Group Blog All Blog
|
สัมผัสชาวขะแมร์ตั้งแต่ ยุค ค.ศ 1983 เป็นต้นมา EP2 EP.2 ประสบการณ์ที่ได้สัมผัสและคลุกคลี ชาวขะแมร์ จาก EP ที่ 1 ผู้เขียนเล่าถึงตอนที่ ทหารพรานค่ายปักธงชัย เป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในค่ายผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา. จากนั้นพวกพ่อค้า แม่ค้า ชาวไทยก็ต้อง พากันย้ายที่ขายมาที่ใหม่ ซึ่งกระจายกันไปตาม จังหวัดต่างๆ ในที่นี้ผู้เขียนจะหยิบเอาเรื่องต่างๆในค่ายไซท์ 2 อำเภอ ตาพระยา จังหวัด ปราจีนบุรี ( จ.สระแก้ว ในปัจจุบัน ) มาถ่ายทอดและแบ่งปันประสบการณ์ ให้กับ น้องๆ ลูกหลาน ได้รับทราบ ในการมาทำการค้าขายสินค้าให้กับชาวขะแมร์ภายในค่าย ช่วงแรกๆนั้น ยังไม่ค่อยมีผู้คน มาค้าขายมากนัก เพราะว่าช่วงแรกนั้น ยังไม่มีตลาดค้าขายที่เป็นระเบียบ เหมือนในช่วงหลังจากปี พ.ศ 2530 ซึ่งในช่วงแรกๆนั้น พวกเราหรือคนที่จะไปหนีภาษี ก็จะเริ่มจาก การไปสั่งหรือไปซื้อสินค้า จากร้านค้าภายในตัวตลาดอรัญประเทศ กระจายๆกันไป ซึ่งร้านรวงต่างๆนั้น ปัจจุบันก็ยังคงเปิดอยู่หลายร้าน .. เมื่อได้สินค้าแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมารวมตัวกัน บริเวณรอบๆตลาด ส่วนคนที่ไม่มีรถยนต์เป็นของตนเอง ก็จะบรรทุกสินค้าไปกับรถของคนอื่น โดยมีการตกลงค่ารถค่าบรรทุกสินค้า ตามที่ตกลงกันไป. ซึ่งในยุคนั้น อำเภออรัญประเทศ การมีสินค้าบางรายการในปริมาณมาก จะต้องมีการขอ อนุญาติ จาก ผบ.กองกำลังบูรพา ที่ วัฒนานครก่อน แล้วจะได้ใบอนุญาติมา เรียกกันว่า ใบคุม หรือใบรายการ. เจ้าของรถบรรทุกจะมีใบรายการเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว หลายๆใบ ซึ่งพอถึงด่านตรวจในบางครั้ง ต้องแสดงใบรายการเหล่านี้ต่อเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจาก มีสินค้าจำพวก น้ำตาลทราย ( เอาไปเป็นส่วนประกอบระเบิดได้ หรือแม้กระทั่ง ปุ๋ยยูเรีย ) ถ่านไฟฉาย ผงชูรส เกล็ดใหญ่เท่าข้าวสาร จำบ่ได้ว่า ตราช้อนแดง หรือว่า ตราชฎา ( อันนี้ ห้ามเลือดได้ชะงักนักแล บาดแผลใหญ่ๆ เช่น ขาขาด แขนขาด เอาผงชูรสโปะเข้าไป เลือดมันกลายเป็นลิ่มๆ ถ้าใครไม่เคยเห็น หรือนึกภาพไม่ออก ลองไปดูตามตู้แช่ขนม ตามร้าน หรือ ตู้เย็นว่า มี ไอ้ เยลลี่ ปีโป้ อยู่ไหม คือกัน ) พอรถมาถึง บ้านทัพไทย ตำบลทัพเสด็จ อำเภอ ตาพระยาแล้ว รถบรรทุกแต่ละคันก็จะวิ่งเข้าตามบ้านของชาวบ้านทัพไท ตามแต่ละคันที่ได้ เจรจา ต๊าอ่วย กันไว้. แล้วก็จะมาแยกสินค้ากันไปตามแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนต้องมี ไรเดอร์ หรือ Grab เจ้าประจำเป็นของตนเอง ( เอาให้ร่วมสมัยซะหน่อย สมัยนั้นมันยังบ่มี ไอ้พวกนี้เด้อ) จริงๆแล้วคนที่มาบรรทุกสินค้าของพวกเรา ก็คือ ชาวบ้านทัพไทย หรือ ละแวกใกล้ๆกัน นั่นแหละ เช่น บ้านโคกระกา โดยจะใช้ กอง หรือที่เราเรียกว่า จักรยานสองล้อ นั่นแหละ ..ในจักรยานหนึ่งคัน ซึ่งต้องมีการ โมดิฟายด์ก่อนทุกคัน เพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกให้ได้มากกว่า 200 กิโลกรัมขึ้นไป ไอ้รถแต่งรถซิ่ง กระดิ่งแว๊นซ์ในสมัยนี้ พวกมรึงชิดซ้ายไปเลย.. ฮ่าๆ ไม่ว่าจะต้องเอาไม้หน้าสามมาประกบเสริมตัวถังทั้งสองข้าง เอาตะกร้าหน้ารถออก เกะกะ ถอดล้อเดิมออก ลงล้อแต่งใหม่ใหญ่กว่าเดิม พร้อม ชุด ยางนอก ยางใน ให้ ไฉไล กว่าของเดิม เพื่อจะได้บรรทุกของได้ครั้งละมากๆ ผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า เพิ่นทุกไปซะปานนั้น ถึงเวลาถีบ จะถีบไหวไหม