เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Yunmai สวัสดีค่ะ หายไปจากบล็อกแกงค์นานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กลับมาใหม่กับรีวิว gadget ที่ถูกใจที่สุดเลยค่ะ ซึ่งในตอนแรกนี่ก็แอบลังเลนะว่าจะส่งใบสมัครดีไหม เพราะแอบอายตัวเลขของตัวเอง แต่ก็นะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ ความอยากลองเล่น ลองใช้มันมากกว่าค่ะ ก็เลยกลายเป็นคนโชคดี ได้รีวิวของเล่นชิ้นนี้เฉยเลยยยยย เย้~
รีวิวในบล็อกนี้ก็จะพูดถึง เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล หรือใครจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ ตัวนี้กันนะคะ ซึ่งสิ่งที่ทำให้สนใจเลยก็คือ นอกเหนือไปจากชั่งน้ำหนักได้แล้ว ยังสามารถวัดดัชนีมวลกาย และทำตัวเป็นเครื่องชั่งวัดไขมันได้ด้วยค่ะ คุณสมบัติเพียบพร้อมเกินเครื่องชั่งน้ำหนักจริง ๆ ^^
ตัวที่เคโกะได้มารีวิวนั้นจะเป็น เครื่องชั่งน้ำหนัก Yunmai mini ค่ะ ขนาด 26*26 cm น้ำหนักตัวเครื่องประมาณ 1 กิโลเท่านั้นเอง เบา เคลื่อนย้ายที่ได้สะดวกสบายมาก ๆ มาพร้อมกับสีหวาน โทนพาสเทลมาให้เลือกถึง 4 สี คือ ขาว,ชมพู,ฟ้าและเขียวค่ะ ใช้แบตเตอรี่จากถ่าน AAA 4 ก้อน จอเป็น LED ขนาด 3.3 นิ้ว ตัวใหญ่ เห็นชัดเจนค่ะ
นอกจากนี้ เครื่องชั่งน้ำหนักตัวนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับมือถือ สมาร์ทโฟน (IOS, Android) ผ่าน bluetooth ค่ะ และสามารถวัดค่าได้ถึง 10 ค่าด้วยกัน (เดี๋ยวเราจะว่ากันต่อไปนะคะ)
มาแกะกล่องกันค่ะ
แพกเกจสวยงามตามท้องเรื่อง ด้านหลังของกล่องก็จะมี QR Code สำหรับดาวน์โหลดแอพมาไว้ในมือถือสำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องชั่งน้ำหนักนี้ค่ะ
เปิดกล่องออกมา ...
เห็นภายนอกกล่องก็รู้สึกประทับใจแล้วนะ พอเปิดกล่องเท่านั้นแหละ เคโกะก็รู้สึกว้าวววมากค่ะ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นโปรดักส์จากจีนอ่ะ คือ ทำมาดูดีมาก ๆ ค่ะ
ในกล่องจะมีคู่มือการใช้งาน การดาวน์โหลดแอพ และการลงทะเบียนรับประกันสินค้ามาให้ด้วยค่ะ ส่วนเครื่องชั่งน้ำหนักก็ถูกบรรจุในถุงพลาสติกอย่างเรียบร้อย สวยงาม อีกทั้งยังมีกระดาษปิดหน้าไว้หนา ๆ 1 แผ่น ส่วนข้างใต้ พอยกเครื่องชั่งน้ำหนักขึ้นก็จะมีคู่มือจากบ.เจ้าของสินค้าแนบมา และถ่าน AAA 4 ก้อนค่ะ
ถ่านที่ให้มาก็ปั๊มตรายี่ห้อเดียวกับเครื่องชั่งน้ำหนักค่ะ
