ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 301"เรื่องที่อยากเล่า"
ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 301
"เรื่องที่อยากเล่า"
โจทย์โดย คุณ toor36
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ตะพาบบ้านนี้ออกเดินช้าอีกแล้วค่ะ มาช้าดีกว่าไม่มานะคะ อิอิ
สำหรับโจทย์วันนี้ กำหนดโดยคุณต่อtoor36 ไม่จำกัดแนวการเขียน*********************************************จขบ. จึงอยากเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับชายคนหนี่งที่จขบ.ประสบพบเห็นมากับเพื่อนๆและได้เข้าช่วยเหลือโดยการนำของเยี่ยมและรวบรวมเงินจากเพื่อนๆได้จำนวนหนึ่งไปมอบให้เพราะชายคนนี้เคยเป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกันค่ะ จึงได้นำมาเล่าให้เพื่อนๆได้ทราบเป็นอุทาหรณ์นะคะ 

***************************************
คือมีชายคนหนึ่งขอใช้นามสมมุติว่าชื่อ กานต์ นะคะ เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดีมาก พ่อแม่ร่ำรวย แม่เปิดร้านขายของชำที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน และพ่อของกานต์ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมใกล้บ้านพ่อของกานต์เป็นคนขยันเก็บหอมรอมริบ กานต์มีพี่น้อง 3 คนเป็นชายล้วน กานต์เป็นลูกชายคนสุดท้องได้ชื่อว่าพ่อแม่รักมาก กานต์ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนใกล้บ้าน ในวัยเรียนกานต์จะหนีเรียนบ่อยมากจะถูกครูทำโทษหน้าเสาธงตลอด แต่กานต์ก็ไม่เคยกลัวครูเลยหนักเข้าไม่ยอมมาเรียนเลยจนผ่านชั้นประถมไปได้อย่างหวุดหวิด
แล้วแม่ของกานต์ก็ย้ายกานต์ไปเรียนที่โรงเรียนเอกชนในเมืองแต่กานต์ก็เหมือนเดิม เกเรหนีเที่ยวสร้างความเดือดร้อนให้แม่ตลอด แต่เพราะเป็นลูกชายคนสุดท้องพ่อแม่รักหนักหนา ลูกจะเป็นอย่างไรก็เข้าข้างลูกคอยตามใจอยู่ตลอดจนกานต์เสียคนจบมัธยมที่ในเมืองหรือไม่จบไม่แน่ใจแล้วกานต์ก็ไม่ได้ไปเรียนต่ออะไรเลย ต่อมาก็ติดสุรายาเมากับเพื่อนที่ชอบดื่มกินด้วยกันติดจนเลิกไม่ได้ แม่ของกานต์ได้แต่เสียใจ เพื่อนๆเรียนจบมีงานทำกันไปหมดแล้วแต่กานตฺยังสำมะเลเทเมาอยู่อย่างนั้น จากวันเป็นเดือนและ เดือนเป็นปี ผ่านไปเรื่อยชีวิตของกานต์ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จนกระทั่งพ่อเสียชีวิต เพราะโรคประจำตัว ไม่นาน พี่ชายคนรองก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุตามไปอีก
ในบ้านจึงเหลือกานต์กับแม่เพียงสองคน พี่ชายคนโตก็แต่งงานแยกครอบครัวออกจากบ้านไปแล้ว นานทีก็จะมาเยี่ยมแม่บ้าง แม่ก็เริ่มย่างเข้าวัยชราแล้วแต่ยังต้องมาคอยดูแลลูกด้วยความเป็นห่วงเพราะกานต์เวลาที่เมาแล้วจะไม่กินอาหารเลยแม่ต้องคอยหาข้าวหาปลาให้กินกลัวลูกจะอด เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวันไป
ไม่นานพี่ชายคนโตก็มีปัญหาในครอบครัวจึงหย่าร้างกับภรรยาแล้วไปมีภรรยาใหม่ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดจึงไม่ค่อยได้มาเยี่ยมแม่และน้องพี่ชายคนโตได้มีลูกกับภรรยาเก่าสองคนเป็นชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง แต่ลูกอยู่กับแม่คือภรยาเก่า
เวลาผ่านไปพี่ชายคนโตก็ล้มป่วยและเสียชีวิตไปอีก ส่วนกานต์ก็ผลาญสมบัติพ่อแม่จนแทบจะไม่เหลืออะไรเลยจากที่เคยมีฐานะดีแต่ตอนนี้กลับยากจนลงเพราะแม่ก็แก่มากแล้วไม่ได้ขายของนานแล้วจึงไม่มีรายได้อะไรเลย พ่อก็เสียชีวิตไปแล้วจึงได้แต่ใช้เงินเก็บไปจนหมด
กานต์และแม่จึงอาศัยเงินที่พี่ชายคนโตคอยส่งให้ได้ใช้อยู่กินมาโดยตลอด พอพี่ชายคนโตเสียชีวิตลง คราวนี้แม่และกานต์จึงลำบากมาก แต่กานต์ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้เพราะเขาไม่เคยทำงาน ทั้งความรู้ก็ไม่มีเพราะเรียนมัธยมก็ไม่จบ วันๆได้แต่ขอเงินแม่ซื้อเหล้ากิน แม่ของกานต์ได้แต่เสียใจคิดมากทั้งขราภาพมากแล้วพยายามห้ามปรามกานต์ให้เลิกกินเหล้าแต่กานต์ก็ไม่เคยเชื่อฟังแม่เลย
