ผู้หญิงคนนี้แหละ ... แม่ของฉัน
keigo
... อากี้ แหมะบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่ให้ทำแบบนี้ หา .. เอ็งทำแบบนี้ได้ยังไง ? ... เสียงแม่ของฉันต่อว่าฉันดังลั่นไปหมดทั้งบ้าน ด้วยความที่แม่เป็นคนเสียงดังอยู่แล้วก็ดูเหมือนยิ่งดังมากขึ้นไปอีก
ฉันในวัยเยาว์ได้แต่นั่งนิ่งตัวสั่นด้วยความกลัวราวกับลูกนก ก้มหน้านิ่งไม่โต้ตอบอะไรแม่เลยแม้แต่คำเดียว
ส่วนคำว่า แหมะ ที่แม่เรียกแทนตัวเองนั้นเป็นคำเรียก แปลว่า แม่ ในแบบฉบับของคนจีน ฉันและพี่น้องทั้งหมดต่างถูกสอนให้เรียกแม่ว่า แหมะ เช่นนั้น ...
ในช่วงหน้าร้อนที่ร้อนชะมัด ตอนกลางวันที่ว่าแย่แล้ว แต่ตกกลางคืนกลับยิ่งแย่กว่า เพราะบ้านที่เป็นห้องแถวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่นั้นไม่มีเครื่องปรับอากาศเลย มีเพียงพัดลมตัวเก่า ๆ ที่ใช้งานพวกเรามาอย่างซื่อสัตย์
ก่อนเข้านอน แม่จะยกถังน้ำขึ้นไปถูพื้นห้องที่พวกเราพี่น้องทั้งห้าคนและแม่อีกคนให้อย่างชุ่มโชก
พื้นจะได้เย็น ๆ นอนหลับสบายดี แม่บอกพวกเราว่าอย่างนั้น
ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วฉันเองก็ไม่ชอบหรอก พื้นเปียก ๆ อย่างนั้น นอนลงไปตัวก็เปียกหมดน่ะสิ ... หากแต่ฉันก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไร ได้แต่รอให้พื้นห้องแห้งสนิทแล้วจึงค่อยเอนตัวลงนอน
บางคืน ... แม่ก็จะอบรมสั่งสอนพวกเราอย่างยาวเหยียดจนกว่าแม่จะหลับไป
บางคืน ... แม่ก็จะเอาขนมขึ้นมาแบ่งกันกินกลางดึก เพราะด้วยความที่อากงของพวกเรานั้นดุอย่างมาก แม่เลยต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เก็บขนมไว้ให้ทานแบบนี้
บางคืน ... พวกเราแม่ลูกทั้งหกคนก็นอนพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ สัพเพเหระ จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะหลับไป .. ก็มี
ภาพที่ชินตาฉันในวัยเยาว์นั้น นอกเหนือจากเสียงบ่น เสียงด่าเอ็ดตะโรลั่นบ้าน ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงหน้าร้อนที่ฉัน พี่ ๆ ได้นอนใกล้ชิดกับแม่แล้ว ก็ยังมีอีกภาพหนึ่งที่ยังคงติดตาฉันไม่มีวันลืม
บ่ายแก่ ๆ ในทุก ๆ วัน แม่ที่กลับจากการออกไปจ่ายตลาด ก็จะหอบเอาของสดที่จะทำกับข้าวขึ้นโต๊ะอาหารในมื้อเย็นเข้าไปภายในครัว แม่จะเปิดวิทยุตัวเก่าคร่ำคร่า เสียงแทรกสถานีโปรดของแม่เป็นระยะ ๆ สถานีที่แม่ชอบฟังเป็นจำพวกนิยายวิทยุ หรือไม่ก็เปิดเพลงลูกกรุงสมัยเก่า เคล้าคลอไปกับเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ประตูหลังบ้านดังกรุ๋งกริ๋ง ฉันมักจะฉวยโอกาสแบบนี้เข้าไปคลอเคลียกับแม่ พูดคุยกระจุ๋งกระจิ๋งตามประสาแม่ลูก ลมเย็น ๆ โชยมาจากด้านหลังของบ้าน เป็นช่วงเวลาที่แม่สบายใจที่สุด ฉันเองก็ชอบเวลาแบบนั้นที่สุดเหมือนกัน
