างสาว

“คุณต่ายก็พูดเป็นนิยายน้ำเน่าไปได้”คนพูดกลั้นเสียงหัวเราะ”จะผู้หญิงที่ไหนจะมารักคนที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองล่ะครับ”

เสียงหัวเราะคล้ายกับขบขันคำพูดของนายจ้างสาว ทำให้ริ้วคลื่นแห่งโทสะเข้าครอบงำของหญิงสาวอีกรอบ

“เราสองคนเห็นจะพูดจากันดี ๆไม่ได้ใช่ไหม ยวนให้เกิดโทสะซะเรื่อย”ชงโคแหวอย่างหงุดหงิดเป็นทำรบสอง “เอาเถอะแล้วแต่นายจะคิดก็แล้วกัน ชั้นไปนอนล่ะ”

ก่อนที่ชงโคจะเดินจากไป เสียงเรียกเบา ๆ ทำให้หญิงสาวที่กำลังจะก้าวเดินหยุดชะงัก หันกลับมาเผชิญหน้ากับหัวหน้าคนงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สินไม่เห็นความสดใสราวกับจันทร์กระจ่างฟ้าเหลืออยู่บนใบหน้าของหญิงสาวอีกแล้ว นอกจากความเยือกเย็นคล้ายกับมีไอหมอกบาง ๆปิดกั้นระยะห่างที่เพิ่งจะใกล้เข้ามลงอย่างสนิทอีกครั้ง

“คุณต่ายโกรธผมเหรอครับ ที่ผมพูดความจริง”

ภายใต้ดวงตาคมเข้มที่มองตอบมา ไม่ได้เฉยเมยอย่างที่เคยเห็นเป็นประจำ แม้ในความมืดชงโคยังเห็นว่า นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลใจและลุแก่โทษ

“ใครจะไปโกรธนายกัน นายพูดถูก คงไม่มีผู้หญิงหน้าโง่ที่ไหนเลือกผู้ชายที่ดูถูกตัวเองมาเป็นคู่ชีวิตหรอก”

ท่ามกลางความเงียบที่เกิดชั่วขณะ ได้ยินเพียงถอนหายใจอย่างอ่อนใจของหัวหน้าคนงาน สรรพสำเนียงต่าง ๆก็พลอยหยุดส่งเสียง ราวกับรอฟังการสนทนาว่าจะออกมาในรูปใด

จนกระทั่งเสียงกระซิบจากหัวหน้าคนงานเอ๋ยทำลายความเงียบขึ้น

“คุณต่ายไม่น่าจะพูดประชดผมแบบนี้เลย”

“ประชดเหรอ..ชั้นพูดความจริงต่างหาก” ใบหน้าคนพูดเชิดขึ้น “ถ้านายอยากจมอยู่ในความต่ำต้อยของตัวเองก็ตามสบายเลย ชั้นก็ไม่มีอะไรจะพูด”

“คุณต่ายครับผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” คำปฏิเสธไม่เต็มปากนัก

“งั้นเหรอ ชั้นคงโง่เกินไปที่ตีความหมายของนายผิด” ชงโคกระแทกเสียงอย่างประชด

“คุณต่ายครับ” น้ำเสียงเรียกนุ่มนวลระรื่นหู “ผมขออภัย หากคำพูดของผมทำให้นายจ้างระคายหู ผมไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกความต่ำต้อยของตัวเอง และไม่ได้ดูถูกไปถึงหญิงผู้นั้นด้วย”

ความมืดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ พลอยทำให้ชายตรงหน้าดูลึกลับขึ้นไปอีก คำพูดที่ฉลาดเกินสภาพคนสวน มักจะแสดงออกมาเสมอ หากโอกาสเอื้ออำนวยให้ได้สนทนากันโดยที่ไม่มีใครอื่นร่วมด้วย

“ชั้นเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ภายใต้ท่าทางสุภาพ ได้ซ่อนความฉลาดไว้อย่างแนบเนียน” เป็นคำเปรยที่แฝงความเท่าทันไว้อย่างฉลาด

สินสบตากับนายจ้างอย่างเปิดเผย ไร้วี่แววความตื่นตระหนกในแววตาทั้งคู่เขาเองรู้มานานแล้วว่า หากแสดงพิรุธให้หล่อนเห็นเพียงนิดเดียว คงไม่พ้นสายตาคมกริบนั้นจับได้เป็นแน่

"คุณต่ายเห็นผมเป็นอย่างนั้นเหรอครับ ช่างยกย่องคนสวนนี้เหลือเกิน"คำพูดรับคำชมอ่อนน้อมสุภาพ

"ถ้านายเห็นว่านั้นเป็นคำยกย่องความฉลาดของนายล่ะก็ ชั้นเองคงไม่ปฏิเสธ แต่นายก็อย่าลืมแล้วกัน ความลับไม่มีในโลก" คำพูดสะบัด แม้ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาก็พอจะเดาใบหน้าของอีกฝ่ายได้ มันคงเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยหล่อนเป็นแน่

