เป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างแบรนด์ใหญ่ๆมานานแล้ว ในเรื่องการสร้างชื่อเสียงที่ดี และมีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับข่าวเสียๆหายๆที่อาจเกิดขึ้น. เราเองก็ต้องสร้างภูมิคุ้มกันในเรื่องนี้ หากเป็นผู้ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ หรือดูลู่ทางทำมาหากินทั้งหน้าร้านจริงๆ และร้านทางออนไลน์ ใช่ว่าทุกเส้นทางจะปลอดโปร่งโล่งสบายจากปัญหาเสมอไป หากเราต้องเจอความไม่พอใจของผู้บริโภคที่ตีกลับมาเราควรทำอย่างไร เพื่อให้การรักษาคุณภาพของแบรนด์เราเป็นที่จดจำที่ดีอยู่เสมอ พร้อมทั้งควรมีหลักการดำเนินเพื่อก้าวต่ออย่างไร มาดูวิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแบรนด์และธุรกิจของเราดีกว่า เพื่อหันกลับมาพัฒนาด้านบวกให้กับธุรกิจกันมากขึ้น และถือว่ามีการลงมือบริหารดำเนินงานได้อย่างมืออาชีพที่สุด มาดูข้อแนะนำง่ายๆ ที่คัดมาแล้วกันเลย ความชัดเจนและความพอดี ความสำเร็จในการบริหารงาน ต้องมาจากการบริหารเวลาให้ชัดเจน และการจัดการแบบมีความพอดีด้วย อย่างร้านที่ขายดี ก็ไม่ใช่แค่เขาทำการตลาดเก่ง แต่มาจากการมีผู้บริหารที่จัดการเก่ง และโฟกัสได้อย่างมีจุดมุ่งหมายด้วย. แม้ปัจจุบันเป็นยุคที่รีบเร่ง เราไม่อาจทำให้ทุกอย่างสำคัญเท่ากันไปหมด จึงควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนสัก สองสามอย่าง แล้วลงมือทำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด เช่น เน้นยอดขาย เน้นชื่อเสียงของแบรนด์ในระยะยาว หรือโอกาสเพิ่มขยายในการลงทุน แล้วก็จัดทิศทางการบริการ โปรโมชั่น และความคุ้มค่า เข้ามาว่าควรเป็นแบบไหนกันแน่ แล้วตรวจสอบผลลัพธ์ความสำเร็จอยู่บ่อยๆ โดยไม่หลุดไปจากเป้าหมายที่วางไว้ด้วย การรู้จักวางแผนงาน และแบ่งความสำคัญได้ถูกต้อง เราต้องทำให้ครบ และลดโอกาสเกิดความผิดพลาดลงไปด้วย แน่นอนว่าเรื่องออร์เดอร์ที่ทันเวลา ก็ส่งผลกับยอดขาย เราจึงไม่ควรคิดแต่เรื่องจัดโปรโมชั่น จนไม่มีเวลาส่งของ หรือต่อยอดเพื่อเพิ่มกำไร เพราะแบบนี้จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในระยะยาวของร้านไปได้ แต่หากเราทำงานอย่างเป็นระบบ มีการตอบลูกค้า ทำบัญชี แพ็คส่งของ และทำกิจกรรมส่วนตัวไปอย่างมีแบบฉบับ ก็จะลดเวลาทำงาน และไม่เสียเวลาคิดในเรื่องไม่สำคัญอีกด้วย. แล้ววินัยก็จะทำให้เรามีชัยชนะ ดีกว่าทำงานแบบจัดเต็มหนักๆไปทั้งวัน จนครบสัปดาห์ แต่กลับไม่รู้จักปล่อยวางเรื่องไม่จำเป็นบ้าง ด้วยวิธีนี้ เราก็จะมีความสุขในการจัดการมากกว่า และมีเวลาว่างพักผ่อนสมองไปได้อีกด้วย พัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยหลัก Kaizen Kaizen คือคำในภาษาญี่ปุ่น ที่มีความหมายว่า การปรับปรุงแบบไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้น เราก็สามารถนำมาปรับใช้ได้กลับการปรับปรุงในเชิงธุรกิจได้ หากเราไม่ได้จำกัดแค่อยู่ที่แค่แต่ละฝ่าย อย่างฝ่ายผลิตหรือโรงงาน แต่เรามาปรับใช้ในทุกๆด้านขององค์กร ให้หันหน้าเข้าหากันก็จะสามารถพัฒนาธุรกิจที่มีขนาดเล็กของเรา กลายเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อไปอีกมากในวันข้างหน้าได้ไม่ยากเย็น. โดยหลักการของ Kaizen เองจะมี 3 อย่าง คือ การเลิก การลด และ การเปลี่ยน ถ้าเรารู้จัก ยกเลิกขั้นตอนส่วนเกินที่ไม่คุ้มประโยชน์ มีการลดเวลาและใช้อย่างประหยัดเวลา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเป็นระเบียบและก่อประสิทธิภาพมากกว่า