ผ่าเข่าแล้วจ้า
ในที่สุดก็ได้ผ่าเข่าแล้วววการผ่าตัดครั้งนี้ไม่กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว กลัวสุดแค่เรื่องโดนสวนปัสสาวะและก็ได้เรื่องจริงๆเริ่มกันเลย......เข้าไปทำเรื่อง เซ็นยินยอม และเข้าเตรียมตัวเมื่อวันที่ 26/04/10ก็แอดมิดตั้งแต่ เที่ยงวัน ไปถึงได้กินข้าวเลย ดีจังนอนห้องรวม 30 เตียง โซนเรามี 6 คนเอง แต่ละคนอายุมากกว่าเรา 3 รอบได้ทุกคนใจดีมาก ชวนคุยสนุกสนาน บรรยากาศอย่างนี้หาไม่ได้จากห้องพิเศษป้าตรงข้ามก็เอาลูกชิ้นปลามาให้กินเพียบ ป้าแกไม่กินลูกชิ้นปลา(แล้วสั่งก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาทำไมหว๋า)วันนั้นพยาบาลมาซักประวัติวัดความดัน วัดไข้ กันหลายรอบก็นั่งๆนอนๆเบื่อๆหน่ายๆ จนบ่าย 3 ข้าวมาอีกล่ะว๊าว สบายเหลือเกิน ป้าข้างๆก็ให้ขนมเพียบ เวลาผ่านไป 2 ทุ่ม หมดเวลาเยี่ยม (ห้องรวมเยี่ยมได้ 10 โมงถึง 2 ทุ่ม)ก็กินสาหร่ายไปห่อนึง เวลาผ่านไปอีก 5 ทุ่ม พยาบาลมาบอก ห้ามทานน้ำและอาหารทุกชนิดจนกว่าจะผ่าเสร็จก็โอเคกันไป นอนหลับๆตื่นๆ จนตี 5 ทุกคนรอบข้างตื่นหมด มีเช็ดตัวเช็ดหน้ากันสนุกสนานไอเราก็เดี๋ยวอาบน้ำทีเดียว อยู่ๆพยาบาลเดินมาจะเจาะสายน้ำเกลือเลยต้องไปอาบทันใดอาบเสร็จโดนเลย เจาะสายน้ำเกลือ ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ก็ถามพยาบาล พี่ๆหนูผ่ากี่โมง เขาบอก 11 โมงไอเราก็รอใจจดใจจ่อ รอ ร๊อ รอ โน้นน กว่าจะได้ผ่า บ่าย 2อดข้าวอดน้ำกันแบบ คอแห้งเป็นผง แอบถามพี่เขาว่า เราจะเป็นโรคกระเพราะมั้ย เขาบอกไม่เป็นหรอกจ้าเพราะน้ำเกลือมีสารอาหารครบ แหล่ม!!จากนั้นก็โดนเข็นไป ห้องผ่า เข้าไปบล๊อกหลัง (นอนตัวงอๆแล้ฉีดยาชาเข้าที่ไขสันหลังเหนือสะโพกนิดๆ)อย่างอายเลย เปิดแบบเห็นไปถึงก้น คุณพยาบาลไม่แคร์สื่อเลย ก็การได้บล๊อกหลังครั้งนี้ ทำให้รู้จักคำว่า อัมพาตครึ่งตัวล่างแบบว่า ไม่เป็นขาของตัวเองเลย เหมือนไม่มีขา แล้วหนักมากๆขยับไม่ได้พอยาออกฤทธิ์ ก็เข้าห้องผ่า หมอฮาร์ยิตซิงห์ก็เข้ามา คำแรกเลย มาจับที่แขนที่ถูกกางแบบไม้กางเขน"สวัสดีจ้า"พยาบาลก็เอาผ้ามากั้นฉากไม่ให้เราเห็น..ขบวนการอันหฤโหด แต่เราขอดูตอนส่องกล้องเข้าเข่า เขาบอก บางคนไม่กล้าดู (มันก็ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยนิน่า)หมอก็เริ่มเลย ส่องเข้าทุกซอกทุกมุม และเจอกระดูกที่แตกก็คีบกันอยู่พักใหญ่ เพราะมัน กลิ้งไปมาไม่เข้าที่คีบซักทีเหนือยแทนหมอมาก แล้วหมอก็อธิบายส่วนต่างๆ เช่นลูกสะบ้าสวยดี นี่คือเอ็นไขว่หน้า นี่หลังนะ สวยดี ไม่มีแผลแล้วก็เสร็จ เวลาทั้งสิ้น 14.45 -15.27 = ประมาณ 45 นาทีแต่แอบเห็นขาตัวเองตอน หมอกำลังพันแผลน่ากลัวมาก สีเหลืองจากยา และเหมือนขาผี เพราะหมอยกเช็ดๆซึ่งไม่มีความรู้สึกว่าเป็นขาของเราเองเลย จากนั้นไปต่อที่ห้องพักฟื้น เพื่อให้ขากระดิกได้และจะพาไปห้องธรรมดาต่อกว่าขาจะกระดิกได้ล่อไป 1ชั่วโมง เราแบบพยายามเต็มที่พอบุรุษพยาบาลเข็นเตียงมาที่ห้อง ก็ได้รับการต้อนรับจากรอบข้างดีมากๆถามกันใหญ่ แต่เรารู้สึกปวดท้องมหาศาล ปวดมากตรงท้องน้อยมันบวมโตมาก เหมือนท้องจะแตก ก็บอกพยาบาลเขาเอาเจลมาประคบและให้ทานน้ำจะได้ฉี่ออก ตอนนั้นกลัวมาก ไม่อยากโดนสวนปัสสาวะเลย เพราะอ่านตามเว็ปก่อนเข้าโรงพยาบาล หลายคนกลัวจุดๆนี้ เราเลยกลัวมั้งสุดท้ายโดนสวนอยู่ดี เพราะทนปวดท้องไม่ได้แล้วจ้า ทำทุกวิธีทางก็ฉี่ไม่ออก พยาบาลเลยมาเลย จัดการเลย สวน แต่ อุ้ย!! ไม่เจ็บอ่ะเพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์นั่นเอง เลยไม่เจ็บ เอิ๊กๆแต่อายโ ค ร ตๆๆๆๆแต่หลังจากนั้นนี่สิ กระดิกตัวไม่ได้เลย โดนสั่งให้นอนราบถึงตี 2เพราะจะได้ไม่มีผลข้างเคียงจากการบล๊อกหลัง เพราะไม่งั้นอาจจะปวดหัวหรือหลังไปตลอดชีวิต เราก็เลย กลัว นอนแน่นิ่งอย่างนั้นและปวดฉี่อีกแล้ว น้ำก็กินน้อยแล้วนะ สงสัยมาจากน้ำเกลือ ฉี่คราวนี้พยาบาลมาช่วยอีก โครตเจ็บเลย ฉี่ก็ไม่ค่อยจะออก กลัวโดนสวนรอบสองอีก แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเราเลยรอตี2 ค่อยขยับตัวทีเดียว ปวดฉี่ก็ไม่กล้าบอกไม่กล้าเรียกพยาบาลล่ะ (ห้ามเอาเยี่ยงอย่าง)ทนจนถึงตี 5 แบบ แม่มไม่ไหวแล้ว แอบลุกเดินดีกว่าที่ลุกเดินได้เพราะแค่ส่องกล้องเอากระดูกออก บาดแผลเลยน้อยแต่ต้องใช้ว๊อกเกอร์ ไม่งั้นเดินไม่ได้เลย ลงน้ำหนักไม่ถูกเจ็บจี๊ดๆแถมต้องลากคุณสายน้ำเกลือไปด้วย เดินลำบากลำบนมากใช้เวลาไปห้องน้ำ จากตี 5 กลับมาอีกที ตี 5 เกือบ 6 โมงเช้าห้องน้ำกับเตียงก็อยู่ซะคนละฝั่งเลย เหนื่อยมากแต่ดีได้ฉี่แล้ว สบายใจ นอนต่อ จากนั้นไม่หวั่นล่ะ ปวดฉี่ปุ๊ปเดินไปเลย ไม่อั้นล่ะ แล้วไปบ่อยมากพอไปบ่อยเข้าก็เริ่มชน รู้วิธีเดินและเดินคล่องขึ้นพยาบาลก็มาถามว่า หมอให้เดินแล้วหรอ (จริงๆหมอบอกว่า ผ่าเสร็จบางคนเดินได้ในทันทีเลย)เราค่อนข้างฟื้นตัวเร็ว และไม่มีอาการ คลื่นไส้ หรือ เวียนหัว หลังผ่าเลยสบายๆตามสไตล์มยุรามากคะ แล้วก็อยู่อย่างนี้เรื่อยไปทั้งวัน รอหมอให้กลับบ้าน รอนานม๊ากมากกว่าจะทำเรื่อง สั่งยา แจ้งนัดเสร็จ ก็ได้กลับบ้าน 4โมงกว่าแถมระหว่างทางฝนจกอีกแน่ะ หมอบอกแผลห้ามโดนน้ำด้วยแต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีถึงบ้านโดยสวัสดิภาพป.