Bloggang.com : Moonlight Mile : Charlie and the Chocolate Factory

Charlie and the Chocolate Factory

จำได้ว่าอยากดูเรื่องนี้มาก... มากเหลือเกินหลังจากที่ได้ชม trailer ซึ่งเผยให้เห็นฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจ เรื่องราวของภาพยนตร์ครอบครัวแนวแฟนตาซี นอกจากนี้ยังเป็นการร่วมงานกันอีกครั้งของผู้กำกับ Tim Burton และนักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง Johnny Depp ที่ชอบทำตัวแปลกๆ พอๆ กัน รายแรกนี่ผมไม่ค่อยได้ดูผลงานของเขาเท่าไหร่ แต่รายหลังนี่น่าจะได้ยินกิตติศัพท์กันมาเป็นอย่างดี ผมติดใจเขาจากบทบาทของกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ใน Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl ที่ส่งให้เขาได้ชิงออสการ์มาแล้ว (ทั้งๆ ที่ตัวหนังมันตลาดซะขนาดนั้น) เรื่องนี้ก็รับบทเพี้ยนๆ อีกแล้ว ดูซิว่าจะออกมาบ้าบอสักเพียงไหน...

เรื่องราวปาฏิหาริย์ของเด็กดีผู้ยากจน ชาร์ลี (Freddie Highmore) ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่แสนอบอุ่นในบ้านหลังเล็กๆ ใกล้ๆ กับโรงงานช็อกโกแลตของวิลลี่ วองก้า (Johnny Depp) โรงงานแห่งนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครทำงานในนั้น แต่ทุกวันโรงงานแห่งนี้จะผลิตขนมจำนวนมากส่งออกไปขายทั่วโลก และน้อยคนนักที่จะเคยเห็นหน้าวิลลี่ วองก้า เจ้าของโรงงานแห่งนี้ วันหนึ่งวิลลี่ วองก้าประกาศว่ามีตั๋วทองคำอยู่ในผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตของเขาจำนวน 5 ห่อ เด็กที่พบตั๋วทองคำทั้ง 5 คนจะได้รับสิทธิ์เข้าชมโรงงานของเขา และท้ายที่สุด เขาจะเลือกเด็กเพียงคนเดียวให้เป็นผู้ชนะผู้ซึ่งจะได้รับรางวัลพิเศษสุดจากเขา เด็กน้อยชาร์ลีผู้โชคดีบังเอิญพบธนบัตรจมกองหิมะอยู่ข้างทางเท้า เขานำเงินนั้นไปซื้อช็อกโกแลตของวิลลี่ วองก้า และบราโว! เขาพบตั๋วทองคำ และแล้วเรื่องราวอันสนุกสนานในโรงงานลึกลับแห่งนั้นก็กำลังจะเกิดขึ้น!

ดูจนจบแล้วก็ต้องขอบอกว่า เป็นไปตามความคาดหมาย ไม่ได้ดีหรือแย่กว่าที่คิดไว้มากสักเท่าไหร่ เรื่องราวดำเนินไปได้อย่างสนุกสนาน ได้หัวเราะไปพร้อมๆ กับเก็บข้อคิดสอนใจต่างๆ ไปขบคิดได้ สิ่งที่ทำให้ประทับใจจริงๆ ก็คืองานโปรดักชั่นที่หรูหรา อลังการ ฉากหลายๆ ฉากดูแล้วต้องอึ้ง ทึ่ง (แต่ไม่เสียว) ไปตามๆ กันเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น ฉากบ้านของชาร์ลี ซึ่งแม้จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ แต่ก็ดูน่ารักมากราวกับจำลองมาจากเทพนิยาย ตัวบ้านดูเอียงๆ ข้าวของก็ดูเก่าๆ ขาดๆ แต่ดูแล้วกลับรู้สึกอยากอยู่บ้านหลังนี้จัง และแน่นอน ไม่พูดถึงฉากในโรงงานช็อกโกแลตคงจะไม่ได้ ดูภายนอกคล้ายกับปราการขนาดยักษ์กลางหิมะ แต่ใครจะคิดว่าข้างในนั้นสวยงามเหลือเกิน ลำธารช็อกโกแลต พื้นหญ้าที่กินได้ หรือต้นไม้ตังเมล้วนมีสีสันฉูดฉาด สะดุดตา ดูน่ารักและหอมหวานน่าลิ้มลองยิ่งนัก นอกจากนี้ยังมีสิ่งประดิษฐ์ไฮเทค พิสเดือกพิสดารเกินบรรยาย ดูเพลินตาเพลินใจ แถมยังรู้สึกถึงความเป็นแฟนตาซีแบบเต็มๆ