มาดูเครื่องชั่งน้ำหนักกันเต็ม ๆ ตาบ้าง
ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีสติ๊กเกอร์การรับประกันสินค้าแปะอยู่ ซึ่งก็เป็น QR Code เหมือนกัน
ถอดถุงออกมาชื่นชมกันต่อ
ดีไซน์ตัวเครื่องดูมินิมอล เรียบง่าย แต่สวยงามจริง ๆ ค่ะ
สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือตัวฝาปิดช่องใส่ถ่าน ใช้เป็นแบบสไลด์ ๆ เลื่อนขึ้นลง ไม่ต้องแงะงัดออกแบบทั่ว ๆ ไปที่คุ้นเคยกัน
VIDEO
แกะกล่องกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มต้นใช้งานกันค่ะ เริ่มจากการ download application มาไว้ในมือถือซะก่อน
*** เคโกะใช้ไอโฟนนะคะ เพราะฉะนั้นจะอ้างอิงเป็น IOS version เท่านั้นค่ะ ***
จากด้านหลังกล่อง (1) จะมี QR Code อยู่ ให้เปิดกล้องถ่ายรูปของไอโฟนขึ้นมา (IOS ใหม่ ๆ สามารถ scan QR Code เองได้แล้วค่ะ ไม่ต้องใช้ผ่านแอพอีกแล้ว) ตรงนี้เราไม่ต้องกดถ่ายรูปนะคะ แค่ส่องไว้เฉยๆ แอพก็จะขึ้นจอเล็ก ๆ มาถามว่าจะให้เปิดลิ้งค์นี้ใน Safari มั้ย (2) เราก็แท็บไปที่ลิ้งค์นั้นทีนึงเพื่อให้ redirect ไปที่ safari จากนั้นใน safari ก็จะเด้งป๊อบอัพขึ้นมาอีกว่าให้เปิด App Store มั้ย ก็กด open (3) ตามไปค่ะจนเข้าสู่หน้าจอแอพในแอพสโตร์ (4) แล้วก็กดปุ่ม Get และ Install (5) เพื่อทำการติดตั้งจนเสร็จเรียบร้อย ก็จะได้แอพมาอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเรา (6)
เสร็จแล้วก็มาเริ่มต้นใช้งานกันเลยค่ะ
1. เมื่อเปิดแอพใช้งานเป็นครั้งแรก แอพก็จะถาม privacy ในส่วนของ notification ก่อนนะคะว่าให้แจ้งเตือนมั้ย ก็เลือกเอาตามใจชอบเลยค่ะ แต่เคโกะเองไม่ชอบให้มี alert อะไรบนหน้าจออยู่แล้ว เลยกด don't allow ไปค่ะ
2. ถามเพศว่าเป็นชายหรือหญิงค่ะ เคโกะเลือกหญิงไปนะ
3. Basic information : ก็ใส่ชื่อ, อายุ และ ส่วนสูงไปค่ะ
4. เลือกว่าเครื่องชั่งน้ำหนักของเราเป็นรุ่นไหน ในที่นี้เคโกะได้ตัว Mini มา ก็เลยเลือกตัวบนสุดไปค่ะ ซึ่งในหน้านี้เราสามารถ skip ไปก่อนแล้วค่อยมาเซ็ททีหลังได้ กรณีที่ไม่แน่ใจค่ะ
5. ใส่อีเมลเพื่อรีจิสเตอร์ไปค่ะ
6. เปิด Bluetooth ที่โทรศัพท์มือถือ แล้วกดปุ่ม connect เพื่อทำการเชื่อมต่อกับเครื่องชั่งน้ำหนักของเรา
7. ถ้าเจอเครื่องชั่งน้ำหนักแล้ว หน้าจอก็จะบอกว่า Device found ค่ะ ให้กดปุ่ม pair scale
8. จากนั้นแอพจะถามเราว่า เราเป็นนักกีฬาหรือใช้โหมดนักกีฬาไหม ถ้าไม่เปิดก็กด turn on later ไปค่ะ แต่ตรงนี้เคโกะละเมออะ ใช้โหมดนักกีฬาเฉยเลย T.T