ล.ขอบคุณบัตรทอง ทำให้รักษาฟรีไม่เสียไรเลย ทั้งๆที่ควรจะเกือบแสนป.ล.ขอขอบคุณหมอและคุณพยาบาลทุกท่าน ที่ช่วยเหลือเราป.ล.พี่พยาบาลใจดีและน่ารักทั้งนั้นป.ล.ขอบคุณคุณป้าและคุณยายรอบข้างที่ชวนคุยอย่างดีป.ล.ขอบคุณพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูงที่มาเฝ้ามาแกล้งป.ล.ขอบคุณ KSR ที่ทำให้อยากรีบกลับมาดูแล (กลัวรถหาย)และขอขอบคณทุกอย่างที่อาจไม่ได้เอ๋ยถึง ขอบคุณมากๆวันนี้วันพระ สรุป 26 -27- 28 เมษา 2553 ใช้ชีวิตอยู่โรงพยาบาลกลางจ้า
My Knee..V.2
วันพุธที่ 7 เมษายน พุทธศักราช 2553... ....อัพเดท ตามสัญญาวันนี้ก็ออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อไปโรงพยาบาลกลาง (ไปคนเดียวเหมือนเดิม เล่นเอง บาดเจ็บเอง ก็ต้องไปรักษาด้วยตัวเอง) ออกมาหน้าปากซอย อุ้ย!! มีร้านพวงมาลัยมาขายใช่เลย..วันนี้วันพระ ตักบาตรดีกว่า เป็นการเริ่มต้นวันด้วยดีจากนั้นก็เดินไปข้ามสะพานลอยไปรอรถเมล์นั่งรถเมล์สาย 542 ลงคลองถม เดินทะลุไปออกหลังโรงพยาบาลไปถึง 6.45น. และทำเรื่อง ยื่นเรื่อง กว่าจะได้ตรวจ ปาไป 10 โมงกว่าเอาผล MRI และ X-SAY ไปครบองค์คุณหมอ ฮาร์ยิตซิงห์ บัดติยา เป็นผู้ตรวจ มี นักเรียนแพทย์นั่งอยู่ด้วยผลวินิจฉัยเดียวกับ อ.ชนินทร์ (รวมอ่านจากผลอ่าน MRI ด้วย)สรุปต้องเอาเศษกระดูกที่กระจายอยู่ทั่วทิศออก ดังภาพคุณหมอบอกไม่ต้องซีเรียส แค่เอาออกก็จบ ส่วนตรงข้อข้างในที่มันมีบาดแผลก็ไม่ใช่ส่วนที่รองรับน้ำหนักส่วนนี้ไม่ต้องไปยุ่งกับมันจะดีกว่า คุณหมอก็ถามว่า พร้อมผ่าเมื่อไหร่ (A:เร็วที่สุดคะ)สรุปออกมาก็คือ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็ผ่า 23/04/10 กันเลยจริงๆช่วงหยุดสงกรานต์ก็ผ่าได้ (คุณหมอผ่า อังคารกับศุกร์)แต่คุณหมอบอกว่า หยุดยาวอย่าดีกว่าเกิดมีภาวะแทรกซ้อนจะลำบากรวมไปถึงเวลาพักฟื้นไม่น่าจะเกิน 72 ชั่วโมงและนัดมาพบคุณหมออีกรอบวันที่ 21 เพื่อดูผล Lab,X-say ปอดสรุป วันนี้ ไป เจาะเลือดตรวจหาเชื้อไม่ดี และ X-say ปอด(ระหว่างรอX-say)ติดขัดตอนใส่เสื้อคนไข้ก่อนเข้าห้อง X-say นิดหน่อยมันใส่ยังไงของมันฟ่ะ??แล้วจะมัดยังไง หรือที่เป็นสายๆไว้ข้างหลัง งง อยู่ชั่วขณะนึงก็หารูข้างๆเจอ สอดสายเข้าไปแล้วมัด โอเค โง่ตั้งนานก่อนกลับแวะกินข้าวหมูกรอบข้างโรงพยาบาล ถึงบ้านบ่ายสองกว่า อากาศร้อนบรม ร้อนไม่กลัว กลัวตัวดำป.ล.เรียนซัมเมอร์ วันอังคารกับพฤหัสบดี ขออย่าให้พาดพิงการเรียนเลยเถอะ สาธุ~ป.ล.1ไม่แพ้ยา ไม่เคยผ่าตัด ไม่มีโรคประจำตัว ป.ล.2 น.พ.ฮาร์ยิตซิงห์ บัดติยา เป็นลูกศิษย์ อ.ชนินทร์ ล่ำซำป.ล.3 เจาะเลือดแล้วใช้แขนลำบากมาก
