|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
SEO กับคำศัพท์ต่างๆ มีอะไรบ้างที่ต้องรู้ |
|
ก่อนที่เราจะเริ่มทำ SEO เราต้องมารู้จักคำศัพท์เบื้องต้นกันก่อน เพื่อที่จะได้รู้และเข้าใจในความหมายของศัพท์ตัวนั้น อีกทั้งจะทำให้เราประหยัดเวลาในการศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับ SEO อีกด้วย Search Engine หมายถึง ระบบค้นหาบนเว็บไซต์ เช่น Google Bing YahooSEO มาจากคำว่า Search Engine Optimization หมายถึง การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการค้นหาOnpage หมายถึง การเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ภายในเว็บไซต์Offpage หมายถึง การเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ภายนอกเว็บไซต์ (ให้ลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา)Backlink หมายถึง ลิงก์เว็บไซต์ให้ย้อนกลับมาหาตามลิงก์ที่กำหนดKeywords หมายถึง คำสำคัญที่ใช้ในการค้นหา โดยคำค้นหานั้นจะนำผู้ใช้งานมาสู่เว็บไซต์นั้นๆ ที่ต้องการPageRank หมายถึง ค่า PR ที่บ่งบอกถึงความสำคัญ และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์Traffic หมายถึง จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
การปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดหน้าค้นหาของ Google ค้นหาใน Google แล้วเจอเว็บไซต์ของเราตั้งแต่หน้าแรกคือดีที่สุด หรือเจอเว็บเป็นลิงค์อันดับต้นๆ ที่ขึ้นมาคือยอดเยี่ยม โดยคำศัพท์ SEO ย่อมาจาก Search engine optimization
Keyword
คำที่ใช้ค้นหาใน Google จะเป็นคำ กลุ่มคำ หรือประโยคยาวๆ ก็เรียกรวมกันว่า keyword คนทำเว็บไซต์ควรใช้ keyword (คีย์เวิร์ด) อะไรเพื่อสร้างบทความหรือเนื้อหา? keyword ที่ใช้จะเป็นคำว่าอะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์นั้น แต่ต้องเป็นคำที่ “คนส่วนใหญ่ใช้ค้นหาใน Google” ซึ่ง WOW จะแนะนำต่อไปในเรื่อง “เครื่องมือค้นหา Keyword”
Search Engine ระบบซอฟต์แวร์ (Software System) หรือโปรแกรมที่ใช้ในการค้นหาเว็บไซต์ เช่น Google, Yahoo, Bing สำหรับบ้านเรา คนส่วนใหญ่นิยมใช้ Google เป็นเครื่องมือค้นหามากถึงประมาณ 99% (ข้อมูลจากเว็บไซต์สถิติ Statcounter Global Stats)
URL ที่อยู่เว็บไซต์ ที่อยู่อินเตอร์เน็ต Url ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator
Slug ส่วนหนึ่งของ URL ที่ระบุหน้าต่างๆ บนเว็บไซต์ มักจะอยู่ต่อหลัง URL อาจจะเป็นชื่อของหน้าเว็บไซต์ หรืออาจจะเป็นเลขรหัสที่เว็บไซต์จัดทำเองโดยอัตโนมัติเช่นศัพท์ SEO, SEO พื้นฐาน, SEO คืออะไร หรือเว็บจัดรหัสให้เองโดยอัตโนมัติแบบนี้ ศัพท์ SEO, SEO พื้นฐาน, SEO คืออะไร
SERPหน้าที่แสดงผลจากการค้นหาใน Google เมื่อเราพิมพ์ Keyword ใน Google แล้วกดปุ่ม enter แล้วข้อมูลเว็บต่างๆ ขึ้นมาให้เลือก นั่นแหละคือ SERP คำว่า SERP ย่อมาจาก Search Engine Result Page
