มีนาคม 2568
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
11 มีนาคม 2568

: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - คัมภีร์แห่งความเร้นลับ เล่ม 1 :


: คัมภีร์แห่งความเร้นลับ เล่ม 1 :
บรรยาย : ภควัน ศรีรัชนี
แปล : พิเชษฐ์ วนวิทย์









ภควัน ศรีรัชนี คือคนเดียวกันกับ Osho นักคิดและผู้นำทางจิตวิญญาณขาวอินเดีย
‘คัมภีร์แห่งความเร้นลับ’ คือหนังสือที่ถอดความจากการบรรยายของท่านโอโช
เนื้อหาหลักมาจาก คัมภีร์วิชญาณไภรวตันตระ
ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณอายุกว่า 5000 ปีของอินเดีย
ตันตระ ในภาษาสันสกฤตหมายถึง หัวข้อ คำสอน
หรือหมายถึงเทคนิคและอุบายในการฝึกสมาธิก็ได้เช่นกัน


พระสูตรเริ่มจากบทสนทนาระหว่างพระนางปารวตีกับพระศิวะ
โดยพระศิวะทรงประทานอุบายหรือหลักในการทำสมาธิ 112 วิธีให้กับพระนางปารวตี
ครอบคลุมแทบทุกจริตของมนุษย์ในทุกเพศทุกวัยทุกชนชั้นวรรณะ
ความเร้นลับที่ว่า คือการก้าวล่วงพ้นจากจิตสำนึกของตน
เพื่อเข้าสู่ความหลุดพ้น หรือสภาวธรรมอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
กับพระเจ้าหรือธรรมชาตินั่นเอง
การก้าวพ้นไปจากทวิภาวะทั้งปวง คือการสิ้นสุดของการแบ่งแยก
การแบ่งแยกระหว่างตัวเรากับธรรมชาติ
ระหว่างตัวเรากับผู้อื่น ระหว่างตัวเรากับทุกสิ่ง



การหลอมรวมตัวตนเข้ากับความจริงสูงสุด
จึงเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงอย่างแท้จริง



การอธิบายและตีความหมายของคัมภีร์โบราณไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะนี่คือศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงจิตใจ
ไม่ใช่เพียงการสอนนั่งหลับตาสมาธิ แต่ลึกเข้าไปกว่านั้น
คือ การสำรวจจิตใจด้วยวิธีการต่าง ๆ อันมากมาย


หนังสือชุดนี้มี 3 เล่ม แต่ผมมีเพียงเล่ม 1 เท่านั้น
แม้จะยังอ่านไม่ครบทุกเล่ม
ผมคิดว่าเราพอจะมองเห็นภาพได้ชัดว่า การศึกษาคัมภีร์เหล่านี้เป็นไปเพื่อสิ่งใด
ขอสรุปด้วยบทกวีที่ผมเขียนไว้หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบลง



----------------------------------------------




: เดินทางสู่ด้านใน :


ตันตระไม่สนใจกับคำถามว่า “ทำไม ?”
แต่สนใจในแง่ “อย่างไร ?” มากกว่า

ตันตระไม่สนใจว่า “สัจธรรมคืออะไร ?”
แต่มุ่งไปยังการค้นพบคำตอบว่าทำอย่างไรจึงจะบรรลุสัจธรรมได้

เธออาจสงสัยว่า “เพราะเหตุใดสิ่งนี้จึงดำรงอยู่ ?”
ในขณะที่ตันตระตั้งคำถามว่า “สิ่งนี้ดำรงอยู่ได้อย่างไร ?”
ทันที่ที่เธอตั้งคำถามว่า “อย่างไร ?”
วิธีการ หลักการ และวิธีปฏิบัติ
จะถูกก่อร่างสร้างขึ้นในความคิดของเธอ
นั่นคือ การสืบค้นความจริงในตัวเราเอง
ด้วยวิธีการของตัวเราเอง


“ประสบการณ์” จากการค้นพบในครั้งนี้
จึงเป็น “แก่นแกนของความจริง”
ไม่ใช่เพียงการจดจำข้อมูล หรือการทำตามคนอื่นไปโดยไม่รู้ว่าทำไปทำไม ?
ทำแล้วได้อะไร ? ผลที่ได้รับมานั้นถูกต้องแล้วหรือยัง ?