แล้วภาพที่แสนสงบแบบนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อแม่ออกไปหารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการขายกับข้าว และน้ำหวานฝีมือของแม่เอง แล้วพวกเราพี่น้องทั้งห้าคนก็พยายามเป็นลูกมือที่ดีของแม่ แม้บางวันพวกเราจะทำงานได้ไม่ถูกใจแม่ จนแม่ต้องบ่นบ้างก็ตาม
วันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันได้แต่กระตือรือร้นเช็คผลสอบของฉันจ้าละหวั่นจนกระทั่งได้รู้ผลสอบในที่สุด คนแรกที่ฉันเลือกที่จะเดินไปบอกผลสอบนั้นก็คือ...แม่
แหมะ ... เค้าเอ็นท์ติดด้วยแหละ ฉันบอกกับแม่ด้วยน้ำเสียงดีใจ ใบหน้ายิ้มบานแฉ่ง
แม่พยักหน้ารับหงึกหงัก ถามเพียงแค่ว่า
ที่ไหนล่ะ ?
วิศวะ พระจอมเกล้าธนบุรีอ่ะ ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีใจลดน้อยลง เมื่อไม่เห็นแม่มีท่าทียินดีไปกับฉันด้วยเลย
อืม ... ก็ดีแล้ว แม่พยักเพยิดหน้ารับรู้ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ฉันยืนงง ๆ อยู่ตรงนั้นอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่จะหมุนตัวเดินผละแม่ออกมา ... ความรู้สึกน้อยใจเอ่อขึ้นอย่างท่วมท้นทันทีที่ไม่เห็นแม่ยินดีไปกับความสำเร็จของฉันเลย
เลี้ยงพวกมึงมาจนโตพอแล้ว เบื่อแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยจะจับขายให้หมดเลย
คำพูดประโยคเด็ดของแม่ที่แม่ชอบพูดกรอกหูฉันกับพี่สาวบ่อย ๆ ตั้งแต่ฉันเริ่มย่างเข้าวัยรุ่น แรก ๆ ก็ทำเอาฉันหน้าซีดไป พลางคิดไปต่าง ๆ นานาว่าแม่ไม่อยากเลี้ยงดูฉันแล้ว แม่ไม่รักฉันแล้ว
หากแต่นานวันเข้า ฉันก็เริ่มชินชากับคำพูดประโยคนั้น ... เพราะแม่เองก็ไม่เคยจับฉันไปดูตัวเลยสักครั้งเดียว ผิดกับพี่ยุ้ย พี่สาวของฉัน ที่แม่เคยพยายามจับคู่ดูตัวให้บ้าง แต่พอพี่ยุ้ยไม่ยอม แม่ก็ตามใจ
วันหนึ่ง ในขณะที่แม่ พี่เป้ พี่ชายคนโต และฉันนั่งนับจำนวนคนที่จะไปทานข้าวฉลองวันเกิดให้แม่
ได้ทั้งหมดกี่ที่นะ ? แม่หันไปถามพี่เป้ให้แน่ใจถึงจำนวนที่นั่งที่พี่เป้ได้จองไว้
10 คน พี่เป้ตอบ
แล้วแม่ก็ยกนิ้วขึ้นมานับพร้อมทั้งพูดไปด้วยว่า
