ตอนที่ 30(1) เธอคือแสง,ฉันคือเงา (You are the light, I am the shadow)
            หลังจากที่ออสการ์ได้รู้ว่าเจโลเดล มาพบพ่อของเธอเพื่อขอแต่งงานกับเธอ เธอไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน เธอไม่ได้รักเขา และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจโลเดลแอบหลงรักเธอ ออสการ์เดินขึ้นมาบนห้องนอนของเธอ เธอถอดชุดทหารชั้นนอกออกแล้วโยนมันทิ้งด้วยความเหนื่อยหน่ายหัวใจ เธอยืนมองเงาตัวเองอยู่หน้ากระจกและรำพึงรำพันกับตัวเอง
ออสการ์ : “แต่งงาน? ฉันเนี่ยนะ? กับเจโลเดล คนที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันน่ะหรอ? ท่านพ่อก็เห็นด้วยกับความคิดนี้หรอ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า” ออสการ์หัวเราะออกมาเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี
 
            วันถัดมา นายพลบูอี เสนาธิการทหารบกได้เชิญนายพลจาร์เจส์เข้าไปพบเป็นการส่วนตัวในคฤหาสน์ของเค้า
นายพลจาร์เจส์ : “ท่านต้องการพบกระผมหรอ ท่านบูอี”
นายพลบูอี : “โอ้ ท่านนายพลจาร์เจส์ เข้ามานี่สิ เป็นยังไงบ้าง? เรียบร้อยดีมั้ย?” นายพลบูอีกล่าวทักทายนายพลจาร์เจส์ด้วยความสนิทสนม
นายพลจาร์เจส์ : “ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ”
นายพลบูอี : “ลูกชายของท่าน... ไม่ใช่สิ ลูกสาวของท่าน ย้ายไปอยู่กองทหารลาดตระเวนแล้วนี่ ฉันได้ยินมาแบบนั้น”
นายพลจาร์เจส์ : “ใช่ครับ”
นายพลบูอี : “เธอเป็นยังไงบ้าง...ฉันหมายถึง ออสการ์น่ะ?”
นายพลจาร์เจส์ : “เธอสบายดีครับ”
ทันใดนั้นคนรับใช้ของนายพลบูอีก็เปิดประตูเข้ามา
คนรับใช้ : “ท่านนายพลบูอี ใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงในสวนแล้วครับท่าน” คนรับใช้แจ้งเตือนนายพลบูอี
นายพลบูอี : “บอกพวกเขาว่าฉันจะไปช้าหน่อย ฉันมีธุระที่จะต้องคุยกับนายพลจาร์เจส์”
คนรับใช้ : “ครับท่าน” แล้วคนรับใช้ก็ออกจากห้องไป
นายพลจาร์เจส์ : “มีธุระที่จะต้องคุยกับกระผมงั้นหรอ?” นายพลจาร์เจส์ถามด้วยความสงสัย
นายพลบูอี : “เหล่าทหารต่างแสดงความไม่พอใจอย่างมาก บางคนเขียนจดหมายไปถึงพระราชา ว่าไม่ต้องการผู้บัญชาการที่เป็นผู้หญิงโดยเด็ดขาด โอ้ ไม่นะ ไม่ ฉันรู้ว่าออสการ์มีความสามารถมากกว่าทหารทั่วไป แต่ขวัญและกำลังใจของทหารขึ้นอยู่กับการทำงานเป็นทีม โดยเฉพาะในตอนนี้ การเตือนภัยในปารีสของทหารลาดตระเวนเป็นเป้าหมายสำคัญ”
นายพลจาร์เจส์ : “แต่ท่านครับ...” นายพลจาร์เจส์พูดขัดขึ้น
นายพลบูอี : “ในเวลาแบบนี้...” นายพลบูอีพยายามจะอธิบายเพิ่มเติม แต่ถูกนายพลจาร์เจส์พูดตัดบทซะก่อน
นายพลจาร์เจส์ : “ผมกำลังเลือกคู่สมรสที่เหมาะสมให้กับลูกสาวของกระผมอยู่ครับ”
นายพลบูอี : “โอ้!” นายพลบูอีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นายพลจาร์เจส์ : “ในฐานะที่เป็นพ่อ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องออกจากการเป็นทหาร”
นายพลบูอีและนายพลจาร์เจส์ จึงวางแผนร่วมกันที่จะจัดงานเลี้ยงเพื่อให้ออสการ์ได้เลือกคู่ครองของเธอ
 