“ผมรู้ว่าคุณต่ายเป็นคนฉลาด แม้กระทั่งการคุยกันธรรมดา คุณต่ายยังจับผิดผมอยู่ตลอดเวลา คงมีสักวันมั้งครับคุณต่ายคงหาความผิดให้ผมจนได้"

รอยยิ้มบาง ๆบนริมฝีปากหนาได้รูป บ่งบอกความระอา พร้อมกันนั้นก็แฝงไว้ด้วยความท้าทายให้หล่อนค้นหาสิ่งที่สงสัยต่อไป

"อ้อ! หมายความว่าชั้นกำลังหาเรื่องนายอยู่ใช่ไหม?สักวันหนึ่งหรอกชั้นคงได้รู้ว่านายต้องการอะไร"

"อาจจะเป็นสิ่งที่คุณต่ายนึกไม่ถึงก็ได้ครับ"เสียงตอบเบาราวกับกระซิบ จนหล่องเองแทบไม่เชื่อหูว่าจะได้ยินคำกล่าวนั้นผ่านออกมาจากปากหัวหน้าคนงาน

รอยยิ้มลึกเร้นเต็มไปด้วยปริศนา นัยน์ตาคมกริบมองนายจ้างสาวแปลกไปกว่าทุกครั้ง ซึ่งชงโคเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดหรือเพราะความสลัวของราตรี

ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง จนชงโคได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่ระรัวขึ้นอย่างประหลาด พร้อมกับใบหน้าระเรื่อขึ้นอย่างบังคับไม่ได้ ดีแต่ความมืดช่วยซ่อนไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

น้ำเสียงที่โต้กลับจึงบังคับมิให้เป็นปกติ

"บอกให้รู้ล่วงหน้าก็ดี ต่อไปชั้นจะได้ระวัง"

พอพูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไป ปล่อยให้ให้สินนั่งขันคำพูดของหล่อนอยู่เบื้องหลังเพียงผู้เดียว

ลับรูป..หากคะนึงยังตรึงอยู่
ด้วยสุดกู้กลับชาติ..แรงปรารถนา
จากอบอุ่นอ่อนหวานที่ผ่านตา
ก็เหมือนว่าแฝงเร้น...อยู่เช่นนั้น


นัยน์ตาเข้มของหัวหน้าคนงานมองตามร่างระหงที่เดินลิ่วไปอย่างไม่ยอมเหลียวหลัง ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มอย่างสุขใจ ก่อนเดินเข้าในบ้าน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย

การสนทนาของทั้งคู่ที่เพิ่งจบไป ได้ตกอยู่ในสายของบุคลที่สามที่แฝงเร้นในความมืดโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว




ขอจันทร์




ขอบคุณโคลง,กลอนจากบล็อกพี่ (¯` สดายุ´¯) ค่ะ ส่วนใครอยากอ่านบทเต็มก็ตามลิ้งไปเลยค่ะ โคลง (¯` ชื่นฤดี...ฉมลดา ´¯) กลอน (¯` เจ้าอ่อนเอย ´¯)


°o.O อ่านย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ O.o°

(¯` ตอนที่ ๓´¯)
(¯` ตอนที่ ๒´¯)
(¯` ตอนที่ ๑´¯)


Published on : 15 กรกฎาคม 2552 22:50:22 น.
-แก้ไขโคลง (ตามที่พี่สดายุแก้ไขให้ใหม่ค่ะ)
-แก้ไขคำผิดและเพิ่มเติมนื้อหาบางส่วน
-ปลดล็อกคอมเม้นต์(อันนี้ตัวเองเม้นต์เองไม่ได้ ถ้าไม่ได้ล็อกอิน)
-แก้ไขบีจี





Create Date : 15 กรกฎาคม 2552
Last Update : 5 ตุลาคม 2552 22:54:55 น.
Counter : 3390 Pageviews.

44 comments
  
เค้าเห็นเม้นต์ตัว เลยเดินตามมาดู แต่ไม่ได้อ่าน
แบบละเอียดเน้อ ง่วงแล้ว

เอาไว้ค่อยกลับมาอ่านต่อวันหน้า ว่าแต่ใช่คนที่
เค้าบรรยายไว้ป่าว ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ล่ะ 555+
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:29:05 น.
  
อัล..

บรรยายอะไรอะ ใช่เรื่อง "ผู้หญิงผิวสีงาช้าง
นุ่งผ้าจีบลายทอง ห่มสไบปัก... ใส่
ทับทรวง"รึเปล่า หรือว่าเรื่องอะไร
มาทิ้งไว้อย่างนี้เดี๋ยวตอบผิดเรื่อง

เค้าไปถามตัวเองไว้ที่บ้านโน้นนะ
ถ้าไงก็ช่วยออกความเห็นให้ด้วยนะ

ใช้โคลงบทนี้ไปก่อนนะ เผื่อพี่ท่าน
จะแก้ให้ใหม่ หรือถ้าไม่แก้ ก็ต้อง
ให้ตัวช่วยแล้วล่ะ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:24:17 น.
  
