space
space
space
<<
มกราคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
8 มกราคม 2561
space
space
space

รีวิว อสิตา อีโค รีสอร์ท อัมพวา


วันนี้ มาพาไปเที่ยวอัมพวากันค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ได้นำมาเขียน เพราะน่าจะเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว เลยขอรีวิวโรงแรมที่พัก คือ อสิตา อีโค รีสอร์ท ซึ่งราคาปกติ ก็ค่อนข้างสูงเหมือนกัน แต่เราซื้อคูปองมาจากงานไทยเที่ยวไทย ทำให้ลดราคาเหลือราคา 2,500 บาท/ห้อง/คืน สำหรับห้องแบบสุพีเรีย ที่พักได้ 2 คน พร้อมอาหารเช้า เราซื้อคูปองมา 2 ใบ สำหรับ 2 ห้อง และเราขอเสริมโซฟาเบดอีกที่นึง เพราะคณะเราไปกันทั้งหมด 5 คน (ค่าโซฟาเบด พร้อมอาหารเช้า เพิ่ม 500 บาทค่ะ)



มาดูอาคารหลักของโรงแรมกันก่อน





ตรงนี้ เป็นอาคารทรงไทย ที่อยู่ด้านในค่ะ เลือกมาเป็นภาพเปิด เพื่อให้เห็นบรรยากาศ ว่าที่นี่ เน้นความเป็นไทย อาคารหลักนี้ ด้านล่าง เป็นห้องอาหาร ที่เราจะมาทานอาหารเช้ากันค่ะ ส่วนด้านบน เป็นบ้านเรือนไทย ที่ขึ้นไปถ่ายรูปด้านนอกๆ ได้ ส่วนในห้อง เข้าใจว่าเป็นห้องพักแขกด้วย เพราะเห็นมีเบอร์เลขห้องอยู่ และเท่าที่เห็นจาก VDO แนะนำโรงแรม สถานที่ตรงนี้ มีคนมาเหมาสำหรับจัดงานแต่งงานกันบ่อยๆ น่าจะดีเหมือนกันนะคะ บรรยากาศดี แต่เท่าที่เห็นลานจอดรถ ดูเล็กไม่หน่อย จอดได้ประมาณ 10 กว่าคัน ไม่แน่ใจว่า หากกรณีมีการจัดงาน เช่น งานแต่งงาน หรืองานอื่นๆ ที่คนมาเยอะๆ เขาอาจจะมีที่จอดรถที่อื่นเเพิ่มให้ ไอ้เราก็ไม่ได้ถาม แต่ถ้าเท่าที่เห็น ก็ถือว่าที่จอดรถน้อยไปนิดนึงค่ะ



ที่นี่ เช็คอินได้ 14.00 น. ซึ่งก็ถือว่า OK ค่ะ เพราะขับรถมาจากกรุงเทพฯ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงอัมพวา ไปแวะเที่ยวได้หลายแห่ง จนเหนื่อยแล้ว ก็มาเช็คอิน เจ้าหน้าที่บริการดีมากๆ 





ตรงล็อบบี้ เป็นโอเพ่นแอร์ ไม่มีแอร์ เหมือนสถานที่ส่วนใหญ่ของที่นี่ ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ดอกไม้ ต้นไม้สวยๆ และมีเก้าอี้ มีที่นอน วางอยู่ในหลายจุดของสถานที่ ตรงนี้เป็นเก้าอี้ สำหรับนั่งรอที่ล็อบบี้ค่ะ น่ารักเชียว



ตอนมาเช็คอิน พนักงานจะให้เลิอกอาหารเช้าเลย เพื่อเตรียมการให้พรุ่งนี้ เป็นอาหารจานเดียว เราเลือกจานที่พนักงานแนะนำว่า มาอัมพวา แม่กลอง ต้องทาน คือ ข้าวผัดปลาทู เดี๋ยวตามไปดูกันว่าเป็นยังไงนะคะ แต่นอกจากนั้น ตรงล็อบบี้ ก็มีกระดานดำตามภาพนี้ ที่แนะนำอาหารเย็น พนักงานบอกว่า ที่ต้องทานเป็นซิกเนเจอร์เลย คือ ยำส้มโอ และปลาหมึกผัดพริกเกลือ ซึ่งเดี๋ยวตอนเย็น เราจะไปทานกันค่ะ แต่ตอนนี้ พาเข้าห้องก่อน







ป้ายบอกทางไปห้องค่ะ ทำเป็นรูปปลา 





เปิดห้องเข้ามา เจอเตียงนอนใหญ่ มีหมอนให้คนละ 2 ใบ ส่วนปลายเตียง เป็นผ้าเช็ดตัวพับเป็นรูปช้าง







ฝั่งตรงข้าม มองไปเห็นอีกห้องนึง ที่เหมือนกัน ส่วนเรา ได้ 2 ห้องติดกัน ที่สามารถเปิดหากันได้จากด้านใน เป็นห้องแบบคอนเน็คกัน ทำให้การมาเป็นครอบครัวสะดวกดีค่ะ





