เกิดแล้วเป็นคน : สีฟ้า





เกิดแล้วเป็นคน


บทประพันธ์ : สีฟ้า


หนังสือเก่า (เล่มเดียวจบ) ฉบับปก สำนักพิมพ์รวมสาส์น. 2521.

จำนวน 567 หน้า ราคา 100 บาท




รายละเอียด

ดอกคำ และ นำบุญ สองพี่น้องที่พยายามเอาชนะความยากจนด้วยความพากเพียร กระทั่งพี่สาวเรียนจบเป็นนางพยาบาล ส่วนน้องชายก็เป็นหมอ อนาคตของทั้งสองคงก้าวหน้าไปอีกไกล และคงทำให้พ่อแม่ รวมทั้งน้อง ๆ อีกหลายคนมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น หากไม่ใช่เพราะ แม่บัว เกิดป่วยเป็นโรคเรื้อน (Leprosy) โรคร้ายที่คนในสังคมต่างรังเกียจเดียดฉันท์ 

แม้ว่าทางการแพทย์จะยืนยันแล้วว่า โรคเรื้อนไม่ใช่โรคติดต่อทางพันธุกรรม แต่ความเกลียดความกลัวโรคเรื้อนที่มีมานมนาน ก็ทำให้คนทั่วไปมักเกิดอุปทานรังเกียจคนในครอบครัวของคนโรคเรื้อนตามไปด้วย เช่นเดียวกับดอกคำและนำบุญ ซึ่งต้องคอยปกปิดเรื่องของแม่บัวไม่ให้ใครต่อใครล่วงรู้ จนกระทั่งทั้งคู่ต่างก็มีคนรัก การตัดสินใจครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นกับพวกเขา คนหนึ่งเลือกบอกความจริง อีกคนหนึ่งเรื่องปกปิดเป็นความลับ ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นเช่นไร...ก็สุดจะคาดเดาได้


เพราะวิสัยของมนุษย์ทั่วไปนั้น

หากความจริงมันน่าเกลียดน่ากลัวจนเกินไป

ก็ไม่อยากให้ใครมาล่วงรู้ความจริงอันเป็นความลับของตน

แม้แต่ตัวเอง

บางครั้งก็ยังไม่อยากเผชิญกับมัน

- เกิดแล้วเป็นคน


REVIEW

สิ่งสะดุดใจที่สุดจนต้องย่นหัวคิ้วสำหรับนิยายเรื่องนี้ของ สีฟ้า ก็คือชื่อเรื่อง เกิดแล้วเป็นคน เพราะชวนให้สงสัยว่าทำไมต้องเกิดแล้วเป็นคน ล่าสุดทางสำนักพิมพ์เพื่อนดี (ในเครือสำนักพิมพ์อักษรโสภณ) ได้นำนิยายเรื่องนี้กลับมาพิมพ์ซ้ำอีกครั้ง ผมเลยคิดว่าถึงเวลาหยิบออกจากกองดองมาอ่านสักที 

การที่ผู้ประพันธ์เลือกใช้นามปากกา “สีฟ้า” สำหรับนิยายเรื่องนี้ ช่วยบ่งชี้ให้นักอ่านทราบกราย ๆ แล้วว่า เนื้อหาของนิยายต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องราวชีวิตคน ซึ่งค่อนไปทางนิยายสะท้อนความจริงของสังคม แต่ถึงอย่างนั้น นักเขียนก็ซ่อนปมของเรื่องเอาไว้ให้เราลุ้นอยู่นานเหมือนกัน กว่าจะยอมบอกว่า ดอกคำ และ นำบุญ สองพี่น้องตัวละครเอกกำลังเจอปัญหาในชีวิต สืบเนื่องมาจาก แม่บัว ผู้ให้กำเนิดป่วยเป็นโรคเรื้อน เลยทำให้ชีวิตปกติของทั้งสองพลอยถูกคนในสังคมรังเกียจตามแม่ไปด้วย

ตอนอ่านเจอปมปัญหาของเรื่อง ผมถึงกับรู้สึกสลดหดหู่ไปเลย แอบคาดเดาในใจเหมือนกันว่า ผู้เขียนจะวาดเรื่องราวของสองพี่น้องไปทางไหน จะมีใครเข้าใจปมด้อยของพวกเขา หรือยอมรับในตัวพวกเขา ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ได้ป่วยตามแม่บ้างหรือไม่

