สวัสดียามเช้าของวันที่3 ในเมืองเชียงตุงกันค่ะวันนี้แอบจัดพร๊อฟเต็มเพื่อลัลล้ากับเพื่อนฝูงหน้าเฟสให้เพื่อนๆจิกกัดค่ะ อิอิอิจะไม่โดนจิกกัดอย่างไรในเมื่อขนเฟอร์ก็มา555+++ ไปเจอที่โรงเกลือค่ะเส้นละ100บาทชอบเลยซื้อเก็บเอาไว้ค่ะอิอิ

วันนี้เป็นวันที่คณะทัวร์ล้งเล้งจะเดินทางกลับเรารับอาหารเช้าเบาๆที่โรงแรมก่อนที่ไกด์จ๋ายหลงจะพาเราทัวร์เบาๆในตัวเมืองเชียงตุง

ที่แรกที่พวกเราแวะชมก็คือหอที่เหลืออยู่ในเชียงตุงคือ หอห่อง ของเจ้านางบุญยวง (นางฟ้าคนที่ 4 ของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง)เป็นธิดาของพญาปราสาท ผู้มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของราชสำนักเชียงตุงเจ้านางบุญยวงผู้เป็นมารดาของเจ้านางบัวนวล และเจ้าบุญวาท โดยเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงรับเจ้านางบุญยวงมาเป็นสนม ลำดับที่ 4และสร้างหอห่องให้เป็นที่พำนัก ประมาณปี พ.ศ. 2453เป็นอาคารสองก่ออิฐถือปูนแบบตะวันตก-ขอบคุณข้อมูลจากอินเตอร์เนต (คำว่าหอครูเกศเดาว่าอาจจะหมายถึงวังหรือตำหนัก เช่นหอคำหลวงหอคำ หอหลวง อย่างหอห่อง นี่น่าจะเทียบได้กับตำหนักเล็ก อะไรทำนองนี้ อิอิอิรบกวนผู้รู้ด้วยนะคะ)

ภาพบนที่เห็นบิรเวณตำหนักภายในภาพบนนั้นเดินหาในอินเตอร์เนตนะคะไปเจอเข้าพอดีขออนุญาติเจ้าของภาพนะคะแต่จริงแล้วพวกเราได้แค่ยืนถ่ายอยู่ริมถนนอ่ะค่ะ เพราะตำหนักนี้กลายเป็นตำหนักร้างไปแล้วไกด์จ๋ายหลงบอกว่าตำหนักแห่งนี้ตกทอดไปถึงลูกหลานเจ้าบุญวาท แต่ว่าเจ้าทุกพระองค์ได้ไปพำนักอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศหมด

เห็นแล้วก็น่าเสียดายแกมเศร้าใจนะคะราชวงศ์เชียงตุงจากที่ครูเกศเคยเข้าไปอ่าน ค่อนข้างจะยิ่งใหญ่ทีเดียวแต่ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือเค้าความยิ่งใหญ่แต่ครั้งอดีตไว้เลย

จากตำหนักเจ้านางบุญยวงไกด์จ๋ายหลงพาเราขับรถขึ้นมาอีกนิด ก็จะเป็นโรงแรมนิวเชียงตุงซึ่งในอดีตสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอคำหลวง แต่ได้ถูกรื้อมาสร้างเป็นโรงแรมราคาต่อคืนก็ไม่เท่าไรค่ะ1000กว่าบาทเอง แต่ที่เท่าไหร่สำหรับพวกเราชาวคณะล้งเล้งทัวร์คือ....ก่อนจะมาเชียงตุงพวกเราได้ศึกษาข้อมูลมาบ้างและพบว่าจากประสบการณ์ของคนที่มาพักเจอผีหลอก555+++เรื่องนี้สำคัญนัก มีผีไม่มีผีไม่รู้อ่ะขอไปเป็นเจ้าหญิงในโรงแรมเล็กๆปลอดลี้ลับดีกว่าเนาะอิอิ

