2เท้าจะก้าวไปเดินทอดน่องย่องภูกระดึง .. ตอนที่6 จบทริปอย่างสวยงาม





ตอนที่ 6 จบซะทีเน้อะ เบื่อภูกระดึงกันรึยังเพื่อนๆ อิอิเปิดฉากด้วยภาพสุดชิวจักรยานกับแสงย้อนๆยามเย็น โอ้ว ฟินเดอเระ ชอบใช่มะล่า อ่ะจัดไปเลย 2ช๊อต แนวนอนภาพนึงแนวตั้งภาพนึง อิอิ ตอนที่แล้วเรามาพักขากันที่ผาจำศีล เอาล่ะลุกๆ เดินกันต่อจะไปดักรอตะวันลับเหลี่ยมภูที่ผาหมากดูกัน หา! ซ้ำ! ใช่ครับซ้ำ ทำงัยได้ เนี่ย ธรรมชาติแต่ละวันเค้างามเหมือนกันซะที่ไหน อีกอย่างบนภูกระดึงยามเย็นดูตะวันตกดินที่ผาหมากดูกเหมาะสุดแล้ว ครั้นจะไปแก้มือจากที่โคตรผิดหวังที่ผาหล่มสักก็ เอ่อ ใครจะเดินกันไหว นายน้ำฟ้าหน่ะเมื่อยยยยขาจะแย่อยู่แล้ว ฮวี่
ปะปะไปกัน โย่ว ^O^/





เดิ๊นต่อไป เดิ๊นเรื่อยไป สุข ฤ ทุกข์แค่ไหนเร๊าก็เดิ๊นต่อไป ♩ ♭ ผาถัดไปอยู่ไม่ไกล ครึ่งกิโลกว่าๆข้างหน้านี่เอง เดินเลาะผาไปเรื่อยๆฮัมเพลงไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึง เวลายังมีอีกหนึ่งชั่วโมง ดวงตะวันกลางกุมภาที่พิกัดนี้จะลับฟ้าหกโมงเย็นเศษๆ เดินไปชมวิวกันไปครับ โย่ว อ้อ เดินหันหลังให้ตะวันวิวด้านหน้าแสงเข้าสวยแจ่ม แต่หากแลเหลียวหลังบ้างอาจได้ภาพงามๆ จากแสงแยงตาได้เหมือนกันนา 
สู่ ผาหมากดูก ... อีกครั้ง จำได้มั้ยครับ เราเคยมาที่นี่กันแล้วหนนึง ผาหมากดูก มาเมื่อวันแรกที่ขึ้นมาถึง ;) นั่นๆ กลุ่มจักรยานที่พักอยู่ตะกี๊ปั่นแซงไปแระ ส่วนพวกเราก็... เดิ๊นต่อไป เดิ๊นเรื่อยไป 





โน่นงัย เห็นแล้ว ผาหมากดูกตั้งตระหง่าน เห็นแนวหน้าผาชัดๆ เลย ความจริงก็มองเห็นได้แต่ไกลจากผาจำศีลนะ บริเวณผาหมากดูกเค้ายื่นล้ำโย้ลงใต้ไปมากๆ แบบนี้นั่นเองนะถึงได้เป็นทำเลสุดยอดในการมานั่งชมตะวันตกดินที่ต้องหันมองไปทางทิศตะวันตก 




ได้เวลาเฝ้ารอตะวันนั่น โย้มานั่นแล้ว คะเนความห่างจากขอบฟ้าก็คงอีกราวๆครึ่งชั่วโมงจะแตะเหลี่ยมภู ผมมายืนจดๆ จ้องๆ อยู่ที่มุมหลังป้ายแต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจย้ายไปตั้งกล้อง ณ จุดเดิมที่วันวานก่อนเคยตั้ง ติดใจกิ่งสนฉากหน้ามุมตรงนั้น อ่ะ ย้ายครับย้าย ถัดออกไปอีกเหลี่ยมผานึง ห้าสิบเมตรเห็นจะได้ ไปเร็วๆ แข่งกับเวลาหน่อย อิอิ ดีว่าเป็นภูกระดึงวันธรรมดา คนน้อย ไม่ต้องแย่งมุมกางขาตั้งกล้อง ตะวันคล้อยต่ำลงมาเรื่อยๆแล้ว ขาตั้งก็กางเสร็จแล้ว เป็นเวลาผ่อนคลายไปในตัว ยืนๆ เดินๆ นั่งบ้าง ดื่มด่ำกับช่วงเวลาอย่างนี้ให้เต็มที่ แต่ว่าแต่ เห็นตะวันงามวันนี้แล้วให้อิจฉาคนที่ตอนนี้อยู่ ณ ผาหล่มสักอย่างมาก โชคดีของพวกเค้าล่ะ ผิดกะเราเมื่อวานฟ้าห่วยมาก