My Knee..T3T
ถือโอกาสเปิดตัวด้วย... ...เรื่องราวความเจ็บปวดของหัวเข่า ที่สุดแสนทรมาน ย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ 29 เดือน 12 ปี 2549 เป็นงานกีฬาสีของโรงเรียนด้วยความที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการเล่น "วอลเล่ย์บอล" เพื่อจะคว้าแชมป์สมัยที่ 3 (จริงจังยิ่งกว่าแข่งทีมชาติ) ทุ่มสุดตัวกระโดดรับลูก ไม่สนว่าจะหน้าไถล เข่าจะแหก หรืออย่างไรสุดท้าย แพ้ เพราะ ไอคนนั้นแท้ๆ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงแพ้หรือชนะ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เข่ากระแทกพื้นแล้วกระแทกพื้นอีกทั้งสองข้างข้างขวาเลือดออก ถลอกปอกเปิก ข้างซ้ายไม่มีบาดแผลแต่ไอความที่ไม่มีบาดแผลภายนอกนี่แหละ ตัวดี ข้างในนี้แบบสุดๆเดินแล้วทรุดลงกับพื้นเลย ปวดมาก ต้องเดินเขย่งๆ เหมือนขาพิการเลยใช้ประกันโรงเรียน ไปหาหมอที่ธนบุรี (โรงเรียนอยู่แถวนั้น ><)เข้าไปถึง เรา:สวัสดีคะหมอ:สวัสดีครับ เป็นอะไรมาเรา:เล่นกีฬาแล้วล้มเข่ากระแทกคะหมอ:เดินเข้ามาได้ งั้นไม่ต้อง x-say ไหนยืดขา หดขาเรา:ทำตามที่หมอบอกหมอ:โอเค แค่เข่าซ๊น เดี๋ยวหมอให้ยาไปทา เรา:คะจบ บทสนทนา ไม่เกิน 5 นาที ค่าใช้จ่าย 1,200 กว่าบาท ดีนะประกันโรงเรียนไม่งั้นบ่นแย่ วันเวลาผ่านไป มันก็ไม่หายเสียที บ่นกับพ่อกับแม่ตลอดเวลาบางครั้งขึ้นหรือลงบันไดก็เจ็บปวดแสนทรมาน บางครั้งก็ยืดขาไม่ได้หรืองอก็ไม่ได้ นั่งยองๆไม่ได้ วิ่งก็ไม่ได้ กลัวล้มแต่บางครั้งอาการเหล่านี้ก็ไม่เกิดเลย เป็นๆหายๆสลับไปสลับมาก็เลยหาหมออีก เข้า คลีนิกโน้นนี่นั่น เยอะแยะ ไป วชิระก็แล้วขนาดมีคุณน้าเป็นพยาบาลอยู่ฝ่ายกระดูก เขาก็เทคแคร์ดูแลให้คุณหมอตรวจ คุณหมอก็บอกไม่เป็นอะไรมาก ลองบริหารเข่าด้วยท่านี้นะท่านั้นนะ ก็รับยามาทามาทานกันต่อไปก็ยังไม่หาย ลองไปหาหมอกระดูก(ด้านไสยศาสตร์ แถวๆคลอง 4) ได้ผล!!ท่านบอกว่า กระดูกมันขัดกัน ท่านเลยนวด (เจ็บมาก) แต่ต้องทน นวดเสร็จดีขึ้นมากๆ ผ่านไป อาทิตย์กว่าๆเป็นอีกล่ะสรุป เราเป็นอะไรกันแน่ เซ็งมาก ปล่อยล่ะ เบื่อๆๆ แต่ตลอดเวลาก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ว่า เข่าปวดทำไงดี หลายคนแนะนำอาจารย์ ชนินทร์ ล่ำซำ ที่ศิริราช ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานนม เป็นถึงแพทย์ประจำทีมชาติไทยเราก็เลยไปตรวจตารางอาจารย์ว่าท่านเข้าวันไหน ท่านเข้าวันจันทร์จ้า แล้วเราก็ตัดสินใจไปซะดื้อๆไม่บอกไม่กล่าวใคร......