Group Blog All Blog
|
ล่า : ทมยันตี ล่า
บทประพันธ์ : ทมยันตี ISBN 974-7039-58-3 ฉบับปก สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม. พิมพ์ครั้งที่ 4. 2537 จำนวน 349 หน้า ราคา 130 บาท รายละเอียด มธุสร เคยเพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติและครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่หล่อนจำต้องยอมสละทุกสิ่งที่มี เพียงเพื่อต้องการใช้ชีวิตอยู่กับ มธุกร ลูกสาวคนเดียวของหล่อน และละทิ้งสามีที่ไม่ซื่อสัตย์ไปเสีย หากแต่การแสวงหาชีวิตใหม่ ทั้งที่ปราศจากเงินทองติดตัวกลับไม่ใช่เรื่องง่าย ความลำบากและขัดสนทำให้มธุสรจำต้องพามธุกรมาเช่าบ้านอยู่ในสลัมแห่งหนึ่ง สภาพแวดล้อมของสลัมแห่งนั้นไม่ค่อยดีนัก เต็มไปด้วยอันตรายที่หล่อนต้องคอยระมัดระวังให้ลูกสาวอยู่ห่างๆ แต่แล้วโชคชะตาอันเลวร้าย ก็ชักนำให้แก๊งวัยรุ่นค้ายาเสพติดเข้ามาพัวพันกับชีวิตของมธุสรและลูกสาว อีกทั้งการตัดสินใจทำหน้าที่พลเมืองดี นำตุ๊กตาซุกยาบ้าที่มธุกรได้รับจากแก๊งค้ายาไปมอบให้ตำรวจ ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของมธุสรไปตลอดกาล ความพยาบาทเป็นของหวาน... ใช่แล้ว สิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจของฉันให้ชุ่มชื้นอยู่ได้ คือ ความพยาบาท - ล่า REVIEW ล่า บทประพันธ์ของ ทมยันตี เมื่อเอ่ยถึงนิยายเรื่องนี้ คิดว่าคงมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก เพราะช่วงปลายปี 2560 ได้ถูกทำเป็นละครฉายทางช่อง One และเป็นที่พูดถึงอย่างเกรียวกราวพอสมควร พล็อตนิยายเรื่อง ล่า ไม่ได้ซับซ้อนนัก ประเด็นหลักเล่าถึงการแก้แค้นของ มธุสร คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เพิ่งหย่าขาดกับสามีหมาด ๆ และต้องพา มธุกร (ผึ้ง) ลูกสาวมาลำบากด้วย แต่เพราะตั้งใจจะประพฤติตนเป็นพลเมืองดี เอายาบ้าที่แก๊งวัยรุ่นแอบซุกใส่ในตุ๊กตาไปมอบให้ตำรวจ แก๊งวัยรุ่นซึ่งนึกแค้นเคืองเลยตามมาข่มขืนสองแม่ลูก กระทั่งมธุกรเสียสติกลายเป็นคนวิกลจริตไปในที่สุด แม้มธุสรจะขึ้นศาลต่อสู้คดีความ แต่ศาลก็ไม่ได้พิจารณาโทษตายให้แก่คนทำผิด มธุสรจึงใช้ความพยาบาทเป็นแรงผลักดันให้หล่อนออก ล่า พวกคนโฉดทั้ง 7 คนในนามของ แม่รุ่งฤดี เพื่อทวงความยุติธรรมให้แก่ชีวิตที่ย่อยยับของหล่อนและลูกสาว ความลุ้นระทึกของเรื่องราว คือการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ว่าแม่รุ่งฤดีจะออกล่าใครเป็นรายต่อไป แล้วหล่อนจะเลือกใช้วิธีไหนฆ่าคนที่เคยทำร้ายหล่อนกับลูกสาว บางวิธีก็น่ากลัวเอามาก ๆ อ่านแล้วรู้สึกโหดร้ายจริง ๆ แต่เพราะผู้เขียนพยายามแทรกคำถามในใจของมธุสรอยู่เสมอ ทำนองว่าหล่อนและลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม กฎหมายคุ้มครองชีวิตของหล่อนกับลูกไม่ได้ หล่อนจึงต้องเลือกหนทางแก้แค้นเป็นทางออก ซึ่งสะท้อนปัญหาความอ่อนแอของกฎหมายที่หลายครั้งก็พ่ายแพ้อำนาจของผู้มีอิทธิพล ทำให้ ล่า เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่แสดงออกผ่านจินตนาการ ว่าด้วยการเรียกร้องสิทธิของสตรี และเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคมไปโดยปริยาย เนื่องจากนิยายล่าได้รับการพิมพ์มานานหลายสิบปี การบรรยายฉาก รูปแบบชีวิต และสังคมในนิยาย จึงเป็นภาพสะท้อนสังคมกรุงเทพฯ ในยุคเก่า (ผมเดาเอาเองจากบริบท ว่าน่าจะเป็นยุค 2520-2530 โดยประมาณ) เพราะมธุสรไม่ได้ย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์อย่างในละครช่อง One แต่ไปเช่าบ้านไม้เก่า ๆ ในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสลัมที่เต็มไปด้วยอบายมุข