Web pageหน้าเว็บหน้าหนึ่งในเว็บไซต์ (Website) หรือจะพูดอีกอย่างได้ว่า เว็บไซต์ คือ การรวมของ Web page (เว็บเพจ) หลายๆ หน้า
On-Page SEOการปรับปรุงเว็บเพจของเราให้ติดในหน้าการค้นหา Google หรือมีคนคลิกเข้ามาในหน้าเว็บเพจของเรา ทำได้ทั้งการปรับหัวข้อ เนื้อหา ภาพ ฯลฯ
Off-Page SEOการดำเนินการบนที่ใดก็ได้ในโลกอินเตอร์เน็ตแต่ไม่ใช่บนเว็บของเรา แต่ส่งผลต่อเว็บของเรา หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการทำ Backlink
Backlink ลิงค์ของเว็บไซต์หนึ่งที่อยู่บนเว็บไซต์อื่น เช่น ลิงค์ของเว็บไซต์เราไปปรากฎอยู่บนเว็บไซต์ของนาย A ซึ่งถ้าเว็บของนาย A เป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดในหน้า Google ในลำดับที่ดีขึ้น
Algorithmระบบการทำงานหรือการคิดผลลัพธ์ต่างๆ Algorithm อ่านว่า อัลกอริทึ่ม (Al-go-ri-thm) เรามักจะได้ยินคำว่า “Google ปรับ Agorithm” ส่วนใหญ่หมายความว่า Google ปรับระบบการแสดงผลลัพธ์การค้นหา
Crawlขั้นตอนที่ Search engine ค้นเจอและเข้าไปตรวจดูเว็บเพจต่างๆ เพื่อนำไปคำนวณและจัดอันดับหน้าเว็บเพจนั้นๆ ในการค้นหา (Crawl อ่านว่า ครอว์)
Snippetกล่องแนะนำเว็บเพจที่ขึ้นมาด้านข้างซ้ายหรือขวาของ Google เวลาที่พิมพ์ keyword และกดค้นหาไป โดย Google จะเลือกเว็บเพจที่ระบบคิดว่า ตรงกับสิ่งที่ Keyword ตามหาที่สุดซึ่งคนทำเว็บไซต์แทบทุกคนอยากติด Snippet เป็นที่สุด เพราะลิงค์ที่กลายเป็น Snippet ส่วนใหญ่มักมีคนคลิกเข้ามากศัพท์ SEO, SEO พื้นฐาน, SEO คืออะไร
Organic การทำเว็บหรือผลลัพธ์ของการทำเว็บ ที่ไม่ได้ใช้เงินจ่ายให้ Google ตรงๆ เช่น Organic Traffic แปลว่า จำนวนคนเข้าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหรือข้อมูลต่างๆ ของเว็บโดยตรง เป็นศัพท์ SEO ที่เจอบ่อยมากๆ อีกตัวหนึ่ง
15. Google Search Console
ระบบฟรีของ Google ที่ให้เจ้าของหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ไว้ดูผลลัพธ์ของการทำเว็บของเรา ว่ามีอะไรต้องทำเพิ่มหรือลบแก้ไขไหม
16. Internal Link
ลิงค์อื่นๆ ในเว็บไซต์เดียวกัน
17. External Link
ลิงค์ที่มาจากเว็บไซต์อื่น
18. Sitemap
แผนผังเว็บไซต์ หรือหน้ารวมลิงค์ทั้งหมดของเว็บไซต์ ที่เราทำขึ้นเพื่อให้ Google หรือ Search engine ใดๆ เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บของเราไปจัดอันดับใน Search engine ได้สะดวกขึ้น
19. Keyword Difficulty
ระดับความยากง่ายของ Keyword ที่ใช้ ในเครื่องมือหา Keyword จะบอกว่า Keyword แต่ละตัว มีระดับความยากง่ายแค่ไหน โดย Keyword ที่มีตัวเลขสูง แปลว่ามีเว็บอื่นใช้เพื่อแข่งกันติดอันดับ Google สูง
20. Keyword Planner
โปรแกรมค้นหา Keyword ที่คนใช้เยอะเพื่อวางแผนสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ อาจมีชื่อเรียกว่า Keyword Research Tool/ Keyword Explorer ก็ได้ โปรแกรมแบบนี้สามารถดูข้อมูลของเว็บตัวเองหรือเว็บคู่แข่งที่เราอยากรู้ก็ได้
Image result for keyword planner ไทย 21. Long-tail keyword