เอ้อ... ก็เขียนเรื่อยเปื่อยไว้เรื่องเดียวนั่นแหละ...
ถ้าตอบไปคนละเรื่องสิดี เค้าจะได้ชวนออกทะเล
หาเรื่องกินปูกินปลาซะเลย 555+

..ยิ้มอร่อย..

โคลงน่ะ... เดี๋ยวเค้าตามไปดูจ้ะ
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:33:04 น.
  
อัลเอ๊ย..อยากกินอาหารทะเลก็ไม่บอกแต่แรก
ไม่งั้นก็ได้ออกทะเลสุดโต่งไปแหละ

เค้าได้โคลงใหม่มาลงแหละ พร้อมกับแก้ไข
ช่วงท้ายตอนใหม่ด้วย ไม่รู้อ่านกันรู้เรื่อง
รึเปล่า รู้แต่ว่าคนเขียนมึนกะชีวิตไปแล้ว
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:43:11 น.
  
เอาไงเอากัน... เตรียมแพไว้ด้วยล่ะ
พวกเรา..ลอยแพ..กันเองสองคน
ท่าจะสงบดีเนอะ เวิ้งน้ำกับท้องฟ้า
ที่มองไม่เห็นปลาย... กับ mp3 คน
ละเครื่อง สร้างมู้ดกันเองแบบ...
เลือกเพลงเอาเอง อยู่ในโลกกว้าง
บรรยากาศน่าจะสบายเนอะ

เค้าชวนตัวให้มึนชีวิตมากกว่าเดิม
รึเปล่า?

บางที... เค้าอาจจะไม่เหมาะกับ
เมืองกรุงก็ได้นะฝน อย่างไปบ่อย ๆ
เข้า ชักรู้สึกถึงความไม่ลงตัวของ
วิถึชึวิตน่ะ

จริงอยู่ที่ความเจริญทางเทคโนโลยี
เป็นข้อเด่นของสังคมเมือง แต่เค้า
กลับรู้สึกถึงการขาดจิตวิญญาณของ
ธรรมชาติ...

กลับบ้านเหอะฝน อย่าเป็นสาวชาวกรุง
นาน ๆ เลย เค้าเหนี่อยแทนตัวแล้ว...

^
^
พออ่านมาถึงตรงนี้ ตัวคงรู้แล้วว่า เค้าหลง
เข้าลัทธิธรรมชาตินิยมไปแล้ว และออกจะ
เพี้ยนอีกตะหาก 555+

ช่วงนี้อ่านหนังสืออะไรมั่ง ส่วนเค้านะ ยัง
ไม่ได้อ่าน..พิภพมนตรา..จนกระทั่งบัดนี้
..ยิ้มแจ่มยังไม่จาง..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:12:27 น.
  
ใครบอกกลับเร็ว... ยังไม่ได้กลับตะหาก
เล่นตรงนี้แหละ ขืนรอกลับก่อนนะ
เค้าคงไม่ได้เล่น หรือไม่ก็ไม่ต้องนอน
น่ะตัว...
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:16:05 น.
  
แพคงไม่เหมาะกับทะเลกว้างล่ะมั้ง
มีหวังแพจะแตกได้ง่าย ๆหากเจอ
คลื่นในทะเล

โห้! ช่วงนี้เข้ากรุงเทพฯบ่อยเหรอ?
อยู่เมืองกรุงฯก็สบายไปหลายอย่าง
แต่ไงก็ไม่สุขสบายเหมือนบ้านเราหรอก
เค้าอยู่มานานก็ยังไม่เห็นว่าเมืองกรุง
น่าพิสมัยเท่าไหร่เลย

เค้าอยากกลับบ้านเหมือนกัน แต่..ยัง
ไม่ใช่ตอนนี้ คงอีกไม่นานหรอก ข้าเจ้า
จะปิ๊กบ้านบ้าง

แต่บอกไว้อย่างนะ ที่บ้านเค้า ไม่มีเน็ทเล่น
เราติดต่อกันได้ทางโทรศัพท์หรือไม่ก็เขียน
จดหมายหากันเท่านั้น

วันนี้ไมเราคิดตรงกันจังเลยอะ เค้ากำลังนึก
อยู่ว่า ตัวมีเวลาอ่าน "พิภพมนตรา"บ้างรึยัง
ก็ได้คำตอบโดยไม่ต้องถาม

ช่วงนี้กำลังอ่าน "รัตนโกสินทร์" อ่านมาได้
หลายวันแล้ว ยังไม่จบเลย
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:35:06 น.
  
คนเราอะนะ เวลาคิดถึงกัน ก็มี..ปาฏิหารย์..เกิด
ไดเสมอ... ..ยิ้ม..

