ถนนสายนี้มีตะพาบหลักกิโลเมตรที่ 305 "ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ"
#โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 305 "ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ" โจทย์โดยคุณ กะว่าก๋า
คำอธิบายโจทย์ คุณเชื่อในคำว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบหรือไม่? และนิยามความหมายของคำว่า "สมบูรณ์"แบบ" ของคุณคืออะไร? ******************************
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ตะพาบครั้งนี้เดินช้ามากเลยค่ะ เพราะคอมฯ เดี้ยงหมดเลย ตอนนี้ใช้ได้แล้วค่ะรีบมาอัพตะพาบทันทีทันใดค่ะ
วันนี้ขอลงเป็นเรื่องสั้นนะคะเป็นอุทาหรณ์กับชีวิตอีกหลายๆชีวิตที่กำลังเผชิญกับปัญหาและการใช้ชีวิตในเศรษฐกิจปัจจุบันค่ะไปอ่านกันค่ะ ********************************
ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
สนธยา สนธยาเป็นเด็กสาววัยรุ่นเลือดร้อนคนหนึ่งเธอมีความคิดที่อิจฉาคนรอบข้างที่สุขสบายกว่าเธอไปทั้งหมด บ้านของสนธยาอยู่่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท และเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับเธอก็เป็นบ้านของมาณีวรรณ เพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกัน
มาณีวรรณ
สนธยาอยู่ในครอบครัวที่ยากจนจนไปเสียทุกอย่างพ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทำงานทุกอย่างแถมเธอมีพี่น้องสี่คน สนธยาเป็นลูกคนโตเธอต้องคอยดูแลน้องๆขณะที่พ่อแม่ไปรับจ้างทำงานและงานบ้านทุกอย่างเป็นหน้าที่ของสนธยา วัยเพียง 14 ปี แต่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างถึงสนธยาจะเป็นเด็กเลือดร้อนขี้อิจฉาแต่เธอก็รักน้องๆทุกคนเธอจะดูแลน้องๆด้วยดีเพราะคำสอนของพ่อและแม่ในวงกินข้าว
ตอนเช้าในบ้านของสนธยาอาจจะไม่ได้กินข้าวร่วมวงกันเพราะน้องๆต้องรีบไปโรงเรียนพ่อและแม่ต้องรีบไปรับจ้างสนธยาต้องตื่นแต่เช้าหุงหาอาหารให้พ่อแม่และน้องๆรวมทั้งตัวเธอให้ได้กินก่อนไปโรงเรียนฉะนั้นใครพร้อมต้องรีบมากินก่อนแล้วต่างคนต่างไป