9. เมื่อทำการเซ็ทอัพการใช้งานครั้งแรกเรียบร้อย ก็จะขึ้นหน้านี้มาค่ะ กดปุ่ม Done เป็นอันเรียบร้อย
10. เนื่องจากแอพนี้สามารถเชื่อมต่อแอพ Health ที่เป็นแอพ default มากับเครื่องได้ด้วย แอพก็จะขึ้นหน้าจอถามนะคะว่าให้เราเชื่อมต่อกับ Health มั้ย เคโกะเลือกเปิดหมดเลยค่ะ
การใช้งานนั้น อย่างที่บอกไปแล้วว่ามีการเชื่อมต่อกับแอพและเครื่องชั่งน้ำหนักผ่านบลูทูธ เพราะฉะนั้นเมื่อใช้งานก็ต้องเปิดบลูทูธไว้ด้วยนะคะ ถ้าเราไม่เปิด หน้าจอบนแอพก็จะขึ้นแบบนี้ค่ะ
ให้เราทำการสไลด์ล่างขึ้นบน แตะปุ่ม Bluetooth ให้ทำงานค่ะ แล้วหน้าจอนี้ในแอพก็จะหายไป แปลว่าพร้อมใช้งานและ sync ข้อมูลกับเครื่องชั่งน้ำหนักแล้วค่ะ
แล้วก็มาถึงเวลาเปิดเผยตัวเลขที่เคโกะอ๊ายอาย และอธิบายถึงค่าต่าง ๆ ทั้ง 10 ค่าที่เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะนี้สามารถวัดได้กันแล้วค่ะ ><"
(ในรูป เคโกะปิดบลูทูธหลังจากการชั่งน้ำหนักไปแล้ว และมาแคปหน้าจอนะคะ)
1. น้ำหนัก
อันนี้ก็ตรงตัวเนอะ ก็หมายถึงน้ำหนักตัว (หน่วยเป็น kg. ตามที่เราเซ็ทไว้ค่ะ ซึ่งสามารถเซ็ทหน่วยได้เป็นกิโลกรัมหรือปอนด์ค่ะ)
จากนั้นเราก็แท็บที่ > ตรง body fat เพื่อเข้าสู่หน้าจอค่าต่าง ๆ อีก 9 ค่าที่เหลือค่ะ
2. BMI
BMI : Body Mass Index คือ ค่าดัชนีมวลกาย เป็นค่าที่เอาไว้ประเมินความอ้วนของร่างกายค่ะ ได้มาจากการคำนวณระหว่างน้ำหนักและส่วนสูงค่ะ ค่าที่เหมาะสมก็คือ 18.5-24.9 ซึ่งแอพก็ทำหน้าจอเป็นแถบบาร์ด้านล่างหน้าจอมาให้เราแล้ว เพื่อความเข้าใจง่ายค่ะ
3. Body Fat
Body Fat : คือเปอร์เซ็นต์หรืออัตราของไขมันที่มีในร่างกาย ไม่ใช่ว่าไม่ต้องมีเลย มีบ้างจะดีกว่าค่ะ เพราะร่างกายก็ยังคงต้องการไขมันเพื่อใช้งานในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายอะนะคะ ค่าที่เหมาะสม แอพตัวนี้ก็ทำมาให้ดูง่าย ๆ แล้ว ซึ่งก็คือ 22.0-36.0% ค่ะ
4. Muscle
Muscle : มวลกล้ามเนื้อ คือมีปริมาณมวลกล้ามเนื้อเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวค่ะ อันนี้คือไม่ใช่ว่าเป็นผู้หญิงแล้วไม่จำเป็นต้องมีนะคะ ก็ควรมีค่ะ เพื่อความแข็งแรงของร่างกายเนอะ
5. Water
Water : ปริมาณเปอร์เซ็นต์ของมวลรวมน้ำในร่างกายเทียบกับน้ำหนัก ควรจะมีค่าอยู่ที่ประมาณ 60-70% ค่ะ
6. Protein