“การค้นพบความจริง” นำไปสู่ “การเปลี่ยนแปลงตนเอง” อย่างแท้จริง
เมื่อใดได้พบ “สัจธรรม” นี้ในตน
เธอจะพบว่ายิ่งรู้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่รู้อะไรเลย

ผู้ทรงปัญญาที่แท้จริง กลับกลายเป็นคนที่ไม่รู้สิ่งใด
ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ เรียบง่าย สงบ และงดงาม

ตันตระจึงไม่สนใจชุดที่เธอใส่
ไม่สนใจความเชื่อทางศาสนา
ไม่สนใจว่าเธอเรียนรู้ปรัชญาใดมา
ถ้าเธอยังไม่เห็นความจริง เธอก็ยังเป็นผู้มืดบอด
ถ้าเธอพบความจริง เธอก็เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ไม่ว่าจะอยู่ในเพศสภาพใด วรรณะใด หรือนับถือความเชื่อแบบใด

ถ้าเธอถามถึง “สัจธรรม” หรือ “พระเจ้า” คืออะไร ?
จะไม่มีคำตอบใดตอบกลับมา
แต่จะมี “อุบายและหนทาง” มากมาย
ให้เธอได้ทดลองและลงมือทำ
จนกว่าจะพบ “หนทางที่ใช่” ด้วยตัวเธอเอง


เธอจะพบ “ตัวตนที่แท้จริง” ภายใต้หน้ากากที่เธอสวมใส่
เพราะทุกข์ของผู้ย่างก้าวเข้าสู่โบสถ์ วิหาร สุเหร่า หรือป่าเขา
ล้วนเป็นทุกข์อย่างเดียวกันทั้งหมดทั้งสิ้น
มนุษย์ทุกคนล้วนล้มหายตายจากภายใต้ “ตัณหา” เดียวกัน
รัก โลภ โกรธ หลง เหมือน ๆ กัน
ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใด พูดจาภาษาใด

เธอจะค้นพบ “ความจริงแท้ในตน” ได้
ก็ต่อเมื่อเธอเงียบ สงบ นิ่ง และหยุดความคิด
จนเห็น “ความจริง” ปรากฏขึ้นใน “ความเงียบ” ท่ามกลางสรรพเสียง
เห็น “ความว่าง” ปรากฏขึ้นในท่ามกลาง “ความมีอยู่” ของสรรพสิ่ง
เห็น “ความรัก” ปรากฏขึ้นในท่ามกลาง “การค้นพบ และ ความเกลียดชัง”


เธอต้องปล่อยตนเองให้หล่นร่วงลงไปในห้วงรัก
ซึ่ง ณ ที่นั้น ไร้ซึ่งอดีตกาล ไร้ซึ่งอนาคตกาล
ไร้ซึ่งตัวตนของผู้ได้ครอบครองความรัก
มีเพียง “ห้วงรัก” ซึ่งเอิบอาบไปด้วย “ความรัก” อันเต็มเปี่ยม
ในนามของ “ความเมตตากรุณา”


อย่ามัวเสียเวลาชีวิตกับการตั้งคำถามว่า
“ใครคือผู้สร้างโลก ?”
ถ้าฉันตอบเธอว่าใครคือพระผู้สร้าง
เธอก็จะถามต่อไปด้วยความสงสัยว่า
“แล้วใครคือผู้สร้างพระผู้สร้าง ?”
ปัญหาจึงมิได้อยู่ที่ “คำตอบ”
แต่อยู่ที่เมื่อใด “จิตของเธอ” จึงจะสิ้นความสงสัย
นั่นแหละ เธอจึงจะพบคำตอบว่าสิ่งใดสร้างโลกและสร้างตัวเธอขึ้นมา

“จิต” จึงมิใช่สิ่งอื่นใด
นอกจากสสารอันละเอียดประณีต
ยามใดเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่จิต
โลกย่อมเปลี่ยนแปลงได้ในพริบตา
ความเปลี่ยนแปลง นี้ คือ ความเปลี่ยนแปลงในการรับรู้
เปลี่ยนแปลงการตอบสนองต่อความเคยชินเดิม ๆ ของจิต

“ด้านนอก” กับ “ด้านใน” ได้ไหลมากระทบกัน
จนเกิดความเคลื่อนไหวใน “ใจ” หรือ “ความรู้สึก”
การตรึง “ใจ” ไว้ให้มันหยุดนิ่ง
คือ การตระหนักรู้ในความมีอยู่ของความรู้สึก
มองเห็นมันอย่างชัดเจนที่สุดในชั่วขณะหนึ่งที่จิตนิ่ง
เมื่อนั้น “ภาพจำ” ทั้งหมดที่มีจะวาบวับลับหายไป
นี่คือ ประตูแห่งความรู้แจ้ง
นี่คือ การเดินทางด้านในภายในจิตใจของเราเอง

