HEAD-BLOG-V3480d2415e8aee658.jpg
ขุดตำนานกรุสมบัติวัดราชบูรณะ (จ.พระนครศรีอยุธยา)





ผมแหงนมององค์พระปรางค์ขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลงบนฐานสี่เหลี่ยมมีเจดีย์รายล้อมอยู่ทั้งสี่ทิศ 

ยอดเป็นทรงสูงลักษณะคล้ายฝักข้าวโพด มีบันไดอยู่สองข้างนำขึ้นไปสู่โถงด้านบน

มองดูผิวเผินก็ไม่ได้มีลักษณะแตกต่างอะไรไปจากพระปรางค์องค์อื่นๆ ที่เคยพบเห็นมา 

แต่เรื่องราวที่เคยตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เมื่อกว่าครึ่งศตวรรษก่อนเป็นมูลเหตุให้ผมต้องเดินทางมาที่นี่




ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2500 

นายกฤษณ์ อินทโกศัย รองอธิบดีกรมศิลปากรในสมัยนั้นได้รีบรุดเดินทางมายังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เข้าพบกับผู้กำกับการตำรวจเพื่อหารือคดีคนร้ายลักลอบขุดกรุสมบัติที่วัดราชบูรณะ 

โดยทางผู้กำกับร้องขอให้ท่านเร่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในคืนนั้นเลย 

เนื่องจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมาให้การว่ายังมีสิ่งของมีค่าตกค้างอยู่อีกเป็นจำนวนมาก




จากคำให้การของคนร้ายเล่าว่า ก่อนหน้านั้น วัน ได้ชวนเพื่อนประมาณ 20 คน มาลักลอบขุดหาสมบัติภายในองค์พระปรางค์ 

ซึ่งเป็นรอยเดิมที่ทางกรมศิลปากรได้ทำการขุดสำรวจแล้วกลบเอาไว้ โดยได้ขุดเอาแผ่นศิลาออกลึกลงไปประมาณ 3.6 เมตร 

เจอกับพื้นปูนเพชรชนิดแข็งมากเป็นรูปวงกลมมีปล่องโลหะขนาดเท่าลำไม้ไผ่ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง 

จึงได้ถอดปล่องโลหะนั้นออกแล้วทำการเปิดพื้นปูนเพชรขึ้นมาพบว่าด้านล่างเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ 

สูงประมาณ 1.5 เมตร กว้างยาวประมาณ 1.4 เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 1 ศอก อยู่ 3-4 องค์ 

แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรอีก จึงชวนกันจะกลับ แต่ดันมีคนหนึ่งลองกระทุ้งพื้นห้องมีเสียงดังก้องเป็นโพรงอยู่ด้านล่าง 

จึงใช้ค้อนปอนด์ทุบพื้นทะลุเป็นรูลงไป จากนั้นจึงลองเอาไฟฉายส่องดูพบว่าข้างล่างเต็มไปด้วยเครื่องทองและเพชรนิลจินดา!!



ขอบคุณภาพจาก matichononline


เมื่อท่านรองอธิบดีเดินทางมาถึงยังโถงด้านบนองค์พระปรางค์พบหลุมที่คนร้ายได้ขุดทิ้งไว้

จึงได้ปีนลงไปสำรวจยังกรุชั้นที่ 1 ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ 

จากนั้นปีนต่อลงไปตามช่องที่คนร้ายได้เจาะไว้สู่กรุชั้นที่ 2 แล้วก็ต้องตกตะลึง

เมื่อพื้นห้องยังมีแก้วแหวนเงินทองคลุกเคล้าอยู่กับฝุ่นทรายมากมายแพรวพราวไปหมด!




ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ปิดตายปากหลุมเอาไว้ด้วยตะแกรงเหล็ก 

แล้วขุดเจาะเป็นช่องทางใหม่ทำเป็นบันไดให้สามารถเดินลงไปยังกรุเบื้องล่างได้






ผมค่อยๆ ก้าวลงไปตามบันไดที่ค่อนข้างแคบและชันด้วยความระมัดระวังก่อนเดินแยกแวะเข้าไปภายในกรุชั้นที่

ซึ่งตอนนี้ถูกปรับพื้นที่ขุดขยายรวมเข้ากับหลุมที่คนร้ายขุดลงมาจากโถงด้านบน 

กลายเป็นห้องที่มีเพดานสูงมองขึ้นไปเห็นตะแกรงเหล็กที่ปิดปากหลุมไว้




ผมเดินต่อลงไปสู่กรุชั้นที่ 2 มองลงไปข้างล่างมืดๆ เหมือนทางจะตันบันไดก็เริ่มชันและแคบกว่าเดิม 

แต่พอลงมาจนสุดถึงรู้ว่ายังมีช่องให้ก้มหัวมุดเข้าไปได้อีก 

ขณะที่ผมก้มหัวเข้าไปกลับต้องผงะออกมา! เฮ้ยนั้นมันขาคนนี่หว่า!!

