ค่ำคืนเดียวดาย เมามายใต้จันทร์เสี้ยว
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
วิหารพระเจ้าเข้านิพพาน วิหารที่เกือบถูกลืมที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก







แวะไปบล็อก พี่แพท Petit Patty เห็นว่า ไปไหว้หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธชินราชมา จุเข้าไปทักว่า คงไม่ได้เข้าไปไหว้พระพทุธรูปปางปรินิพพาน แห่งเดียวของประเทศไทยเหรอ? นั่น! เป็นเรื่องเลย จริงๆ แล้ว คือ พระเจ้าเข้านิพพาน และจุก็ได้สร้างความลำบากให้พี่แพท ไปค้นหาข้อมูลกรูเกิล ก็ไม่พบ ( จะพบได้งัย จุบอกผิด )

จุเหมือนมีความผิดเลยนะเนี่ย ไปทำให้ พี่แพทอยากรู้

นอกเหนือจากพี่แพท เพื่อนต๋อง T_Ang ก็เข้ามาอยากรู้ อยากเห็นไปด้วย


เอาเป็นว่า จุอัพบล็อกนี้ เพื่อขอโทษ พี่แพท กับ หนุ่มต๋องนะคะ จุจะเขียนเท่าที่จุรู้แล้วกันนะคะ เท่าที่ข้อมูลพอมีอยู่ ยังดีที่ค้นสมุดโน๊ตเจอ ที่เขาเรียกว่า พระเจ้าเข้านิพพาน ไม่ใช่ พระพุทธรูปปางปรินิพพาน คนละแบบกันเล๊ยยยย

_________________________________________________________________

วิหารพระเจ้าเข้านิพพาน และหีบพระบรมศพ

วิหารพระเจ้าเข้านิพพาน สร้างในสมัยอยุธยา แต่ รัชกาลใด ไม่ปรากฏ ( แบบว่า จุจำไม่ได้ )




ภายในนอกจากจะมีพระประธานแล้ว ด้านหน้าของพระประธาน จะประดิษฐานพระบรมศพจำลองของพระพุทธเจ้า ซึ่งนับว่าเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของวัด แต่วัดจะให้ความสำคัญแค่ไหน อันนี้ไม่รู้





เข้าใจว่า ในการสร้างศิลปะชิ้นนี้ เป็นการจำลองสังเวชนียสถานของพระพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นหีบบรรจุพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


ด้านท้ายของพระบรมศพมีพระบาทยื่นออกมา และมี พระมหากัสสัปปะ นั่งไหว้อยู่ รวมทั้ง พระสาวกรูปอื่นๆ ( จำชื่อได้รูปเดียว ) ศิลปะแบบนี้ ว่ากันว่า เป็นโบราณวัตถุที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย



ชาวบ้าน มักจะนำพวงมาลัยมาไหว้ที่ปลายพระบาท เพื่อขอพร สมหวังไปหลายรายค่ะ

ถ้าหากเดินทางเข้าด้านหน้าวัด วิหารนี้จะอยู่ขวามือ เป็นวิหารหลังเล็กๆหันหน้าไปทางทิศตะวันออกค่ะ




แถม กระบอกน้ำตาลสดคู่วัดใหญ่ จุชอบซื้อกิน แต่หลังๆ นี่ กระบอกเล็กลงนะเนี่ย





เล็กลงจริงๆ ด้วยล่ะ



ปล. คราวนี้ หากใคร แวะพิษณุโลก ไหว้ หลวงพ่อใหญ่แล้ว
อย่าลืม แวะเข้าไปดู พระเจ้าเข้านิพพานด้วยนะคะ







Create Date : 22 พฤษภาคม 2549
Last Update : 7 เมษายน 2553 21:20:19 น. 29 comments
Counter : 3471 Pageviews.

 
เอามาช่วยด้วยอีกแรง ไป search มาจากเว็บ เป็นเรื่องราวที่มาของปางพระพุทธรูปนี้นะครับ