นี่คือ หนทางในการรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง


































Create Date : 11 มีนาคม 2568
Last Update : 11 มีนาคม 2568 5:02:14 น. 14 comments
Counter : 603 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtanjira, คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณปรศุราม, คุณThe Kop Civil, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณปัญญา Dh, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSleepless Sea, คุณnonnoiGiwGiw, คุณmcayenne94, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน


 
คนเดียวกับคนเขียนเล่มเมื่อวาน
ตอนสมัยมีหลักสูตรอบรมที่ทำงาน
ก็มีวิทยากรบรรยายแนะนำหนังสือ
ของนักเขียนคนนี้นะคุณก๋าขายดีเชียว
แต่คนซื้อเอาไปอ่านจริงหรือเปล่าไม่รู้
ป.ล.ป่านนี้คุณธัญน่าจะตื่นแล้วคุณก๋า



โดย: หอมกร วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:6:27:41 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะก๋า

คัมภีร์โบราณ อายุ5000 ปีเลยนะคะ
ก็ยังคงเป็นหนังสือที่อ่านแล้วเข้าใจยากอยู่ค่ะ

ต้นริบบิ้นชาลีถ้าเขาเป็นพุ่มใหญ่ๆสวยมากค่ะ

เก็บกวาดใบไม้บหญ้าในบริเวณบ้านก็เท่ากับการออกกำลังแล้วค่ะ
เป็นการออกกำลังที่ทำให้บริเวณบ้านสะอาดด้วยนะคะ
ได้สองต่อเลยค่ะ

คุณหอมกรน่าจะมาแล้วนะคะเช้านี้



โดย: tanjira วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:6:33:37 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:6:34:24 น.  

 
ถ้ามีแต่ ความรู้แต่ขาดประสบการณ์ ก้ยากที่จะสำเร็จได้นะครับ

หลายๆข้อความ จุดประกายให้เราได้ อย่างที่บอกว่า
การนอนหลับ คือ ความตายระยะสั้น เดี๋ยวก็ต้องตื่น
แต่ถ้าเรานอนแล้วไม่ตื่น ก็เป็นความตายระยะยาวเลยนะครับ

ช่วงนี้ กทม น่าจะเข้าสู่หน้าร้อน อย่างเป็นทางการแล้วละครับ
เมื่อวาน อาจารย์เต๊ะ ปีนรั้วไปตัดต้นไม้ข้างบ้าน
หูย จับขอบกำแพงรั้วปูนนี่ มือแทบพองเลยเชียวครับ แฮร่



โดย: multiple วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:8:08:08 น.  

 
ผมเคยนอนหลับแล้วฝันว่าได้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในฝัน พออีกหลายปีต่อมาก็ได้ไปเที่ยวที่นั้นจริง ๆ ครับ แต่จำไม่ค่อยได้ละครับ อ่านเล่มที่คุณก๋ารีวิว แล้วนึกขึ้นได้ครับ
เจอปารีสนัดสอง งานยากอีกแล้วครับ เห็นทีมเยือนโม้ไว้เยอะเลย


โดย: The Kop Civil วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:12:05:21 น.  

 
สวัสดีครับคุณก๋า

สิ่งที่เร้นลับที่สุดก็คือใจคน
โดยเฉพาะใจของตัวเองครับ

ประโยคที่ว่า การนอนหลับคือความตายในช่วงสั้น
ผมก็คิดไปถึงที่เขาว่า
จงทำวันนี้ให้ดีเพราะหลับแล้ววันรุ่งขึ้นเราอาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาก้ได้ ครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:12:46:14 น.  