ความสงสัยและลุ้นอยากรู้จุดจบ นำไปสู่ความสนุกในการอ่าน แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องราวมันเศร้าสลดใจในชะตากรรมของคนเราจริง ๆ ขณะเดียวกันเราก็มองเห็นทั้งความสุข พลังใจ ความรัก การให้อภัย ความหวัง และสำคัญที่สุดก็คือ “ความไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิต” นั่นคือที่มาของชื่อนิยายว่า “เกิดแล้วเป็นคน” ซึ่งมีความหมายทำนองว่า คนเราเมื่อได้เกิดมาเป็นคนแล้ว ไม่ว่าเจอปัญหาอุปสรรคใดใด ขอจงอย่าย่อท้อหรือยอมแพ้ต่อโชคชะตา ขอให้สู้ชีวิตต่อไป (เพราะพุทธศาสนาเชื่อว่าการจะมีบุญเกิดมาเป็นคนถือเป็นเรื่องยากยิ่ง) ดังโคลงสี่สุภาพที่ผู้เขียนยกมาสรรเสริญ คนสู้ชีวิต นำเสนอไว้ก่อนเข้าบทแรก ความว่า


.......อัญชลิตนรชนผู้....................เกิดมา 

ลำเค็ญชีวิตหนักหนา....................ยิ่งผู้ 

กายยากยิ่งทรมา..........................ใจยิ่ง เจ็บนอ 

ยังยืนยังหยัดสู้..............................เกิดแล้วเป็นคน


เมื่อดอกคำและนำบุญเติบโตเป็นหนุ่มสาว ก็มีคนรักที่อยากเข้ามาเป็นคู่ชีวิต แต่ถ้าใครคนนั้นรู้ว่าแม่ของทั้งสองเป็นโรคเรื้อน ก็ยากนักที่เขาหรือเธอจะยอมรับได้ ถึงไม่รังเกียจ ก็คงอดหวาดกลัวไม่ได้อยู่ดี ดอกคำจึงเลือกที่จะบอกความจริงเรื่องแม่ให้ ชูสกุล ผู้ชายจากตระกูลเศรษฐีที่มาชอบเธอทราบ เพราะเห็นเป็นความยุติธรรมต่อเขา ว่าจะตัดสินใจเดินหน้าสานสัมพันธ์ต่อหรือไม่ หากได้รู้ความจริงแล้ว แต่ด้านนำบุญกลับเลือกปกปิด เมลานี คนรักของตัวเองไม่ให้ทราบอาการป่วยของแม่ เขาตั้งใจจะบอกเธอเมื่อเขาพร้อมหรือกล้าพอ แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เพราะความลับที่เขาปิดเอาไว้ถูกเปิดเผยเสียก่อน 

บทสรุปของชีวิต ดอกคำ และ นำบุญ จะเป็นอย่างไร อยากให้ลองไปอ่านในเล่มกันดูครับ 

นิยายเรื่องนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า เมื่อหลายสิบปีก่อน โรคเรื้อนเป็นปัญหาหนึ่งของสังคมที่ต้องเร่งแก้ไข ผมเองไม่เคยทราบมาก่อนว่าโรคเรื้อนจะเป็นที่รังเกียจของคนในสังคมมากขนาดนี้ ซึ่งผู้เขียนมองว่า “คนเราเกิดอุปทานกลัวคนป่วยโรคเรื้อนกันมานานจนยากจะแก้ได้” จนกระทั่งมีการตั้งนิคมผู้ป่วยโรคเรื้อนขึ้นมา เพื่อแยกคนป่วยออกจากคนปกติ โดยผู้เขียนสมมติสถานที่ตั้งนิคมแห่งนั้นว่าอยู่ใน แม่แจ้ง จังหวัดเชียงราย (แต่ตามข้อมูลที่ลองค้นหา ผมพบแค่นิคมโรคเรื้อนแม่ลาว)

วิถีชีวิตในนิคมแม่แจ้งน่าเวทนาสงสารก็จริง แต่ในความทุกข์ทรมานเพราะโรคร้ายนั้น ผู้คนในนิคมก็ยังคงมีความหวัง รู้จักสร้างความสุข และเห็นคุณค่าของชีวิตในแบบของเขา มีหลายตอนมากที่อ่านแล้วซาบซึ้งใจตามไปด้วย เหมือนอย่างตอน นายแสน หนุ่มโรคเรื้อนผู้มีอารมณ์ขัน กล่าวกับนำบุญว่า


“เศรษฐีก็มีเกียรติอย่างเศรษฐี คนจนก็มีเกียรติอย่างคนจน คนโรคเรื้อนก็มีเกียรติอย่างคนโรคเรื้อน อย่างน้อยก็มีเกียรติที่เกิดมาเป็นคนกับเขาเหมือนกัน จริงไหมครับ คุณหมอ”


นอกจากนี้ นิยายยังบอกเล่าถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ ที่ยอมถูกลูกทอดทิ้ง ดีเสียกว่าให้ลูกต้องมาตกระกำลำบากไปกับตน ต้องทรมานใจจากความรังเกียจของสังคม รวมถึงแฝงการย้ำเตือนจรรยาบรรณของหมอและพยาบาล ที่พึงปฏิบัติต่อคนไข้อย่างเท่าเทียบในฐานะคนเหมือนกันด้วย 