look at that man! he suppose to be a professional. may be he knows the best location over there!!เอาล่ะสิ อยู่ดีไม่ว่าดีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหนึ่งแถวหลังป้ายโน่นตระโกนโหวกเหวก over thereๆ แล้วก็แห่กันมาล้อมหน้าล้อมหลังดูผมถ่ายภาพ เกิดมายังไม่เคยมีใครมุงดูผมถ่ายรูปเยอะแยะตาแป๊ะขนาดนี้มาก็เลยนะครัช แหม่ ทัวร์ลีดเดอร์เป็นคนไทยอยู่มะละกามาเลย์ ลูกทัวร์ก็ชาวจีนมาเลย์มีเยอรมันปนมาสองคน เค้าบอกว่าดีใจมากเจอมือโปร ผมเลยรีบออกตัวว่าเฮ้ย อั๊ว เอ้ย I'm just a serious amateur เน้ ฟุดฟิดฟอไฟกันเพลิน ดีว่าผมตั้งกล้องถ่ายอัตโนมัติ Time lapse อยู่ปล่อยกล้องมันถ่ายเองไปเรื่อยๆ ตั้งไว้ 5วิรูปๆ แล้วผมก็ช่วงอยู่ดูแสงทไวไลท์ต่อจะได้เดินกลับพร้อมกัน 
เราจบทริปวันที่ 3 อย่างสวยงาม วันนี้ท้องฟ้าเป็นใจ ผมได้รูปน้อยไปนิดเพราะมัวแต่ฝอยกับต่างชาติ แต่ชื่นมื่น เดินชิวๆกลับที่พัก ดินเนอร์อย่างอุราแถมมีเวลาเดินหาซื้อเสื้อเพิ่ม และได้อาบน้ำหลังจากเมื่อคืออาบไม่ไหว
เช้าวันใหม่ เช้าวันกลับแก้ตัวใหม่อีกครั้งกับผานกแอ่นตี 4ครึ่งอีกครั้ง! ตี่ตี่ตีตีตี๊ตี๊ตีผมต่ืนแต่มืดอีกครั้ง ง่วงนะ แต่ว่าถ้าตื่นไหวก็ตั้งใจแล้วว่าจะขอไปแก้มือที่ผานกแอ่นอีกครั้ง หลังจากผิดหวังซ้ำซากเมื่อเช้าวาน เดินไปกลับ4กิโลเอง อย่างน้อยท้องฟ้าแจ่มๆที่ผาหมากดูกเมื่อเย็นวานก็ให้ความหวังพอสมควรให้เช้าวันนี้พอมีลุ้น เมื่อมาถึงทุกอย่างยิ่งสดใส ดวงดาวสุกสกาวเต็มฟ้า เมฆไม่หนาตาเหมือนอย่างเมื่อวาน ดูนั่นสิ กลุ่มดาวแมงป่องเด่นหรากลางหาวครึ่งท้องฟ้าเลย มองเห็นเป็นแมงป่องกันมั้ย มามา หาที่นั่งกัน ก่อนลุ้นดวงตะวัน เรามานั่งชมเพลินกับมวลหมู่ดารากันก่อนดีกว่า 