 
สวัสดีจ้ะ น้องก๋า

"คัมภีร์แห่งความเร้นลับ เล่ม 1" ตั้งชื่อ มีคไว่า เร้นลับ
ทำให้น่าสนใจ อยากอ่าน หาความเร้นลับที่ว่านี้ เนาะ อิอิ
แต่ครูชอบ ข้อความที่เธอสรุป 2 ข้อนี้ เนาะ ตรงกับความ
ความคิดของครู จ้ะ
"การอธิบายและตีความหมายของคัมภีร์โบราณไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะนี่คือศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงจิตใจ
ไม่ใช่เพียงการสอนนั่งหลับตาสมาธิ แต่ลึกเข้าไปกว่านั้น
คือ การสำรวจจิตใจด้วยวิธีการต่าง ๆ อันมากมาย"

ข้อความนี้ เน้นเรื่อง จิตใจ เป็นวิชาแห่งการเปลี่ยนแปลงจิตใจ
จิตใจ เป็นเรื่องชี้ความถูก ผิด ถ้าจิต ไม่ดี ไม่แข็งแรง แข็งแกร่ง
ย่อมทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้องได้ง่าย ถ้าศาสตร์นี้ มีสิ่งที่ทำให้จิตใจคนเปลี่ยนปลงไปในทางดีได้ ย่อมมีประโยชน์อย่างยิ่ง จ้ะ

“การค้นพบความจริง” นำไปสู่ “การเปลี่ยนแปลงตนเอง” อย่างแท้จริง เมื่อใดได้พบ “สัจธรรม” นี้ในตน
เธอจะพบว่ายิ่งรู้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่รู้อะไรเลย"

ข้อความนี้ เน้นเรื่อง การค้นพบความจริง ซึ่งจะนำไปสู่การ
เปลี่ยนแปลง ก็เป็นสิ่งจำเป็นของคนเรา รวมไปถึง การยอมรับความ
เป็นจริงที่เกิดขึ้น และจำนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ถูกต้องได้
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ จ้ะ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ



โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:13:14:26 น.  

 
สวัสดีครับพี่ก๋า

นี่เกิดอะไรขึ้นกับผมเนี้ย....นี่ผมหายไปเป็นอาทิตย์ 555
เกิดหลายเรื่องมากครับ....แต่สุดท้ายขอกลับมาเม้นท์พี่ก๋าคนแรกก่อนครับ
วันนี้อาจะจะด้วยมีเรื่องต้องทำเยอะ ด้วยความเหนื่อย ด้วยสติไม่พร้อม
​ทำให้ผมอ่านไม่สู้จะเข้าใจเลยครับ

จับได้แค่เรื่อง "แล้วใครสร้างพระผู้สร้าง" อันนี้เป็นคำถามของผมทุกครั้งที่ได้ยินความเชื่อนี้ว่ามีผู้สร้างสร้างทุกสิ่ง
ซึ่งมันขัดกับความเชื่อผม 5555 เพราะผมไม่เชื่อเรื่องผู้สร้าง ผู้สร้างเดียวคือวิทยาศาสตร์
อาจจะเพราะงี้ผมเลยไม่กลัวผี เพราะไม่ได้เชื่อว่าผีมีจริง
หรือใครบอกว่า เครียดก็ให้ฟังธรรมะ....ผมนี่บอกเลยว่า ถ้ามัวแต่เอาเวลาไปนั่งฟังแล้วไม่แก้ปัญหา ปัญหามันหายเองไม่ได้....
ดังนั้น ผมหาทางแก้ปัญหาก่อน เอาเวลาไปไหว้พระไหว้เจ้า แก้แล้วค่อยไหว้ขอบคุณที่ช่วยดลใจให้ไปถูกทางก็ได้ครับ 5555


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:15:33:03 น.  

 
สวัสดีตอนเย็นครับคุณก๋า

มาอ่านรีวิวหนังสือด้วยครับ
เป็นหนังสือที่ลึกซึ้งครับ

การก้าวล่วงพ้นจากจิตสำนึกของตน เพื่อเข้าสู่ความหลุดพ้น
หรือสภาวธรรมอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธรรมชาติ
ถ้าทำตามนี้ได้จิตใจคงจะสงบเยือกเย็นมากครับ


โดย: Sleepless Sea วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:16:56:20 น.  