นอกจากนี้ การปรากฏตัวของอาจารย์ญี่ปุ่นที่สอนให้มธุสรเรียนรู้ศิลปะการแต่งหน้า และท่องจำวลีเด็ดจนขึ้นใจว่า ความพยาบาทเป็นของหวาน ในนิยายนำเสนอออกมาพอดี ๆ จนเข้าขั้นน้อยมาก และไม่ได้เล่นใหญ่อย่างคุณรัดเกล้าในเวอร์ชั่นละคร แต่ถ้าใครทันดูเวอร์ชั่นสินจัยกับทราย เจริญปุระ ก็น่าจะได้รับอรรถรสหรือความประทับใจไปอีกแบบ ซึ่งผมไม่รู้ว่าละครถ่ายทอดดีแค่ไหน เพราะไม่ได้ดูทุกตอนจนจบ แต่สำหรับเวอร์ชั่นนิยายผมว่าสนุกดี เพราะทำให้เราลุ้นและอยากติดตามได้ตลอดเวลา แล้วการฆ่าเหยื่อแต่ละรายก็ดูโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่น่าแปลกที่การตามล่าของมธุสรมีอุปสรรคเข้ามาขัดขวางน้อยมาก เหมือนว่าโชคชะตาเปิดทางให้หล่อนตามฆ่าเหยื่อทั้ง 7 รายได้อย่างสบายใจมากไปสักหน่อย ภายใต้เหตุผลที่ว่า ผู้หญิงเป็นสื่อชักนำความตายเสมอ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ส่วนภาษาสำนวนของทมยันตีในเรื่องนี้ นำเสนอออกมาได้พอดี ตรงประเด็น อ่านเข้าใจง่าย ที่สำคัญคือทำให้เราซาบซึ้งไปกับความรัก ความเจ็บปวดของแม่ที่รักลูกมาก ๆ และแม้ว่าแม่จะตามฆ่าคนที่ทำให้ลูกทุกข์ทรมานได้สำเร็จ แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจทำให้ลูกกลับมาเป็นปกติได้ดังเดิม และนี่คือชีวิตจริงของคนที่ตกเป็นเหยื่อ ดังที่ผู้เขียนบอกเตือนใจเอาไว้ตอนท้ายเรื่องว่า ความเป็นไปในโลกยังดำเนินต่อไป
ความโหดร้ายทารุณ ความขมขื่น เคียดแค้น ชิงชัง ยังไม่มีวันสิ้นสุดและทุกชีวิตจะต้องเผชิญกับการ ล่า และ การถูกล่า อย่างไม่หยุดยั้ง ใครเล่าจะเป็นฝ่าย ถูกล่า หรือ ล่า เป็นคนต่อไป ? - ล่า ใครเล็ง ๆ ว่าอยากอ่าน แนะนำให้ลองหยิบมาอ่านกันครับ สนุกดี แม้ว่าตัวละครเอกจะคอยล่าและฆ่าคนแท้ ๆ แต่เรากลับอยากเอาใจช่วย และนึกเวทนาในชะตากรรมของมธุสรจริง ๆ ครับ ในขณะเดียวกัน เราก็อาจตั้งคำถามกับมโนธรรมในจิตใจของตัวเองไปด้วยว่า หากกฎหมายจัดการคนที่ทำชั่วไม่ได้ การออกตามล่าและฆ่าคนชั่วด้วยตัวเอง เป็นหนทางของความเป็นธรรมที่แท้จริงหรือไม่
Jim-793009 28 : 11 : 2018
เป็นเรื่องที่อ่านสนุกครับ แต่ให้ความรู้สึกหดหู่กับชะตากรรมของตัวละครมาก สำหรับแนวนี้ของคุณทมยันตี ค่อนข้างดาร์กหลายเรื่อง อย่างโซ่สังคม สองชีวิต แต่ที่หดหู่ที่สุดคือ อันธการ เลยครับ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 29 พฤศจิกายน 2561 เวลา:8:31:27 น.
คุณสามปอยหลวง --- ผมยังไม่เคยอ่านเรื่องอื่นที่แนะนำมาเลยครับ แต่สนใจอันธการอยู่เหมือนกัน เรื่องล่าดาร์กพอสมควร แต่รู้สึกอ่านง่ายและสนุกดีครับ ขอบคุณที่แวะมานะครับ
โดย: Jim-793009 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2561 เวลา:13:46:33 น.
อันธการนี่เป็นเรื่องที่อ่านแล้วต้องเก็บไว้ลึกสุดของชั้นหนังสือเลยครับ
ไม่อ่านซ้ำแน่ๆ โดย: อุ้มสม วันที่: 29 พฤศจิกายน 2561 เวลา:17:27:24 น.
คุณอุ้มสม --- แสดงว่าอันธการน่าจะดาร์กมากนะครับนี่ ไว้จะลองหามาอ่านสักหนครับ
โดย: Jim-793009 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2561 เวลา:11:25:49 น.
|
Jim-793009
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?] "เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^ วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก - กฤษณา อโศกสิน "หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน" - ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก] "...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..." - Finders Keepers, Stephen King
|