Protein : ปริมาณโปรตีนทั้งหมดในร่างกายเทียบกับน้ำหนักตัว โดยปกติควรจะมีค่าอยู่ที่ประมาณ 18% ค่ะ
7. Visceral Fat
Visceral Fat : ปริมาณไขมันในช่องท้อง ซึ่งถ้ามีปริมาณมาก ๆ จะส่งผลต่อตับ, ตับอ่อนและลำไส้ ควรจะมีค่าไม่เกิน 12 ค่ะ ยิ่งมากก็ยิ่งไม่ดีนะคะ
8. Bone Mass
Bone Mass : เป็นค่าวัดมวลกระดูกในร่างกาย ซึ่งค่านี้แอพได้คำนวณและแจ้งมาให้เราเสร็จสรรพเลยนะคะ อย่างของเคโกะมีประมาณ 2.7 กิโล หรือมีสัดส่วนประมาณ 3.9% ค่ะ
9. BMR
BMR (Basal Metabolic Rate) : ปริมาณพลังงานที่เผาผลาญระหว่างพัก พูดง่าย ๆ ก็คือ ในสภาวะที่เราไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร ค่านี้จะเป็นปริมาณพลังงานที่เราจำเป็นต้องใช้ในแต่ละวันค่ะ ถ้าต้องการรักษาน้ำหนักก็กินให้ได้ประมาณนี้แหละ วิธีที่ลดความอ้วนวิธีหนึ่งในหลายวิธี ที่ว่าด้วยหลักการนับแคลอรี่ที่กินเข้าไปอะค่ะก็จะมาสัมพันธ์กับค่าตรงนี้
ซึ่งหากใครที่ต้องการลดน้ำหนัก ค่าตรงนี้จะช่วยได้ดีเลยค่ะ คือ อยากลดน้ำหนัก ก็ต้องทานให้ปริมาณแคลอรี่น้อยกว่าค่าที่วัดออกมาได้ เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมไว้เปลี่ยนเป็นพลังงานและนำไปใช้ ก็จะทำให้ลดน้ำหนักได้ค่ะ
10. Body Age
Body Age : อายุของร่างกาย โดยประเมินจากค่าต่าง ๆ ที่วัดมาได้ว่าควรจะอยู่ในอายุเท่าไหร่ โดยปกติก็ควรจะน้อยกว่าหรือเท่ากับอายุของคนที่แท้จริงค่ะ
ดูจากผลการชั่งน้ำหนักครั้งแรกของเคโกะแล้วก็พอจะบอกผลได้คร่าว ๆ แปลความได้ว่า มีไขมันในช่องท้องเยอะไปหน่อย น้ำในร่างกายน้อย ต้องดื่มน้ำให้เยอะขึ้นค่ะ
เพื่อให้ค่าต่าง ๆ สามารถคำนวณออกมาได้แม่นยำมากขึ้น จำเป็นต้องมีการใช้อย่างต่อเนื่องค่ะ ซึ่งเคโกะก็เลยได้ทดลองใช้อยู่หลายวันเลยทีเดียว
ชั่งน้ำหนักวน ๆ ไปทุกวันค่ะ
พอวันต่อ ๆ มา เรามาใช้เครื่องชั่งน้ำหนักนี้ชั่งน้ำหนักอีกครั้ง หน้าจอบนแอพก็จะขึ้น summary มาให้เป็น report ประจำวันมาให้เราดูค่ะ
(ตัวอย่างที่แคปหน้าจอมาจะไม่ตรงกับน้ำหนักในรูปข้างต้นนะคะ แคปมาคนละวันอ่ะค่ะ แหะๆ)
ชั่งน้ำหนักเสร็จแล้ว (สังเกตได้จากแถบยาว ๆ บนจอ LED ที่เครื่องชั่งน้ำหนักจะหยุดนิ่ง และหน้าแอพจะขึ้นเส้นทึบรอบวงกลมค่าน้ำหนักตัว) หน้าจอก็จะขึ้นสรุปมาให้ค่ะ
บทสรุปในวันนั้นที่ชั่ง ก็จะขึ้นค่าที่วัดและคำนวณมาให้ครบทั้ง 10 ค่าเลยนะคะ พอเลื่อนหน้าจอลงมาล่างสุด จะมีกราฟให้ดูด้วย ซึ่งเราสามารถแท็บปุ่ม Check your graph summary เพื่อดูรายละเอียดได้อีก ซึ่งแอพจะทำเป็นกราฟให้เพียง 2 ค่าเท่านั้น คือ น้ำหนัก และ Body fat ค่ะ