ก็มีกู พวกมึงห้าคน อาอี๊อีกสอง เตี๋ยอีกหนึ่ง เป็นเก้าคนแล้วใครอีกคนล่ะ ? แม่ถามอย่างงง ๆ
อีกคนเค้าจะพามาให้แม่รู้จัก ฉันแย่งพี่เป้ตอบยิ้ม ๆ
แม่ได้ฟังคำตอบของฉันแล้วก็นิ่งไป ไม่พูดอะไรอีก
หลังจากวันนั้นผ่านไปนาน แม่จึงมาเฉลยทีหลังว่า
กูรู้หรอกว่าเอ็งจะพาแฟนมาให้แหมะรู้จัก
และหลังจากที่ฉันพาลูกชายคนใหม่มาให้แม่รู้จักแล้วไม่นานนัก ฉันก็บอกแม่ว่าฉันจะแต่งงาน
เอ้า ... รักกันชอบกันอยากจะตบแต่งกันก็เอา ตามใจ แหมะไม่ว่าอะไรหรอก โต ๆ กันแล้ว แม่พูดเพียงแค่นั้น ไม่มีท่าทียินดีไปกับฉันเลยแม้แต่น้อย
ภายหลังจากที่ฉันแยกบ้านออกไปแล้ว พี่ยุ้ยจึงได้แอบมากระซิบบอกกับฉันว่า
ตั้งแต่เอ็งไม่อยู่ แหมะก็ดูเงียบ ๆ เอาแต่ชะเง้อคอยดูว่าเอ็งจะกลับบ้านมาเมื่อไหร่ ถามว่าเอ็งโทรมาคุยบ้างไหม พอหายไปหลายวันก็บ่นว่าไม่เห็นกลับมาบ้านบ้างเลย
นั่นเองที่ทำให้ฉันได้ตระหนักว่า แม่ของฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาให้คนอื่นรับรู้
ในวันงานแต่งงานของฉัน ฉันเห็นแม่ยิ้มหัวเราะหน้าบานทั้งวันไม่ได้หุบรอยยิ้ม
ในวันที่ฉันกลับไปบ้านแล้วสวมกอดแม่แน่น ๆ แม่ก็กอดตอบบ้างเหมือนกัน
ในวันที่ฉันบอกแม่ว่า คิดถึงจัง แม่ก็แอบยิ้มไม่ให้ฉันเห็น
แม่ของฉัน ถึงจะเป็นผู้หญิงที่โผงผาง พูดจามึงมาพาโวย เสียงดังลั่น ปากไม่ตรงกับใจ แต่ลึก ๆ แล้วแม่ก็รักฉันมากอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ไม่ใช่แค่วันแม่หรอกที่ฉันอยากจะบอกรักแม่ ... หากแต่เป็นทุก ๆ วินาทีที่เวลาก้าวย่างไปต่างหาก
แหมะ .. กี้รักแหมะนะ
10 กรกฎาคม 2555 เวลา 9:54PM
ลองเขียนเรื่องสั้นถ่ายทอดเรื่องราวแม่กับลูกดูบ้างค่ะ หลังจากที่เมื่อปีก่อนนู้นเขียนเรื่องราวของพ่อไปแล้ว ต่อมน้ำตาทะลักทะลายกันไปหลายรอบเลยเชียว ... เรื่องนี้เขียนไปก็ยังร้องไห้ไปอยู่เหมือนเดิมค่ะ (^^") คิดถึงวันวานเก่า ๆ ความรักของแม่แล้วก็อดร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งไม่ได้อ่ะเนอะ ^^
ชอบใจ ถูกใจก็ช่วยกดโหวตให้ด้วยนะคะ ไม่มีล็อคอินพันทิปก็กดโหวตได้ค่ะ แค่ไปยืนยันการโหวตในอีเมล์เพิ่มเติมด้วย ... ขอบคุณกับทุกโหวตนะคะ
Create Date : 23 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2555 16:42:40 น. |
|
10 comments
|
Counter : 3038 Pageviews. |
|
|
-------
อ่านไปยิ้มไปค่ะ นึกภาพตามไปด้วย
วันวานยังไง ๆ ก็ดูอบอุ่นนะคะ
โดย: kimmy (kimmybangkok ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:14:02:25 น.