พระเจ้าเข้านิพพาน


เป็นปางที่สร้างตามพระพุทธประวัติตอนถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ที่เมืองกุสินารา โดยห่อพระพุทธสรีระด้วยผ้าอัคคิโรวะนะ(พุทธประวัติกล่าวว่า เป็นผ้าสูงค่าเวลาซักก็โยนเข้ากองไฟ กล่าวคือปกติ เวลาซักผ้าเราก็ซักด้วยน้ำ แต่ผ้าชนิดนี้ซักด้วยไฟ แปลกมาก ดังนั้นผ้าอัคคิโรวะนะจัดเป็นผ้าพิเศษมากๆๆ เพราะเป็นผ้าที่ไม่ไหม้ไฟ) แล้วห่อด้วยผ้าอีก 100 ชั้น เตรียมจะถวายพระเพลิง แต่ทำอย่างไรก็ไฟไม่ติด ด้วยเพราะเหตุว่า พระมหากัสสปะเถระเจ้ายังมาไม่ถึง ตามพุทธประวัติกล่าวว่าพระมหากัสสปะเถระ(พระมหากัสสปะเป็นเอตทัคคะในทางธุดงค์) รู้ข่าวว่าพรพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพานก็รีบเดินทางมา ระหว่างทางเห็นชายถือดอกมนฑารพ ซึ่งเป็นดอกไม้สวรรค์ ก็รู้ได้ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จขันธปรินิพพานไปแล้ว พอมาถึงหีบบรรจุพระพุทธสรีระ พระมหากัปสปะก็นั่งกระโหย่งวันทา ก็เกิดปาฏิหาริย์ พระบาทของพระพุทธเจ้าโผล่ออกมาจากหีบนั้น

พอพระมหากัสสปะได้ทำการอภิวาทแล้ว พระบาทก็กลับเข้าไปในหีบเช่นเดิม แล้วก็เกิดไฟลุกโชติช่วงเผาพระพุทธสรีระขึ้นเอง พระมหากัสสปะเถระ ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ยินดีในการอยู่ป่า มักน้อย สันโดษ ประวัติของท่านจึงไม่ค่อยโดดเด่นเป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วภิกษุทั้งหลายที่เป็นปุถุชน(ยังไม่บรรลุอรหันต์)พากันร่ำไห้เสียใจ รำพึงรำพันถึงพระบรมศาสดา รำพึงรำพันถึงพระบรมศาสดา แต่มีภิกษุวัยชรานามว่า "สุภัททะ" พูดห้ามปรามภิกษุเหล่านั้นมิให้ร้องไห้โดยกล่าว่า “ท่านทั้งหลาย อย่าร้องไห้เสียใจไปเลย พระพุทธองค์ปรินิพพานเสียได้ก็ดีแล้ว ต่อไปนี้พวกเราพ้นจากอำนาจของพระศาสดาแล้ว จะทำอะไรก็ย่อมได้ ไม่มีใครมาบังคับว่ากล่าวห้ามปรามพวกเราอีกแล้ว” พระมหากัสสปะเถระ ได้ฟังคำของพระสุภัททะแล้วเกิดความสังเวชสลดใจว่า “พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้เพียง ๗ วัน ยังมีผู้กล่าวจ้วงจาบล่วงเกินพระธรรมวินัยถึงเพียงนี้ ต่อไปภายหน้าก็คงจะหาผู้เคารพในพระธรรมวินัยได้ยากยิ่ง” ด้วยคำพูดของพระสุภัททะเพียงเท่านี้ หลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ท่านได้ชักชวนพระเถระผู้เป็นพระอรหันต์ ประชุมกันทำปฐมสังคายนารวบรวมพระธรรมวินัยตั้งไว้เป็นหมวดหมู่ เป็นตัวแทนองค์พระบรมศาสดาปกครองหมู่สงฆ์ต่อไป ณ ภูเขาเวภารบรรพต เป็นเวลา ๗ เดือน

ในคัมภีร์พระสาวกนิพพานกล่าว่า พระมหากัสสปะเถระ เมื่อทำหน้าที่เป็นประธานในการทำปฐมสังคายนาแล้ว ได้พักอยู่ที่พระเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ ดำรงอยู่ถึง ๑๒๐ ปี ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ๑ วัน ท่านได้ตรวจดูอายุสังขารของท่านแล้วทราบว่าจะอยู่ได้อีกเพียงวันเดียวเท่านั้น ท่านจึงประชุมบรรดาภิกษุผู้เป็นศิษย์ของท่านแล้วให้โอวาทเป็นครั้งสุดท้าย สั่งสอนภิกษุผู้ยังเป็นปุถุชนมิให้เสียใจกับการจากไปของท่าน ให้พยายามทำความเพียรและอย่าประมาท แล้วพระเถระก็เข้าไปถวายพระพรลาพระเจ้าอชาตศัตรู จากนั้นท่านได้พาหมู่ภิกษุไปยังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพตอธิษฐานจิตขอให้ภูเขาทั้ง ๓ ลูกมารวมเป็นลูกเดียวกัน ซึ่งในภูขาทั้ง ๓ ลูกนั้นมีภูเขาเวภารบรรพตสถานที่ทำปฐมสังคายนารวมอยู่ด้วย แล้วท่านก็ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน ณ ที่นั้นท่านยังอธิษฐาน ขอให้สรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่สูญสลาย จนกระทั่งพระศาสนาพระศรีอริยเมตไตร ซึ่งพระองค์จะพาหมู่ภิกษุสงฆ์มายังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพตแล้ว ยกสรีระของพระเถระวางบนพระหัตถ์ขวาชูขึ้นประกาศสรรเสริญคุณของพระเถระแล้ว เตโชธาตุก็จะเกิดขึ้นเผาสรีระของท่านบนฝ่าพระหัตถ์ของพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้านั้น