สุขส่งท้ายก่อนเดินทางลงแม้ฟ้าหน้านี้จะไร้ทะเลหมอก แต่การได้เห็นดาวบนฟ้าแถมดาวบนดินก็สวยไปอีกแบบ ฉากหน้ากิ่งก้านสนป่าและแสงมลังเมเลืองที่เริ่มจับขอบฟ้างามตานัก เสียดายแทนน้องเพื่อนร่วมทริป 2คนที่วันนี้คงเหนื่อยจะอยากตื่น ทีแรกผมก็ว่าจะขอนอนดีกว่าเหมือนกันนะ แต่ว่า นาทีนี้ผมรู้สึกดีใจที่ตัดสินใจถูก อากาศค่อนข้างเย็น ลมหนาวๆ พัดมาอ่อนๆ กางขาตั้งกล้องอย่างมีความสุข ยิ้มน้อยๆ ให้กับตัวเอง
ว้าว ตะวันกลมๆโผล่มานั่นแล้ว สวยมั้ยครับเพื่อนๆ บรรยากาศชมตะวันบนภูกระดึงมันชวนฝันตรงที่มีฉากหน้ากิ่งสนแบบนี้แหละ แต่ว่าแต่ก็อยากเขกหัวตัวเองที่ดันทิ้งเลนส์กระบอกโตไว้ในเต้นท์ เอ็งคิดได้งัยเนี่ยนายน้ำฟ้ากระเตงไปได้ทุกที่แต่พอมาผานกแอ่นถ่ายตะวันดันไม่กระเตงมา เออ แล้วก็ไม่ยักจะกลัวหายด้วยนะทิ้งไว้นั่นหน่ะ เหอะๆ ถ่ายเท่าที่อุปกรณ์จะอำนวยก็แล้วกันนะครับ 








เสร็จสิ้นภารกิจเดินทอดน่องย่องภูกระดึง4วัน 3คืนกับระยะทางทอดน่องทั้งสิ้น ณ ตอนนี้ราว50 กิโลเมตร!> แบ่งเป็น วันแรก 14โล (เดินขึ้นมาแล้วเดินไปชมตะวันตกที่ผาหมากดูก) วันที่สอง 18โล (เดินไปกลับผาหล่มสัก) วันที่สาม 14โล (เดินไปดูอาทิตย์ขี้นที่ผานกแอ่น เดินไปสระอโนดาตแล้วเลยไปดูตะวันตกอีกครั้งที่ผาหมากดูก) วันที่สี่เมื่อเช้านี้ 4โล (เดินไปดูตะวันขึ้นอีกครั้งที่ผานกแอ่น) เอาล่ะ +ไปอีก 9กิโลเดินลงได้เลย เบ็ดเสร็จงานนี้เดินทอดน่อง 60กิโลเมตร! โอ้วแม่เจ้ามันเดินเข้าไปได้ยังไง
หอบของปุเลงๆทั้งเป้ ทั้งเครื่องนอนที่เช่ามา หิ้วไปคืน ณ อาคารลูกหาบ แล้วงานนี้ผมก็ลืมไปเอาบัตรปชช.คืนครับ ทิ้งมันไว้เป็นที่ระลึกบนภูนั่นแหละ เป็นหลักฐานว่าครั้งหนึ่งนายน้ำฟ้ามันได้เดินขึ้นมาพิชิตภูกระดึง อิอิ เอาล่ะครับ ชั่ง นน.เป้เรียบร้อย หนักกว่าเก่าเพราะยัดของลงไปเยอะกว่าเดิม กะเดินตัวปลิวว่างั้น เพราะขาลงคงไม่ค่อยต้องถ่ายอะไรแล้ว ยัดทั้งเลนส์ทั้งขาตั้งลงไปเลย เอาไปให้หมดเลยคุณพี่ลูกหาบจ๋า




เราเดินกันตัวปลิว ส่วนลูกหาบก็เข็นกันตัวปลิว!เช่นเดียวกัน เนื่องว่า 3.5กิโลเมตรแรกสู่หลังแปนั้นเป็นทางราบเรียบ แต่ไม่สู้ราบรื่นนักเพราะทรายหนา ลูกหาบมีซาเล้งเข็นของช่วยประหยัดแรงโข ส่วนนักท่องเที่ยวใครต้องการประหยัดแรงเดินแถมโก้ก็เช่าจักรยานปั่นอ้อมไปอีกทางได้ (อ้อมผ่านผาหมากดูก) จริงแล้วปั่นจักรยานก็ดีนะวิวขากลับน่าจะเพลินตาส่งท้ายก่อนเดินลงภู เพราะว่าได้ชมวิวเลาะเลียบหน้าผาด้วย แต่ผมเดินครับ เพราะน้องๆ ร่วมทริปไม่ถนัดจักรยานนัก ไปไหนต้องไปกันให้สมเป็นเพื่อนร่วมทาง 
แอบลุ้นว่าจะได้โบกรถเหมือนขามาหรือเปล่า แล้วก็มีเสียงกระบะดังมาจากข้างหลังจริงๆ ครับ โอ้เย้!! แต่ดีใจแป๊บเดียวเหี่ยว เพราะว่าพอแล่นเข้ามาใกล้ถึงเห็นว่าสัมภาระเต็มคันเลย โน่น ห้อตะบึงไปโน่นแล้ว ถ่ายไม่ทัน ต้นไม้บังแระ เห็นมั้ยครับภาพล่างขวา ส่วนภาพล่างซ้ายกลุ่มนักเดินอาวุโสขาโจ๋วัยดึก แต่ละท่านคุณลุงคุณป้าอายุเกินหกสิบกันทั้งกลุ่ม เดินเร็วเดินทน ร่าเริงเฮฮา ถ่ายรูปอัพเฟสอัพไลน์กันสนุกสนาน ออกเดินมาพร้อมกันแท้ๆ แต่แกเดินทิ้งไม่เห็นฝุ่น เพิ่งมาตามทันอีกทีเพราะลุงๆ ป้าๆ มาแวะถ่ายรูปเล่นกันที่หลังแป ดูสิครับ ไม่มีทีท่าจะอิดโรยกันเลย สุดยอด





