|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ชอบอ่านเรื่องผี เขียนเรื่องได้หลายแนว กำลังหัดเขียนเรื่องผีจากคนใกล้ตัว ประสบการณ์ตรงไม่มี อิอิ....
****สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามนำไปโพสต์หรือไปลงที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ดุนะเนี่ย เด๋วส่งผีตำรวจไปหลอก แบร่ๆๆๆๆ
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เกมหมากรุกยามสนธยา (ตอนที่ 2)
บ้านทางครอบครัวของคุณยาย (นางพลหาญสงคราม ไสว สกุลเดิม สีหอุไร) เป็นครอบครัวขุนนางใหญ่ มีพี่น้องหลายคน คุณตาชวด คือ พ่อของพ่อของคุณยาย เป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทย ที่บุคคลในแวดวงวรรณกรรมรู้จักดี ท่านคือ พลโท พระยาสีหราชฤทธิไกร (ทองคำ สีหอุไร) ท่านเป็นเจ้ากรมพระตำรวจ องคมนตรีที่ปรึกษาราชการ ผู้แต่งนิทานเทียบสุภาษิตทั้ง 84 เรื่อง ซึ่งเป็นหนังสือบังคับอ่านของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับเด็กไทยจนทุกวันนี้ เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต ท่านได้ออกบวชถวายเป็นพระราชกุศลตลอดชีวิต จนได้รับพระราชทานกุฏิในวัดราชบพิธจากสมเด็จพระปิตุฉาเจ้าฯ และสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต และได้รับพระราชทานยศเป็นพระราชาคณะยก นาม พระสุวรรณรัศมีและได้แต่งนิราศออกบวชอีกด้วย
บ้านของพวกสีหอุไร เป็นบ้านหลังใหญ่แถวราชดำเนิน ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในปัจจุบัน จากแยก อ.จ.ส คืออนุสาวรีย์ 14 ตุลาในปัจจุบันไปจรดอนุสาวรีย์ หลังธนาคารออมสิน ล้อมรั้วไว้สูงใหญ่ยาวสุดถนน แม่เรียกบ้านนี้ว่า ตึกดิน บริเวณนี้มีบ้านของบรรดาๆญาติอยู่มากมายเต็มไปหมด ตอนหลัง เนื่องจากมีการฟ้องร้องแบ่งมรดกกันขนานใหญ่ แม่ยังได้รับมรดกคุณยายเป็นที่ดินผืนเล็กๆในตรอกศิลป์ ถนนดินสอมาด้วยหนึ่งแปลงแบ่งกันระหว่างพี่น้อง ขณะนี้แม่เลยตัดสินใจยกทั้งแปลงให้ครอบครัวของน้าป่อง (พิพัฒน์ อัคนิทัต-ถึงแก่กรรม) น้องชายไปอยู่อาศัยแล้ว
คุณตาชวดมีลูก 11 คน เสียชิวิตไปตั้ง 6 คนเหลือแค่ 5 คน เป็นชาย 4 หญิง 1 คือ พระภิกษุบุญ คุณยายเทียม ขุนเทพวิหาร (สวาสดิ์) คุณตาของแม่ คือ หลวงประกอบธนากร (สวัสดิ์ ) และคุณตาอ่อน อยู่บ้านต่างๆ ในบริเวณดังกล่าวด้วย
คุณตาของแม่คือคุณตาสวัสดิ์ จะแยกมาอยู่บ้านหลังหนึ่งกับคุณยายน้อมที่เป็นญาติกับแม่สองชั้นเพราะเป็นพี่สาวของคุณตาด้วย คุณยายจริงๆของแม่ เสียไปนานแล้วตั้งแต่คุณยายไสวยังเด็กๆ บ้านที่คุณตาของแม่อยู่หลังนี้เป็นบ้านไม้สักทั้งหลังใหญ่มากแบบโบราณ เมื่อขึ้นบันไดมาชั้นสอง จะมีเฉลียงใหญ่มากอยู่ด้านหน้า ปูกระดานไม้แผ่นใหญ่ๆ และมีห้องด้านในอยู่ 2 ห้อง หลังคาสูงแบบเก่า ลาดลงถึงบันได มีหน้าจั่วแบบกึ่งไทยกึ่งฝรั่งมีไม้ฉลุสวยงามตามที่นิยมกันในสมัยนั้น คุณยายก็จะพาแม่ไปนอนค้างบ้างตั้งแต่เด็กๆ เรื่อยมา
ตอนที่คุณตาของแม่เสียนั้น แม่อายุไม่กี่ขวบ สมัยก่อนไม่มีศาลาสวดศพที่วัดเหมือนสมัยนี้ ทุกบ้านจะมีงานศพกันที่บ้านทั้งนั้น วันที่เสียลงก็เย็นแล้ว ลูกหลานก็มาช่วยกันอาบน้ำศพ หลานเด็กๆก็เข้าไปล้างเท้าท่าน และกราบลาโดยทั่วกัน แต่จริงๆแม่เล่าว่าก็ไม่น่ากลัว เพราะคนมาเต็มบ้านเปิดไฟกันสว่าง มีคนมาทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงพระบ้างแขกบ้าง มาค้างเป็นเพื่อนเจ้าภาพบ้าง มาช่วยงานโน่นนี่บ้าง คุณยายก็ต้องไปค้างเหมือนกันเนี่องจากเป็นเจ้าภาพ แม่กับเด็กๆคนอื่นๆ ก็ต้องไปด้วยในฐานะเป็นหลาน วิ่งกันเกรียวกราวไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกันเท่าไหร่
