สุขที่สุดที่นครพนม สุขเลยเถิดยันมุกดาหาร ( ปั่นชิลชิลชมวิวสองฝั่งโขง..นครพนม ) ตอนที่ 2/2
อรุณสวัสดิ์ทักทัก สวัสดีนครพนม หลังจากเมื่อวานพวกเราสัมผัสการปั่นชิลชิล จิบๆ สี่กิโลกว่า ชมวิวสองฝั่งโขง สุขที่สุดที่นครพนมกันไปแล้วเช้านี้ถึงเวลาเอาจริงกันล่ะ กับการปั่นมาราธอนระยะทาง 50 กิโลเมตร จากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว สู่วัดพระธาตุท่าอุเทน เส้นทางไปกลับ เอาล่ะๆ มายืดแข้งยืดขาวอร์มอัพอุ่นเครื่อง ณ จุดปล่อยขบวนกัน
หา! อะไรนะ ทีมสื่อไม่ต้องปั่นเหรอ อ๋อ สต๊าฟบอกว่าขืนปล่อยบล็อกเกอร์ไปปั่นมีหวังลิ้นห้อยหามเข้าข้างทางเป็นแน่แท้ ดังนั้นมาร่วมพิธีปล่อยก็พอ ฮิ้วว :P
คุณธวัช ศิริวัธนนุกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมให้เกียรติเตะบันไดจักรยานนำร่องออกปั่นเป็นคันแรก มีคุณบุณยานุช วรรณยิ่ง ผอ.ททท.สนง.นครพนมร่วมโบกธงตราหมากรุกปล่อยขบวนนักปั่น งานครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยทางจังหวัดนครพนมดำริจัดกิจกรรม Tour of Happiness เพื่อปชส.ส่งเสริมการท่องเที่ยวนครพนม จังหวัดที่ได้ชื่อว่าประชากรมีความสุขที่สุดในประเทศ งานครั้งนี้ทางจังหวัดร่วมมือกับการท่องเที่ยวนครพนม สายการบินนกแอร์ และชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพจังหวัดนครพนมจัดขึ้น
เอาล่ะครับ ขบวนนักปั่นจักรยานถูกปล่อยแล้ว ฤกษ์งามยามดี 7โมงครึ่ง วันที่ 25มค. 2558 เอ้า ปี๊ดดดดด เส้นทางการปั่น ปล่อยตัว ณ จุด start ซึ่งจะเป็นทั้งจุด finish ด้วย อยู่ที่บริเวณเชิงสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 อำเภอเมืองนครพนม เลาะเลียบไปตามเส้นทางริมโขงขึ้นทิศเหนือสู่พระธาตุท่าอุเทน ที่อำเภอท่าอุเทน แล้วเดินทางย้อนกลับตามเส้นทางเดิมมาร่วมพิธีปิดและมอบรางวัลแก่ทีมนักปั่นที่มาร่วมกิจกรรม ใช้ระยะทางรวม 50 กิโลเมตร
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 17.485356,104.731415
มารู้จักสะพานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยกัน นี่คือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ใน 4แห่ง และอยู่ในโครงการก่อสร้างอีก 2 แห่ง สำหรับสะพานแห่งที่ 3 นี้เชื่อมประเทศไทยกับลาวที่บ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม สู่ฝั่งลาวที่บ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน เรียกย่อๆ ว่า นครพนม-คำม่วน นั่นเอง บนสะพานนั้นสวยมาก เสาไฟส่องสว่างอ่อนช้อยงดงามอลังการ แต่ว่าแต่งานนี้ได้แต่ชมๆ ความงามอยู่ข้างล่างเชิงสะพานนะครับ โอกาสหน้าถ้ามีจะขอไปจับภาพข้างบนหน่อย สำหรับทริปนี้เราได้ชมดวงตาวันขึ้นมุมมองใต้สะพานแบบนี้ก็ประทับใจมากๆ แระ