ขอย้อนไปถึงตอนที่พี่คนโตเสียชีวิต แม่และกานต์ลำบากมาก แต่ก็ได้หลานสองคนที่เป็นลูกของพี่คนโตเข้ามาดูแลย่าและอา เด็กทั้งสองเรียนจบได้ทำงานแล้วต่างก็มีครอบครัวแล้ว แต่ก็ปลีกเวลามาหาย่าเอาอาหารการกินมาให้เอาเงินไว้ให้ย่าใช้ แต่ก็ถูกอาคือกานต์แอบเอาไปซื้อเหล้ากินกับเพื่อนอยู่บ่อยๆ
วันหนึ่งกานต์เมามากเดินไปเหยียบเศษไม้ที่มีตะปูเป็นสนิมตำเท้าเข้าแต่กานต์ก็ไม่สนใจที่จะไปหาหมอไม่สนใจที่จะรักษา จนแผลเกิดการอักเสบบวมแดงเน่ามีน้ำหนอง กานต์ก็ไม่บอกใคร รักษาแผลไปตามมีตามเกิดด้วยตัวเอง
แผลที่เท้าของกานต์เรื่มบวมดำปวดลามขึ้นไปถึงต้นขากานต์ถึงกับเป็นไข้ขยับขาข้างที่ถูกตะปูตำไม่ได้เลย หลานทั้งสองเห็นจึงพาไปโรงพยาบาลทันที
ผลออกมากานต์ต้องถูกตัดขาโดยตัดตั้งแต่โคนขาเพราะแผลเน่าอักเสบลามมาบนโคนขาแล้วปล่อยทิ้งไว้อาจเสียชีวิต
กานต์นอนป่วยในโรงพยาบาลนานมากเกือบเดือนพอแผลที่ถูกตัดขาหายหมอก็ให้นั่งวิลแชร์แล้วพยายามให้ช่วยเหลือตัวเอง
เมื่อกานต์ออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้านแม่เห็นสภาพลูกชายยิ่งเสียใจหนักทั่งแม่แก่มากแล้วแม่จึงห่วงกานต์มาก เพราะถ้าแม่เสียไป กานต์จะอยู่อย่างไร แม่่คิดมากจนล้มป่วย
กานต์เมื่อกลับมาอยู่บ้านก็ไม่พยายามฝึกหัดนั่งวิลแชร์เลยได้แต่นั่งและค่อยๆกัดตัวไปโดยใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวเองไปข้างหน้าแทนและยังแอบไปกินเหล้าเมาอีกตามเคยมิใยที่แม่จะดุด่าห้ามปราม ทั้งๆที่อายุมากแล้วแต่กานต์กลับไม่มีความคิดอะไรเลยที่จะแก้ไขตัวเองแอบคลานออกไปกินเหล้าที่ร้านหน้าบ้านอยู่บ่อยๆ
ในที่สุดแม่ก็จากกานต์ไปอีกคน วันที่แม่เสียชีวิต กานต์ก็เมาไม่รู้เรื่องเลยว่าแม่ของตัวเองได้จากไปแล้ว เมาหลับไปพอตื่นมาวันรุ่งขึ้นจึงได้รู้ว่าแม่เสียชีวิตแล้ว กานต์ตกใจเสียใจหนักถึงกับฟุบลงไปเส้นเลือดในสมองแตกแต่บุญที่ส่งโรงพยาบาลทันหมอรักษาได้ทันไม่ถึงกับเสียชิวิตแต่ กานต์กลายเป็นคนเลื่อนลอยจำใครไม่ค่อยได้และยังพูดออกมาเป็นประโยคไม่ได้อีกด้วย เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ เดินไม่ได้มีขาข้างเดียว ยังไม่พอ สมองยังเลอะเลือนจำอะไรไม่ค่อยได้ เท่านั้นยังไม่พอ พูดเป็นภาษาก็ไม่ได้อีกด้วยได้แต่ส่งเสียงเหมือนคนใบ้เอ้อๆอ้าๆฟังไม่รู้เรื่อง อนิจจา กรรมหนักหรืออย่างไร
แบบนี้จะเรียกว่ากรรมหนักหรือเปล่านะ แต่ก็ต้องตกมาเป็นภาระให้กับหลานทั้งสอง ต้องมาคอยดูแล แต่หลานทั้งสองก็มีครอบครัวมีหน้าที่การงานที่ต้องทำ จึงต้องจ้างคนมาดูแลโดยสองพี่น้องต้องออกเงินคนละ 6,000 บาทเพื่อให้เป็นค่าจ้างคนดูแลเดือนละ 12,000 บาท เป็นภาระหนักแก่หลานทั้งสองคนมากๆ และหลานทั้งสองมีหลานชายที่คอยเทียวไปเทียวมาดูแลได้ส่วนหลานสาวอยู่ต่างจังหวัดได้แต่ส่งเงินมาเท่านั้น หลานชายก็นานๆมาที คนดูแลก็ไม่ค่อยเอาใจใส่ วันๆก็ปิดประตูขังกานต์ไว้ในบ้านพอถึงเวลาอาหารก็เอามาวางไว้ให้แล้วก็ไป บ้านเรือนสกปรกเลอะเทอะเหม็นปัสสาวะของกานต์ที่เล็ดราดเพราะนั่งโถปัสสาวะไม่ทัน ดูๆแล้ว เป็นที่น่าเวทนาเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้เขายังมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก จขบ.และเพื่อนๆได้รวบรวมเงินจำนวนหนึ่งไปเยี่ยมและนำไปมอบให้หลานของเขาเพื่อจะได้ใช้ดูแลกานต์ต่อไป
เพื่อนๆอ่านเรื่องเล่าแล้ว มีความรู้สึกอย่างไรบ้างคะ คิดว่ากานต์เป็นอย่างนี้เพราะกรรมของเขาหนักมากถึงทำให้ชีวิตเป็นไปถึงขนาดนี้ หรือเพราะเขาทำตัวเองชีวิตจึงเป็นแบบนี้ หรือเพราะพ่อแม่รังแกฉันจากการที่พ่อแม่ตามใจลูกมากเกินไปลูกจึงเสียคน เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรลองเม้นท์ให้ทราบบ้างนะคะ