คืนแรก คุณตาของแม่เพิ่งจะเสียได้ไม่นาน เขายังไม่ทันเอาลงโลง แค่จัดที่ให้คุณตานอนเหยียดยาว เอาผ้าตาดสีแดงมันๆ คลุมไว้เฉยๆ ตรงเฉลียงใหญ่หน้าบันได ซึ่งก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอด ข้าพเจ้าเองเห็นว่าน่ากลัวจริงๆ แต่แม่บอกว่า ตอนนั้นไม่กลัวเลยเพราะคนเต็มบ้านไปหมด ท่านก็เป็นเจ้าของบ้านอยู่แล้ว คนที่มาก็เป็นผู้ใกล้ชิดสนิดสนม ลูกหลานทั้งนั้น ออกจะวิ่งเล่นกันเกรียวกราวสนุกไปด้วยซ้ำ
พอตกดึกน้ำค้างชักจะแรง คุณยายก็จัดแจงไล่เด็กเข้านอน เด็กๆก็เข้าไปโดยไม่ค่อยจะเต็มใจเพราะยังเล่นสนุกกันอยู่ เข้าไปนอนรวมกันเป็นตับอยู่ในห้องๆหนึ่ง แม่บอกว่าตอนเดินไปนอน ยังต้องเดินผ่านเฉลียงที่เขาวางคุณตาไว้นั่นแหละ ไฟในบ้านก็เปิดกันสลัวๆ พอมองกันเห็น ไม่ได้เปิดทิ้งไว้ทั้งบ้าน เพราะสมัยโบราณไม่มีไฟร้อยแรงเทียนแบบสมัยนี้
แม่กราบกันคนละที และล้มตัวลงนอนในมุ้งขาวกับเด็กญาติๆด้วยกัน คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย เสียงจั๊กจั่นเรไรก็ร้องกันระงมเหมือนเคย แม่นอนคุยกันเงียบๆกับเด็กคนอื่นสักพักก็หลับสนิท...
ตกดึก ไม่รู้กี่ทุ่มกี่ยามกันแล้ว.... แม่ลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ มองไปนอกมุ้งตรงเฉลียง เห็นร่างสองร่างตะคุ่มๆ อยู่ในความมืดนั่งโขกหมากรุกอยู่ ในใจแม่นึกว่าคงเป็นญาติคนใดคนหนึ่งมาเฝ้าเป็นเพื่อนศพคุณตา โขกหมากรุกกันแก้ง่วง มีเสียงคุยกันเบาๆ
สักพักเมฆที่บังแสงอยู่คงลอยออกไป แม่เห็นหน้าคนที่นั่งหันเข้ามาได้ถนัด หัวใจแม่หล่นตุ้บไปอยู่ที่เท้าแทบจะหยุดหายใจ เป็นคุณตานั่นเอง ท่านนั่งโขกหมากรุกอยู่กับเพื่อนอีกคนที่หันหลังให้ในเงามืด มองไม่เห็นหน้า ท่านอยู่ในชุดอยู่บ้านปกติที่เห็นกันจนเจนตา คือกางเกงแพร เสื้อป่านคอกลมสีขาว ส่วนบนเตียงศพที่นอนคลุมผ้าอยู่หายไปแล้ว
แม่ตั้งท่าจะร้องด้วยความตกใจและจะหันไปปลุกญาติต่างๆที่นอนอยู่ข้างๆ แต่ทันใดนั้น ในใจแม่ก็คิดแย้งทันทีว่า คุณตายังไม่ตายนี่ ท่านอาจจะหลับไป ตื่นขึ้นมาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปบอกคุณแม่สักหน่อยล่ะ คิดได้อย่างนั้น แม่ก็สบายใจขึ้น แล้วแม่ก็หลับไปอีกด้วยความง่วง
วันรุ่งขึ้น พอเขาจะเอาคุณตาของแม่ลงโลง ทุกคนก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงเล็กๆคนหนึ่งร้องห้าม อย่าเพิ่งค่ะ คุณตายังไม่ตายเสียหน่อย คุณยายรีบเข้าไปปลอบแม่เพราะนึกว่าแม่คงเสียใจมากที่คุณตาของแม่เสีย โถ หนูอยากเห็นคุณตาไปนานๆหรือลูก คนตายแล้วก็ต้องเอาลงโลงนะลูก เดี๋ยวศพก็จะกลายสภาพไปแล้ว แม่ก็รีบบอกผู้ใหญ่ว่า เมื่อคืนหนูยังเห็นคุณตายังมานั่งโขกหมากรุกอยู่ตรงเฉลียงกับเพื่อนเลย นั่งอยู่ตั้งนานตรงนี้ไง แล้วแม่ก็ชี้ไปตรงหน้าห้องนอน ผู้ใหญ่มองหน้ากันไปมาแต่ไม่พูดอะไร รีบไล่แม่กลับบ้านไปเลย ตกลงวงเลยแตก คุณยายเลยต้องพาแม่กับน้องกลับไปบ้าน และรีบกลับมาเป็นเจ้าภาพใหม่
งานนั้นได้ข่าวว่าตกกลางคืนเพิ่มอัตราคนอยู่เป็นเพื่อนกันอีกหนึ่งเท่า ....
......มันอุ่นใจดีค่ะพ่อแม่พี่น้อง........
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2551 |
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 17:19:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 905 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|