ใช้เวลาชั่วโมงนึงเดินถึงหลังแป พักเรียกพลังสักครู่ใหญ่ๆ แล้วก็รวบรวมกำลังเดินลง อำลาที่ราบสูงภูเขายอดตัดนามกระเดื่อง หันไปชื่นชมป่าสนรอบๆ อีกที สูดลมหายใจเต็มอึด เก้าโมงครึ่งพอดี ฤกษ์งามยามดีอีกครั้ง เอ้า ก้าวลงภูได้ ♩ ♭ เดิ่นเดิ๊นเดินเดินเดิ๊นเดินเดินเดิ่น โดร๊าเอมอนเดิ่น ♩ ♭ ฮัมเพลงได้ฮัมไปแล้ว เวลานี้ต้องเปลี่ยนมาฮัมในใจ เป่าปากหายใจแทนกับเส้นทางจากหลังแป สู่ ตีนภู ห้ากิโลเมตรครึ่ง ดูลูกหาบเค้าสิครับ กำลังช้างสารจริงๆ เอ่อ ช้าง! พูดถึงช้างนึกถึงช้างเลย อย่าได้จ๊ะเอ๋กันอีกนะ




ขาลงนี่มันเร็วกว่าขาขึ้นนะครับ ตามแรงดึงดูดของโลก ไม่ค่อยเหนื่อย เราผ่านซำแคร่ไป แล้วก็มาแวะซำกกโดนด้วยแรงดึงดูดของอาหารหน้าร้าน และแรงพลักดันจากน้ำย่อย หิวพอดีครับ ใกล้สิบเอ็ดโมงแล้ว ผมเลยขอจัดการกข้าวเช้าที่ซำนี้ ดูซิจะสั่งไรกินดี เดากันผิดใช่มั้ยครับคิดว่านายน้ำฟ้าจะสั่งกระเพราไก่ไข่ดาวอีกล่ะสิ 5555 สั่งอย่างอื่นก็เป็นน้า ดู



เหลือบไปเห็นฝรั่งแบ็คแพ็คมีมือข้างเดียวคนนึงครับ นับถือหัวจิตหัวใจเค้าจริงๆ
และที่ซำกกโดนนี่เราก็เจอกับกองขี้ช้าง แม่ค้าเล่าให้ฟังว่าช้างมันกวนมาสองสามคืนติดแล้ว ต้องจุดปะทัดไล่กัน //ลงมาป้วนเปี้ยนถึงนี่แล้้ว!
ภาพล่าง หลักที่ทำไว้เป็นระยะๆ สำหรับให้ลูกหาบใช้เป็นที่พักหาบ