คัดลอกมาจาก เว็บบอดของ //www.vcharkarn.com โดยสมาชิกที่ชื่อว่า "ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว"


โดย: T_Ang วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:34:39 น.  

 
ไม่อยากบอกเลยว่าเราไปวัดนี้ไม่รู้กี่รอบแต่ยังไม่เคยไปไหว้พระองค์นี้เลยค่ะ เรียกว่าไม่เคยเข้าไปวิหารนี้มากกว่า


โดย: brasserie 1802 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:12:26 น.  

 
เคยไปไหว้พระพุทธชินราช แต่ไม่เคยไปไหว้พระเจ้าเข้านิพพาน เหมือนกันค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ถ้าได้ไปคราวหน้าจะแวะไปไหว้ท่านค่ะ ...


โดย: ตะกร้าหวายสีขาว วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:36:21 น.  

 
ขอบคุณทุกๆท่านที่นำมาฝากกันครับ
ไว้มีโอกาสไปไหว้ คงไม่พลาดทุกรายละเอียด


โดย: หลายหลากสีสันของอารมณ์ (Zantha ) วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:56:57 น.  

 
มาอ่านบล็อกนี้เลยทำให้ได้ความรู้เพิ่มเติม และดันทำให้รู้ตัวแล้วว่าแอบไปเม้นท์บล็อกพี่แพทไว้ผิดๆ ... หลวงพ่อใหญ่ ดันเขียนไปว่าวัดใหญ่ ...เฮ้อ หน้าแตกอย่างแรงค่ะ



โดย: JewNid วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:12:22 น.  

 
ไม่เคยเข้าวิหารนี้เลยครับ

ไว้ไปคราวหน้า...จะลองเข้าไปดูมั่ง ..

(แปลกดี...จริงๆนะครับ)


โดย: กุมภีน วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:56:53 น.  

 
ขอบคุณคุณจุและคุณต๋องค่ะ ที่นำข้อมูลดี ๆมาบอกกัน คราวหน้าไม่พลาด ต้องได้เข้าไปกราบท่านแน่ ๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: Petit Patty วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:23:41 น.  

 
ขอบคุณครับผม


โดย: ดนย์ วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:46:47 น.  

 
ภาพสวยนะครับ


โดย: Bluejade วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:5:03:41 น.  

 
เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่ามีพระเจ้าเข้านิพพานด้วย ไปใหว้พระพุทธชินราชมาครั้งนึง แต่ไม่เคยไปไหว้พระเจ้าเข้านิพพานเหมือนกันค่ะ น่าเสียดายจังเลย


โดย: คุณย่า วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:5:40:14 น.  

 
อัพบล็อกตามคำเชิญแล้วครับ คุณนายจุ


โดย: Zantha วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:8:44:09 น.  

 
ได้เข้าไปกราบแล้วครับ ถ้าพี่สาวไม่พาเดินเข้าไปก็คงเดินผ่านนะ รอบๆเป็นแผงลอยเต็มไปหมดไม่รู้เลย ตอนเข้าไปไหว้ คุณยายที่นั่งเฝ้าอยู่ที่นั่น บอกให้เอาหน้าผากไปแนบกับพระบาทที่ยื่นออกมา เราก็แนบเต็มที่เลย ได้ทองคำติดมาเต็มหน้าผาก รวมทั้งพี่สาวด้วย สงสัยหน้าจะเหงื่อเยอะ เค็มไปนิดหนึ่ง

เห็นที่วัดเขาเขียนว่าอธิฐานได้ 1 ครั้งเท่านั้น เราก็เลยไหว้อย่างเดียว ยังเก็บคำอธิฐานเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ ยังนึกไม่ออกว่าจะขออะไรดี จะขอส่งๆไปก้กลัวเสียของ แต่พี่สาวของผมสมหวังไปแล้วครับ


โดย: ป้อจาย วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:9:31:03 น.  