 
การได้อยู่กับเรื่องใดอย่างจริงจัง จะทำให้เกิดความรู้แจ้งในสิ่งนั้นได้ในที่สุด การได้อยู่กับเรื่องราวธรรมะหรือสัจธรรมทำให้เกิดความสงบสุขแก่จิตใจได้ค่ะ
เย็นมีวิทยุธรรมะขนาดเล็กไว้พกฟังเทศน์อยู่ 5 เครื่อง เป็นเรื่องราวเดียวกัน มีเยอะเพราะจะได้ไว้ชาร์จแบตเมื่อหมดและหยิบจับไปโน่นมานี่ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ในสมองและจิตใจมีแต่เรื่องราวธรรมะและความสงบสุข แต่ไม่น่าเชื่อหลายวันนี้เย็นมัวแต่เย็บผ้าม่านกันความร้อนเพิ่มอีกชั้น วิทยุทั้งหมด 5 เครื่องหายพลิกแผ่นดินทั่วทั้งบ้านทั้งรถทุกที่ทุกถุงทุกกระเป๋า ทุกคนมาช่วยกันหา หาไม่พบ ประหลาดมากๆ เลยมีเวลามาอัพบลอกค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:19:16:25 น.  

 
5 เครื่องเป็น เทศนา พอจ ครรชิต สุทธิจิตโต ที่ศิษย์ให้ร้านคอมช่วยจัดทำ
สะดวกดีค่ะ
อีกเครื่อง เป็นของวัดป่าบ้านตาด บ้านตาดมีประวัติครูบาอาจารย์และเทศนาของทุกครูบาอาจารย์รุ่นก่อนๆค่ะ
ราคาเครื่องละประมาณ 450 บาท รวมเครื่องและ sd card พร้อมฟังค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:20:23:22 น.  

 
สัจธรรมมันไม่เปลี่ยนแปลงครับ มันต่างจากความจริงบางอย่างซึ่งมันจริงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:22:22:23 น.  

 
พระศิวะ สร้างโลก ไม่มีเกิดไม่มีดับ
พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ หลุดพ้นจากโลก ดับแล้วไม่เกิดอีก
อดคิดไม่ได้ว่า พระศิวะมีจริงหรือเปล่า

อุตุ เตือนพายุฤดูร้อนอีกแล้ว แต่ร้อนมากๆ



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:23:15:33 น.  

 
{🔴 [2.21] มนุษย์เอ๋ย จงเคารพภักดีพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ผู้ทรงบังเกิดสูเจ้า และบรรดาก่อนหน้าสูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้สำรวมตน จากความชั่ว

🔵 [2.22] ผู้ทรงทำแผ่นดิน ให้เป็นพื้นสำหรับสูเจ้า และชั้นฟ้าเป็นหลังคา และทรงส่งน้ำมาจากฟากฟ้า และทรงให้ผลไม้ต่าง ๆ งอกเงยออกมา เพราะเหตุนั้น เพื่อเป็นเครื่องยังชีพสำหรับสูเจ้า ดังนั้นเมื่อสูเจ้ารู้ดีอยู่แล้ว ก็จงอย่าตั้งสิ่งใดเคียงคู่กับอัลลอฮ์

🔴 [2.23] และถ้าหากสูเจ้า ยังคงคลางแคลงสงสัย ในสิ่งที่เราได้ส่งมาแก่บ่าวของเรา ก็ขอให้สูเจ้า จงแต่งขึ้นมาสักซูเราะฮ์หนึ่ง ที่เหมือนกับสิ่งนี้ สูเจ้าอาจจะเรียกใครอื่น นอกจากอัลลอฮ์มาช่วยเหลือสูเจ้าก็ได้ ถ้าหากสูเจ้าแน่จริง (ในความสงสัยก็จงทำ)

🔵 [2.24] แต่ถ้าหากสูเจ้าไม่ทำ และสูเจ้าก็ไม่มีทางที่จะทำได้ด้วย ดังนั้น จงระวังไฟ ที่ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ ซึ่งจะมีมนุษย์และหินเป็นเชื้อเพลิง

🔴 [2.25] และ (มุฮัมมัด) จงแจ้งข่าวดี แก่บรรดาผู้ศรัทธา และประกอบการดีทั้งหลายว่า สำหรับพวกเขา คือสวนสวรรค์หลากหลาย ที่เบื้องล่าง มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน คราวใดที่พวกเขา ได้รับผลไม้จากที่นั่นเป็นปัจจัยยังชีพ พวกเขาจะกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่เราได้ถูกประทานมาก่อน และพวกเขา จะถูกประทานให้เยี่ยงนั้น และจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์ สำหรับพวกเขาในนั้น และพวกเขาทั้งหลาย จะพักอยู่ในนั้นตลอดไป}

❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙


https://justpaste.it/b790p



โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 172.96.141.81 วันที่: 13 มีนาคม 2568 เวลา:14:31:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 395 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]