ไปยืมภาพจากอินเตอร์เนตมาเปรียบเทียบหอคำหลวงช่างยิ่งใหญ่จริงๆนะคะเสียดายแทนที่จะคงไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ รัฐบาลพม่าทุบทิ้งหมดเลยอันนี้ตามคำบอกเล่าบางส่วนและครูเกศประมวลเอานะคะผิดพลาดอันใดหรือไปกระทบจิตใจท่านใดที่เข้ามากราบขออภัยนะคะ ไกด์จ๋ายหลงบอกว่าชาวไทใหญ่ในรัฐฉานค่อนข้างที่จะเป็นกลุ่มใหญ่และเหนียวแน่นกว่ากลุ่มชนเผ่าอื่นในพม่าอีกร่วมร้อยกว่าชนชาติรัฐบาลพม่าก็น่าจะใช้วิธีถอนรากถอนโคนเพื่อง่ายต่อการปกครอง น่าจะเป็นแบบนี้เพราะสถาปัตยกรรมเก่าๆที่เกี่ยวกับวังแทบจะไม่มีให้เห็นเลย เห็นแล้วก็น่าเศร้าใจเหมือนกันนะคะ

เชียงตุงได้ชื่อว่าเป็นเมือง 3 จอม 7 เชียง 9 หนอง 12 ประตู

3จอม

1.จอมคำ 2.จอมสัก 3. จอมมน

7 เชียง

1เชียงอินทร์ 2 เชียงคุ่ม 3 เชียงลาน 4 เชียงจันทร์ 5 เชียงงาม 6 เชียงจาม 7เชียงยืน

9หนอง

1หนองตุง 2 หนองโตง 3 หนองเคราะห์ 4 หนองเย 5 หนองแล้ง 6 หนองไคร้ 7 หนองกลอง 8หนองยาง 9 หนองท่าช้าง

12ประตู

1ประตู ป่าแดง 2 ประตู เชียงลาน 3 ประตู งามฟ้า 4 ประตู ฝาหย่อง 5 ประตูแจงเมือง 6ประตูยางคำ 7 ประตูหนองเหล็ก 8 ประตูหนองผา 9 ประตูยางปิง 10 ประตูไก่ไห้ 11ประตูยางโกง 12 ประตู มังกะละ

ประตูที่ครูเกศยืนถ่ายรูปลืมถามไกด์ว่าชื่อประตูอะไรแต่เห็นอยู่ประตูเดียว มีบางประตูเมืองก็ถูกทุบทิ้งไปแล้วครูเกศถามไกด์จ๋ายหลงว่าทำไมถึงทุบทิ้งเขาตอบแบบยิ้มๆว่ารถบรรทุกสินค้ามันผ่านประตูไม่ได้รัฐบาลเลยตัดใจทุบ 555+++ไม่ถามต่อเลยค่ะเพราะถ้าถามต่อเรื่องการเมืองเข้ามามีบทบาทแน่ๆ เป็นอันว่าพวกเราชาวล้งเล้งลัลล้าทัวร์ได้เยี่ยมชมบ้านเมืองเชียงตุงจนอิ่มใจเก็บความประทับใจของผู้คน และบรรยากาศเอาไว้ก่อนจะเดินทางกลับสู่ผืนแผ่นดินทองประเทศไทย

พวกเราออกจากตัวเมืองเชียงตุงมาได้ประมาณ20นาทีก็เจอป้ายยินดีต้อนรับเชียงตุงอันเก่าก็เลยขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกก่อนออกเดินทางต่อค่ะภาพล่างด้านซ้ายป้ายเมืองเชียงตุงอันเก่าด้านขวา สร้างขึ้นใหม่

ทริปเชียงตุงเดินทางใกล้ถึงบทอวสานเต็มทีแล้วคาดว่าเอนทรี่หน้าก็คงจบทริปครูเกศดึงทริปพอกับละครจักรๆวงศ์ๆช่อง7ไหมคะ 555+++ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ เจอกันใหม่ตอนจบเอนทรี่หน้าค่ะ