keigolin
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ blog ของ keigo นะคะ ^^

blog นี้เป็น blog เก่าค่ะ ได้ย้ายบ้านไป thisiskeigo.wordpress.com แล้ว ไปติดตามกันได้ที่นั่นค่ะ ^^
หรือติดตามเพจกันได้ที่ http://www.facebook.com/thisiskeigo
ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ ^^
New Comments
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add keigolin's blog to your web]
Links
 

 
ผู้หญิงคนนี้แหละ ... แม่ของฉัน


keigo

          “... อากี้ แหมะบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่ให้ทำแบบนี้ หา .. เอ็งทำแบบนี้ได้ยังไง ? ...” เสียงแม่ของฉันต่อว่าฉันดังลั่นไปหมดทั้งบ้าน ด้วยความที่แม่เป็นคนเสียงดังอยู่แล้วก็ดูเหมือนยิ่งดังมากขึ้นไปอีก

          ฉันในวัยเยาว์ได้แต่นั่งนิ่งตัวสั่นด้วยความกลัวราวกับลูกนก ก้มหน้านิ่งไม่โต้ตอบอะไรแม่เลยแม้แต่คำเดียว

          ส่วนคำว่า “แหมะ” ที่แม่เรียกแทนตัวเองนั้นเป็นคำเรียก แปลว่า “แม่” ในแบบฉบับของคนจีน ฉันและพี่น้องทั้งหมดต่างถูกสอนให้เรียกแม่ว่า “แหมะ” เช่นนั้น ...



          ในช่วงหน้าร้อนที่ร้อนชะมัด ตอนกลางวันที่ว่าแย่แล้ว แต่ตกกลางคืนกลับยิ่งแย่กว่า เพราะบ้านที่เป็นห้องแถวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่นั้นไม่มีเครื่องปรับอากาศเลย มีเพียงพัดลมตัวเก่า ๆ ที่ใช้งานพวกเรามาอย่างซื่อสัตย์

          ก่อนเข้านอน แม่จะยกถังน้ำขึ้นไปถูพื้นห้องที่พวกเราพี่น้องทั้งห้าคนและแม่อีกคนให้อย่างชุ่มโชก

          “พื้นจะได้เย็น ๆ นอนหลับสบายดี” แม่บอกพวกเราว่าอย่างนั้น

          ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วฉันเองก็ไม่ชอบหรอก พื้นเปียก ๆ อย่างนั้น นอนลงไปตัวก็เปียกหมดน่ะสิ ... หากแต่ฉันก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไร ได้แต่รอให้พื้นห้องแห้งสนิทแล้วจึงค่อยเอนตัวลงนอน

          บางคืน ... แม่ก็จะอบรมสั่งสอนพวกเราอย่างยาวเหยียดจนกว่าแม่จะหลับไป

          บางคืน ... แม่ก็จะเอาขนมขึ้นมาแบ่งกันกินกลางดึก เพราะด้วยความที่อากงของพวกเรานั้นดุอย่างมาก แม่เลยต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เก็บขนมไว้ให้ทานแบบนี้

          บางคืน ... พวกเราแม่ลูกทั้งหกคนก็นอนพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ สัพเพเหระ จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะหลับไป .. ก็มี

          ภาพที่ชินตาฉันในวัยเยาว์นั้น นอกเหนือจากเสียงบ่น เสียงด่าเอ็ดตะโรลั่นบ้าน ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงหน้าร้อนที่ฉัน พี่ ๆ ได้นอนใกล้ชิดกับแม่แล้ว ก็ยังมีอีกภาพหนึ่งที่ยังคงติดตาฉันไม่มีวันลืม

          บ่ายแก่ ๆ ในทุก ๆ วัน แม่ที่กลับจากการออกไปจ่ายตลาด ก็จะหอบเอาของสดที่จะทำกับข้าวขึ้นโต๊ะอาหารในมื้อเย็นเข้าไปภายในครัว แม่จะเปิดวิทยุตัวเก่าคร่ำคร่า เสียงแทรกสถานีโปรดของแม่เป็นระยะ ๆ สถานีที่แม่ชอบฟังเป็นจำพวกนิยายวิทยุ หรือไม่ก็เปิดเพลงลูกกรุงสมัยเก่า เคล้าคลอไปกับเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ประตูหลังบ้านดังกรุ๋งกริ๋ง ฉันมักจะฉวยโอกาสแบบนี้เข้าไปคลอเคลียกับแม่ พูดคุยกระจุ๋งกระจิ๋งตามประสาแม่ลูก ลมเย็น ๆ โชยมาจากด้านหลังของบ้าน เป็นช่วงเวลาที่แม่สบายใจที่สุด ฉันเองก็ชอบเวลาแบบนั้นที่สุดเหมือนกัน

          แล้วภาพที่แสนสงบแบบนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อแม่ออกไปหารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการขายกับข้าว และน้ำหวานฝีมือของแม่เอง แล้วพวกเราพี่น้องทั้งห้าคนก็พยายามเป็นลูกมือที่ดีของแม่ แม้บางวันพวกเราจะทำงานได้ไม่ถูกใจแม่ จนแม่ต้องบ่นบ้างก็ตาม



          วันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันได้แต่กระตือรือร้นเช็คผลสอบของฉันจ้าละหวั่นจนกระทั่งได้รู้ผลสอบในที่สุด คนแรกที่ฉันเลือกที่จะเดินไปบอกผลสอบนั้นก็คือ...แม่

          “แหมะ ... เค้าเอ็นท์ติดด้วยแหละ” ฉันบอกกับแม่ด้วยน้ำเสียงดีใจ ใบหน้ายิ้มบานแฉ่ง

          แม่พยักหน้ารับหงึกหงัก ถามเพียงแค่ว่า

          “ที่ไหนล่ะ ?”

          “วิศวะ พระจอมเกล้าธนบุรีอ่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีใจลดน้อยลง เมื่อไม่เห็นแม่มีท่าทียินดีไปกับฉันด้วยเลย

          “อืม ... ก็ดีแล้ว” แม่พยักเพยิดหน้ารับรู้ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
          ฉันยืนงง ๆ อยู่ตรงนั้นอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่จะหมุนตัวเดินผละแม่ออกมา ... ความรู้สึกน้อยใจเอ่อขึ้นอย่างท่วมท้นทันทีที่ไม่เห็นแม่ยินดีไปกับความสำเร็จของฉันเลย



          “เลี้ยงพวกมึงมาจนโตพอแล้ว เบื่อแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยจะจับขายให้หมดเลย” 

          คำพูดประโยคเด็ดของแม่ที่แม่ชอบพูดกรอกหูฉันกับพี่สาวบ่อย ๆ ตั้งแต่ฉันเริ่มย่างเข้าวัยรุ่น แรก ๆ ก็ทำเอาฉันหน้าซีดไป พลางคิดไปต่าง ๆ นานาว่าแม่ไม่อยากเลี้ยงดูฉันแล้ว แม่ไม่รักฉันแล้ว 

          หากแต่นานวันเข้า ฉันก็เริ่มชินชากับคำพูดประโยคนั้น ... เพราะแม่เองก็ไม่เคยจับฉันไปดูตัวเลยสักครั้งเดียว ผิดกับพี่ยุ้ย พี่สาวของฉัน ที่แม่เคยพยายามจับคู่ดูตัวให้บ้าง แต่พอพี่ยุ้ยไม่ยอม แม่ก็ตามใจ

          วันหนึ่ง ในขณะที่แม่ พี่เป้ พี่ชายคนโต และฉันนั่งนับจำนวนคนที่จะไปทานข้าวฉลองวันเกิดให้แม่

          “ได้ทั้งหมดกี่ที่นะ ?” แม่หันไปถามพี่เป้ให้แน่ใจถึงจำนวนที่นั่งที่พี่เป้ได้จองไว้

          “10 คน” พี่เป้ตอบ

          แล้วแม่ก็ยกนิ้วขึ้นมานับพร้อมทั้งพูดไปด้วยว่า

          “ก็มีกู พวกมึงห้าคน อาอี๊อีกสอง เตี๋ยอีกหนึ่ง เป็นเก้าคนแล้วใครอีกคนล่ะ ?” แม่ถามอย่างงง ๆ

          “อีกคนเค้าจะพามาให้แม่รู้จัก” ฉันแย่งพี่เป้ตอบยิ้ม ๆ 

          แม่ได้ฟังคำตอบของฉันแล้วก็นิ่งไป ไม่พูดอะไรอีก

          หลังจากวันนั้นผ่านไปนาน แม่จึงมาเฉลยทีหลังว่า

          “กูรู้หรอกว่าเอ็งจะพาแฟนมาให้แหมะรู้จัก”

          และหลังจากที่ฉันพาลูกชายคนใหม่มาให้แม่รู้จักแล้วไม่นานนัก ฉันก็บอกแม่ว่าฉันจะแต่งงาน 

          “เอ้า ... รักกันชอบกันอยากจะตบแต่งกันก็เอา ตามใจ แหมะไม่ว่าอะไรหรอก โต ๆ กันแล้ว” แม่พูดเพียงแค่นั้น ไม่มีท่าทียินดีไปกับฉันเลยแม้แต่น้อย



          ภายหลังจากที่ฉันแยกบ้านออกไปแล้ว พี่ยุ้ยจึงได้แอบมากระซิบบอกกับฉันว่า

          “ตั้งแต่เอ็งไม่อยู่ แหมะก็ดูเงียบ ๆ เอาแต่ชะเง้อคอยดูว่าเอ็งจะกลับบ้านมาเมื่อไหร่ ถามว่าเอ็งโทรมาคุยบ้างไหม พอหายไปหลายวันก็บ่นว่าไม่เห็นกลับมาบ้านบ้างเลย”

          นั่นเองที่ทำให้ฉันได้ตระหนักว่า แม่ของฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาให้คนอื่นรับรู้ 