แสดงว่า "รัตนโกสินทร์" ไม่ดึงดูดน่ะสิ ถึงอ่านช้า

เอาเรื่องอื่นมาอ่านเหอะ ไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนหรอก
เสียสายตาเปล่า ๆ นะ
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:39:26 น.
  
เค้าออกไปละเน้อ แล้วค่อยคุยกันใหม่

ฝนก็อย่านอนดึกล่ะ ให้เค้านอนดึกจน
..สวยน้อย..แค่คนเดียวก็พอ เก็บคว่าม
สวยที่เหลือให้ฝน..สวยมาก ๆ..
..ยิ้มหวาน..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:47:29 น.
  
แสดงว่าวันนี้เราใจตรงกันม๊ากมากล่ะซิ
ถึงนึกเรื่องเดียวกันได้

จะว่าไงดี เค้าอ่านแต่ตอนเช้า ช่วงก่อน
ไปทำงานเท่านั้น ก็ประมาณครึ่งชั่วโมง
จะว่ามันไม่น่าสนใจก็ไม่น่าจะใช่ มัน
เรื่อย ๆมาเรียงๆไม่ค่อยดึงดูด อย่าง
พวกแนวสืบสวนหรือพ่อแง่แม่งอน
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:48:00 น.
  
อือม์..แล้วค่อยคุยกันใหม่


อัล..อย่านอนดึกมากนักนะ ความสวยขอ
ให้มีเท่า ๆกันดีกว่า แค่นี้เค้าก็สวยจนไม่มีใคร
อยากได้แหละ(กล้าพิมพ์เนอะ)ถ้าตัวให้เพิ่ม
มาอีก เค้าก็หมดหวังนะซิ..เอิ๊ก
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:12:06 น.
  
อ้าว... แล้วไม่อ่านตอนเย็นด้วยล่ะ
จะได้จบ ๆ ไปซะ ไม่งั้นตัวก็จะคา
ใจอย่างงี้ อ่านก็งั้น ๆ ไม่อ่านก็เสีย
ดายตังค์ซื้อมาแล้ว (เดาเองเน้อ...)

ส่วนความสวย ไม่เป็นไรนะฝน...
เค้าเกรงใจ ยกให้ฝนน่ะดีแล้ว อย่า
ให้เค้าเอาไว้เป็นทุกข์เลย... คนที่
สวยมาก ๆ มักมีเรื่องให้ทุกข์น่ะนะ
และก็เป็น..ทุกข์..อันมีความสวย
เป็นต้นเหตุนั่นแหละ

นี่ออกแนวหวังดีประสงค์ร้ายรึเปล่า
เนี่ย 555+

ตัวอย่าเอาไฝออกล่ะ เดี๋ยวขายออก
แล้วเค้าจะเหงาแย่ ..อมยิ้ม..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:34:10 น.
  
เย็นนี้เค้าไม่เข้าบล็อกเน้อ คุยกัน
ทิ้งไว้ให้ฝนเลย... ฝนมาก็เม้นท์
ฝากไว้ละกันเผื่อพรุ่งนี้เช้าเค้าได้
เข้าบล็อกจะได้มาตอบ

เอ้อ... อีกประการหนึ่ง วันจันทร์
เค้าตั้งใจจะไปไปรษณีย์ให้ได้...
ถ้า...ไม่มีอะไรมาเบรกไว้อีกนะ
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:34:57 น.
  
ตอนเย็นก็เขียนนิยายบ้างดูทีวีบ้าง
เลยไม่ค่อยได้อ่าน คล้ายกับว่ามีธุรกิจ
รัดตัวเลยอะ

เอาแล้วไง จู่ ๆก็ยกทุกข์มาให้ซะงั้น
เค้าไม่อยากเป็นทุกข์เหมือนตัวนะ
ที่มีความสวยเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์

ยังไม่เอาออกหรอก กลัวจะสวยเกิน
สวยแค่นี้คิดว่าคงพอแล้ว..555+

หวังว่าคงไม่มีใครสนใจคนเพี้ยนสอง
คนคุยกันหรอกเนาะ

เย็นนี้ตัวไม่อยู่ งั้นพรุ่งนี้ค่อยมาคุย
กันต่อแล้วกันนะจ๊ะ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:34:07 น.
  