เก็บตกบรรยากาศกันหน่อย ในบรรยากาศพิธีเปิดที่ม่วนซื่นม่วนหลายก็น้องๆ นักศึกษามาร่วมโชว์ฝีมือการทำน้ำผลไม้สูตรสารพัดภูมิปัญญา นายน้ำฟ้าไม่ได้ไปยืนฟังน้องๆเค้าบรรยายสรรพคุณนะครับ ได้แต่จับภาพบรรดาเครื่องดื่มสีสันน่ารักน่ารับประทานไว้
เสร็จพิธีปล่อยขบวนนักปั่น หลังจากนี้ตลอดทั้งวันพวกเราจะออกทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ต่างๆ ของจังหวัดนครพนม เลยไกลไปยันจังหวัดมุกดาหารโน่น ระยะทางไปกลับประมาณ 280-300 กิโลเมตร
ภาพล่าง ลุงเนตร สงวนสัตย์นักปั่นจักรยานระดับตำนานก็มาร่วมในบรรยากาศของงานครั้งนี้ด้วย ลุงเนตรผู้ซึ่งปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพมาสามสิบกว่าปีแล้ว ทั้งเส้นทางในไทยและต่างประเทศ เคยปั่นจักรยาน 79วัน 8,666กิโลเมตรรอบประเทศไทยมาแล้ว ระดับลุงเนตรปั่นวันละเกินร้อยกิโลเมตรสบายๆ
17.39787,104.788818จุดแวะแรกของพวกเราคือมื้อเช้า ร้านพรเทพอาหารเช้า ใจกลางเมืองนครพนม กับหลากเมนูอาหารเวียดนามเจ้าของเป็นสองสามีภรรยาเชื้อสายเวียดนามขนานแท้ เมนูชูโรงคือไข่กระทะ ข้าวจี่ยัดไส้ โจ๊กก็อร่อย ผมกินโจ๊ก น้ำชาที่นี่ก็หอมมากซดคล่องคอ
อิ่มหนำแล้วก็เริ่มต้นท่องเที่ยวกันเลยครับ ล่องทิศใต้ออกนอกเมืองดิ่งสู่อำเภอเรณูนคร ถิ่นชาวภูไทหรือผู้ไท ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางเดียนเบียนฟู ตอนเหนือของเวียดนาม อำเภอเรณูนครยังขึ้นชื่อว่าเป็นถิ่นสาวงามอีกด้วย พระธาตุเรณู17.048907,104.676147
จากตัวเมืองนครพนมมาถึงวัดพระธาตุเรณูระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร
พระธาตุเรณูเป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันจันทร์
สร้างโดยจำลองแบบมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2461 มีความสูง 35 เมตร กว้าง 8.37 เมตร มีซุ้มประตู 4 ด้าน จัดเป็นหนึ่งในพระธาตุที่มีลวดลายและรูปทรงสถาปัตย์สวยงามสุดๆ อีกแห่งหนึ่ง โชคน้อยไปนิดที่ไม่ได้ชื่นชมความงามขององค์พระธาตุในครั้งนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีเพราะน้อยคนนักจะได้มาเห็นตอนกำลังบูรณะแบบนี้นะว่ามั้ย อิอิ
พระธาตุเรณู พระธาตุประจำคนเกิดวันจันทร์
ใบเสมาแห่งวัดพระธาตุเรณู
ว่ากันว่าใบเสมาถิ่นอีสานมีกำเนิดมายาวนานตั้งแต่ยุคทวารวดี เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คิดและทำก่อนอินเดีย ลังกา พวกที่นำศาสนาพุทธ พราหมณ์มาเผยแพร่เสียอีก สำหรับเสมาหน้าโบสถ์วัดพระธาตุเรณูอันนี้ดูลวดลายงดงามลายกนกเป็นรูปพญานาคสองตัวหันหลังชนกันพาดลำตัวโค้งขึ้นเป็นใบเสมาหางไปบรรจบกันตรงยอด อ่านหนังสือมาเค้าบอกว่าประเพณีการแกะสลักปักเสมารอบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นคติโบราณของคนแถบถิ่นอีสานโดยเฉพาะ
พระธาตุพนม