แต่ตอนเย็น เวลาของอาหารค่ำบ้านนี้จะต้องพร้อมหน้ากันล้อมวงนั่งกินข้าวด้วยกันทุกวันถึงแม่ว่าจะนั่งพื้นล้อมวงแต่ก็มีความสุขคุยกันหัวเราะกันไปสนุกสนานในวงข้าวน้องของสนธยาเป็นคนติดตลกชอบเอาเรื่องราวตลกๆมาคุยให้ได้หัวเราะทุกวันและ ในขณะที่กินข้าวพ่อจะเอ่ยปากสอนลูกไปทุกครั้งและพูดจาปลอบประโลมลูกทุกคนให้อดทนต่อความยากจนของตัวเองสอนลูกเสมอไม่ให้ไปเทียบกับคนที่เข้ามีพร้อมทุกอย่างมีชีวิตที่สุขสบายพร้อมทั้งให้ความหวังไว้เสมอว่า สักวันหนึ่งถ้าลูกขยันเรียนและเป็นคนดี โอกาสต้องมาถึงเรา
สนธยาจะท่องไว้และจดจำเสมอว่าสักวันโอกาสจะเป็นของเรา ในมื้อค่ำของทุกวันจะมีกินพร้อมบริบูรณ์หรือขาดไปบ้างแต่ครอบครัวของสนธยาก็มีความสุขที่พ่อแม่เข้าใจกันและสอนลูกๆให้รักกันดูแลกันนั่นคือสิ่งที่สนธยาได้รับทุกวันทำให้เกิดความอบอุ่นอยู่ในใจเสมอ
แต่สนธยาก็ยังไม่วายที่จะอิจฉาเพื่อนบ้านอย่างมาณีวรรณ ทำไมหนอ บ้านเพื่อนช่างใหญ่โต พ่อของมาณีวรรณเป็นนายกอบต.ประจำหมู่บ้านด้วยแม่ของมาณีวรรณก็ไม่ต้องทำอะไรแต่งตัวสวยเที่ยวไปตามแต่ใจตัวเองทุกวัน พี่น้องของมาณีวรรณก็มีกันแค่ สองคน
ฉะนั้นทุกวันที่ไปโรงเรียน เจอหน้ากันทีไร มาณีวรรณจะมีอะไรใหม่ๆไปอวดเพื่อนๆเสมอ แม้แต่อาหารการกิน มาณีวรรณมีอาหารอร่อยน่ากิน มีขนม มีผลไม้ที่สนธยาแอบมองแล้วน้ำลายไหลทุกวัน เฮ้อ....ทำไมๆเราถึงไม่มีแบบเค้าบ้าง
มาณีวรรณได้โทรศัพท์มือถือราคาแพงมาอวดเพื่อนๆ ได้เล่นเกม ได้แชทติดต่อใครไปทั่วในขณะที่สนธยาได้แต่ชะเง้อคอ มองเพื่อนอย่างสนใจ อยากรู้อยากเล่นบ้าง ได้แค่คิดอยากได้.....
สนธยาคิดไปก็น้อยเนื้อต่ำใจในฐานะของตัวเอง จะถามพ่อทุกครั้งว่า ทำไมพ่อไม่รวยเหมือนคนอื่น บ้าง เพื่อนเค้าอยากได้อะไรก็ได้ แต่หนูอยากได้ไม่เคยได้อะไรเลย แม้แต่เสื้อผ้าสวยๆก็ไม่เคยมี
พ่อจะปลอบสนธยาทุกครั้งว่า ลูกเอ๋ยพ่อก็อยากรวยเหมือนคนอื่นเขาแหละ แต่พื้นฐานคนเราไม่เท่ากันนะลูก ปู่ย่าไม่ได้รวยมาก่อนต้องหาเช้ากินค่ำแบบนี้พ่อแม่ก็ไม่มีสมบัติอะไรมาเหมือนกันเราต้องพยายามสร้างไปนะลูกแต่ถึงเราจะไม่มีเท่าเทียมเขาครอบครัวของเราก็มีความสุขไ่ม่ใช่เหรอ ลูกอยากได้อะไรพ่อก็พยายามหามาให้ถึงแม้ว่าจะได้ช้าไปบ้างชีวิตของเราเป็นแบบนี้พ่อขอให้ลูกอดทนสักวันหนึ่งคงจะดีขึ้นนะลูก
สนธยาได้แต่คอยสักวันหนึ่งของพ่อมาตลอดจนเดี๋ยวนี้จะจบม.ปลายแล้วสนธยายังคว้างเลยว่าจะได้เรียนต่อมั๊ยในขณะที่เพื่อนคุยกันฟุ้งว่าพ่อแม่จะให้ไปเรียนโน่นนี่นั่น เฮ้อ....