Keyword ที่ประกอบด้วยคำตั้งแต่ 3 คำขึ้นไป เช่น เสื้อยืดผู้หญิงสีแดง = เสื้อยืด + ผู้หญิง + สีแดง
Long-tail keyword จะค่อนข้างเฉพาะเจาะจง มักจะมีคู่แข่งน้อยหรือ Keyword Difficulty ต่ำ
22. Search volume
ระดับการค้นหาของ Keyword แต่ละตัวของคนที่ใช้งาน Google โปรแกรมค้นหา Keyword ส่วนใหญ่มักจะแบ่งเป็นรายเดือน
23. Meta Description
ย่อหน้าสรุปใจความสำคัญของเว็บเพจนั้นๆ เวลาค้นหาใน Google ข้อมูลที่ปรากฎขึ้นมาจะประกอบด้วย ชื่อเรื่อง, ลิงค์เว็บเพจ และ Meta Description
24. Keyword stuffing
การใส่ Keyword ในหน้าเว็บเพจในปริมาณมากเกินไป ก่อนหน้านี้เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมในการทำ SEO กระทั่งภายหลัง Google พัฒนา Agorithm ให้ตรวจหาการทำ Keyword stuffing แม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เว็บเพจที่ถูกจับว่า Keyword stuffing ถู กตัดสินว่าเป็นเว็บเพจที่ไม่มีคุณภาพและไม่เหมาะสมที่จะติดอันดับการค้นหาบน Google ได้
25. Redirect
เว็บเพจเปลี่ยน URL เช่น เราต้องการเข้า //www.111.com เมื่อใส่เข้าไปในหน้า browser มันกับพาเราไปที่ //www.222.com เรียกว่าการ redirect
Anchor Text
คำว่า Anchor Text สำหรับวงการ SEO นั้นหมายถึง Link ตัวอักษรที่สามารถกดคลิกเพื่อไปหน้าถัดไปหรือหน้าที่ต้องการได้ อย่างเช่น ถ้าเราต้องการ Keyword เป็นคำว่า “จองภาพยนตร์” เพื่อ Link กลับไปยังเว็บไซต์ของโรงภาพยนตร์ ก็จะมี Link ลักษณะนี้ จองภาพยนตร์ ในหน้าเว็บ ซึ่งคำว่า Anchor Text มักพบบ่อยเพราะว่าในการทำ SEO นั้น การใช้ Keyword ที่ต้องการมาทำเป็น Anchor Text นั้นจะเป็นการช่วยเพิ่มอันดับได้เช่นกัน ซึ่งในการเลือกใช้คำที่จะมาทำ Anchor Text นั้นก็ควรที่จะมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ และไม่ใส่มากจนเกินพอดี นอกจากนี้ยังต้องมีการพิจารณาขนาดและ Font ให้เหมาะสมด้วย
SEO BLOG: คำศัพท์น่ารู้สำหรับผู้เริ่มทำ SEO วันนี้เราได้รวบรวมคำศัพท์เกี่ยวกับ SEO พร้อมคำอธิบายมา
หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำ SEO ไม่มากก็น้อย
◆Internal link
ลิงค์ที่เชื่อมโยงภายในเว็บไซต์
◆External link (Backlink)
ลิงค์เชื่อมโยงจากภายนอกเว็บไซต์
◆Breadcrumb
ส่วนที่บอกตำแหน่งของหน้าเว็บไซต์ที่ยูสเซอร์ดูในขณะนั้น
มักอยู่ในรูปแบบของลิงค์เชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ (Internal link)
ตัวอย่างเช่น
HOME>Company Profile>Achievements
◆Navigation
ลิงค์เชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ซึ่งนำทางยูสเซอร์ไปยังหน้าเป้าหมาย
สามารถเรียกอีกอย่างว่า Global navigation ก็ได้
Navigation bar มักเป็นส่วนที่รวบรวมลิงค์หลักๆ ของเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น
หากเป็นเว็บไซต์ของบริษัท อาจประกอบด้วย
“Our Services” “About Us” “IR Information” “Job Opportunity”
นอกจากนั้น Navigation ยังเป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับการใช้งานของยูสเซอร์
และยังเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงของลิงค์ภายในเว็บไซต์อีกด้วย
◆Anchor text
ข้อความที่ถูกกำหนดให้เป็นลิงค์ เมื่อคลิกที่ตัวข้อความ ก็จะถูกส่งไปยังหน้าปลายทาง
เสิร์ชเอ็นจิ้นจะพิจารณาเนื้อหาของเว็บไซต์ปลายทางจากข้อความใน Anchor text
แต่การที่ใช้ลิงค์ด้วย Anchor text เฉพาะคีย์เวิร์ดที่ทำ SEO หรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องนั้น
อาจถูกเสิร์ชเอ็นจิ้นมองว่าไม่เป็นธรรมชาติได้ จึงอาจให้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม
◆Rich snippets
ฟังก์ชันที่แสดงข้อมูลในผลการค้นหาของกูเกิล เช่น “คำอธิบาย”
“คะแนนจากยูสเซอร์” “จำนวนรีวิว” “ช่วงราคา”
การใช้ Rich snippets จะช่วยให้ยูสเซอร์เข้าใจได้ง่ายว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง
อยู่ในหน้าเว็บไซต์นั้น ซึ่งอาจจะช่วยเพิ่มจำนวน Pageview หรือจำนวนยูสเซอร์
ที่คลิกเข้ามาผ่านผลการค้นหาได้
◆Search Volume
จำนวนการค้นหาของคีย์เวิร์ดนั้นๆ
Search Volume ถือเป็นข้อมูลตัวเลขที่มีประโยชน์มากในการอ้างอิง
สำหรับกำหนดคีย์เวิร์ดในการทำ SEO ให้กับหน้าเว็บไซต์
เพราะว่าเป็นจำนวนความต้องการในการค้นหาของคีย์เวิร์ดนั้นๆ
◆iframe (Inline frame)
รูปแบบการแสดงเนื้อหาจากหน้าเว็บไซต์อื่นมาไว้ในหน้าเว็บไซต์ 1 หน้า
Crawler ของเสิร์ชเอ็นจิ้นไม่สามารถอ่านข้อมูลที่แสดงอยู่ใน Inline frame ได้
จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ Inline frame เพื่อให้ Crawler จดจำเนื้อหาได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
◆JavaScript
ภาษาโปรแกรมมิ่งชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับการสร้างการเคลื่อนไหวโต้ตอบให้กับหน้าเว็บไซต์
Crawler ของเสิร์ชเอ็นจิ้นไม่สามารถอ่านข้อมูลที่เขียนโดย JavaScript ได้เช่นเดียวกับ iframe
หากจำเป็นต้องใช้เพื่อการใช้งานของยูสเซอร์หรือเพราะลูกเล่นและความสวยงาม
ก็ควรเขียนเนื้อหาที่สำคัญในหน้านั้นด้วยเท็กซ์ธรรมดาเพื่อให้ Crawler สามารถอ่านได้
◆Dynamic URL
URL ที่เกิดโดยอัตโนมัติเมื่อได้รับข้อมูลจากฐานข้อมูล
ซึ่งมักจะมีเครื่องหมาย “?” “=” “&” รวมอยู่ด้วย
การใช้ Dynamic URL จะทำให้เกิดหน้าเว็บหลายหน้าแต่มีเนื้อหาซ้ำกันได้
โดย Duplicate Contents (คอนเทนท์ซ้ำกัน) นี้
อาจจะส่งผลลบต่อโคงสร้างเว็บไซต์เวลาทำ SEO ได้
◆Static URL
URL ที่คงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับ Dynamic URL
โดยปกติแล้ว Crawler ของเสิร์ชเอ็นจิ้นจะเข้ามาอ่าน Static URL ได้ง่ายกว่า Dynamic URL
Static URL จึงเหมาะที่จะใช้ทำ SEO มากกว่า Dynamic URL ที่มา SEO-KEYWORD
Create Date : 24 สิงหาคม 2563 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2563 17:26:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 593 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|