ในที่สุดก็ได้ตรวจกับท่าน เล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง อย่างละเอียด ท่านก็ตรวจดูบอก เส้นเอ็นไม่มีปัญหา น่าจะลองทำ MRI ก็ไปทำที่โรงพยาบาลธนบุรี และอ.ชนินทร์ ก็เข้าตรวจทุกวันพุธกับอาทิตย์ที่นั่นพอดี ก็เลยวินิจฉัยกันต่อไปหลังจากผล MRI ออกมา ก็คือ กระดูกอ่อนผิวข้อบาดเจ็บยาว 11 มิลและมีเศษกระดูกแตกกระจาย 4 ชิ้น ไอเศษพวกนี้แหละ ที่ทำให้ปวดเวลาเดิน เพราะเศษนึงไปขัดอยู่ตรงข้อ!! ท่านก็ให้เราไป x-say อีกรอบ เพื่อดูว่าเศษกระดูกอยู่ตรงไหนบ้างแบบชัดๆ และท่านก็บอกว่า ต้องส่องกล้องเอาเศษออกมา ค่าใช้จ่าย ประมาณ 9 หมื่น (เป็นอันสลบ)เลยถามว่า ถ้าศิริราช 7หมื่น (สลบอยู่ดี) เด็กตาดำๆอายุ 21 เอง ไม่มีบัตรอะไรเลย ทำไงดีล่ะทีนี้ อ.ชนินทร์เลยถามว่า: มีบัตรทองมั้ย ใช้ได้นะ เรา: มีคะ แต่ขึ้นกับ โรงพยาบาลกลางอ.ชนินทร์:บ้านอยู่ไหน เรา : บางกอกน้อยอ.ชนินทร์:อ่าว ทำไมไม่ใช่ศิริราชหรอ จริงๆน่าจะศิริราชนะ แต่ไม่เป็นไรลองส่งตัวดู ถ้าเขาส่งมาศิริราชได้ ก็เข้ามาหาหมอได้เลย แต่โรงพยาบาลกลางคงส่งยากหน่อย เพราะเขาก็ผ่าได้ แค่ส่องกล้องเอาเศษกระดูกออกเรา : อ่อคะ งั้นหนูจะลองไปยื่นเรื่องดูอ.ชนินทร์ : โอเค สวัสดีครับเรา : สวัสดีคะเดินออกมาอย่างมึน งงๆ แต่ก็ดีใจที่ รู้สาเหตุการเจ็บปวด ไอตัวเราก็นึกว่าเข่าเสื่อมแล้วแน่ๆคิดไปต่างๆนาๆ TT (อายุ 21 จะรีบเข่าเสื่อมไปไหน)ได้กินไก่เป็นปกติเสียที กลัวว่ากินมากๆแล้วจะเป็นเก๊าท์ คิดได้วันนี้(02/04/10 )ก็เลยไปทำเรื่องที่ ศูนย์สาธารณสุข ประชาธิปไตย 9เพื่อส่งเรื่องไป โรงพยาบาลกลาง แล้วก็ไป ทำเรื่องผู้ป่วยใหม่ ส่งเรื่องเรียบร้อย (แอบภาวนาขอให้เขาส่งไปศิริราช) โดนx-say ใหม่อีกครั้ง เพราะ ผล x-say เมื่อวานซืนที่ผ่านมา ที่นี่เขาไม่มีเครื่องอ่านแผ่น เราเลยต้องทำใหม่(เสียเงินฟรีไปเปล่าๆปลี้ๆ) และคุณหมอสมเกียรติ ก็ได้นัดเราให้มาพบใหม่วันพุธหน้า มาพบคุณหมอฮาร์ยิตซิงห์ เพราะท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านส่องกล้อง ไม่แพ้อ.ชนินทร์โอเค ผ่าตัดที่นี่ก็ได้ ไม่มีปัญหา ขอให้เข่าหายเป็นพอ ค่าใช้จ่ายขณะนี้ MRI (ช่วงโปรโมชั่น) 7,200 ปกติ 8,000 บาท (โรงพยาบาลธนบุรี)x-say รวมค่าบริการ 520 บาท (โรงพยาบาลธนบุรี) พุธหน้า 07/04/10 อัพเดทต่อภาค 2....