 ในห้อง มีโซฟาแบบนี้ให้นอนเล่น ซึ่งต้องขอบอกว่า โซฟาเบดอันนี้ นอนสบายกว่านอนที่เตียงค่ะ และอาจจะโชคร้าย ที่เตียงห้องเรามีเสียงสปริงดังบ่อยๆ เวลานอนพลิกตัว ก็มีเสียงดัง เลยนอนไม่สบายเท่าไหร่ แต่อีกห้องนึงไม่มีเสียง 



กรณีที่เราขอจ่าย 500 บาท เพื่อเพิ่มคนที่ 3 ในห้อง เขาก็เอาผ้าปูที่นอน มาปูตรงโซฟาเบดให้นั่นเอง มีน้องช้างที่เป็นผ้าเช็ดตัว และผ้าห่มผืนเล็กให้ ซึ่งสุดท้ายแล้ว คนบ้านเราเอาผ้าปูที่นอนออก เพราะตัวโซฟาเอง เป็นกำมะหยี่ นอนนุ่มกว่านอนด้วยผ้าปูค่ะ





 ในห้อง มีชุดแก้ว เครื่องต้มน้ำ และในกล่องไม้ เป็นกาแฟ ชา คอฟฟี่เมต น้ำตาล



 เปิดกล่องออกมา มีแบบนี้ค่ะ 



 ตู้เย็นขนาดมาตรฐานโรงแรม มีน้ำเปล่าให้ 2 ขวด 



 มีโทรทัศน์ขนาดพอใช้ได้ แต่ช่องรายการไม่มากเท่าไหร่ ก็ถือว่า OK เพราะเราไม่ได้ตั้งใจมาดูโทรทัศน์ แต่อยากมาพักผ่อนสบายๆ มากกว่า



 อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ สะดวกสบาย



 ชักโครก มาตรฐาน



 ชุดอาบน้ำ มีให้คนละ 1 ชุด (อันนี้ ถ่ายมาจากห้องที่พัก 3 คน ก็ได้สบู่ซึ่งเขียนว่าเป็นทั้งสบู่เหลว และแชมพูในขวดเดียวกันคนละ 1 ขวด ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กคนละผืน หมวกคลุมผม และสำลีอยู่ในซองสีขาว)




 ส่วนอาบน้ำ แยกแห้งกับเปียกชัดเจน อันนี้ ชอบเลยค่ะ และพอได้อาบน้ำ โอ้โห ขอบอกว่าเห็นฝักบัวเรียบง่ายอย่างนี้ แต่เป็นไฮไลท์จริงๆ เพราะฝักบัวคุณภาพดีมากๆ รูที่น้ำไหลออกมาเป็นรูเล็กมากๆ ทำให้ได้น้ำออกมาเป็นละอองฝอย นุ่มจริงๆ ถือเป็นฝักบัวที่ดีที่สุดเท่าที่เคยใช้บริการโรงแรมต่างๆ มาเลยทีเดียว เสียนิดนึงว่า สบู่ที่มีให้ ไม่หอม ถ้าแก้อีกนิด ให้สบู่หอมออกแนวสปา ก็จะได้ใจเต็มๆ ถือเป็นจุดที่น่าเสียดาย เพราะทางโรงแรมทำอย่างอื่นๆ ไว้ดีมากๆ แต่พอสบู่เหลวไม่หอม ก็เลยขอตัดคะแนนนิดนึงค่ะ






ที่แขวนผ้า ทำมาเป็นบันไดไม้ เก๋ดีนะคะ แต่ส่วนตัวไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะชอบราวเหล็ก หรือราวพลาสติคอะไรแบบนี้มากกว่า เพราะเราใช้แบบบันไดไม่ค่อยสะดวกใจ ประมาณว่า กลัวชื้น แล้วสกปรกง่าย แต่ไม่ได้ว่าของโรงแรมนะคะ เขาดูสะอาดสะอ้านดี เพียงแต่เราไม่ชอบเอง ส่วนถุงที่แขวนอยู่ ใส่ไดร์เป่าผมไว้ให้ค่ะ




มีกางเกงเลให้คนละตัว กับรองเท้าแตะ (เรามา 5 คน ได้รองเท้าแตะ 4 คู่ แต่ไม่มีปัญหาค่ะ) ใส่กางเกงเล ลากแตะ เดินเที่ยวในบริเวณโรงแรมก็สนุกแล้ว










 ตรงนี้ เมื่อออกมาจากระเบียงด้านหลังห้อง จะเจอแผ่นไม้ไผ่ มานั่งๆ นอนๆ ได้ สบายดีค่ะ



หรือถ้าไม่อยากลงไปตรงไม้ไผ่ที่ใกล้น้ำ ตรงระเบียงเองก็มีเก้าอี้ชุดนี้ให้นั่ง ชิลด์ๆ 