ใช่ดิ... ยุ่งมากถึงมากที่สุด แถมฟาวล์เรื่องส่งของ
ให้ฝนด้วย ก็เค้าแยกร่างไม่ได้อะตัวเอง แง ๆ ๆ

นี่เค้าพักรบ เอ๊ย! พักธุระมาคุยก่อน กลัวเฉาตาย
555+

จะคุยเรื่องอะไรดีหว่า... อืม... เอางี้ เค้าคุยเรื่อง
ที่ตัวว่าอาจจะกลับบ้านก็ได้เนอะ

ตัวว่าที่บ้านไม่มีเน็ตใช่ปะ ไม่เห็นเป็นไร เราก็
อาศัยจดหมายในขวดลอยน้ำข้ามไปคุยก็ได้นี่...
แต่ต้องค้นหาเส้นทางแม่น้ำลำธารให้ดี ๆ ไม่งั้น
มีหวังขวดจดหมายของพวกเราผ่านเจ้าพระยา
ออกทะเลอ่าวไทยแน่ ๆ เอิ๊ก ๆ ๆ อ้อ... หรือจะ
ฝากนกพิราบสื่อสารดีน้อ แต่ก็ต้องจับเจ้าพิราบ
ฉีดวัคซีนทามิฟูลกันหวัดนกด้วยล่ะ ไม่งั้นร่วง
แถวพิจิตรแล้วพวกเราจะขาดการติดต่ออีกน่ะ
555+

คุยไปคุยมาจะกลายเป็น..คนบ้า(เค้าเอง)..ชวน
..คนปกติดี(ฝน)..คุยกันซะแล้ว ..ขำตัวเอง..
และ
ถ้าฝนคุยรู้เรื่องด้วยเนี่ย ตัวก็เข้าข่าย..บ้า..พอ ๆ
กับเค้าล่ะ!
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:32:32 น.
  

พักธุระมาคุย แปลว่างานยังไม่เสร็จ
สงสัยคงดึกอีกล่ะซิคืนนี้

บ้ากับดี จะคุยกันรู้เรื่องได้ไง
มันต้องบ้ากับบ้า หรือไม่ก็
ดีกับดีซิ ตัวเลือกเอาแล้วกัน
ว่าจะบ้าหรือดี

ส่วนเค้าเลือกตามตัวเองนะ
เราจะได้คุยกันรู้เรื่อง

ฝากขวดลอยน้ำ กับนกพิราบ
ชาตินี้เราจะได้คุยรึป่าวเนี่ย
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:46:16 น.
  
ใช่ ยังไม่เสร็จ คงดึก... แต่เค้าไมรีบร้อน ง่วง ๆ
ก็ค่อยหยุด แล้วต่อพรุ่งนี้ ช่วงมืด ๆ แบบนี้ สงบดี...

อ๋อ... ถ้าขวดกับนกไปไม่ถึง ก็ส่งทางใจได้อยู่เนอะ
นั่งหลับตาสักห้านาที กำหนดลมหายใจเข้าออก
พอสงบปุ๊บก็เริ่มฝากข้อความไปถึงกันเลย 555+

ตกลงเค้าเลือก..บ้า..เน้อ เอิ๊ก ๆ ๆ
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:30:06 น.
  
ติดละครเหรอ วันนี้ช่องสามมีหยกลายเมฆนี่นา
เค้าไม่ค่อยได้ติดตามนะ แต่ได้ฟังเพลงแล้วถูกใจ

คืนนี้คุยแค่นี้แหละ...

ฝนฝันดีนะ ..ยิ้มหวาน..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:40:19 น.
  
นางเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดค่ะ
แอบไปเที่ยวมา...

ตอนใหม่ออกแล้ว เดี๋ยวอาทิตย์นี้
จะแวะมาอ่านอย่างละเอียดนะคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:31:39 น.
  
อัล..

จะใช้โทรจิตคุยกันยิ่งแล้วใหญ่นะซิ
แค่นั่งหลับตาปุ๊บ ต้องออกกำลังจับลิงปั๊บ
จิตมันไม่นิ่ง ยิ่งหลับตายิ่งคิดเรื่อยเปื่อย
แต่ไม่เป็นไร เดียวเค้าฝากข้อความไปกับ
ลิงก็แล้วกัน ส่งไปป็นโค๊ดนะ ถ้าไปไม่ถึง
หรือหลงทาง จะได้ไม่มีใครอ่านออก..555+

เค้าติดเชื้อตัวเองแล้วอะ หรือว่าเค้าเป็นพาหะ
เอาเชื้อไปติดตัวเองหว่า?..เอิ๊กๆๆๆ


ตอนนี้ติดหยกลายเมฆ คืนนี้จะจบแล้ว ไม่รู้
ไปไงมานะ มาติดเรื่องนี้ซะได้







คุณนางขา..

แอบไปเที่ยวไม่บอกกันเลย ฝนก็นึกว่า
งานยุ่งหรือไม่ก็ไม่สบายเสียอีก แต่ไม่เป็น
ไรก็ดีแล้วค่ะ

ฝนว่าเนื้อเรื่องมันวนอยู่กับที่ยังไงไม่รู้เนอะ
สี่ตอนเข้าไปแล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย
คุณนางอ่านแล้วช่วยบอกฝนที ว่ามันใช่อย่าง
ที่ฝนคิดรึป่าว อันนี้ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ว่ามาได้
เลยมีแต่คนกันเองทั้งนั้น
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:08:27 น.
  
ฝนเอ๊ย...

