มีนาคม 2568
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
10 มีนาคม 2568

: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - ปล่อย :


: ปล่อย :
บรรยาย : OSHO
แปล : อิฏฐพร ภู่เจริญ








‘ความโกรธ’ กับ ‘การให้อภัย’ เป็นสองสิ่งที่อยู่ใกล้กันมากจนเราแทบไม่รู้สึก
บางคนอาจรู้สึกว่าทั้งความโกรธและการให้อภัยเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน
แต่ในมุมมองของท่านโอโช่ ท่านกลับมองว่า
หากเราลดระดับความโกรธลงถึงระดับต่ำสุดได้ นั่นคือ การให้อภัยนั่นเอง

‘พลังแห่งการอภัย’ จึงซ่อนอยู่ใน ‘ความโกรธ’
ยิ่งโกรธมากเท่าใด การอภัยก็ยิ่งใหญ่มากเท่านั้น
เพียงแต่เส้นทางที่จะนำไปสู่การปลดปล่อยตนเองจากความโกรธ
ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เพราะความโกรธมันเกิดขึ้นจากการขาดสติ
เมื่อขาดสติจึงเกิดการกระทำที่ผิดพลาด เกิดคำพูดที่ก่อความรุนแรง
ซึ่งทั้งสองสิ่งเกิดจากการคิดอย่างไม่ถูกต้องนั่นเอง

การระเบิดอารมณ์ การโกรธเกลียด ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ
มันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา หากเกิดสิ่งไม่พึงใจขึ้นในความสัมพันธ์
สิ่งสำคัญ คือ เรารู้ทันความโกรธนั้นหรือไม่
ถ้าไม่ --- มันก็จะขยายตัวกลายเป็นฟืนไฟที่พร้อมเผาไหม้ทำลายทุกสิ่ง
พร้อมระเบิดตัวเองให้กลายเป็นความรุนแรงอันขาดสติและความยับยั้งชั่งใจ

ทางเดียวซึ่งเราจะมองเห็นความโกรธได้ ก็คือ ต้องมองย้อนเข้าไปในตนเอง
มองเห็นตัวเอง ตระหนักรู้ในความคิดของตนเอง
รู้ทันความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตนเอง นั่นคือ ทางเดียวที่ความโกรธจะทำอะไรเราไม่ได้
และนี่คือ ‘หนทาง’ ซึ่งจะทำให้เราให้อภัยคนที่เราเกลียดได้อย่างหมดหัวใจ

การให้อภัยไม่ได้ ทำให้เราจมอยู่กับอดีต
เราเคลื่อนที่ไปข้างหน้าไม่ได้ เพราะความโกรธมันผูกเราไว้กับเสาเหล็กที่ปักไว้แน่นและลึก
เมื่ออภัยไม่ได้ เราก็ไม่สามารถจะรักใครได้
เมื่อไร้ความรัก ก็ไม่มีทางที่จะเกิดการให้อภัย
เหมือนดังท่านโอโช่กล่าวไว้



“มีเพียงรักที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่รู้ว่าจะให้อภัยอย่างไร
และมีเพียงการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่รู้ว่าจะรักได้อย่างไร
มนุษย์ทุกคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้เสมอ และการให้อภัยคือพระเจ้า”



ความแค้น ความโกรธ ก็เหมือนกับตะกอนความคิด
ซึ่งร่วงหล่นนอนก้นอยู่ในแก้วน้ำ และรอวันถูกเขย่าให้น้ำในแก้วนั้นขุ่นมัวอีกครั้ง
การให้อภัยคือการนำโคลนออกจากแก้ว
เมื่อไม่มีตะกอนความคิดตกค้างอยู่อีก
เขย่ายังไง น้ำในแก้วก็ไม่มีวันขุ่นมัวอีกเลย





































Create Date : 10 มีนาคม 2568
Last Update : 10 มีนาคม 2568 5:23:02 น. 12 comments
Counter : 563 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณปัญญา Dh, คุณหอมกร, คุณSleepless Sea, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณmultiple, คุณThe Kop Civil, คุณtanjira, คุณสมาชิกหมายเลข 3902534, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะริโตะคุง


 
สวัสดีตอนเช้าครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:5:36:39 น.  

 
ยังคงเป็นหนังสือแนวนักคิดแบบที่คุณก๋าชอบ
แต่ก็ลองสังเกตตัวเองนะเวลาโกรธแล้ว
เราทำอะไรลงไปพอมาคิดทบทวนก็มัก
จะมานึกเสียใจในภายหลังเหมือนกันจ้า
ป.ล.ดูจากนาฬิกาคุณธัญน่าจะยังไม่มา



โดย: หอมกร วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:5:48:46 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

" ปล่อย" คำสั้น ๆ แต่ให้ความหมายกว้างมาก นะ ถ้าคนเรา
รู้จักการ ปล่อย ความโกรธ ก็จะเบาบางลง เหมือนที่ว่า อภัยกับ
โกรธ มันไม่ใช่ คำตรงข้ามกัน เมื่อเราปล่อยวาง ก็จะรู้สึกให้อภัยใน
เรื่องที่คนอื่นทำไว้กับเรา ความโกรธก็ค่อย ๆ จางหายได้ในที่สุด จ้ะ
โหวดหมวด แนะนำหนังสือ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:10:06:20 น.  