ตัวอย่างหน้าน้ำหนักที่เป็นกราฟ (จุดแต่ละจุดแสดงถึงวันที่มีการเก็บข้อมูลค่ะ)
นอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถย้อนกลับมาดูข้อมูลย้อนหลังได้ด้วยค่ะ
รูป 1 และ 2 จากหน้า Home เลือกไปที่ Tracking Graphs ก็จะดูกราฟได้ 2 ค่าคือ Weight และ Body Fat
รูปที่ 3 กดที่ ... มุมบนขวา จากรูปที่ 1, 2 ก็จะแสดง Historical Data ทั้งหมดที่มีการเก็บข้อมูลมา
รูปที่ 4 กดลูกศรชี้ลงจากรูปที่ 3 ของแต่ละวันที่เราต้องการดูข้อมูล ก็จะแสดงข้อมูลค่าต่าง ๆ อีก 8 ค่าที่เหลือให้เราดูเป็นวันต่อวันค่ะ
ต่อมา เรามาดูการ Setting ของแอพตัวนี้กันค่ะ (จากหน้า Home กดที่ Me ด้านล่างขวา จะเข้าสู่หน้า Setting ค่ะ)
1. สามารถเพิ่ม Family Members เข้ามาได้ อาจจะเพื่อแข่งขันกันในบ้านว่าใครสุขภาพดี อะไรงี้นะคะ
2. Reminder สามารถตั้งเตือนได้ด้วย ซึ่ง default ของแอพจะแนะนำเวลามาให้ 3 เวลาค่ะ ส่วนตัวเคโกะคิดว่าเลือกเอาซักเวลานึงของทุก ๆ วันอะค่ะ ไม่จำเป็นต้องชั่งครบตามที่แอพแนะนำเนาะ แต่ตรงนี้เข้าใจว่าแอพแนะนำว่า ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละวัน ควรจะชั่งน้ำหนักเมื่อใดค่ะ เช่น ตอนเช้าหลังตื่นนอนทันที หรือหลังจากทานอาหารแล้ว 1 ชั่วโมง อะไรงี้นะคะ
3. Goal : ตรงนี้ดีกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักอีกแล้ว ซึ่งคนที่ไม่ได้ต้องการลดน้ำหนัก แต่ต้องการคงที่กับน้ำหนักตัว หรือแม้แต่คนต้องการเพิ่มน้ำหนักก็เหมาะค่ะ สามารถเซ็ทเป้าหมายของตัวเองได้ว่าเราต้องการน้ำหนักเท่าไหร่
โดยส่วนตัวแล้ว การตั้งค่าตรงนี้ทำให้เกิดแรงพยายามไปให้ถึงเป้าหมายมาก ๆ ค่ะ ^^"
4. Device อย่างที่บอกไปตอนต้นแล้วอะนะคะว่า ถ้าเราไม่รู้ว่าเครื่องชั่งน้ำหนักของเราเป็นรุ่นไหน สามารถข้ามไปก่อนได้ และเมื่อทราบแล้วก็มาเซ็ทรุ่นของเครื่องชั่งน้ำหนักได้ที่หน้าจอนี้ค่ะ
5. Settings อื่นๆ เช่น Connect กับ Health แอพของไอโฟน, Connect with Fitbit (เคโกะเคยมีนะ แต่ไม่ได้ใช้แล้วค่ะ อดลองเล่นดูเลย เสียดายเหมือนกัน), Athlete Mode (โหมดนักกีฬา -- เคโกะลืมตัวเปิดไว้เฉยเลยอะ 555) อะไรประมาณนี้ค่ะ
สุดท้าย ก็คือการลงทะเบียนรับประกันค่ะ