โดยภาพรวมแล้ว เกิดแล้วเป็นคน ถือเป็นนิยายดีเรื่องหนึ่ง ซึ่งสนุกด้วยการเอาใจช่วยตัวละคร ซึ่งทำให้เราเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจมาก อยากคอยเป็นกำลังใจให้จนกว่าจะจบเรื่อง และเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ชื่นชอบผลงานของหม่อมหลวงศรีฟ้า คือ ท่านมักหยิบเอาสัจธรรมในชีวิตมาเขียน หลายเรื่องไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใดเลย เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไปนี่แหละ เพียงแต่คนเรามักหลงลืมใส่ใจ หรือเก็บมาครุ่นคิดพิจารณา แต่การได้อ่านเรื่องเหล่านั้นในนิยาย กลับช่วยให้เราได้ย้อนดูตัวเองมากขึ้น

อยากให้ได้ลองอ่านกันดูนะครับ


"คนเรามักจะดูคนอื่นในแง่ร้ายไว้ก่อนเสมอ...เป็นของธรรมดา

คนที่ทำอะไรซึ่งคนอื่น ๆ เขาไม่ทำกัน

ถ้าไม่ถูกมองดูอย่างประหลาดก็ต้องถูกหาว่าเอาเด่น

บางทีถึงจะจริงใจก็กลายเป็นดัดจริต"

- ดอกคำ, เกิดแล้วเป็นคน



ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม


ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 สำนักพิมพ์ เพื่อนดี


Jim-793009

10 : 11 : 2017




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2560 9:05:34 น.
Counter : 2440 Pageviews.

6 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณruennara

  
เนื้อเรื่องคงเข้มข้น ดราม่าสะเทือนใจ และสะท้อนสังคม แบบนี้น่าอ่านมากๆ แอบสงสารคนเป็นโรคเรื้อนในสมัยก่อนนะครับ คงใช้ชีวิตกันลำบาก ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้า เลยไม่ค่อยมีครเป็นกันแล้ว เฮ้อ อ่านแล้วคงหน่วงๆในความรู้สึกแน่ๆ
ผมคงต้องลองไปด้อมๆมองๆแถวร้านหนังสือโดยไว เผื่อจะมีขายจะได้ลองอ่านบ้าง ขอบคุณที่นำมารีวิวนะครับ
โดย: ruennara วันที่: 11 พฤศจิกายน 2560 เวลา:5:50:08 น.
  
คุณ ruennara --- เรื่องนี้สะเทือนใจและสงสารตัวละครมากจริง ๆ แต่ความดราม่ายังถือว่าไม่ได้หนักหน่วงมากเท่าเรื่องอื่น ๆ ของสีฟ้า เรื่องนี้ดีตรงที่อ่านแล้วได้กำลังใจ ถึงจบไม่สวย แต่ก็อมยิ้มครับ ลองหาอ่านดูนะครับ เผื่อชอบงานของหม่อมหลวงศรีฟ้าเหมือนกัน ขอบคุณที่โหวตให้นะครับ ^^
โดย: Jim-793009 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:12:04 น.
  
ไม่ทราบเคยอ่านของศรีทอง ลดาวัลย์บ้างไหมครับ พอดีผมเพิ่งได้มาวันนี้สองเล่ม
โดย: ruennara วันที่: 14 พฤศจิกายน 2560 เวลา:3:53:22 น.
  
คุณ ruennara --- ยังไม่เคยอ่านเลยครับ แต่ท่านเขียนเรื่องดัง ๆ หลายเรื่องเหมือนกันนะครับ เท่าที่เคยได้ยินว่าเป็นละครมาแล้ว เช่น มรสุมสวาท ภาพอาถรรพณ์ แล้วก็พลับพลึงสีชมพู --- ผมมีนิยายภาพอาถรรพณ์ครับ แต่อยู่ในกองดองเหมือนกัน ยังไม่ได้หยิบมาอ่านเลย ว่าแต่คุณ ruennara ได้เรื่องอะไรมาอ่านบ้างครับ
โดย: Jim-793009 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:50:07 น.
  
ผมมีสองเล่มคือภาพอาถรรพณ์ กับ อาถรรพณ์ภาพครับ
โดย: ruennara วันที่: 18 พฤศจิกายน 2560 เวลา:18:59:13 น.
  
คุณ ruennara --- ไว้รออ่านรีวิวนะครับ เพราะผมยังไม่ได้หยิบมาอ่านเลย ^^
โดย: Jim-793009 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2560 เวลา:10:50:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jim-793009
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



"เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^

วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก
- กฤษณา อโศกสิน

"หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน"
- ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก]

"...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..."
- Finders Keepers, Stephen King
New Comments