            ในขณะนั้นเอง อีกมุมหนึ่งในปารีส เซนต์จัส หนึ่งในสมาชิกกลุ่มพวกต่อต้านระบอบราชาธิปไตย ซึ่งเป็นพวกเดียวกับโรเบสปิแอร์ เขากับพวกกำลังขี่ม้าไล่ตามรถม้าคันหนึ่ง ที่วิ่งไปบนถนนที่ไร้ผู้คน เซนต์จัสเร่งม้าเข้าขนาบข้างรถม้าคันนั้น และตะโกนถามคนในรถม้าว่า
เซนต์จัส : “ท่านคือ มาควิส เดอ มาเดน ใช่หรือไม่?”
มาเดน : “ใช่ ฉันคือมาเดน เลขานุการกระทรวงการคลัง” คนในรถม้าตอบ
เซนต์จัส : “ขอโทษที่หยาบคาย แต่ท่านต้องตายที่นี่!”
มาเดน : “อะไรนะ?!” คนในรถม้าได้ยินดังนั้นก็ตกใจ แต่ไม่ทันจะสิ้นเสียงร้อง เซนต์จัสก็กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคารถม้าของเขา และใช้ดาบแทงทะลุหลังคารถม้าลงมา มาควิส เดอ มาเดน เสียชีวิตทันที
            หลังจากโรเบสปิแอร์ได้ทราบข่าวการลอบสังหาร มาควิส เดอ มาเดน เขารู้ทันทีว่านี่เป็นฝีของของเซนต์จัสอย่างแน่นอน โรเบสปิแอร์จึงเรียกเซนต์จัสมาพบ ณ โบสถ์ร้างแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นที่ชุมนุมของพวกเขา โดยมีเบอร์นาร์ด คนสนิทของเขายืนอยู่ข้างๆด้วย
เซนต์จัส : “ท่านเรียกฉันหรอ โรเบสปิแอร์?”
โรเบสปิแอร์ : “เซนต์จัส ท่านเป็นคนสังหาร มาควิส เดอ มาเดนใช่มั้ย? ฉันบอกให้ท่านไปประท้วงเรื่องการกดขี่ห่มเหงชาวนาบนที่ดินของมาควิส เดอ มาเดน แต่ไม่ได้บอกให้ท่านไปฆ่าเค้า”
เซนต์จัส : “ฉันประท้วงอย่างใจเย็นแล้ว แต่เขาไม่ฟังฉันเลย” เซนต์จัสโกหก
โรเบสปิแอร์ : “จริงหรอ? ท่านไปพูดคุยกับเขาแล้วหรอ?” โรเบสปิแอร์ไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของเซนต์จัส
เซนต์จัส : “แน่นอน เขาไม่เพียงแต่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ เขายังขู่ว่าจะจับตัวฉันอีกด้วย ฉันไม่มีทางเลือก มันผิดตรงไหนหรอ?” เซนต์จัสไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับการกระทำของตัวเองเลย
โรเบสปิแอร์ : “แต่ท่านก็ทำเกินไป”
เซนต์จัส : “คราวหน้าฉันจะระวังให้มากกว่านี้” เซนต์จัสหันหลังเดินออกไปแบบไม่ค่อยพอใจนัก และพูดทิ้งท้ายว่า
เซนต์จัส : “โอ้ เบอนาร์ด... ทำไมนายไม่ยืมมือฉันบ้างล่ะ? บางทีฉันอาจจะต้องการทักษะของนายเหมือนตอนที่นายแสดงเป็นอัศวินดำบ้างนะ” เซนต์จัสประชดประชันเบอร์นาร์ด แล้วเดินออกจากโบสถ์ไป ทิ้งให้โรเบสปิแอร์และเบอร์นาร์ดยังคงมีความกังวลในความหัวรุนแรงของเขา
โรเบสปิแอร์ : “เบอนาร์ด ฉันกังวลในความลืมตัวของเขา...”
 