พ่อ..หามาให้ได้จริงๆแต่ก็เป็นของเก่าของคนอื่นที่เขาไม่เอาแล้วเอามาขายให้พ่อราคาถูกๆพ่อก็กัดฟันเจียดเอาเงินไปซื้อมาให้สนธยามันคือมือถือเก่าๆที่ใครๆก็ไม่ใช้แล้วแต่ก็ยังพอใช้ได้แต่สนธยาก็รักและหวงใช้อย่างระมัดระวังตามคำสอนของพ่อ น้องๆ ป6.น้องวารี ป4. วีนัส ป.2 ภัทระ น้องสาวสองและสุดท้องน้องชายภัทระ เป็นเด็กดีที่นารักทุกคนสนธยารักน้องทุกคนจะดูแลน้องๆแทนพ่อแม่ได้เพราะเป็นพี่ที่อายุห่างจากน้องๆมากน้องๆทุกคนจึงเชื่อฟังสนธยา มีอะไรพี่น้องก็จะมาเล่ามาแบ่งขนมกันกินอย่างมีความสุข
ผิดกันกับบ้านของมาณีวรรณ ถึงแม้จะมีสองคนพี่น้อง มาณีวรรณเป็นลูกสาวสุดท้องที่พ่อแม่รักและตามใจมาก พี่คนโตเข้าสู่วัยรุ่นแล้วกำลังเรียนระดับปวชวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่ง พี่ชายมาณีวรรณชื่อ มานัส เป็นเด็กวัยรุ่นที่เกเรประจำหมู่บ้าน สร้างความปวดหัวให้พ่อแม่มาตลอดบางทีไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแต่อาศัยที่พ่อมีตำแหน่งใหญ่โตในหมู่บ้านจึงขอชาวบ้านได้ง่ายๆ
ทุกวัน พี่น้องจะมีเรื่องทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน พอพ่อแม่ดุด่าพี่ชายก็หนีออกบ้านไปสามสี่วันก็ได้เรื่องเดือดร้อนกลับมาทุกครั้ง เช่นไปมีเรื่องตีรันฟันแทงกับวัยรุ่นหมู่บ้านอื่นบ้าง ซ่องสุมแอบเสพยากันบ้าง สนธยารู้ดีจึงหนีห่างๆไม่กล้าเข้าใกล้แม้ว่าพี่ชายของมาณีวรรณพยายามมาตีสนิทด้วยก็ตาม มาณีวรรณมักจะพาน้องมาเป็นทัพหน้ากันตนเองทุกครั้งเพราะไม่อยากคบคนเกเรพ่อเคยสอนไว้
ชีวิตสนธยาดำเนินมาตามครรลองที่ค่อนข้างจะกระท่อนกระแท่น จนสำเร็จชั้นม.ปลายจึงไปสมัครเป็นเมดในโรงพยาบาลใกล้บ้านเค้ารับเด็กจบม.ปลายพอดี เพื่อนๆไม่มีใครอยากเป็นบอกเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย แต่ สนธยาคิดว่า นี่คือการได้ทำงานและได้เงินเดือนมาช่วยพ่อแม่และน้องช่วยให้ครอบครัวดีขึ้นพ่อแม่เริ่มอายุมากขึ้นทุกวันแล้ว
ตรงข้ามกับมาณีวรรณได้ไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่ตัวเองชื่นชอบแต่งชุดนักศึกษามาอวดสนธยาทุกวันและมองสนธยาอย่างดูดูถูกถึงอาชีพที่ต่ำต้อย
สนธยาถึงแม้จะอิจฉาเพื่อนสักเพียงไรก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองให้อดทนและยังภูมิใจที่พ่อชื่นชมลูกที่สามารถหางานทำได้ช่วยพ่อแม่ได้อีกพ่อจะมองสนธยาอย่างปลาบปลื้มไปไหนก็อวดลูกสาวแค่นี้สนธยาก็ภูมิใจแล้ว
ไม่นานโอกาสมาถึง ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้เมดที่จบม.ปลายไปอบรมวิชาผู้ช่วยพยาบาลได้ สนธยารีบไขว่คว้าโอกาสนี้ทันที และพ่อก็สนับสนุนให้ไป 3 ปีที่ไปอบรม กลับมาสนธยาอยู่ในชุดสีขาวเหมือนนางพยาบาลสนธยาแอบปลื้มมากมายถึงแม้งานจะเหนื่อยนี่คือความภูมิใจของสนธยาแล้วที่ได้ทำงานนี้ได้ช่วยพ่อแม่ได้ช่วยเหลือคนทั่วไป สนธยาเลิกอิจฉามาณีวรรณแล้วเพราะได้ข่าวว่ามาณีวรรณเรียนไม่จบต้องออกมาอยู่บ้านพ่อก็ไม่ได้เป็นนายกอบต.แล้วตอนนี้กำลังเลือกตั้งใหม่