16.9422,104.724716 ออกจากพระธาตุเรณูเราเดินทางต่อมาอำเภอถัดไปนั่นคืออำเภอธาตุพนม ไปอีกเพียง 15.4 กิโลเมตรก็มาถึง วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ว่าไปแล้วอำเภอเรณูนครเดิมก็คือส่วนหนึ่งของอำเภอธาตุพนมแหละ ต่อมาแยกเป็นกิ่ง และตั้งเป็นอำเภอใหม่ในที่สุดเมื่อปี 2518 ปีเดียวกับอุบัติภัยที่พระธาตุพนมองค์เดิมเกิดล้มครืนลงทั้งองค์ในกลางดึกคืนวันที่ 11 สค. และได้สร้างใหม่แล้วเสร็จในสี่ปีถัดมา คือปี 2522 เป็นองค์พระธาตุพนมที่วิจิตรงดงามที่สุดของไทย มีความสูงถึง 53.6 เมตร ทรงสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 12.33 เมตร พระธาตุพนมเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งแผ่นดินอีสานและสองฝั่งโขง สร้างขึ้นเมื่อราวปีพ.ศ. 1200-1400 ยุคทวารวดีรุ่งเรือง พระธาตุพนมเป็นศูนย์กลางความเชื่อ ความศรัทธา ศูนย์กลางศาสนาพุทธในยุคที่เริ่มแผ่เข้ามาในแถบสองฝั่งโขง บริเวณที่เป็นท้องที่ของอำเภอธาตุพนมในปัจจุบันนั้นเป็นศูนย์กลางอารยะมาตั้งแต่อดีตนับพันๆปี เนื่องจากแม่น้ำโขงตรงนี้ทั้งสองฝั่งมีแม่น้ำไหลลงมาบรรจบพอดีเหมือนสี่แยก แม่น้ำทางฝั่งไทยคือลำน้ำก่ำไหลมาจากหนองหานสกลนคร ส่วนทางฝั่งลาวเป็นแม่น้ำสายใหญ่กว่า คือแม่น้ำเซบั้งไฟ ไหลไกลมาจากแนวเขาพรหมแดนลาว-เวียดนามโน่นเลย ที่ใดมีสายน้ำที่นั่นมีชีวิต ก่อกำเนิดเป็นอารยะธรรมกันมาแต่ครั้นโบราณกาลแหละ
พระธาตุพนม
พระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์
จังหวัดนครพนมดินแดนแห่งพระธาตุ มีพระธาตุประจำวันเกิดครบวัน 7+1 (วันพุธมีทั้งพุธกลางวัน พุธกลางคืน) สำหรับพระธาตุพนมนอกจากจะเป็นพระธาตุประจำสำหรับคนที่เกิดวันอาทิตย์แล้วยังเป็นพระธาตุของคนที่เกิดปีวอกอีกด้วย แหม่ ใครเกิดปีวอกตรงกะวันอาทิตย์ด้วยเนี่ยพลาดไม่ได้นะครับเค้าว่ากันว่ามาไหว้พระธาติพนมครบ 7 ครั้งจะนับเป็นลูกพระธาตุ จะเป็นสิริมงคลไปตลอดชีวิตเลยนะเออ
ในทุกๆปี วันขึ้น 10 ค่ำถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 จะมีงานนมัสการพระธาตุพนม เป็นงานประเพณีอันยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของชาวนครพนมและคนแถบถิ่นใกล้เคียงกระทั่งชาวลาวฝั่งโขงตรงข้าม
ความวิจิตรงดงามของศิลปะประติมากรรมซุ้มประตูทางเข้าวัดพระธาตุพนม
รู้หรือไม่ ที่ทิศตะวันออกห่างไปราว 300 เมตรจากหน้าประตูวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารมีซุ้มประตูสวยงามแห่งหนึ่งตั้งเป็นวงเวียนกลางถนนชื่อ
ซุ้มประตูเรืองอร่ามรัษฏากร