          ในวันงานแต่งงานของฉัน ฉันเห็นแม่ยิ้มหัวเราะหน้าบานทั้งวันไม่ได้หุบรอยยิ้ม

          ในวันที่ฉันกลับไปบ้านแล้วสวมกอดแม่แน่น ๆ แม่ก็กอดตอบบ้างเหมือนกัน

          ในวันที่ฉันบอกแม่ว่า “คิดถึงจัง” แม่ก็แอบยิ้มไม่ให้ฉันเห็น



          แม่ของฉัน ถึงจะเป็นผู้หญิงที่โผงผาง พูดจามึงมาพาโวย เสียงดังลั่น ปากไม่ตรงกับใจ แต่ลึก ๆ แล้วแม่ก็รักฉันมากอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ไม่ใช่แค่วันแม่หรอกที่ฉันอยากจะบอกรักแม่ ... หากแต่เป็นทุก ๆ วินาทีที่เวลาก้าวย่างไปต่างหาก

“แหมะ .. กี้รักแหมะนะ”


10 กรกฎาคม 2555 เวลา 9:54PM



ลองเขียนเรื่องสั้นถ่ายทอดเรื่องราวแม่กับลูกดูบ้างค่ะ หลังจากที่เมื่อปีก่อนนู้นเขียนเรื่องราวของพ่อไปแล้ว ต่อมน้ำตาทะลักทะลายกันไปหลายรอบเลยเชียว ... เรื่องนี้เขียนไปก็ยังร้องไห้ไปอยู่เหมือนเดิมค่ะ (^^") คิดถึงวันวานเก่า ๆ ความรักของแม่แล้วก็อดร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งไม่ได้อ่ะเนอะ ^^ 

ชอบใจ ถูกใจก็ช่วยกดโหวตให้ด้วยนะคะ Smiley ไม่มีล็อคอินพันทิปก็กดโหวตได้ค่ะ แค่ไปยืนยันการโหวตในอีเมล์เพิ่มเติมด้วย ... ขอบคุณกับทุกโหวตนะคะ Smiley



Create Date : 23 กรกฎาคม 2555
Last Update : 23 กรกฎาคม 2555 16:42:40 น. 10 comments
Counter : 3038 Pageviews.

 
เก็บมาจากบล็อกเดิมที่ลบไปจากความผิดพลางทางเทคนิค (ไม่โชว์ปุ่มโหวต)

-------
อ่านไปยิ้มไปค่ะ นึกภาพตามไปด้วย
วันวานยังไง ๆ ก็ดูอบอุ่นนะคะ


โดย: kimmy (kimmybangkok ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:14:02:25 น.


โดย: :D keigo :D วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:47:04 น.  

 
แม่ รัก เราที่สุด
แต่บ้านนี้ น่ารัก จัง
แอบโหวต ให้แร้นนน


โดย: kwan_3023 วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:17:35:22 น.  

 


โดย: สัญญาลมปาก วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:17:48:17 น.  

 
อยากเขียนถึงแม่เหมือนกันนะ แต่กลัวเขียนไม่รอด น้ำตาท่วมซะก่อน 555

โหวตให้แล้วจ้า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 กรกฎาคม 2555 เวลา:8:49:44 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ ประทับใจแหมะมากเลย โหวตให้แล้วนะคะ มีความสุขวันอังคารค่ะ

ทำการโหวตบล็อกวันแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ





โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 24 กรกฎาคม 2555 เวลา:10:26:54 น.  

 
โหวตค่าาา ....

แม่บางคนแสดงความรักลูกต่างกัน

บางคนแสดงด้วยการกระทำ คำพูด ภาษากาย

แต่เราเชื่อว่า คนที่ขึ้นชื่อเป็นแม่แล้ว รักลูกทุกคน


โดย: เด็กน้อยตัวแสบ วันที่: 24 กรกฎาคม 2555 เวลา:11:19:05 น.  

 
ความรู้สึกคล้ายๆแม่เราเลยแฮะ...
อารมณ์แบบ โผงผาง ไม่แสดงออก
เป๊ะๆๆๆๆๆ


โดย: gutswallow วันที่: 24 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:25:50 น.  

 
โหวตไปหลายวันแว้วค่า

อ่านแล้วชอบค่ะ.....นึกภาพตามออกเลย ให้ความรู้สึกอบอุ่นจัง ^^


โดย: พี่สาว Tigger IP: 125.26.8.71 วันที่: 3 สิงหาคม 2555 เวลา:15:34:24 น.  

 
เป็นเรื่องราวธรรมดาที่อ่านแล้วอมยิ้มเลยทีเีดียวครับ
โหวตให้แล้วนะครับ


โดย: peeradol33189 วันที่: 6 สิงหาคม 2555 เวลา:15:22:17 น.  

 
แล้วจะแว๊บมาอ่านอีกนะ







. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .

. . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .

. . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .

*~*~*~*...ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*



โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 6 ตุลาคม 2555 เวลา:22:26:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.