หยกลายเมฆ... ก็สมควรถูกติดอยู่ เนื้อเรื่องสนุกดี
นักแสดงก็น่าสนใจ เหมาะกับคนมีเวลา

ไม่ต้องกังวลหรอก อยากดูละครก็ดูไป เค้าเองถ้ามี
เวลาก็อยากดูนะ ..ยิ้ม..

ฝันดีนะฝน
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:29:46 น.
  
นางไปเที่ยวทางอีสานมาค่ะ
ขอบอกว่า...เป็นสถานที่ที่โรแมนติกมาก (สำหรับนาง)
จนน่าเอามาเขียนนิยาย

เอาไว้เฉลยจากรูปอีกทีแล้วกันนะคะ
ตอนนี้ยั่วให้คุณฝนอยากรู้ไปก่อน อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:45:44 น.
  
ฝน

มีสิ ก็เวลานอนไง
อ้อ... เวลาที่แว้บ
มาบล็อกก็ถือเป็น
เวลาพักผ่อนนะ...

..ยิ้มหวานเจี๊ยบ..

หาของเปรี้ยว ๆ มา
ตัดยิ้มเค้าด้วยล่ะ...
555+
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:35:51 น.
  
ฝนเอ๊ย...

วันนี้เค้าแวะมาดูบล็อกบ่อย ๆ เลย
แต่ไม่ยักกะเจอฝนนะ...

สงสัยใจเราไม่ตรงกันซะแล้ว เวรกรรม...

คิดถึงจ้ะ ..ยิ้มเล็ก ๆ..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:23:08 น.
  

อัล...

วันนี้เค้าก็นั่งคิดถึงตัวอยู่นะ
แต่..ใจเราดันไม่ตรงกันซะนี่
สงสัยแรงคิดถึงจะยังไม่พอ





คุณนาง..
ฝนรอของฝากอยู่นะคะ
โดย: หยาดฝน IP: 192.168.50.144, 58.136.8.46 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:46:40 น.
  
จริง ๆ เค้าน่าจะบอกฝนก่อนอะ
วันนี้เค้าว่างจัด... แต่ต้องเฝ้าจอ
เลยเวียนไปเวียนมาแถวนี้แหละ
รื้ออ่านบล็อกเพื่อน ๆ จน พรุน
555+

ตอนนี้เค้าออนเอ็มรอฝนอยู่นะ

ถ้าฝนยังอยู่แถวนี้ ออนมาเลยล่ะ
เค้าอยู่รอถึง 3 ทุ่มครึ่งจ้ะ
..ยิ้มกว้าง..

ถ้าไม่เจอกัน ก็ราตรีสวัสดิ์ไว้เลย
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:20:13 น.
  
มาอรุณสวัสดิ์คุณฝน
ก่อนไปทำงานค่ะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:43:10 น.
  


ฝนจ๋า

คิดถึงเช่นกันค่ะ
หอบมาเต็มเข่งด้วยน๊า
มารับซะดีดี อิอิ
ฝนสบายดีนะคะ

โดย: Nok_Noah วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:44:42 น.
  
มาอ่านแล้วค่ะคุณฝน

ช่วงต้นที่เขียนบรรยายห้องอาหาร

"นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังนั่งคุยกันประปราย"

นางว่าวรรคนี้อ่านดูแล้วรู้สึกขัดแย้งในตัวอยู่นะคะ
"หลายคน---ประปราย"


แต่นางชอบมุขที่...รวิชญ์...ตอบนางเอกเรื่องต้นปาริชาติ
อ่านแล้วอมยิ้มตามได้เลย

อ่านแล้ว...ก็อยากรู้ขึ้นอีกจริงๆ
ว่าใครน้อ...จะเป็นพระเอกของเรื่อง


คืนนี้หลับฝันดีนะคะคุณฝน
ส่วนนาง...จะไปหาดอกปาริชาติมาวางใต้หมอนซะหน่อย...อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:51:39 น.
  
ฝนเอ๊ย...

เล่น ๆ ไปเหอะ ทายผิดน่ะ
ดีกว่าไม่ได้ลองทายเน้อ...

แล้วเค้าจะบอก hint ให้รู้
นิดนึง คำตอบอาจเปลี่ยน
ได้ทุกวัน แล้วแต่คนตั้ง
โจทย์ 555+

เค้ากำลังคิดว่า หน้าบล็อกถัด
ไปควรทำเรื่องอะไรดี ช่วย
เค้าคิดหน่อยดิ แล้วที่ตัวเคย
รับปากจะดีไซน์ให้เค้าสัก
หนึ่งหน้าล่ะ เมื่อไหร่จะได้
กี่ปีแล้วเพื่อน เฮ้อ...

งานนี้ ไม่ขอจันทร์ แต่
ทวงจันทร์ 555+

ฝันดีนะจ๊ะ
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:25:31 น.
  