ซุ้มประตูนี้สร้างตั้งฉากแนวตะวันออกตะวันตกพอดิบพอดี เดาออกมั้ยครับว่าช่วงไหนของปีตำแหน่งโคจรของดวงอาทิตย์จะมาส่องแสงเป๊ะลอดกลางช่องประตูทั้งยามรุ่งอรุณและยามสายัณ ช่วงเวลาดังกล่าวก็คือในราว 21 มึนาคมและ 23 กันยายนของทุกปี หรือวัน vernal equinox และวัน autumn equinox นั่นเอง วันที่ดวงอาทิตย์ทำมุมส่องแสงตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรและกลางวันกับกลางคืนยาวเท่ากันไง
ที่ 160เมตรก่อนถึงประตูวัด ระหว่างทางจากซุ้มเรืองอร่ามรัษฏากรถึงหน้าวัด หรือเส้นทางฝั่งทิศตะวันออก มองไปทางขวาจะมีสะพานทอดข้ามสระน้ำไปยังสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง นั่นคือ
สถูปอิฐพระธาตุพนมองค์เดิม
ถ้ามีเวลาเพียงพอลองแวะไปชมกัน เป็นสถูปที่สร้างขึ้นสวยงามใช้เก็บรักษาเศษอิฐเศษปูนของพระธาตุพนมองค์เดิมที่พังครืนพร้อมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และขุดสระน้ำสร้างล้อมทุกทิศทาง
ตลอดข้างทางหน้าวัดพระธาตุวันที่เราไปมีร้านรวงมาออกงานบรรยากาศเป็นคล้ายๆตลาดนัด ไม่ทราบเหมือนกันว่าขายประจำเป็นนัดๆหรือขายปักหลักกันที่นี่เลย เดินๆไปก็เจอร้านนึงขายเครื่องดนตรี ขายแคน เครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานอื่นๆ
รู้หรือไม่ แหล่งผลิตแคนชั้นดีของประเทศไทยอยู่นครพนมนี่แหละ อยู่ที่ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม
แคน พิณ โหวด หลากหลาย ผ้าไหมสวยงาม วัฒนธรรมล้ำค่า ภาษาเฉพาะ ไพเราะเสียงดนตรี คือคำขวัญประจำตำบลท่าเรือแห่งอำเภอนาหว้าเค้าล่ะ การันตีว่านี่คือแคนชั้นนำระดับประเทศ
ไม้ดีดีวัตถุดิบหลักสำหรับทำแคนชั้นดีนับวันจะหร่อยหรอหายาก ต้องสั่งเข้ามาจากเพื่อนบ้านลาว ปลูกเองก็ไม่ค่อยขึ้น ไม่แน่ว่าอีกไม่นานจะไม่มีไม้ดีดีเหลือให้ทำแคนแล้ว แว่วเสียงแคนขึ้นคราวใดมือเท้าแทบกระดิกกระตุกตามนั่งไม่ติดอยากขึ้นมาเต้นตามเป็นเหมือนนายน้ำฟ้ามั้ยครับ อิอิ
16.94764,104.724807ร้านของฝากขึ้นชื่อของเมืองธาตุพนม อยู่ห่างวัดพระธาตุไปทางเหนือ 600เมตรดูแผนที่ประกอบเอาเด้อ ร้านเป็นห้องแถวเดียวโดดๆ ไกด์บอกผมว่ากะละแมที่นี่อร่อยสุด ไม่ได้ลงรถไปซื้อซะด้วย ใครเคยกินแล้วอร่อยแค่ไหนยังไงวานบอกนะครับ แต่ว่าแต่เห็นคนลงไปซื้อกันตรึมเลยท่าจะอร่อยจริงฮิตจริงนะเนี่ย
16.925994,104.681938ออกจากพระธาตุพนมเราก็ตรงมาหม่ำมื้อเที่ยงกันตอนบ่ายๆ ที่ร้านสวีทโฮม ฟู๊ดแอนด์คอฟฟี่ สามแยกบ้านต้อง อำเภอเดียวกันนี้เอง ร้านอาหารติดแอร์บรรยากาศดี๊ดี บริการทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่ง ตอนกินอิ่มๆ ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำผ่านห้องครัว เห็นห้องครัวที่ดูดีมีมาตรฐานความสะอาดจนแอบยกนิ้วให้เลย สวีทโฮมมีทั้งร้านอาหารและติดๆกันยังเป็นสวีทโฮมที่ขายตั๋วเครื่องบินด้วย นี่เวปร้านหากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม Sweet Home