ขอจบเรื่องเล่าไว้เพียงเท่านี้ค่ะ ไว้เจอกันใหม่บล็อกหน้านะคะ
*********************************************
ขอขอบคุณเพื่อนทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนและส่งกำลังใจให้ค่ะ
ขอขอบคุณบีจีสวยๆจากคุณจุลิจอมซน
ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบ
ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
พบกันใหม่บล็อกหน้า
สวัสดีค่ะ
Create Date : 01 พฤษภาคม 2565 |
Last Update : 15 มิถุนายน 2565 1:36:00 น. |
|
32 comments
|
Counter : 406 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอพีย์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณ**mp5**, คุณSweet_pills, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณtoor36, คุณtanjira, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณทนายอ้วน, คุณเริงฤดีนะ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณชีริว, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณnewyorknurse, คุณโอน่าจอมซ่าส์ |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:6:15:02 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:8:30:44 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:8:52:58 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:13:38:32 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:14:04:40 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:14:34:36 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:16:28:25 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 พฤษภาคม 2565 เวลา:20:20:17 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 4 พฤษภาคม 2565 เวลา:0:01:58 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 4 พฤษภาคม 2565 เวลา:0:26:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤษภาคม 2565 เวลา:4:47:03 น. |
|
|
|
โดย: โอพีย์ วันที่: 4 พฤษภาคม 2565 เวลา:9:51:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤษภาคม 2565 เวลา:15:36:55 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 5 พฤษภาคม 2565 เวลา:0:31:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 พฤษภาคม 2565 เวลา:5:24:25 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:5:44:23 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:5:59:28 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:20:56:47 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:23:48:19 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤษภาคม 2565 เวลา:6:20:01 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 พฤษภาคม 2565 เวลา:7:00:16 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 7 พฤษภาคม 2565 เวลา:21:18:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 พฤษภาคม 2565 เวลา:17:51:28 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 8 พฤษภาคม 2565 เวลา:18:48:54 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 8 พฤษภาคม 2565 เวลา:18:54:06 น. |
|
|
|
|
|
อรุณสวัสดิ์ครับพี่กิ่ง
กรรมเกิดจากตน
ตนเกิดจากกรรม
ทุกสิ่งที่ทำ
ก็ยังผูกกรรมกับคนรอบกายอีกด้วย
น่าเศร้านะครับพี่
จะโทษเหล้าก็ไมไ่ด้
เพราะเหล้ามันวางอยู่ของมันดีๆ
แต่เราไปเอามันมาเข้าปาก เอาเข้าใส่ตัว
น่าเศร้าและน่าสงสารคนรอบกาย
ที่ต้องมาคอยดูแลรับผิดชอบ
ที่สำคัญ คือ สุดท้ายด้วยอาการของโรค
คนที่ดูแลจะต้องเหนื่อยไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้นะครับ