พี่ชายก็เรียนไม่จบเกกมะเหรกเกเรอยู่บ้านสร้างความปวดหัวให้พ่อแม่เหมือนเดิมโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ร้ายไปกว่านั้นสนธยาได้รู้ว่าพี่ชายมาณีวรรณติดยาเสพติดถึงขั้นหลอนไล่ฆ่าฟันพ่อแม่ น่ากลัวมากเลย สนธยาคิดอย่างหวาดกลัว จากความอิจฉามาณีวรรณ กลายเป็นสงสารเพื่อนไปเสียแล้วและยิ่งไปกว่านั้น วันหนึ่งข่าวการฆ่าตัวตายของพ่อมาณีวรรณก็ดังเป็นพลุแตกไปทั่วหมู่บ้าน
สนธยากอดน้องเล็กภัทระไว้แน่นพร้อมสอนน้องด้วยว่าน้องจะต้องไม่ทำตามพี่ชายของมาณีวรรณโดยเด็ดขาดและน้องสาวสองคนของสนธยาก็เข้ามากอดพี่บอกหนูก็ไม่ทำตามพี่มาณีวรรณเด็ดขาดหนูจะตั้งใจเรียนให้จบได้ทำงานเหมือนพี่ของหนูพี่ได้สวมชุดขาวแล้วถึงแม้จะไม่ได้เป็นนางพยาบาลแต่พี่ก็มีหน้าที่ช่วยนางพยาบาลน้องภูมิใจในตัวพี่ พ่อและแม่ออกมาโอบกอดลูกทุกคนไว้แล้วบอกลูกด้วยความภูมิใจว่าพ่อแม่ถึงแม้จะยากจนแต่พ่อแม่ก็มีความสุขถึงแม้ว่าเราจะมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบเพราะว่าเรายากจนแต่เมื่อเราอดทนสักวันหนึ่งความสมบูรณ์แบบจะมาเติมเต็มให้เราเองนะลูก
ผิดกับชีวิตของมาณีวรรณเพื่อนของลูก เค้ามีความสุขเหมือนจะสมบูรณ์แบบแต่ที่แท้แล้วเค้ายังไม่สมบูรณ์แบบเลยนะลูก เค้าขาดความรักความอบอุ่นระหว่างพ่อ แม่ ลูกและพี่น้อง เค้าขาดการดำเนิชีวิตที่มีความพอดี แม่ก็ฟุ้งเฟ้อแต่งตัวเที่ยวไปทุกที่ไม่ทำงาน พ่อทำงานแต่ก็ใช้ตำแหน่งใหญ่โตเอาเปรียบชาวบ้าน ลูกก็เอาแต่ใจตัวเองถือว่ามีเงินอยากทำอะไรก็ทำไม่มีการยับยั้งชั่งใจ ทั้งสองคนจึงไม่พบความสำเร็จในชีวิตทั้งสองคน น่าสงสารมากนะ ต่อไปจะมีชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร
ใช่สิ ....สนธยามองเห็นภาพในความรู้สึกของตนเองในวัยเยาว์ที่ชอบคิดมาก ขี้อิจฉา อยากได้อยากมีเหมือนเพื่อน เดชะบุญที่มีพ่อแม่ดี คอยสั่งสอนอบรม มีความรักความเมตตาให้พี่น้องและให้รักกันในครอบครัว และลูกๆก็เชื่อฟังเพราะทุกๆค่ำเราจะพร้อมหน้ากันในวงล้อมของการกินข้าวที่สนุกสนานและอบอุ่น สิ่งนี้ต่างหากที่เป็นเหมือนชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเราไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร มีชีวิตไปตามครรลองของตัวเอง มีอย่างไรใช้อย่างนั้นทำเท่าที่เรามีอย่าไปเอาอย่างเพื่อนๆที่เขามีแค่นี้ในบ้านของเราก็สุขแล้ว เฮ้อ....สงสารมาณีวรรณจัง
***********************************เป็นอย่างไรบ้างคะเพื่อนๆชีวิตที่สมบูรณ์แบบ นั่นคือเราไม่จำเป็นต้องพร้อมเสมอไปขอให้เรามีชีวิตที่มีความสุขในครอบครัวก็พอแล้วนะคะเหมือนสนธยาในตอนนี้ขอจบเพียงเท่านี้พบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะขอขอบคุณภาพประกอบการ์ตูนจากกูเกิลค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่มาเยือนและให้กำลังใจค่ะ
ขอขอบคุณบีจีสวยๆจากบล็อกแกงค์
ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบชุดเพลงบรรเลงจากไวโอลีน
พบกันใหม่บล็อกหน้าสวัสดีค่ะ
ฟังเพลงบรรเลงเพราะๆท้ายบล็อกกันนะคะ
Create Date : 01 กรกฎาคม 2565 |
Last Update : 11 ตุลาคม 2565 0:56:28 น. |
|
20 comments
|
Counter : 1436 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณอาจารย์สุวิมล, คุณปัญญา Dh, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกะว่าก๋า, คุณเริงฤดีนะ, คุณNENE77, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณโอพีย์, คุณRananrin, คุณkae+aoe, คุณปรศุราม, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณnonnoiGiwGiw, คุณtuk-tuk@korat |
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 1 กรกฎาคม 2565 เวลา:19:22:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กรกฎาคม 2565 เวลา:21:33:58 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 1 กรกฎาคม 2565 เวลา:21:48:00 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 1 กรกฎาคม 2565 เวลา:22:11:40 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 1 กรกฎาคม 2565 เวลา:22:43:23 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 2 กรกฎาคม 2565 เวลา:0:41:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กรกฎาคม 2565 เวลา:6:44:43 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 2 กรกฎาคม 2565 เวลา:8:46:05 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 2 กรกฎาคม 2565 เวลา:14:13:02 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 กรกฎาคม 2565 เวลา:21:37:19 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 4 กรกฎาคม 2565 เวลา:0:24:09 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 4 กรกฎาคม 2565 เวลา:19:40:00 น. |
|
|
|
|
|
มาอ่านตะพาบของ กิ่ง เขียนในรูป เรื่องเล่า เป็นการเปรียบเทียบ สภาพความเป็นอยู่ของสองครอบครัว ครอบครัวของสนธยา
และครอบครัวของ มาณีวรรณ
ความอิจฉา ตามความหมายของภาษาบาลี สันสกฤต มีความ
หมายในแง่บวกจ้ะ หมายถึง อยากจะได้ดีเหมือนคนคนนั้น ทำให้เรามีความมานะ อดทน และได้ดีในที่สุดเหมือน สนธยา
ส่วนคำว่า ริษยา เป็นคำที่มีความหมายในแง่ลบ หมายถึงเห็นใครดีแล้ว ก็ไม่อยากให้เขาได้ดี คอยจ้องทำลาย ในภาษา
ไทยมักนำสองคำนี้มาใช้ด้วยกัน ทำให้ความหมายไปใช้ในทางที่ผิด
ไปจากความหมายเดิม จ้ะ
ฉะนั้น ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ จึงสมควรเป็น ครอบครัวของ
สนธยา จ้ะ
โหวดหมวด ตะพาบ