ถอยหลังลงถึง 9เลี้ยว ก็ถือว่าผ่านครึ่งทางแล้ว เหลืออีกเพียงสองโลเศษก็ตีนภู ทางซิกแซกเก้าเลี้ยวราดซีเมนต์เดินสบายหน่อยหลายคนถือโอกาสตรงนี้หันหลังจับราวเดินถอยหลังครับ ทำไมต้องถอย เดาไม่ยากเลย ระบมนิ้วเท้ามากแล้วนั่นเอง เทคนิคนี้ช่วยผ่อนคลายความระบม คลายเมื่อยไปในตัว จิกเท้าลงนานๆ หากนิ้วระบมจะเล็บถอดเอาได้
ผลสรุปรองเท้าคู่ใหม่KEEN รุ่น Newport H2 ตอนใส่เดินขึ้นนั้นเฉยๆ แค่รู้สึกปึ้กๆ แต่แล้วตอนขาลงภูนี่สิ ที่กลัวนิ้วหัวแม่โป้งจะระบมกลับไม่เกิด ไม่ว่าจะจิกเท้าลงมาอย่างไรนิ้วเท้าไม่ชนปลายรองเท้าเลย นั่นเพราะการออกแบบสายรั้งข้อเท้าที่ทำให้เหมือนแขวนเท้าเราไว้ไม่ให้ไหลไปชน เป็นอันหมดกังวลเรื่องเล็บจะเจ็บ ถือว่าถูกใจมาก สิ่งต่อมาคือพื้นรองเท้าออกแบบได้ดีมาก เกาะหนึบก้าวฉับๆ ได้อย่างมั่นใจมาก เรียกว่ากล้าทิ้งน้ำหนักตัวลงเต็มฝ่าเท้าเวลาก้าวลงทางลาดชัน ถ้าเหยียบกองใบไม้แห้งอาจลื่นๆ บ้างแต่เบรคแน่นเอาอยู่ สรุปว่าชอบเลยใช่เลยคีนรุ่นนี้แหละเหมาะนักสำหรับเทรลขึ้นเขาลงห้วยครับ ไม่ได้โม้






วันนี้ภูกระดึงคืกคัก ไม่เงียบเหงาเหมือนวันเดินขึ้น เพราะว่าพรุ่งนี้จะตรงกับวาเลนไทน์ จะมีงานวิวาห์จดทะเบียนสมรสหมู่บนยอดภูในชื่องาน "ภูกระดึงตรึงรักให้มั่นคง" งานระดับจังหวัด แถมปีนี้ตรงกับวันมาฆบูชาอีก ทุกปีจะมีเหล่าพระสงฆ์องคเจ้าเดินเท้าขึ้นภูมาทำพิธีบุญทางศาสนาด้วย ตลอดทางเลยเจอทั้งหนุ่มสาวคู่รักเดินเท้าสวนทางไปคู่แล้วคู่เล่า ทั้งญาติทั้งเพื่อนบ่าวสาว ทั้งทีมงาน ทั้งพระรูปแล้วรูปเล่า ทยอยขึ้นกันมาเรื่อยๆ
ถึงตีนภูแล้ว เย้
ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมงจากหลังแป ปิดทริปครั้งที่ 4 พิชิตภูกระดึง จะมีครั้งที่ 5 อีกมั้ย! แต่ว่า 4 ครั้งผ่านมาก็ยังเดินไม่ทั่วคิดดู โดยเฉพาะที่เที่ยวในเขตป่าปิดยังไม่เคยไปสัมผัสเลย เที่ยวภูกระดึงนั้นไม่ยากครับ เอาว่าเฉพาะทางขึ้นลงภูก็แค่ 5.5 กิโลเอง ถือเป็นเทรลเดินเขาที่สั้นมาก แต่ที่เหนือหนักสะบักสะบอมกันก็โน่น ทางเดินราบๆบนยอดภูนั่นแหละ แม้เดินง่ายเดินสบายแต่ว่ามันไกล ไกลมาก แต่ก็อีก เดี๋ยวนี้มีจักรยานให้ผ่อนแรงแล้ว อ้อ แล้วก็เทรลเดินป่าเส้นทางน้ำตกที่ไม่ราบนักแต่ก็เดินไม่ยาก แต่ก็ไกลอีกแหละ ฮี่ รวมความแล้วหากใจอยากมาซะอย่าง มีแต่ตัว ตังค์ ตีน! เท่านั้นก็พิชิตภูกระดึงพศ.นี้ได้ครับ สำหรับบล็อกภูกระดึงยืดยาวมา 6 ตอน มาถึงบทส่งท้ายแล้ว นายน้ำฟ้าขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามชมกันมาตลอด บล็อกหน้าจะเป็นอะไรอย่าลืมติดตามกันต่อนะค้าบ
ฝากคอมเมนท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านได้มาเยี่ยมเยือนเรา นายน้ำฟ้า นะค้าบ โย่ว :)
ลิงค์ตอนที่ 1 ลิงค์ตอนที่ 2 ลิงค์ตอนที่ 3 ลิงค์ตอนที่ 4 ลิงค์ตอนที่ 5
Create Date : 09 เมษายน 2557 |
Last Update : 10 เมษายน 2557 9:26:50 น. |
|
91 comments
|
Counter : 8192 Pageviews. |
 |
|