ผมเสียวสันหลังวาบถอยฉากออกมาแทบไม่ทัน! ก่อนตั้งสติพินิจพิจารณาว่านั่นคือขาคนไม่ใช่ขาผี!

เป็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่งกำลังยืนชมอะไรบางอย่างอยู่ภายใน ซึ่งดูจากขนาดพื้นที่แล้วน่าจะยืนได้แค่คนเดียว 

ผมจึงรอจนเค้าออกมาแล้วค่อยๆ ก้มมุดเข้าไปในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ มืดๆ นั้นทันที

พอยืดตัวขึ้นยืนแล้วแหงนมองสำรวจไปรอบๆ พบว่าครึ่งตัวผมโผล่ขึ้นมาอยู่กลางห้องห้องหนึ่ง

มีความสูงจากพื้นถึงเพดานประมาณ 2.7 เมตร กว้างยาวประมาณ 1.4 เมตร 

ผนังห้องทั้ง 4 ด้านทำเป็นซุ้มลึกเข้าไปประมาณ 37 เซนติเมตร 

ตามผนังและภายในซุ้มมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา

ไม่ผิดแน่! ผมกำลังยืนอยู่ภายในกรุชั้นที่ 2 ห้องที่เคยใช้เก็บทองคำและทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาล!



ตามคำให้การของคนร้ายเล่าว่า ภายในกรุชั้นที่ พอลงไปพบโต๊ะสำริดตั้งอยู่ 3 ตัว 3 ด้าน 

มีพระแสงทองคำปักไว้ตรงขอบโต๊ะ บนโต๊ะมีเสื้อทองคำ มีมหามงกุฎยอดประดับด้วยหัวมุกดาหารขนาดเท่าไข่ห่าน

มงกุฎราชินีทองคำ ราชรถทองคำ เรือหงส์ทองคำพร้อมด้วยคนพายเรือที่ล้วนเป็นทองคำทั้งสิ้น 

ม่านทองคำสำหรับขึงท้องพระโรงอีกม้วนใหญ่ พระพุทธรูปทองคำ จอกกับกระบวยทองคำ 

ตลับทองคำประดับด้วยทับทิม แหวน กำไล และเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกนับพันๆ ชิ้น 

นอกจากนี้ยังพบผ้าพับไว้อย่างดีแต่เมื่อมือไปจับเข้าก็กลายเป็นฝุ่นผงไปหมด

ซึ่งทองคำและทรัพย์สมบัติภายในกรุนี้รวบรวมขนกันมาได้ถึง 10 กระสอบ!!




ยังดีที่คนร้ายไม่ได้ขุดพบกรุชั้นที่ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ 

ภายในพบเจดีย์ทองคำครอบแก้ว พระพุทธรูปทองคำ และเครื่องทองกระจุกกระจิกอื่นๆ อยู่อีกเป็นจำนวนมาก 

ซึ่งกรมศิลปากรประเมินว่าเฉพาะทองคำภายในกรุวัดราชบูรณะแห่งนี้น่าจะมีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม!!



ผมแหงนมองดูรูและรอยแตกร้าวบนเพดานด้วยความปวดร้าวใจ

เพราะนั่นคือบาดแผลที่คนร้ายเจาะลงมาทำร้ายคนไทยทั้งชาติ

น่าเสียดายเหลือเกินที่ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ตามจับและยึดคืนกลับมาได้ไม่ถึง ใน 10 ส่วน

เพราะกระจัดกระจายถ่ายทอดไปสู่บุคคลต่างๆ ทั้งนักค้าของเก่า ร้านทองที่นำทองไปหลอมแปรสภาพ

บางชิ้นไปโผล่อยู่ตามพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ บางชิ้นก็แตกหักเสียหายถูกฉีกถูกลอกทองออกไป

และอีกจำนวนมากที่ตกหล่นสูญหาย 

นับเป็นการสูญเสียมรดกของชาติและศิลปะของแผ่นดินครั้งสำคัญครั้งหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย






ถ้าหากผมมีโอกาสได้พาลูกพาหลานมาที่นี่ ผมจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เค้าฟัง 

ให้พวกเขาได้ตระหนักและปลูกจิตสำนึกให้เกิดความรักชาติหวงแหนแผ่นดิน

อย่างน้อยๆ โตไปจะได้ไม่เป็นเหมือนข้าราชการหรือนักการเมืองบางคน

ที่มีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากโจรปล้นชาติ!