 พออาบน้ำ สบายตัว ก็ออกมาเดินเล่น ที่โรงแรม ที่มีนั่งสวยเก๋เยอะมากจริงๆ ค่ะ








อันนี้ ขอเรียกเองว่า ที่นอนดูดวิญญาณ นอนแล้ว ลุกยากค่ะ เพราะมันสบายมากๆ อยากทิ้งตัวไว้ตรงนี้เลย ทางโรงแรมก็ถือว่า สรรหาที่นั่งที่นอนได้สบาย และอยู่ในธรรมชาติมากๆ  







อันนี้ ก็ดูดวิญญาณพอกัน 















 ตรงนี้ เป็นศาลาริมน้ำ ด้านหลังสุดของโรงแรมเลย นั่งมองน้ำไหลเอื่อยๆ สบายใจดี






 มีสะว่ายน้ำให้บริการ อันนี้ก็ชอบมาก เพราะสระขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่มาก เหมาะกับคนว่ายน้ำไม่เก่งอย่างเรา ไปๆ มาๆ พอได้ออกกำลังกาย ก็ Happy มากๆ 



มีจักรยานให้ยืมฟรี และมีเรือให้พายด้วย แต่เราไม่ได้ใช้บริการ เพราะแค่เดินเล่นในโรงแรม ก็สนุกแล้ว 



มาถึงอาหารเย็น เราสั่งห่อหมก อร่อยดีค่ะ








ส่วนนี่ คือ ยำส้มโอ ที่บอกว่า เป็นเมนูซิกเนเจอร์ อันนี้ อร่อยโดนๆ 






แถมด้วยปลาหมึกผัดพริกกระเทียม ที่พนักงานแนะนำ อร่อยมากๆ เสียอย่างเดียว พอกัดพลาดเจอพริก ถึงกับน้ำตาไหล 55 แต่อร่อยค่ะ รับประกัน และช่วง 17.00 น. ถึงสองทุ่ม (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) เป็นช่วงเวลาที่สามารถสั่งค็อกเทลมาดื่มได้ ด้วยโปรโมชั่น 1 แถม 1





ว่าแล้ว ก็เข้านอน ก่อนนอน มองขึ้นไปบนฟ้า เห็นดาวเยอะทีเดียว ประทับใจค่ะ แต่เสียดาย ทีแรกกะว่าจะได้เห็นหิ่งห้อย แต่พนักงานบอกว่า หมดฤดูที่หิ่งห้อยจะมาแถวนี้แล้ว เลยไม่เจอกัน





มาถึงอาหารเช้า พอนั่งลง ก็มีน้ำเปล่า น้ำส้ม เนย แยม มาให้ก่อน พร้อมถามว่าจะรับชา หรือกาแฟ 







 จากนั้น ขนมปังปิ้งก็ออกมา ให้คนละแผ่นหั่นครึ่งแบบเฉียง (ในภาพมี 8 ชื้น เพราะตอนแรกเราเดินมา 4 คนก่อน คนที่ 5 กำลังตามมา)








แล้วก็มาถึงซิกเนเจอร์อีกจานที่พนักงานแนะนำ คือ ข้าวผัดปลาทู ก็อร่อยสมที่แนะนำนะคะ 





มีน้องเราคนนึง ไม่ทานปลาทู สั่งเป็นชุดอาหารเช้าแบบฝรั่ง





หมดจากอาหารจานหลัก ได้ผลไม้ อันนี้ สำหรับ 5 คนค่ะ



จากนั้นไปเดินเล่นกันรอบบริเวณอีกที เพราะอากาศตอนเช้าดีกว่าตอนบ่าย-เย็นของเมื่อวานนี้ ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ ก็สบายใจ สบายตาดีค่ะ



รวมแล้ว อสิตา อีโค รีสอร์ท เป็นที่พักที่เราค่อนข้างชอบมากๆ ถ้ามีเรื่องติ ก็มี 2 ประเด็น อย่างที่บอกแล้วคือ เตียงมีเสียงดังของสปริงเวลาพลิกตัว (ไม่ได้เป็นทุกเตียง แต่ดันเป็นที่ห้องเรา) และสบู่อาบน้ำ ที่อยากให้หอมแบบสปา เข้าบรรยากาศหน่อย แต่รวมๆ ก็ชอบมากๆ และตั้งใจว่าจะกลับมาอีก แต่คงต้องรอซื้อคูปองจากงานไทยเที่ยวไทยอีก จะได้ราคาย่อมเยาว์หน่อยค่ะ



ท่านไหนที่ชอบธรรมชาติ แนะนำที่นี่เลย ไม่ไกลกรุงเทพ เราให้คะแนน 8.5 เต็ม 10 ่ค่ะ



Create Date : 08 มกราคม 2561
Last Update : 8 มกราคม 2561 21:44:04 น. 1 comments
Counter : 2875 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96


 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:3:03:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

polmee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add polmee's blog to your web]
space
space
space
space
space