 
ไม่เคยเห็นเลยนะเนี่ย ไม่เห็นมีใครแนะนำเลยว่ามีวิหารนี้ด้วย ไว้ไปอีกจะแวะไปชมจ้า


โดย: maxpal วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:14:59:53 น.  

 
5 5 5 ไม่อีพบล็อก แต่มานั่งเปลี่ยน defualt group บ่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน เข้ามาจะได้รู้สึกแปลกตา


โดย: T_Ang วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:17:25:43 น.  

 
มาไหว้พระ แล้วก็มาทักทาย คุณจุด้วยค่ะ ...


โดย: ตะกร้าหวายสีขาว วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:18:29:49 น.  

 
แวะมานมัสการด้วยคน
อนุโมทนา......สาธุ....


โดย: หากผมรักคุณจะผิดมากไหม วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:22:28:27 น.  

 
แปลกดีนะครับ เพิ่งเคยเห็นนี่แหละครับ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:1:48:59 น.  

 
มาไหว้พระครับ


โดย: Bluejade วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:5:40:21 น.  

 
คุณจุ คุณต๋อง ได้ทำบุญยิ่งใหญ่แล้ว ผมและคนไทยอีกหลายล้านคนไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ไปไหว้วัดใหญ่คราวหน้าผมจะไม่ยอมพลาด แล้วผมจะบอกคนที่ทำงานให้เข้ามาอ่านBlogของคุณจุด้วย8iy[

เอ มัคคุเทศก์ที่เขานำชมให้ชาวต่างชาติ เขาจะรู้เรื่องนี้เท่ากะคุณจุ และคุณต๋องไหมเนี่ย?



โดย: yyswim วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:10:25:35 น.  

 
สวัสดีจ้าคุณจุ ...เรื่องมิตรภาพเห็นด้วยนะค่ะว่าบล็อกทำให้เราได้เจอกัน ...


โดย: JewNid วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:10:55:52 น.  

 
ชอบภาพที่ 2 ครับ
มีปลายเท้าท่านยื่นออกมาจากโลงด้วย
ออกแบบเข้าทีมากๆ
ดูแล้วสงบใจ


โดย: แร้ไฟ วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:11:40:46 น.  

 
เข้ามาเก็บความรู้ครับผม
ขอบคุณคุณจุผู้แนะนำ และคุณต๋องผู้เอื้อเฟื้อข้อมูลด้วยครับ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:12:19:34 น.  

 
มากราบพระให้เป็นสิริมงคล
ในการเปิดกิจการใหม่ของโจคับ ฮี่ ๆ
ว่าง ๆ ก็แวะไปอุดหนุนผมมั่งนะคับ


โดย: little-joe วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:13:07:16 น.  

 
คราวหน้าไปจะแวะดูค่ะ

คือ เค้าออกมาเป็นจานๆ ค่ะ

ต่อจากจานนี้จะเป็นจานเนื้อสัตว์

แล้วก็มีเครื่องเคียง มันฝรั่งทอดและผัก

ปิดท้ายด้วยฟรุตสลัดเป็นของหวานค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:16:42:21 น.  

 
ว่าจะทักอยู่พอดีว่า ท่านั่งของพระมหากัสสัปปะแปลกๆ
พอได้อ่านข้อมูลที่คุณต๋องนำมาเพิ่มเติม
ถึงได้เข้าใจ
ท่านั่งกระโหย่งวันทา ก้อคือ ท่านั่งยองๆ นิ





โดย: ยัยบี๋ วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:18:08:11 น.  

 



-คุณ brasserie 1802 เข้าใจค่ะ ว่าหลายคนไม่เคยมองวิหารนี้อยู่ในสายตา แม้กระทั่งคนพิดโลกเอง จุอยู่ที่นั่นหลายปี ก็ยังเพิ่งรับรู้ได้เมื่อไม่มนานมานี่เองค่ะ


- คุณตะกร้าหวายสีขาว / คุณหากผมรักคุณจะผิดมากไหม / คุณ Bluejade/คุณอั้น พลทหารไรอัน/ คุณmaxpal/คุณ ดนย์ / คุณย่า/ คุณกุมฯ / ขอบคุณที่ข้อมูลของจุ และเพื่อนต๋องมีประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ


- น้องตง ว่างๆ สนใจไปกับพี่มั้ย 5555 ไม่มากไม่มายหรอก เลี้ยงเบียร์พี่ แบบว่า จิบๆ พออาเจียนเท่านั้น