พลิกไปที่ด้านหลังเครื่อง จะมีสติ๊กเกอร์ QR Code แปะอยู่ ก็เหมือนเดิมค่ะ ใช้ Camera ของไอโฟนไปส่องไว้ ก็จะมีลิ้งค์ให้ redirect ไปเปิดด้วย Safari แทน (1) ก็แท็บไปค่ะ เครื่องก็จะไปเปิดเว็บด้วย Safari ให้ จะเป็นเว็บให้ลงทะเบียนรับประกันสินค้าค่ะ ใส่รหัสซึ่งอยู่ที่ QR Code เมื่อกี้นี้และอัพโหลดรูปใบสั่งสินค้า สามารถเลือกได้ว่าจะลงทะเบียนด้วยเฟซบุ๊ค หรืออีเมล (2.1 หรือ 2.2) ค่ะ
เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้วและคลิกปุ่มลงทะเบียน หน้าเว็บก็จะขึ้นว่าการลงทะเบียนสำเร็จแล้วค่ะ ซึ่งมีการรับประกันสินค้าให้ 1 ปี
ซึ่งเคโกะต้องแอบแนะนำหน่อยว่า ควรซื้อผ่านตัวแทนทางการจะดีที่สุดค่ะ เพราะจะได้การรับประกันสินค้ามาด้วย และสินค้าก็ผ่านการตรวจสอบอย่างถูกต้องด้วยนะคะ
สุดท้ายก่อนจบรีวิวที่แสนยาวนี้ เคโกะขอแชร์ความคิดในแง่ดี ๆ กับเครื่องชั่งน้ำหนัก Yunmai ตัวนี้นะคะว่าสะดวกและดีกับชีวิตยังไง
สามารถวัดน้ำหนัก และ body composition อื่น ๆ ได้อีก 9 ค่า (รวมเป็น 10 ค่า) ได้ตลอดเวลาที่อยากทราบค่ะ sync ข้อมูลเข้าแอพบนมือถือที่แสนง่ายและสะดวกสบาย สามารถเปิดดูได้ตลอดเวลา (ถ้าดูข้อมูลเฉย ๆ ไม่ต้องเปิดบลูทูธก็ได้ค่ะ) มีการเซ็ทเป้าหมายด้วย ทำให้เกิดแรงจูงใจในการลดน้ำหนัก (กรณีเคโกะนะ) เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้ค่ะ ปกติเคโกะจะท้อเสมอ เวลาชั่งน้ำหนักแบบธรรมดาแล้วน้ำหนักไม่ลงซะที แต่พอมาชั่งเครื่องชั่งน้ำหนักตัวนี้แล้ว มันก็แอบรู้สึกสบายใจหน่อย ๆ อะค่ะ เพราะค่า Body fat, muscle เราก็ไม่ได้แย่อะไรงี้ไง รู้สึกเป็น "หมูที่แข็งแรง" อะไรประมาณนั้นค่ะ 555 สามารถแชร์ข้อมูลให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้ หรือจะแข่งกันลดน้ำหนักอะไรงี้ก็ได้ค่ะ น่าจะสนุกดีนะ 555 จากที่เอามาลองใช้ดูอยู่หลายวัน ก็รู้สึกประทับใจ และชอบมากกกกกค่ะ ในฐานะที่เคโกะกำลังไดเอ็ทและควบคุมน้ำหนักอยู่ ก็รู้สึกถึงกับอยากได้เอาไว้ในครอบครองเลยทีเดียวแหละ มันตอบโจทย์หลาย ๆ อย่างให้เคโกะได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ
ถ้ามองหาเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลดี ๆ ไว้ใช้สักเครื่อง ก็ฝากไว้พิจารณาด้วยนะคะ ^^
สุดท้ายจริง ๆ แล้ว ฝากเพจและ blog ไว้ด้วยค่าาาา ^^"
Create Date : 10 ธันวาคม 2560
Last Update : 26 ธันวาคม 2560 22:07:37 น.
3 comments
Counter : 6778 Pageviews.
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