 
การให้อภัยนี่ ยากมากๆเลยนะครับ
อาจารย์เต๊ะ ก็ให้อภัยได้แค่บางเรื่อง บางคนแค่นั้น
บางคน ถ้ามีโอกาส ก็ต้องเอาซะหน่อยนะครับ 555

ช่วงอายุ 80 ขึ้น นี่แหละ อันตรายมากเลยนะครับ
เพราะ อายุโรคที่สะสมมานาน กำลังจะออกฤทธิ์
ถ้าผ่าน 80ไปได้ ค่อยไปลุ้นตอนขึ้น 90 อีกทีนะครับ 555



โดย: multiple วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:10:13:44 น.  

 
เหมือนที่เค้าว่าไว้มั๊ยครับการให้อภัยเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ
เมือคืนแมนยูเสมออาร์เซน่อลไป ทำให้โอกาสในการคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูลย่นเวลาเข้ามาเรื่อย ๆ ครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:10:17:31 น.  

 
บล็อกพี่ก๋า วันนี้เข้ากับข่าว นักร้องผลไม้ที่เพิ่งจบไปมาก
แต่น้องมองว่า ทางลงสวยงามของทั้งคู่ สร้างรายได้และเพิ่มกลไกทางการตลาดมากเลยอ่ะ

พวกชาวเนตทั้งหลายยิ่งอินก็ยิ่งสร้างรายได้ให้เข้าเพิ่มไปอีก
การตลาดยิ่งบูม

การให้อภัย ตั้งแต่เริ่มแก่มานี่ น้องไม่ค่อยได้มองเรื่องให้อภัยอะไรเท่าไร
แต่คือ มันไม่ได้โกรธ ส่วนใหญ่จะมองว่า โกรธคือโง่โมโหคือบ้า
แล้วบางครั้ง เราก็บ้าไปเองคนเดียวอยู่บ่อยๆ หลังๆ
พอมันไม่ค่อยโกรธ มันก็เลยเหมืนอให้อภัยไปในตัว

แต่ยังมีที่ติดอยู่บ้าง คือ การให้อภัยตัวเองนี่ล่ะค่ะพี่
บางที พอเราเผลอกดดันตัวเองมากเกินไป
มันมักจะมีจังหวะย้ำคิดย้ำทำ เรื่องความผิดพลาดของตัวเอง
แล้วมันก็ยิ่งจม แต่หลังๆ เริ่มน้อยลงแล้วนะคะ
พอเราเปลี่ยนไปโฟกัสที่เป้าหมาย และกิจกรรมในแต่ละวัน
ของเราแทน มันก็เลยทำให้เราโฟกัสแต่ปัจจุบัน

อะไรๆ ที่พลาดๆ มาก็เลยลืมๆ มันไปบ้าง
นอกจากว่าจะมีเหตุบางอย่างที่ทำให้เรากลับมาดิ่งใหม่
มันก็จะเผลอไปขุดขึ้นมาทับถมตัวเองต่อได้อีก

แต่นานน๊านนนนน ทีแล้วพี่ หลังๆ เริ่มรู้สึกว่า
การทับถมตัวเองมันเป็นอะไรที่เสียเวลามาก
และเริ่มลดความโฟกัสในบางเรื่อง บางคนที่ทำให้
เราหลุดโฟกัสออกไปจากชีวิตด้วย

แต่เรื่องโกรธอะไรใครเนี่ยะ น้องไม่ค่อยเป็นอยู่ละ
ถ้าเลิกโกรธตัวเองได้ มันก็จะThe best มากกว่านี้ค่ะ


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:10:21:55 น.  

 
สวัสดีครับคุณป๊อป



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:13:46:12 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะก๋า

ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องอะไรไม่ดีแค่ไหน
เราก็ต้องปล่อยไปค่ะ
การปล่อย คือการทำให้ชีวิตเราเดินต่อไปได้นะคะ

เมื่อเช้าพี่ตื่นมาก็อัพบล็อกค่ะ
แต่ไม่เรียบร้อยหมดเวลานั่งชิลซะก่อน



โดย: tanjira วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:14:12:42 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายครับคุณก๋า

มาอ่านรีวิวหนังสือครับ
ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงเสมอจริงๆครับ
เวลาทำผิดพลาดไปก็รู้สึกเสียใจนะครับว่าไม่น่าทำแบบนั้นเลย


โดย: Sleepless Sea วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:15:38:09 น.  

 
สวัสดีครับคุณก๋า

เวลาที่เราโกรธใคร
หลังจากระบายอารมณ์ไปแล้ว
ก็เป็นเราที่เหนื่อยเพราะสูญเสียพลังงาน และสติครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:20:57:55 น.  

 
ถ้าอภัยให้ได้ง่ายๆ ก็ไม่ต้องมีตำรวจแล้ว 555

อภัยให้ได้ครับ แต่ไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:21:19:13 น.  

 
หนังสือน่าสนใจครับ
โกรธคือโง่ บางคนหัวใจวายไปเลย
ฝนน่าจะไปหมดแล้ว มาร้อนตั้งแต่มี.ค. เม.ย.จะขนาดไหน





โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:22:38:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 395 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]