            ในค่ายทหารของกองทหารลาดตระเวน ออสการ์กำลังขานชื่อนายทหารที่ต้องออกไปลาดตระเวนในวันนี้
ออสการ์ : “อัลเลน เดอ เซสซั่น”
อัลเลน : “ครับ”
ออสการ์ : “จูล โรซลอยส์”
จูล : “ครับ”
ออสการ์ : “อังเดร กรังดิเออ”
อังเดร : “ครับ”
ออสการ์ : “ปิแอร์ โมเลส”
ปิแอร์ : “ครับ”
ออสการ์ : “หลุยส์ มาโรล”
หลุยส์ : “ครับ”
            ออสการ์ สั่งการลูกน้องของเธออยู่บนหลังม้า
ออสการ์ : “วันนี้พวกท่านต้องไปลาดตระเวนในปารีส รวมทั้งหาข่าวเกี่ยวกับการลอบสังหาร มาควิส เดอ มาเดนด้วย พร้อมแล้ว ไปได้!” นายทหารทั้งหมดขี่ม้าออกไป พอดีกับที่เจโลเดล ขี่ม้าตรงเข้ามาหาออสการ์ พร้อมโบกมือทักทาย
เจโลเดล : “ผมมาขอโทษที่ไปบ้านของท่านอย่างกะทันหันเมื่อวันก่อน”
ออสการ์ : “ไม่เป็นไร” ออสการ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เจโลเดล : “จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมจะขอไปหาท่านที่บ้านคืนนี้?”
ออสการ์ : “คืนนี้ฉันต้องทำงาน เลยไม่ได้กลับบ้านน่ะ ขอโทษด้วย!” เมื่อพูดจบเธอก็ขี่ม้าออกไปทันที ทิ้งให้เจโลเดลเป็นห่วงเธออยู่ฝ่ายเดียว
เจโลเดล : “ทุกวันนี้ในปารีสมีการก่อการร้ายมาก ได้โปรด ดูแลตัวเองด้วย ออสการ์ของฉัน...” เจโลเดลคิด
 
ในระหว่างขี่ม้าออกลาดตระเวนวันนั้น อัลเลนได้พูดกับอังเดรว่า
อัลเลน : “อังเดร...”
อังเดร : “ว่าไง”
อัลเลน : “ระวังตัวไว้นะ พวกนั้นจ้องจะเล่นงานนายอยู่ ทุกคนรู้แล้วว่านายเป็นคนรับใช้ของหัวหน้า บางคนบอกว่านายเป็นไส้ศึกของเธอ เวลานายอยู่คนเดียวก็ระวังตัวให้ดี” อัลเลนเตือนอังเดรด้วยความหวังดี
 
          ณ โรงละครแห่งหนึ่งในเมืองปารีส ในโรงละครเต็มไปด้วยขุนนางและชนชั้นสูงที่มาชมโอเปร่าในค่ำคืนนั้น ระหว่างที่มาควิส มง ซาเวิส ขุนนางคนหนึ่งกำลังชมโอเปร่าอยู่บริเวณที่นั่งชั้นบน เซนจัสก็เดินไปหาเค้าทางด้านหลัง
เซนต์จัส : “ขอโทษครับท่าน ท่านคือ มาควิส มง ซาเวิสใช่มั้ย?”
ซาเวิส : “มีอะไรหรอ?”
เซนต์จัส : “ภริยาของท่านรอท่านอยู่ที่โถงทางเดินครับ”
ซาเวิส : “อ๋อ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เซนต์จัส หลอกซาเวิสออกมาที่โถงทางเดินที่ไร้ผู้คน แล้วใช้มีดสั้นที่เตรียมมาแทงเข้าที่หน้าท้องของซาเวิส แล้วก็หนีไปทันที เมื่อข่าวที่ซาเวิสถูกทำร้ายแพร่ออกไป ทหารลาดตระเวนนายหนึ่งจึงรีบขี่ม้ามาแจ้งออสการ์ ที่กำลังออกลาดตระเวนอยู่แถวนั้น
ทหาร : “หัวหน้า! มาควิส มง ซาเวิส ถูกแทงที่โรงละครครับ!”
ออสการ์ : “ทุกคน! ไปที่โรงละครเร็ว! ปิดล้อมโรงละครไว้” ออสการ์รีบสั่งการทันทีและเตรียมควบม้าออกไป แต่ปรากฏว่า ลูกน้องของเขาไม่มีใครทำตามเลยซักคน ผู้พันดักเอ้าท์เห็นดังนั้นจึงตะโกนสั่งด้วยความโมโห
ผู้พันดักเอ้าท์ : “เฮ้ มัวทำอะไรกันอยู่? โรงละคร! ไปที่โรงละครเร็ว!” แต่ทุกคนยังคงยืนนิ่ง
บาสตาร์ด : “ถ้าท่านอยากไปก็ไปคนเดียวสิ หัวหน้า” ออสการ์ตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
ทหาร : “มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ!” “นี่มันได้เวลาอาหารค่ำแล้ว” “ฉันหิวแล้ว!” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทหารหลายคนพากันหัวเราะเยาะออสการ์  จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ออสการ์รู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย
 