-พี่สิน จุน่ะ ก็รู้เท่าที่รู้ค่ะ ไม่มากไม่มาย ส่วนเพื่อนต๋องนั่น เขารู้ลึก รู้จริง แต่บางเรื่องมันก็ไม่รู้ มัคคุเทศก์อาชีพ น่าจะรู้ดีกว่าพวกเราค่ะ



-คุณนิด เพราะบล็อกเป็นที่รวมของคนที่ค้นคว้าอะไรบางอย่างมาเติมเต็มสำหรับชีวิตมั้งคะ มันจึงทำให้เรารู้จักใครต่อใครหลายคนมากมาย และผูกจิต ผูกใจได้ไม่ยาก ถ้าจูนความรู้สึกของอารมณ์ตรงกัน


-คุณแร้ไฟ เป็นลักษณะของศิลปะแบบนี้ที่เดียวของประเทศไทยค่ะ

-น้องโจ ไปย่ำมาแล้ว บล็อกนั้นอ่ะ เปื้อนเปล่าไม่รู้ ลืมถอดรองเท้า

- คุณไกด์ จุไม่คุ้นเคยอาหารฝรั่งค่ะ เพราะชมชอบส้มตำ จนไม่อยากหันหาอาหารใดๆอีก ขอบคุณที่ให้ความรู้นะคะ

- คุณตี๋น้อย จุตามไปดูแล้ววว เอาใจตามไปเที่ยวด้วยนะนั่น เพราะเงินมีไม่พอ ถึงมีก็ไม่ไป แพ้อากาศหนาว รอหาหนุ่มๆ ไว้กอดได้ก่อน ถึงตอนนั้นค่อยคิด

-คุณบี๋ จุก็เพิ่งรู้แหละค่ะ ว่าท่านั่งยองๆ ในความคิดจุ เป็นท่านั่งแบบกระโหย่งวันทา

-พี่แพท Petit Patty ขอบคุณพี่แพทที่ทำให้มีการอัพบล็อกนี้ค่ะ เพื่อนๆ เลยพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย


- เพื่อนต๋อง ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล..แต่ก้สมควรแล้วล่ะ ก็ให้จุมาอัพเองนี่นะ ก็ต้องกันช่วยกันหน่อย

แล้วรู้ได้งัย ว่าจุมาเปลี่ยน defualt group บ่อยๆ เนี่ย ฮั่นแนะ แอบมาดูบล็อกเค้าทุกวันละซี้



โดย: กระจ้อน วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:18:10:54 น.  

 
พระท่านช่างงามแท้


โดย: นายเบียร์ วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:2:49:59 น.  

 
เรามีโอกาสได้ไปนมัสการพระพุทธชินราชที่พิษณุโลกมาเมื่อสัก 4-5 ปีก่อน สวยมากๆเลย แต่ไม่มีโอกาสกลับไปอีกซักที


โดย: W i n t e r b e r r y วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:13:15:03 น.  

 
อยากให้เปลี่ยนสีตัวหนังสือ จากสีเหลือง เป็นสีอื่นได้ไหมคะ
ป้าแอ๊ดอาจจะแกร่เกินไป ก็เลยแกะสีนี้ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ

แต่วิหารพระเจ้านิพพานนี่ เคยเข้าไปดูตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่พิษณุโลกแล้วค่ะ

และเมื่อ 3 ปีที่แล้ว กลับไปอีกครั้ง เขาพัฒนาวิหารได้สวยขึ้นค่ะ

เคยถามในห้องศาสนาหลายครั้ง ไม่มีใครเคยรู้จัก
เป็นวิหารแห่งเดียวในประเทศไทย ที่จารึกเหตุการณ์ตรงนี้ไว้

และบังเอิญได้ไปเที่ยวที่วัดแห่งหนึ่งทางตะวันออก
จำไม่ได้แล้วว่าวัดชื่ออะไร
มีภาพผนังเขียนเกี่ยวกับการที่พระพุทธองค์ ยื่นพระบาทออกมาเป็นภาพไว้ด้วย

ถ้าหาภาพพบจะส่งมาให้ดูค่ะ




โดย: addsiripun วันที่: 4 เมษายน 2553 เวลา:12:41:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระจ้อน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แล้ววันหนึ่ง....

เราจะมาพบกัน



เรื่องจริงที่ยังสงสัย บอกได้ชาตินี้เท่านั้น คลิ๊กที่นี่ค่ะ






อัปสรามนตรา คลิ๊กที่นี่ค่ะ


บล็อกที่แล้ว

"อะไรกันนักหนา"




Friends' blogs
[Add กระจ้อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.