แต่ผมต้องบอกว่า ช่วงตอนที่เด็กแต่ละคนที่เข้าไปในโรงงานจะต้องถูกกำจัดออกไป (หรืออะไรทำนองนั้น) ผมรู้สึกเหมือนดูหนังผีอยู่เลยอะ ประมาณเรื่อง Final Destination อะไรเทือกนั้น เพราะเหมือนกับต้องคอยลุ้นว่า เอ๊ะ! มันจะตายแบบไหนดีน้อ แต่ในเรื่องนี้มันไม่โหดถึงขนาดนั้นหรอกนะครับ...

Johnny Depp ยังทำได้ดีเหมือนเดิมกับบทของวิลลี่ วองก้าที่เป็นคนไม่ค่อยสังคมกับใคร แถมยังมีทัศนคติบางอย่างที่แปลกประหลาดต่างจากชาวโลก เขาแสดงกริยาท่าทาง และสีหน้าได้เหมาะเจาะกำลังดี ปกติก็จะดูเพี้ยน แต่บางทีก็ทำหน้าเป็นเด็ก ดูอ่อนต่อโลก หรือบางทีก็บ้าบอคอแตกจนกู่ไม่กลับ โดยรวมดูแล้วยังไม่ชอบเท่ากับที่เขาแสดงในบทกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ เรื่องนั้นดูไปต้องอมยิ้มไป เพราะเขาเล่นได้ประสาทดีเหลือเกิน หนูน้อย Freddie Highmore ที่เคยร่วมเล่นกับ Johnny Depp ใน Finding Neverland ก็เล่นได้ดี ดูแล้วเชื่อหมดใจว่าเป็นเด็กดีจริงๆ แถมตอนแสดงบทในครอบครัวแสนสุขของเขาก็ช่างดูอบอุ่นดีเหลือเกิน รู้สึกซาบซึ้งใจดีจริงๆ ส่วนนักแสดงเด็กคนอื่นๆ ก็เล่นดีกันทุกคน ดูแล้วน่าหมั่นไส้ดีแท้ และที่น่ารักได้ใจสุดๆ กับลีลาการเต้นสุดกวนของเจ้าอุมป้า ลุมป้า ที่แสดงโดย Deep Roy ซึ่งเรียกเสียงฮาได้ทุกครั้งที่ปรากฎตัว สรุปคือนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ทำหน้าที่ของตนใช้ได้เลยทีเดียว

ข้อคิดประจำวันนี้: "เด็กก็เหมือนกับผ้าขาว ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญในการแต่งแต้มสีสันลงไปบนผ้าผืนนั้น" อาจจะฟังดูเชย แต่เด็กจะดีได้อย่างไร หากพ่อแม่คอยแต่จะตามใจ ยกหางลูกทั้งๆ ที่กำลังทำในสิ่งที่ผิดอยู่ อย่างที่เห็นกันได้ชัดเจนจากหนังเรื่องนี้ แม้ว่าไม่มีจะกิน ชาร์ลียังคงเป็นเด็กดีได้ นั่นเพราะเขามีครอบครัวที่ดีที่คอยสนับสนุนเขาในสิ่งดี และคอยสั่งสอนเขาให้รู้จักอะไรถูก อะไรผิดเสมอมา

Create Date : 23 เมษายน 2549

Last Update : 23 เมษายน 2549 19:05:46 น.

4 comments

Counter : 1530 Pageviews.