อิ่มแล้วไปต่อ บ่ายแก่ๆ เราออกเดินทางสู่ที่หมายต่อไปและก้าวข้ามสู่เขตแดนจังหวัดมุกดาหาร สู่ท้องที่อำเภอหว้านใหญ่ สู่สถานที่ประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง โบสถ์คริสต์วัดสองคอน16.774631,104.737251
ถ้า มาจากวัดพระธาตุพนมเราขับตรงเลาะโขงมาได้เลยระยะทางเพียง 20 กิโล แต่ว่าพวกเรามาจากสวีทโฮมเลยใช้เส้นทางอีกเส้น //ตามแผนที่ข้างๆ นะครับ เส้น 28โลนั่น ขับจากร้านสวีทโฮมมาก็ 22โล ไม่ว่าจะมาทางไหนเส้นทางจะผ่าน แก่งกระเบา สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของมุกดาหาร เป็นแก่งธรรมชาติบนลำน้ำโขง //ตำแหน่งตรงเส้นส้มกะแดงมาบรรจบกันก่อนถึงวัดสองคอนเล็กน้อย เสียดายไม่ได้แวะแก่งกระเบา ที่นั่นมีหมูหันแก่งกระเบาขึ้นชื่อลือชาความอร่อยด้วย
วัดสองคอนจะมีจุดให้แวะชมอยู่ทั้งสองฝั่งถนนนะครับ ฝั่งนึงเป็นฝั่งโบสถ์ อีกฝั่งหนึ่งเป็นสุสาน สุสานมีความสำคัญอะไรยังไงเดี๋ยวไปชมกัน สำหรับโบสถ์นี้ จัดเป็นโบสถ์คริสที่ก่อสร้างสไตล์โมเดิร์นทันสมัยและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ มองไปไม่ค่อยคล้ายโบสถ์นัก สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งมรณะสักขีของ 7 บุญราศีชาวไทย ผู้สร้างวีรกรรมความศรัทธาเมื่อปี พ.ศ.2483 ซึ่งตอนนั้นเป็นยุคสงครามอินโดจีนที่ฝรั่งเศสเข้ามาครอบงำแถบอินโดจีน ทางการไทยมองว่าผู้นับถือคริสทั้งหลายมีใจฝักใฝ่ฝรั่งเศสจึงออกคำสั่งให้เลิกนับถือคริสต์ แต่มีชาวบ้าน 7 คนที่ไม่ยอมทิ้งสิ่งที่ตนเลื่อมใสศรัทธาพร้อมใจกันยอมสละชีวิตที่ป่าศักดิ์สิทธ์โดยฝีมือปลิดชีพของตำรวจ
ต่อมาปีพ.ศ.2532 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลท่ 2 ได้ประกาศสดุดีวีรกรรมของคนทั้ง 7 ให้เป็นบุญราศีมรณสักขี หรือคริสตชนผู้ประกอบกรรมดีและพลีชีพเพื่อพระเจ้า พบเรื่องราวเหล่านี้เพิ่มเติมใน วิกิพีเดีย ที่ด้านหลังโบสถ์ติดชายโขงตลิ่งสูง ทัศนียภาพเหมาะเป็นจุดชมวิว บรรยากาศแมกไม้ใหญ่ร่มรื่น มีป้ายสุดแผ่นดินสยามด้วย อย่าลืมแวะไปเซลฟี่กับป้ายกันนะครับ อิอิ
ข้ามมาฝั่งตรงข้าม ฝั่งสุสานมาดูหลุมฝังศพของเหล่าบุญราศีทั้งเจ็ดภายใต้สภาพแวดล้อมที่สุขสงบ พวกเราอยู่ซึมซัมบรรยากาศและเรื่องราวในอดีตก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อสู่ตัวเมืองมุกดาหารสู่จุดชมวิวยามเย็น
บริเวณนี้เป็นภูเขาที่อยู่ตอนเหนือของอช.มุกดาหาร เป็นบริเวณวัดภูมโนรมย์ ทางอบจ.มาทำการปรับภูมิทัศน์เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก เห็นวิวเมืองมุกดาหาร เห็นวิวไกลยันลำน้ำโขงและประเทศลาวฝั่งสะหวันนะเขต