มาลงชื่อให้เห็นครับ
กลัวถูกกล่าวหาว่าย่องเบา อิอิอิ
โดย: พี่ชาย IP: 125.24.161.236 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:37:26 น.
  
อัล

คืนนี้ ไม่มีจันทร์ให้ทวงอะ ฟ้ามื๊ด มืด..อิอิ
คำตอบเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ งั้นถ้าตั้งโจทย์ใหม่
ก็บอกด้วยแล้วก็ เค้าจะได้คิดคำตอบใหม่








นกจ๋า

ส่งมาเลยจ้ะ กำลังรอรับอยู่ ว่าแต่หลายเข่ง
ปะคะ ฝนสบายดีค่ะ ชีวิตก็เรื่อย ๆ ยังไม่มี
อะไรน่าตื่นเต้นเข้ามาในชีวิตเช่นเดิม








คุณนาง

ฝนแก้ไข ตามที่คุณนางชีบอกแล้วนะคะ
และก็เพิ่มเติมแก้ไขบางส่วนนิดหน่อยด้วย

พระเอกของเรื่องจริง ๆแล้วฝนมีอยู่ในใจแล้ว
แต่ว่า..เขียนไปเขียนมาอาจเปลี่ยนแปลง
ตามใจคนเขียนก็ได้ค่ะ..เอิ้กๆๆ








พี่ชายคะ..

ดีใจจังค่ะ ที่พี่ชายแวะมา (และก็ลงชื่อไว้ด้วย)
ถ้ามาแล้วก็ต้องแวะมาบ่อย ๆด้วยนะคะ

แต่ไม่มีขนมเลี้ยงนะ เจ้าของบ้านทานหมดแล้ว
ถ้าไง..ครั้งหน้า พี่แวะมาอีกล่ะก็ เอาอะไรติดไม้
ติดมือมาฝากด้วยนะคะ..เอิ๊กๆๆ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:01:26 น.
  
ฝน

การ์ตูนเรื่องอะไรเหรอ... เค้าไม่ได้อ่านการ์ตูนมา
พักใหญ่แล้ว และก็ยังไม่มีเวลาจะอ่านอีกต่างหาก...

ช่วงนี้เค้าต้องอ่านเพื่อศึกษาวิธีเอาชนะปัญหา
ต่าง ๆ จากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จน่ะ...

เอาไว้อ่านไปได้พอประมาณอาจจะพักผ่อน
โดยการอ่านการ์ตูนก็ได้

หลับฝันดีนะฝน... ..ยิ้ม..

อ้อ... เรื่องฝันเห็นงู อย่าภาวนาให้เค้าเลย ฝันเห็น
ไปหลายรอบแล้ว 555+
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:23:21 น.
  
แวะมาถามคุณฝนว่า...
จะรับป้ายที่คุณฝนทักไว้ที่บล็อกนางกี่อันดีคะ
เผื่อคุณฝนจะเก็บไว้สร้างจินตนาการเขียนนิยาย อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:34:46 น.
  
อัล

การ์ตูนที่เพิ่งได้มาใหม่ “มัจจุราชหมายเลข 9”
อ่านชื่อแล้วอย่าเข้าใจผิดนะ เป็นการ์ตูนผู้หญิง
นางเอกเท่ห์มาก ทั้งสวยทั้งหล่อในคน ๆเดียว
แถมเก่งอีกต่างหาก

โอ้ย ๆ แม่นาง ฝันเห็นงูหลายตัวแล้วเหรอ จับได้
ซักตัวยัง หรือว่าปล่อยเข้าป่าไปหมดแล้ว ตาม
ประสาคนรักสัตว์






คุณนางเจ้าขา

ไม่เอาซักอันได้ไหมคะ นี่ขนาดยังไม่รับมาสักอัน
ก็มีแววว่าจะได้ขึ้นไปอยู่บนนั้นซะแล้ว สงสัยฝน
จะมีพระดี(เกี่ยวกับพระตรงไหนเนี่ย) เลยไม่ค่อยมี
ใครกล้าเข้าใกล้..เอิ๊กๆๆ
โดย: หยาดฝน IP: 128.1.20.163, 124.120.0.88 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:34:39 น.
  
ฝน

ช่วงนี้เค้างานยุ่งอะ... เครียดก็เครียดนะ คือมีเรื่อง
ร้านให้คิดตลอดเวลานั่นแหละ ก็อย่างที่เคยบอกไว้
เค้าเริ่มกิจการตอนภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ อะไร ๆ ก็
ยากกว่าเวลาปกติอยู่แล้ว... เค้าถึงต้องพยายามเอา
ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาเป็นกำลังใจ
ให้เดินต่อไป

เค้ามีปัญหาในบ้านด้วย แต่ไม่ได้เล่าให้ฝนฟัง ไงก็
ไม่ต้องกังวลนะ พอทำงานเยอะ ๆ ก็เอาใจไปจดจ่อ
ที่งาน... อะไรที่หนัก ๆ ก็เหมือนจะเบาลงได้ในชั่ว
ขณะที่ทำงาน แต่ก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา จริงปะ?
เรื่องที่ยากที่สุดคือ เราไม่สามารถแก้ได้ทุกปัญหานี่
สิ... ก็เลยต้องอาศัย..ปัญญา..มาพิจารณาหาหน
ทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ..ยิ้ม..