อ้างอิง : หนังสือเครื่องทองกรุวัดราชบูรณะศิลปะของแผ่นดิน (กลุ่มวิจัยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)

:หนังสือจิตกรรมและศิลปวัตถุ ในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (กรมศิลปากร)












ปัจจุบันเครื่องทองและโบราณวัตถุต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา







Create Date : 07 มกราคม 2561
Last Update : 12 มกราคม 2561 21:25:21 น. 16 comments
Counter : 7783 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหงต้าหยา, คุณKavanich96, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณอุ้มสี, คุณtiensongsang, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills


 
👍


โดย: สายฟ้า IP: 115.87.104.16 วันที่: 7 มกราคม 2561 เวลา:11:03:32 น.  

 
มีความเป็นประวัติศาสตร์สูง ข้อมูลแน่นดีครับ รอเรื่องถัดไปครับ


โดย: Lert PK IP: 184.22.80.120 วันที่: 7 มกราคม 2561 เวลา:12:32:43 น.  

 
น่าสนใจมาก ประวัติศาสตร์สำคัญเกี่ยวข้องมากมาย ใกล้กทม.ขอบคุนผู้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ได้ยอดเยี่ยมค่ะ


โดย: Gubgib IP: 27.55.97.223 วันที่: 7 มกราคม 2561 เวลา:13:01:04 น.  

 
อยากลงไปชมมากค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 7 มกราคม 2561 เวลา:15:26:06 น.  

 
👍👍👍 good


โดย: ktt IP: 27.55.153.33 วันที่: 7 มกราคม 2561 เวลา:16:27:40 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าสลดใจตามไปด้วย
เจ้าของเก็บไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
ยังตามไปทำลายล้างได้อีก
คงมีชีวิตที่ไม่เป็นสุขตลอดไป


โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 7 มกราคม 2561 เวลา:18:03:06 น.  

 
ยังไม่เคยได้เคยลงไปชม
ชอบภาพเขียนจิตรกรรม
ไว้ไปงวดหน้าจะลงไปดูมั่งค่ะ
ชอบ


โดย: อุ้มสี วันที่: 7 มกราคม 2561 เวลา:21:58:10 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:4:45:41 น.  

 
ได้ไปดูเครื่องทองที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาด้วยไหมคะ สวยงามมาก ... คิดไปถึงไป ถ้าเราไม่ได้ขโมยไป คงมีหลงเหลือไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชมอีกเยอะมาก


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:5:50:18 น.  

 
มาโหวตภาพถ่ายให้เลยค่ะ
มุมสวย


โดย: อุ้มสี วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:0:26:29 น.  

 
เพิ่งเคยเดินทาง ตปท. ครั้งแรกนี่ล่ะค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:20:30:43 น.  

 
เคยแต่ผ่านไม่เคยเข้าไปสักที่ เห็นเยี่ยงนี้ครั้งต่อไปต้องแวะ

ด้านในน่าสนใจ ด้านนอกก็งดงาม

ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันครับ ทองผาภูมิ ไปซ้ำไม่เบื่อจริงๆ


โดย: tiensongsang วันที่: 15 มกราคม 2561 เวลา:22:07:21 น.  

 
อ่านไป ตื่นเต้นไป เหมือนว่าได้ตามไปสำรวจกรุด้วยกันเลย เล่าเรื่องได้เห็นภาพมากๆ ...รูปสวยมากๆๆ


โดย: LingLing IP: 182.232.210.114 วันที่: 23 มกราคม 2561 เวลา:21:23:32 น.  

 
ไปเที่ยวชมแล้ว แต่ไม่ได้ลงไปชมด้านล่างครับ เคยอ่านเจอมีกรุสมบัติล้ำค่าของชาติ
ใครเอาไป ต้องมีอันเป็นไปครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 มกราคม 2561 เวลา:14:41:02 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ไปเที่ยวไหนมาคะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 14 เมษายน 2561 เวลา:21:05:14 น.  

 
เสียดายที่สุดกับสมบัติของชาติที่สูญหายหรือถูกแปรสภาพค่ะ
ได้อ่านเรื่องราวมาบ้างแต่ยังไม่เคยไปที่นี่
อยากตามรอยและไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาอีกแห่งค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและภาพสวยๆนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 15 เมษายน 2561 เวลา:0:09:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ces
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




เปิดตัว Group Blog ใหม่ IFIND CHANNEL

เป็นรูปแบบการนำเสนอรายการท่องเที่ยวแบบวีดีโอผ่านทาง Youtube มือใหม่หัดทำก็สนุกไปอีกแบบครับ

ส่วนงานเขียนคอลัมภ์ใน Blog ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมรอติดตามชมติดตามอ่านกันได้ครับ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 มกราคม 2561
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Ces's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.