เราก็จะไมเสียประโยชน์ไปกับการค้นหาสิ่งที่อาจจะไม่ได้เจอด้วย หลัก Kaizen ยังถือว่า ช่วยเราลดในส่วนของต้นทุนทางธุรกิจลงไปได้อีกด้วย อย่างปกติ หากพนักงานต้องทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ด้วยรายได้ 800 บาทต่อวัน แต่ถ้าพนักงานของเราสามารถทำงานได้ในปริมาณ 1 วัน แต่เสร็จได้ใน 7 ชั่วโมง ก็จะมีเวลาการทำงานล่วงหน้าได้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงต่อวัน ถ้ามีการดำเนินงานแบบนี้ พนักงานก็จะทำงาน เร็วได้มากกว่า 25 ชั่วโมงในตลอดทั้งเดือน ประหยัดลงไปประมาณ 2500 บาทต่อคนงาน 1 คน ถ้าพนักงาน 10 คน เราก็จะลดต้นทุนและได้กำไรประมาณ 25000 บาทต่อเดือนด้วย เป็นการทำงานให้ฉลาด แทนที่จะทำงานหนักกว่า เราจึงควรเริ่มจากสิ่งง่ายๆ ไปหายาก เล็กๆไปหาใหญ่ ปรับไปให้ต่อเนื่องและเร็วขึ้น ไม่ว่าทำธุรกิจมาก 10 วัน หรือเป็น 10 ปี ก็สามารถประยุกต์ใช้ไปได้เรื่อยๆ เพื่อหามุมมองใหม่ ริเริ่มความคิดในการแก้ปัญหา และเพิ่มประสบการณ์ให้กับองค์กรต่อไปด้วย จึงเป็นหลักมุมมองการคิดในการทำงาน เพื่อลดความสูญเสียลง แต่เพิ่มประสิทธิภาพกับงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แบบฉบับชาวญี่ปุ่นที่ยังนำมาปรับใช้ก็ได้อยู่ บริหารแบรนด์ของเราให้เดินหน้าได้ไกลและเพิ่มความเป็นมืออาชีพในแบบที่เราทำได้จริง ถือว่าการปั้นแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จไม่ได้ยากเย็นเกินกว่าความพยายามของเรา แต่เมื่อลงมือทำอะไรแล้ว เราก็ไม่ควรหยุดนิ่ง แต่ต้องพัฒนาให้เดินหน้าให้ไกลไปเรื่อยๆ และสร้างความมาเป็นมืออาชีพอย่างจริงจัง. ส่วนเคล็ดลับในการบริหารงานอย่างมืออาชีพ เราก็ต้องมีความชัดเจนและความพอดี ไม่ใช่ทุกอย่างสำคัญเท่ากันหมด แล้วเราเหนื่อยตาย ต้องเลือกการทำงานอย่างเป็นระบบ แล้วใส่ความเป็นระเบียบวินัยเพื่อชัยชนะ ปล่อยวางบางเรื่องบ้าง ก็จะมีความสุขในการจัดการได้มากกว่า หรือการรู้จักพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านธุรกิจของเราด้วยหลัก Kaizen แบบฉบับชาวญี่ปุ่น มีการเลิก การลด และ การเปลี่ยนเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นได้แบบไม่สิ้นสุด ก็ยังนำมาใช้ได้ตลอดไม่ว่าเราเริ่มธุรกิจมานานเท่าไรแล้ว เราคงลงความเห็นได้แน่ๆว่า การเติบโต และความมั่นคงในการบริหารงานของเรานั้น ต้องตั้งอยู่บนการจดจำที่ดี มีคุณภาพ สร้างความประทับใจจากสินค้าและบริการของเรา เป็นการก้าวตามรอยแบรนด์ใหญ่ๆรุ่นพี่มากมายในท้องตลาด ที่อยู่ได้เป็นสิบๆปี เพราะการมีฐานชื่อเสียงที่ดีด้านคุณภาพ รับมือกับข่าวเสียหายในอนาคตก็ง่ายกว่า การปั้นแบรนด์ในแบบที่ผู้บริโภคไม่พึ่งพอใจ เราจึงควรรักษามาตรฐานและคุณภาพของแบรนด์ให้ดีอยู่เสมอ เพื่อประโยชน์ที่ควบคู่กันกับทั้งคู่ค้าและธุรกิจ. ท้ายที่สุด ก็อยากจะให้ทุกคนที่มีฝันในการทำธุรกิจ ก็ประสบกับความสำเร็จได้ไวๆตามคาด เป็นกำลังใจในทุกคนสู้ต่อไป ด้วยสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่เข้มแข็งในทุกๆวันเสมอ! ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ MoneyDuck Thailand https://moneyduck.com/th/
Create Date : 25 พฤษภาคม 2563 |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2563 16:30:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 803 Pageviews. |
|
|