On the Basis of Sex ผู้กำกับ: Mimi Leder ผู้อำนวยการสร้าง: Robert W. Cort ผู้เขียนบท: Daniel Stiepleman นักแสดง: Felicity Jones, Armie Hammer, Justin Theroux, Sam Waterston, Kathy Bates ดนตรีประกอบ: Mychael Danna ผู้กำกับภาพ: Michael Grady ผู้ตัดต่อ :Michelle Tesoro On theBasis of Sex นั้นจะเล่าเรื่องจริงที่น่าทึ่งในช่วงที่รูธ เบเดอร์กินส์เบิร์ก ยังเป็นอัยการไฟแรงและคุณแม่มือใหม่ เธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายในการต่อสู้เพื่อสิทธิความเท่าเทียมเมื่อรูธต้องทำคดีภาษีร่วมกับสามีของเธอ อัยการ มาร์ติน กินส์เบิร์ก ซึ่งเธอรู้ว่าคดีนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอาชีพและมุมมองที่ศาลมีต่อความเท่าเทียมกันเรื่องเพศ ด้วยเรื่องราวที่ว่าด้วยหญิงแกร่งหนังก็ยังเพียบพร้อมไปด้วยทีมงานหญิงแกร่งทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง เบื้องหน้าคือเฟลิซิตี้โจนส์ ดาราสาวฝีมือดีที่มีงานให้เราเห็นกันมาหลายเรื่องแล้ว และเธอยังเคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วจากThe Theory of Everything ในเรื่องนี้เธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วยังได้มิมี ลีเดอร์ ผู้กำกับหญิงมากประสบการณ์ที่ห่างหายจากวงการไปนาน และอีกหนึ่งเบื้องหลังคนสำคัญแต่ไม่ได้เป็นผู้หญิงก็คือแดเนียลสตีเปิลแมน ผู้เขียนบทภาพยนตร์ เหตุเพราะเขาเป็นหลานชายแท้ๆ ของรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์กซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเรื่องราวไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปจากความจริงมากนัก นอกเหนือจากการถ่ายทอดเรื่องราวแดเนียลก็มีทีเด็ดซุกซ่อนไว้ในบทสนทนาที่ออกจากปากของรูธแล้วสร้างเสียงหัวเราะได้บนถ้อยคำจิกกัดประชดประชัน หนังย้อนไปเล่าเรื่องราวในยุค50s ในวันที่เธอเพิ่งสอบเข้าเรียนกฏหมายที่ฮาร์วาร์ดได้สำเร็จซึ่งอยู่ในช่วงที่เพิ่งเปิดรับนักศึกษาหญิง แต่ก็โดนสบประมาทตั้งแต่แรกเข้าเรียน ด้วยเหตุที่เธอเข้าเรียนตามมาร์ตินสามีของเธอซึ่งเรียนอยู่ปี2 แต่รูธก็แสดงให้เห็นว่าเธอทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมทั้งการเป็นภรรยา แม่ และนักเรียนที่ขยันตั้งใจรูธสามารถทำคะแนนได้เป็นที่หนึ่งของชั้น ก่อนจะย้ายไปเรียนจนจบที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียหนังปูความให้เห็นความกดดันของรูธที่ต้องเติบโตมาท่ามกลางสังคมยุคที่สตรีแทบไม่มีบทบาทในสังคมยังไม่มีสิทธิ์แม้จะออกเสียงเลือกตั้ง ที่มีฐานันดรเหนือกว่าชนผิวสีมาหน่อยเดียวแค่นั้นแม้ว่าเธอจะเรียนจบด้วยคะแนนสูงสุด รูธใฝ่ฝันอยากเป็นทนายเธอเดินสมัครงาน 10 กว่าที่แต่ก็ไม่มีสำนักงานกฏหมายสักแห่งยอมรับเธอเข้าทำงานสุดท้ายรูธก็ลงเอยด้วยการเป็นอาจารย์ที่ต้องกล้ำกลืนสอนลูกศิษย์ด้วยการยกอ้างคดีสำคัญในประวัติศาสตร์ที่สตรีต้องถูกตัดสินให้แพ้คดีมากมายเพราะกฏหมายขีดเส้นข้อจำกัดให้สตรีไว้100 กว่าตัวบทกฏหมายและเมื่อมาร์ตินสามีของเธอได้รับว่าความให้คดีหนึ่งที่ผู้ฟ้องร้องเป็นชาย แต่ถูกตัวบทกฏหมายขีดข้อจำกัดไว้เช่นกันรูธมองเห็นว่านี่คือโอกาสทองของเธอที่จะใช้คดีเป็นใบเบิกทางให้บรรดาผู้พิพากษาได้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศในกฏหมายของอเมริกาที่สืบทอดมากว่า100 ปีและถึงเวลาที่สมควรจะต้องปรับเปลี่ยนเสียทีจากนาทีที่รูธลุกขึ้นมาขอทำคดี ก็ทำให้ระกับความตึงเครียดของหนังเร่งร้อนขึ้นอย่างรู้สึกได้ชัด ด้วยความที่หน้าหนังเป็นทั้งหนังย้อนยุคไปถึง60 