เย็นวันหนึ่ง  นายพลจาร์เจส์ได้เรียกออสการ์กลับมาพบที่บ้าน
ออสการ์ : “ท่านพ่ออยู่มั้ย?” ออสการ์เอ่ยถามแนนนี่ ในขณะที่ก้าวลงจากหลังม้าด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน
แนนนี่ : “ค่ะ นายท่านรอคุณหนูอยู่ในห้องหนังสือค่ะ”
ออสการ์เดินเข้าไปในห้องหนังสือก็พบกับนายพลจาร์เจส์นั่งรออยู่ พร้อมกับถือปล้องยาสูบอยู่ในมือ
ออสการ์ : “ท่านพ่อ! ฉันก็มีเรื่องอยากจะคุยกับท่านเหมือนกัน!”
นายพลจาร์เจส์: “ดี นั่งลงก่อนสิ” นายพลพูดกับออสการ์อย่างใจเย็น
ออสการ์ : “ได้โปรด ปฏิเสธคำขอแต่งงานของเจโลเดลด้วย! ฉันไม่ต้องการแต่งงานกับใครทั้งนั้น!” ออสการ์พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
นายพลจาร์เจส์: “อย่าโกรธเคืองไปเลย ค่อยๆคุยกันก็ได้” นายพลยังคงพูดอย่างใจเย็น
ออสการ์ : “ก็ได้” ออสการ์นั่งลงด้วยท่าทีที่อ่อนลง
นายพลจาร์เจส์ : “ดูเหมือนว่าเธอจะเจอกับความยากลำบากในกองทหารลาดตระเวนนะ”
ออสการ์ : “ยากลำบากหรอ? ฉันไม่ได้เรียกมันว่าความยากลำบากเลย สมาชิกในองค์กรต่อต้านคำสั่งของหัวหน้าคนใหม่ มันค่อนข้างสร้างแรงผลักดันให้ฉัน พวกเขาน่าสนใจกว่าทหารองครักษ์ที่อยู่ในโอวาทซะอีก!” ออสการ์พยายามพูดให้นายพลสบายใจ แต่ทันใดนั้นออสการ์ก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ดีดีนายพลจาร์เจส์ก็เอามือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้าแล้วก็ร้องไห้ออกมา
นายพลจาร์เจส์ : “ขอโทษนะ ออสการ์! ยกโทษให้พ่อด้วย! ยกโทษให้พ่อที่ไม่ยอมเลี้ยงดูเธอแบบลูกผู้หญิงอย่างที่เธอควรจะเป็น! ถึงตอนนี้มันจะสายไปแล้ว แต่พ่อก็อยากให้ลูกได้พบกับความสุขที่แท้จริง... ฉันควรจะเลี้ยงดูเธอแบบธรรมชาติและอิสระเหมือนผู้หญิง อ๊า มันเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงในชีวิตของฉัน!! เธอไม่จำเป็นจะต้องมาพบเจอกับความยากลำบากเลย” ออสการ์ได้ฟังดังนั้น เธอก็หยิบดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งที่เสียบอยู่ในแจกันตรงหน้าขึ้นมา
ออสการ์ : “ไม่ต้องกังวลนะท่านพ่อ ฉันไม่ยอมแพ้ให้กับความเป็นผู้หญิงอย่างที่ท่านคิดหรอก ฉันก็มีความรักแบบผู้หญิงนั่นแหละ” นายพลได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ น้ำตาของเขาหยุดไหลในทันที “ขอบคุณนะท่านพ่อ ตั้งแต่ท่านเลี้ยงฉันแบบลูกผู้ชาย ฉันก็สามารถลืมทุกสิ่งทุกอย่างและใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งได้” ออสการ์พูดไป ก็พลางดึงกลีบดอกกุหลาบสีขาวออกมาทีละกลีบ ทีละกลีบ สายตาที่เย็นชาของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสายตาที่อ่อนโยนขึ้น ทางด้านนายพลจาร์เจส์ได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วพูดกับออสการ์ด้วยสีหน้าจริงจังมากขึ้น
นายพลจาร์เจส์ : “ออสการ์ อย่าพูดแบบนั้นเลย ถ้าเธอมีความรู้สึกเจ็บปวดแบบผู้หญิง ฉันก็อยากให้เธอมีความสุขแบบผู้หญิงเหมือนกัน อย่าหนีมันเลย ออสการ์! อย่าโกหกตัวเองว่าเธอเป็นผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิง ลูกสาวแสนสวยของฉัน ยังไงก็ตาม ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากกว่าที่ผ่านมา ถ้าเธอไม่ชอบเจโลเดล ฉันจะหาคนอื่นที่เหมาะสมกว่า นายพลบูอีบอกว่าเขาจะช่วยหาด้วย”



Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2563
Last Update : 31 มีนาคม 2563 20:12:29 น.
Counter : 1020 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lady Oscar
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



New Comments
กุมภาพันธ์ 2563

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
21
22
25
27
28
29
 
All Blog