เส้นทางขับขึ้นมาเป็นเส้นทางขึ้นเขายาว 1 กิโลเมตรความชันเล็กน้อย ไต่ระดับขึ้นมาที่ความสูงประมาณ280 เมตร ที่เด็ดเป็นไฮไลค์สุดของจุดชมวิวภูมโนรมย์แห่งนี้ที่นอกเหนือจากภูมิทัศน์ที่สวนสาธารณะที่สวยงามมีน้ำตกจำลองแล้ว ก็คือลานชมวิวเพ้นสีเป็นภาพ 3D ผู้คนขึ้นมาสนุกสนานกับการถ่ายภาพคู่กับภาพเด็ดๆ ต่างๆ ล่ะครับ รวมทั้งพวกเราด้วย แฮ่ เล่นซะหน่อย สภาพอากาศค่อนข้างหมองหน่อยครับดูๆแล้วไม่น่าจะอยู่รอถ่ายภาพทไวไลค์บนนี้ได้ โชคดีเรามีที่เด็ดกว่านั้นนั่นคือจุดหมายต่อไปของเรา สถานที่ดินเนอร์สุดโรแมนติกริมน้ำโขง ตามมาเลย
เป็นลงจากภูมโนรมย์มาก็เลี้ยวๆ ไปตามทางส้มๆ นะครับ ระยะทางถึงร้านสะหวันสำราญ 6.2 กิโลเมตร ขามาวิ่งผ่านเส้นปะ ขากลับไม่ยักวิ่งเส้นเดิม พอมาถึงแล้วรถเลี้ยวเข้าร้านละตะลึงเลย OMG! ร้านอาหารเหรอ สวยจริงวุ้ย มุมถ่ายรูปเพียบแน่ แล้วก็เพียบจริงๆ ครับ ร้านก่อสร้างแนววินเทจย้อนยุค ของตกแต่งเป็นของสะสม ของที่ผมเห็นเจนตาในยุคสมัยวัยเด็กๆ สมัยทีวียังเป็นจอขาวดำ ฟังวิทยุแร่ประมาณนั้นเลยล่ะ ระหว่างรออาหารเสริฟ ก็ใช้เวลายาวๆ เดินชมให้ทั่วก่อนล่ะ ถ่ายภาพมามากพอสมควร แต่ขออนุญาตคัดลงเพื่อไม่ให้บล็อกยืดยาวไปกว่านี้นะครับ
เดินชมบรรยากาศไปทั่วๆ ทั้งด้านนอกด้านในโซนอาหารริมชายโขงแล้วขึ้นชมด้านบนต่อ เป็นตึกสองชั้น
พอขึ้นมาข้างบนถึงได้รู้ว่าที่สะหวันสำราญนี้นอกจากเป็นร้านอาหารแล้วยังทำเป็นโรงแรมที่พัก มีห้องให้พักสี่-ห้าห้อง ตกแต่งแตกต่างไม่ซ้ำกันซักห้องเลยเชียว แซมเปิ้ลถ่ายให้ชมมาห้องนึง สวยมั้ยครับตรงระเบียงยืนชมบรรยากาศน้ำโขงได้เลย อุ๊ยๆ มีทีวีขาวดำสี่ขาด้วย ความทรงจำวัยเยาว์ผุดขึ้นทันใดเพราะตอนเด็กๆที่บ้านเราก็มีทีวีหน้าตาแบบนี้แหละ เราอิ่มหนำสำราญไปกับสารพัดเมนูเลิศรสพร้อมไปกับดื่มด่ำบรรยากาศทไวไลท์แม่น้ำโขงที่มองเห็นสะหวันนะเขตฝั่งลาวก่อนจะเดินทางกลับนครพนม
Good morning นครพนม
เช้าวันเดินทางกลับ ณ ที่พัก THE RIVER NAKHONPHANOM17.376013,104.793754ลิงค์เวปโรงแรม The River Nakhonphanomโรงแรมสงบริมฝั่งโขง ที่พักหลักร้อยที่มาตรฐานเกินราคาไปหลาย กับบรรยากาศ หาดทรายทองศรีโคตรบูร ตรงหน้าจากระเบียงห้องพักชั้น 5 ลอนทรายที่เป็นคลื่นๆ ภาพสวยงามจับใจจนต้องแบกขาตั้งกดลิฟท์ลงไปเดินหามุมถ่ายภาพเล่นก่อนเช็คเอาท์ ได้ภาพมาพอสมควรกับความสุขในการเดินช้าๆ กดชัตเตอร์ กับมิตรภาพใหม่ที่ได้พานพบ ณ โรงแรมแห่งนี้ด้วย มีโอกาสจะกลับมาเยือนใหม่ ทิ้งท้ายบล็อกไปด้วยภาพยามเช้าวันเดินทางกลับ 3 ภาพนี้ละกัน ขอบคุณที่ลากเมาท์ชมมาจนถึงหยดสุดท้าย
ฝากคอมเมนท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา นายน้ำฟ้า นะครับ ผมกันใหม่บล็อกหน้า โย่ว :)
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2558 10:55:01 น. |
|
85 comments
|
Counter : 9945 Pageviews. |
|
|
เครื่องดืมในงานนี่..น่ารักดีจังนะคะ ^^
วันนี้มาแปะหัวใจให้พี่หยีก่อนนะคะ ^^