เรื่องกล้วยๆเป็นเรื่องที่เราไม่คาดคิด เมื่อกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดีที่สุด เพราะว่า กล้วยน้ำว้าเสมือนเป็นอาหารเสริมที่ไม่ต้องซื้อหาของเด็กไทย
กล้วยดิบ มีสารฝาดสมานชื่อแทนนินซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันผนังกระเพาะลำใส้ไม่ให้เชื้อโรคและของรสเผ็ดจัด เช่น พริก เข้าไปทำลายผนังกระเพาะลำใส้ ช่วยแก้ท้องเสียได้และสามารถทานเป็นยาได้โดยการหั่นเป็นแว่นบางๆนำไปอบ 50 องศา นำมาบดกินครั้งละ 1 ช้อนชา ก่อนอาหาร หรือจะผสมกับน้ำผึ้งก็ได้ แถมราคายังถูกอีกด้วย
กล้วยห่าม หรือกล้วยที่เพิ่งเริ่มสุก เปลือกยังเป็นสีเขียวอยู่ประปราย เป็นทั้งยา ปละสารอาหารได้เป็นอย่างดีมากสำหรับคนที่ท้องเสีย เพราะนอกจากจะช่วยแก้เรื่องท้องเสีย แล้วยังช่วยเพิ่มกากอาหารเวลาถ่าย เพราะร่างกายสูญเสียธาตุโพแทสเซียมไปมากๆขณะท้องร่วง การกินกล้วยห่ามจึงเป็นการชดเชยธาตุโพแทสเซียมที่เสียไป ยิ่งไปกว่านั้นกล้วยห่ามยังมีสารเซโรโทนินอยู่มาก ช่วยออกฤทธิ์ กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร แต่ไม่ได้ช่วยลดการหลั่งกรดในกรเะเพาะอาหาร
กล้วยสุก มีสรรพคุณ ตรงกันข้ามกับกล้วยดิบ คือกล้วยสุกกลับเป็นยาระบายแก้ท้องผูก เพราะมีสาร เพคติน อยู่มาก ช่วยเพิ่มกากในลำไส้ กล้วยที่สุกงอมมากๆจะมีฤทธิ์ระบายสูง เพราะมีสารเพคติน มากขึ้นนั่นเอง ฤทธิ์ระบายของกล้วยน้ำว้าสุกไม่รุนแรงมากต้องกินเป็นประจำวันละ 5-6 ลูก จึงจะเห็นผล อุจจาระที่ออกมาเป็นสีเหลือง ไม่มีกลิ่นเหม็น การกินกล้วยสุกก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียด นานๆ เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่มีแป้งอยู่ถึง 20 -25 % ของเนื้อกล้วย จึงสามารถนำมาเป็นอาหารเสริมให้เด็กเล็กได้ ตามปกติ กระเพาะมีเอนไซม์ย่อยแป้งน้อย การเคี้ยวกล้วยให้แหลกละเอียดจะช่วยแป้งได้มากก่อนกลืนลงกระเพาะ หากกินกล้วยโดยเคี้ยวหยาบๆ จะทำให้ท้องอืด จุกแน่น โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ควรเริ่มให้กินกล้วยสุกเมื่อเด็กเริ่มกินข้าวบดได้ อายุราว 3 เดือน โดยขูดเนื้อกล้วยสุก ( ไม่เอาไส้กล้วยเพราะจะทำให้เด็กท้องผูก ) ให้กินคราวละน้อยๆ ไม่ควรเกินครึ่งช้อนชา วันละครั้ง เพราะเด็กยังมีน้ำย่อยแป้งไม่พออาจเกิดอาการท้องอืดได้ เด็กอายุครบขวบกินกล้วยครั้งละ 1 ลูก วันละครั้งก็พอ
กล้วยสุกงอม กล้วยที่สุกเต็มที่จะสร้างสารที่เรียกว่า TNF (Tumor Necrosis Factor) ซึ่งมีความสามารถที่จะไปต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติ ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดจุดสีดำที่เปลือกมากขึ้น ยิ่งมีจุดดำนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดภูมิต้านทานมากขึ้น ในการทดลองกับสัตว์โดยศาสตราจารย์ญี่ปุ่นผู้หนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ในการเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้จากผลไม้ต่างๆ โดยใช้ กล้วย องุ่น แอปเปิล แตงโม สับปะรด ลูกแพร์ ลูกพลับ ปรากฏว่ากล้วยให้ผลดีที่สุด มันช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย และสร้างสารต้านมะเร็ง TNF
คำแนะนำ คือ ให้กินกล้วยวันละ 1-2 ใบเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอื่นๆ กล้วยที่มีผิวเหลืองและมีจุดดำๆ หลายๆ แห่งจะมีคุณสมบัติในการเพิ่มเม็ดเลือดขาวได้มากกว่ากล้วยที่มีผิวเขียวถึง 8 เท่า
นอกจากนี้ยังพบว่า คือ รากกล้วย แก้ขัดเบา ต้น ห้ามเลือด แก้โรคไส้เลื่อน ใบ รักษาแผลสุนัขกัด ห้ามเลือด ยางจากใบ ห้ามเลือด สมานแผล
ขอบคุณข้อมูล / ภาพ : Hotsnews.com
อ่านต่อได้ที่ : https://goo.gl/6tZUzr
หรือดูทั้งหมดได้ที่ : KHANPAKLIVE.COM
ดูเพิ่มเติมได้ที่ khanpaklive.com