ปีที่แล้วและยังเป็นหนังที่ว่าด้วยวงการกฏหมาย มีทั้งอัยการ ทนาย และบรรยากาศในศาล จึงไม่ใช่หนังที่เรียกความสนใจจากผู้ชมในวงกว้างได้มากนักแต่ถ้าเป็นคนที่ชอบหนังแนวคนตัวเล็กล้มยักษ์ด้วยข้อกฏหมาย ก็น่าจะสนุกไปกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนหนังเล่าเรื่องให้ดูง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับเอาใจตลาด เหตุเพราะเป็นหนังในแวดวงกฏหมายอย่างลึกซึ้งจริงจังจึงทำให้หนังอัดแน่นไปด้วยบทสนทนา เรียกได้ว่าแทบไม่มีสักนาทีที่ซับไตเติ้ลจะห่างหายไปจากจอหนังเป็น 2 ชั่วโมงที่ต้องอ่านซับไตเติ้ลหนักมากและทุกถ้อยคำก็เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะทางกฏหมายยากๆ และหลายๆ ฉากที่บทสนทนาจะอ้างอิงคดีนั้นคดีนี้มีชื่อบุคคลจากคดีต่างๆ ซึ่งว่าตามตรงก็ตามเนื้อหาไม่ทันได้ครบถ้วนหรอก แต่กระนั้นประเด็นของคดีหลักที่รูธหมายมั่นปั้นมือจะต่อกรกับศาลสูงก็ยังน่าติดตามและจับความสนใจคนดูไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง หนังปูให้เราเห็นถึงความยากลำบากของรูธที่จะดันคดีนี้ให้ไปถึงศาลสูง ทั้งการฝึกซ้อม ศึกษาคดีในอดีต หาแนวร่วม และเมื่อหนังเปิดเผยว่าคู่ต่อสู้ของเธอในคดีนี้ล้วนเป็นอดีตอาจารย์จากฮาร์วาร์ดของเธอยิ่งทำให้เห็นว่านี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ต่างชั้นกันเหลือเกิน แล้วหนังก็ขับเคี่ยวอารมณ์จนพาเรามาถึง15 นาทีสุดท้ายที่ทำได้ตึงเครียดกดดันแต่ก็ชวนลุ้นทั้งๆ ที่รู้ว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร เน้นย้ำว่ายกสุดท้ายที่เธอได้แถลงกับศาลสูงนั้นคม เฉียบ ลึกซึ้ง และได้ใจความ เห็นพ้องจริงที่ทำให้ศาลหยุดและตั้งใจฟัง และตัวหลักที่จับให้คนดูจดจ่ออยู่กับหนังได้ก็คือการแสดงของเฟลิซิตี้โจนส์ ที่ถ่ายทอดความรู้สึกมากมายที่เธอเก็บไว้มาถึงผู้ชมได้ครบถ้วน และเห็นได้ชัดถึงความเป็นนักสู้ผ่านสายตาของเธอในหลายๆตอน และการที่เธอต้องประกบกับ อาร์มี่ แฮมเมอร์ ผู้มารับบทมาร์ตินสามีของเธอนั้น ยิ่งทำให้เฟลิซิตี้ที่สูง 1.60 เมตรก็เป็นมาตรฐานปกติของผู้หญิง แต่อาร์มี่ แฮมเมอร์ นั้นเป็นนักแสดงชายตัวสูง 1.90 เมตรก็เลยทำให้ภาพลักษณ์ รูธ ของเธอนั้นเป็นสาวน้อยตัวเล็ก ดูช่างอ่อนแอบอบบางมากขึ้นไปอีกแต่ขณะเดียวกันเธอก็ทำให้เราเชื่อได้ว่าหญิงตัวเล็กคนนี้เป็นนักสู้ มีความภูมิฐาน และมีสติปัญญาที่จะต่อกรกับศาลสูงได้แม้จะเป็นมือใหม่ที่ผู้คนรอบข้างต่างชี้ชัดว่าเธอไม่มีทางเอาชนะได้ อีกรายที่เป็นคนโปรดของผู้เขียนเองคือแคธีเบตส์ ดารายอดฝีมือรุ่นลายคราม ดีกรี 1 ออสการ์ แคธี่ โผล่ออกมาแค่ 2 ฉากรวมแล้วไม่น่าจะถึง10 นาทีด้วยซ้ำในบทโดโรธี แคนยอน ทนายหญิงรุ่นเก๋าชื่อดังที่เราได้ยินรูธเอ่ยชื่อเธอมาหลายครั้ง ก่อนที่เธอจะปรากฏตัวแล้วทุกนาทีที่แคธีอยู่บนจอก็สะกดความสนใจให้อยู่กับเธอได้ ไม่เคยทำให้เสียชื่อดีกรี1 ออสการ์ของเธอเลย แม้ว่า On the Basis of Sex จะไม่ใช่หนังในกลุ่มเอาใจตลาด แต่ก็เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงได้จริงถ้าเป็นคนที่ชอบหนังว่าความในศาลจะยิ่งถูกใจเป็นพิเศษ เป็นหนังที่ให้ครบทั้งความบันเทิงและความรู้เรื่องราวสำคัญในการพลิกหน้าประวัติศาสตร์กฏหมายสหรัฐฯ และน่าจะส่งผลถึงทั้งโลกที่มีผลมาจากสตรีผู้นี้รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก และนาทีสุดท้ายที่ตัวจริงของเธอมาปรากฏโฉมให้เห็น ก็เรียกเสียงเฮด้วยความชื่นชมได้เช่นกัน
Create Date : 29 มกราคม 2562 |
Last Update : 29 มกราคม 2562 18:38:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 293 Pageviews. |
|
|