ผู้เขียนขอบอกเลยว่า ชาวบ้านเจ้าของรถแต่งซิ่งที่มารับจ้างบรรทุกนั้น แต่ละคนล้วนแล้วแต่ เป็นสุดยอดเจ้ายุทธจักร ในซีรีย์ จีนเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ทั้งนั้น ( มีมากกว่า 8 คน ) หนักขนาดนั้นยังถีบไปได้ ฉิวเลย ยกเว้นบางช่วงที่มันเป็นทางขึ้นเนินสูงๆ ก็ต้องลงมาเข็นเอา ให้ผ่านเนินสูงๆ ไปก่อน ทีนี้พอปั่นมาได้ห่างจากหมู่บ้านทัพไทย ได้ประมาณหนึ่ง ก็จะถึงริมรั้วของค่ายผ็หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งตลอดแนวริมแนวรั้วของค่าย จะมีทหารพรานค่ายปักธงชัย ประจำการอยู๋ เป็นป้อมๆ ตลอดแนว ชาวบ้านที่ปั่นจักรยานเขาจะรู้ดีว่า จะต้องแอบเข้าไปตรงช่องไหน รูไหน ถึงจะไม่เจอทหารพรานจับ เราก็จะพากันเข้าไปตรงช่องนั้นแหละ ส่วนพวกเราไปกันยังไงหรือ. คือพวกพ่อค้า แม่ค้า ใครที่สามารถปั่นจักรยานได้ก็จะมี จักรยานเป็นของตนเอง หากใครปั่นไม่เป็น ก็ต้องเรียก ไรเดอร์ หรือ Grab เอา ย้ำต้องเรียกเอา เพราะตอนนั้นยังไม่มีมือถือ.. พวกเราก็จะปั่นตามชาวบ้านนั่นแหละ มันจะเป็นเหมือน เราปั่นจักรยานในป่ารกๆ คดเคี้ยว ถ้าใครจำทางไม่ได้ มีหวังได้กินข้าวลิงแน่ๆ นั่นแหละ พอไปถึงบ้านของชาวชะแมร์ในค่าย ซึ่งพ่อค้า แม่ค้า แต่ละคน ซึ่งจะมีการเซ็นต์ MOU กันไว้ ( มีแอบจิกเบาๆ) ก็จะกระจายๆ กันไปตามบ้านของแต่ละคน ซึ่งการจัดการภายในค่ายนั้น ก็จะแบ่งออกเป็น สังกัด ไป เช่น สังกัด 1 สังกัด 2 สังกัด 7 ( สังกัดนี้ทีเด็ดเลย ) จะเล่าให้ฟังต่อไป ขอบอกว่า ผู้เขียนได้ บุกเข้าไปตีแล้วยึดป้อมค่ายขะแมร์ ก็ที่นี่แหละ พอถึงเวลา พ่อค้า แม่ค้า แต่ละคนก็จะมีหน่วย กระจายสินค้าไปให้คนสั่งสินค้า อีกทอดหนึ่ง บางราย บางเคส ลูกค้าที่รออยู่ก็จะวิ่งมาเอาที่บ้านเลย.. เพื่อนำไปขายปลีกให้กับ ชาวขะแมร์ในค่ายอีกที ตามตลาดเล็กๆ ที่มีอยู่ในทุกสังกัด.. ซึ่งตลาดพวกนี้จะเป็นตลาดแบบหลบๆซ่อนๆ เอาครับ เพราะให้ทหารพรานเห็นไม่ได้ ถ้าทหารพรานเห็นโดนจับยึดสินค้าแน่นอน อันนี้โชคดี แต่ถ้าโชคร้ายถูกจับและยืดสินค้า แล้วเจ้าของสินค้า มีปฏิกริยา ละก็ เจอ ซา หย่อ ซูดเด่ ใส่ใข่ สองห่อ ชัวร์ ไม่อยากให้ ซีเรียสครับ แต่มันคือเรื่องจริง แต่ถ้าทหารพรานเจอคนไทยจะไม่จับถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรง ( แต่จริงๆแล้วมันผิดแน่ๆ เพราะเราอยู่ในเขตหวงห้าม นะสิ) ทหารพรานมีน้ำใจ ให้ชาวบ้านและพวกเรา ได้ค้าขาย เล็กๆน้อยๆ ) อันนี้แค่ ชาวขะแมร์ มาเจอทหารพราน จับ สินค้า เล็กน้อย พวก น้ำปลา น้ำตาล ที่มีไว้คนละนิดหน่อย เท่านั้นนะ ยังโดน ซาหย่อ สูดเด๋ เข้าไป นึกดู ไอ้คนที่ทำผิดกฏร้ายแรง มันจะโดนขนาดไหน ไม่ใช่แค่ใส่ไข่ ฟองเดียว มรึงโดนแบบยกแผง 30 ฟอง แหงๆ. เอาเท่านี้ก่อนครับ . แล้วมาตามต่อใน EP ต่อไปครับ. ขอบคุณที่เสียสละเวลา มาอ่านกัน น๊ะครับ ![]() ![]() ![]() ![]() |
สมาชิกหมายเลข 8900029
![]() ![]() ![]() ![]() กว่า 30 ปี ที่คลุกคลีกับชาวขะแมร์ ทั้งพลเรือนทั้งทหาร ผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งดีทั้งไม่ดี เลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่อีกหลายคนยังไม่รู้ รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆในมิติของความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ. ผู้เขียน สามารถ พูด อ่าน เขียน ภาษาเขมรได้.ทำให้ในบางเรื่องเดาใจวิธีคิดและ ตรรกกะของชาวเขมรได้. หากสนใจในรายละเอียดสามารถเข้าไปติดตามได้ในช่อง youtube ผมแปะ link ไว้ให้แล้วครับ
Friends Blog |