เค้าลาพักบล็อกช่วงหนึ่ง... ไปอ่านเหตุผลได้ที่บล็อก
คุณนางเน้อ ขี้เกียจพิมพ์ซ้ำ... แล้วฝนก็อย่าเพิ่งชิ่ง
ไปเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ล่ะ เผื่อไปไหน มีอะไรน่าสน
จะได้โทรฯ ไปเล่า (แบบสั้น ๆ หมดแรงพูดยาวแล้ว
555+) และเบอร์ที่จะโทรไปก็เป็นเบอร์ใหม่อีกแล้ว
ครับท่าน เอิ๊ก ๆ ๆ พวกเราซื้อซิมเป็นว่าเล่นเลยเนอะ
ประมาณว่า ใช้แล้วทิ้ง 555+
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:50:02 น.
  
อัล

ตามสบายเลยอัล ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเค้าจะคิดถึงตัว
แค่ไหน..(เวอร์ไปเนอะ) แต่บินไป-กลับภายในไม่
กี่ชั่วโมงต่อวันนี่ เค้าว่าอัลจะน๊อคก่อนนะซิ ยังไงก็
ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนะ เค้าคงไปตามอ่านนิยายเรื่อง
ที่ค้าง ๆไว้นั่นแหละ ไม่เหงาหรอก(กัดฟันพิมพ์) ถ้า
ไงก็อย่าหายไปเลยแล้วกัน ส่งเสียงมาบ้าง หรือจะ
ข้อความมาบอกบ้าง พอให้รู้ว่า อัลยังสบายดี นะจ๊ะ

ยังไม่เปลี่ยนซิมหรอกช่วงนี้(ถึงแม้ค่าโทรจะแพง)
กลัวอัลตามหาเค้าไม่เจอ

ไม่เป็นไร เค้ารู้ว่าตัวไม่ให้เค้ากังวลช่วย แต่ไงก็
ขอให้แก้ไขปัญาหาได้สำเร็จในเร็วกัน และเป็นที่
พอใจของทุกฝ่ายนะ ไม่งั้นตัวก็จะเครียดไม่รู้จัก
จบสิ้น(อย่างกับรู้เลยว่าเรื่องอะไร..555+)

โดย: หยาดฝน IP: 128.1.20.163, 124.120.11.145 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:12:31 น.
  
คุณฝน..พวกเรายกเป็นแพ็กเก็จเลยเนอะ
มาเป็นแพ็ก...ไปเป็นแพ็ก อิอิ

มีความสุขกับการอ่านนิยายนะคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:34:41 น.
  

ฝนจ๋า

นกมาหานะคะ
อัลไม่อยู่ แต่ฝนอยู่
ใช่มั้ยคะ มานั่งเล่นที่นี่
มาอ่านงานของฝน
แล้วนั่งคิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา
คุยกันสามคนสนุกมากนะคะ
นกยังหวังไว้ว่า จะได้คุยกันอีก

ไว้ว่างๆ กันก่อนเน้อ ฝน

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:19:09:43 น.
  
เหอะ... รับแล้ว ความคิดถึงจากฝนน่ะ
มีรสเค็ม ๆ ผสมมาด้วยอะ ดองเกลือไว้
รึเปล่า 555+

ของขวัญถูกใจไหม? เค้าว่า ภาพวาด
น่าสนใจนะ ฮี่ ๆ ๆ ..ยิ้มหวาน..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:21:47:25 น.
  
เหลือรางวัลให้พี่บ้างนะครับ อิอิอิ
โดย: พี่ชาย IP: 125.25.176.95 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:02:47 น.
  
แม่นแล้วเด้อ... คงได้คุยบ่อยเหมือนเดิมละ
แต่ก็อาจจะต้องคุยบนบล็อกนี่แหละ

ซิมที่เพิ่งใช้ หมดอายุไปแล้ว
emo
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:45:12 น.
  
คืนนี้อยู่บ้านแล้วย่ะ
เหนื่อยเกินก็ต้องพักมั่งสิ
จะได้มีแรงสู้ต่อในวันต่อไป
..เนอะ..

ฝนหลับยัง เดี๋ยวเค้าออนเอ็มรอนะ
รอถึง 10 โมงครึ่งละกัน
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:22:16:54 น.
  

แหะๆ..ฝนพี่กบอ่านมะได้เลยอะ..
ไว้เปลี่ยสีบลอคแล้วค่อยมาอ่านก้อแล้วกันนะจ๊ะ..
โดย: พิจักษณา วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:15:28:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
กรกฏาคม 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31